นิยายรักวัยรุ่นของ Jamsai Love Series ส่วนใหญ่จะมาเบอร์โรแมนติกคอมมิดี้ดีต่อใจพระเอกหล่อมาก อูยยย บรรยายไม่หมดไม่สิ้น
พูดง่ายๆ คืออ่านจบแล้วต้องแก้มแดงแน่นอน ทว่าตอนนี้ไม่ได้จะมาแนะนำว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่อยากจะแนะนำนิยายรักวัยรุ่นอีกแนวที่มาเบอร์ดราม่าหนักๆ อารมณ์ว่าอ่านแล้วต้องมีน้ำตาไหลเพราะซาบซึ้งไปกับเนื้อหาในเล่ม ซึ่งนักเขียนที่ถือเป็นตัวแม่ของนิยายแนวนี้เลย ก็ต้องยกตำแหน่งที่ว่าให้เธอคนนี้จริงๆ ล้านนาทีนั่นเอง ว่าแล้วก็ขอพาตัวล้านนาที หรือชื่อเล่นจริงๆ ว่าพี่จูน มานั่งพูดคุยให้เราล้วงลึกถึงเคล็ดลับการเขียนนิยายแนวโรแมนติกดราม่ากันซะหน่อย ว่าทำไมถึงสามารถทำให้คนอ่านซึ้งใจจนถึงขั้นน้ำตาไหลได้ขนาดนี้
Q : ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีพี่จูนจ้า ว่าแต่ตอนนี้นอกจากอาชีพนักเขียนแล้ว พี่จูนกำลังทำอะไรอยู่เอ่ย?
A : สวัสดีค่า *ไหว้รอบทิศ* ตอนนี้นอกจากเป็นนักเขียนก็กำลังเรียนอยู่ค่า ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำนักวิชาจีนวิทยา สาขาภาษาและวัฒนธรรมจีนค่ะ ย้ายถิ่นฐานจากกรุงเทพฯ มาเป็นหมีบนดอยแง่มค่ะ!
Q : เริ่มเขียนนิยายตั้งแต่อายุเท่าไหร่ และเข้ามาเป็นนักเขียนแจ่มใสได้ยังไง?
A : ถ้าเขียนแบบเล่นๆ ก็เริ่มมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นค่ะ เขียนใส่สมุดเรียนตอนเรียนอยู่บ้างอะไรบ้าง (เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ห้ามทำตามนะคะ #ฮา) แต่ถ้าเริ่มเขียนอย่างจริงจังก็ช่วงมัธยมปลายค่ะ และได้มาอยู่รั้วแจ่มใสผ่านโครงการนักเขียนหน้าใสปี 7
Q : ปัจจุบันออกผลงานกับแจ่มใสมาแล้วทั้งหมดกี่เล่ม และเล่มไหนคือเล่มที่เขียนยากมากที่สุดกันนะ?
A : ปัจจุบันมีหนังสือที่ออกกับแจ่มใสทั้งหมด 5 เล่มค่ะ ส่วนเล่มที่เขียนยากที่สุด อืม...จริงๆ คิดว่าแต่ละเล่มมีความยากที่แตกต่างกันนะคะ ถ้ายากที่สุดคงเป็นการลองเขียนอะไรใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่เคยเขียนมากกว่า มันจะมีความยาก ความท้าทาย ความสนุก แล้วก็ความตื่นเต้นที่ได้ลองทำอะไรที่แปลกใหม่ (สำหรับตัวเอง) ดังนั้น ทุกครั้งที่เริ่มเขียนเล่มใหม่ก็จะรู้สึกว่าเล่มนั้นยากกว่าทุกเล่มที่ผ่านมาเสมอเลยค่ะ
Q : เท่าที่สังเกต นิยายส่วนใหญ่ของล้านนาทีจะมาเบอร์โรแมนติกดราม่าแบบซึ้งๆ ชนิดที่เรียกน้ำตาจากคนอ่านได้ อยากรู้ว่าทำไมถึงชอบแต่งแนวนี้เป็นหลัก?
A : จริงๆ ก็ไม่ได้ชอบแต่งแนวนี้นะคะ เขียนไปเขียนมามันก็ออกมาแบบนี้เอง (ฮา) อาจจะเพราะโดยส่วนตัวคิดว่าต่อให้เรื่องราวความรักจะหวานหรือขม ปลายทางจะสุขหรือเศร้า รักก็ยังเป็นรักอยู่ดี เราเลยอยากลองเล่าเรื่องรักในมุมนี้บ้าง อยากเล่าว่าความรักสามารถเป็นแรงผลักดันและเป็นเหตุผลในการกระทำได้มากมายแค่ไหน ไม่ว่าจะในเชิงบวกหรือลบ ก็อยากให้ถือว่าเป็นความรักในอีกมุมหนึ่งแล้วกันนะคะ
Q : แล้วเคยคิดอยากจะเปลี่ยนแนวเขียนบ้างไหม?
A : ไม่เชิงอยากเปลี่ยนแนวเขียนนะคะ แต่อยากเขียนให้ได้หลายๆ แนว ปัจจุบันก็ลองเขียนแนวอื่นอยู่นะคะ ‘ยินดีที่ได้รักคุณ’ นี่ก็ลองเขียนอะไรหวานๆ เบาๆ แนวสโลไลฟ์ หรือ ‘พี่ว้ากคนนี้น่ารักเป็นพิเศษ’ ก็ลองมาสายคอมเมดี้ดู ซึ่งยากมากเลยค่ะเพราะปกติเป็นคนตลกฝืด อยากให้คนอื่นรู้ว่าล้านนาทีเขียนแนวอื่นนะ ไม่ได้ดราม่าเป็นอย่างเดียวนะคะ! *หัวเราะทั้งน้ำตา*
Q : คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของนิยายแนวดราม่า หรือแนวที่เศร้าๆ?
A : คิดว่าเสน่ห์ของนิยายแนวนี้คือความรู้สึกของตัวละครค่ะ ความรู้สึกที่คนที่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก็จะอินเป็นพิเศษ หรือคนที่ไม่เคยสัมผัสก็จะได้รู้จักความรู้สึกนั้นไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญที่คิดว่าชอบมากๆ ในการเขียนแนวนี้คือการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของตัวละครค่ะ เพราะเราเชื่อว่าปัญหาและความเจ็บปวดจะทำให้ตัวละครเติบโตขึ้น ชอบเวลาที่ได้เห็นว่าตัวละครที่เคยเป็นแบบนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป เติบโตทั้งทางความคิดและการกระทำ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือร้ายค่ะ
Q : เคยตั้งคำถามไหมว่า ทำไมตัวเองถึงชอบทำร้ายจิตใจนักอ่าน เพราะชอบทำให้เขาหรือเธอน้ำตาแตกอยู่บ่อยๆ?
A : ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจิตใจนักอ่านนะคะ ฮือ จริงๆ เป็นนักเขียนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (เหรอ) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเวลาที่นักอ่านบอกว่าอ่านแล้วอินหรือร้องไห้ก็แอบดีใจค่ะ เพราะรู้สึกว่าเขามีอารมณ์ร่วมไปกับเรา เข้าใจเรื่องที่เราอยากจะเล่าให้เขาฟัง คราวหน้าถ้าใครร้องไห้หนักๆ ก็ติดต่อมานะคะ เดี๋ยวส่งผ้าเช็ดหน้าไปปลอบใจ หรือทางแจ่มใสสนใจแจกของพรีเมี่ยมเป็นผ้าเช็ดหน้ามั้ยคะ (โดนตี)
Q : ผลงานเล่มไหนของตัวที่คิดว่าเศร้ามากที่สุด?
A : ถ้าเป็นตอนนี้คงตอบว่า ‘Timeless หัวใจใต้กาลเวลา’ ค่ะ เป็นเรื่องที่เขียนเอง พอกลับมาอ่านยังแอบเจ็บๆ ในใจเลย ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีเหตุผลในการกระทำทั้งนั้น ดังนั้นพอถึงจุดท้ายจริงๆ มันเลยเจ็บปวดกับการต้องตัดสินใจทางใดทางหนึ่งค่ะ ใครสงสัยว่าเศร้าแค่ไหนต้องลองไปหามาอ่านดูนะคะ! (ช่วงขายตรง)
Q : เวลาจะเขียนนิยายแนวนี้ ส่วนใหญ่จะได้ไอเดียมาจากไหน และเคยเขียนจากเหตุการณ์จริงบ้างไหม?
A : ส่วนใหญ่จะได้ไอเดียจากการดูหนัง ฟังเพลง ทวิตเตอร์ แล้วก็เรื่องจากคนรอบตัวค่ะ ส่วนเคยเขียนจากเหตุการณ์จริงมั้ย ก็มีบ้างค่ะ บางส่วน ทั้งจากตัวเองแล้วก็จากคนรอบข้างด้วย
Q : ถ้าให้ระบุชื่อเรียกแนวนิยายของตัวเองโดยเฉพาะ จะตั้งชื่อแนวว่าอะไร?
A : Untitled ค่ะ (โดนตี) แง คิดไม่ออกจริงๆ เพราะโดยส่วนตัวคิดว่านิยามแนวให้ตัวเองไม่ได้เลย มันไม่มีชื่อเรียก จะบอกว่าแนวดราม่า ก็คิดว่าไม่ได้สุดอะไรขนาดนั้น แต่จะบอกว่าหวานโรแมนติกหรือคอมเมดี้ก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน เลยคิดว่าคงเป็นแนวที่ไม่มีชื่อเรียก ความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียกยังมีเลย นิยายไม่มีชื่อเรียกก็ต้องมีสิคะ! (แถจนสีข้างถลอกเพราะจริงๆ คือคิดไม่ออก) หรือถ้าเอาตามใจตัวเองจริงๆ ก็คงเป็น Bear on the moon ค่ะ เป็นหมีผู้จดบันทึกเหตุการณ์และคอยสังเกตการณ์เหล่ามนุษย์อยู่บนดวงจันทร์ ถ้าใครอ่านรู้เรื่องก็แปลว่าคุยกับหมีรู้เรื่องค่า (ฮา)
Q : สุดท้ายนี้อยากให้ฝากถึงผลงานล่าสุดซะหน่อยดีกว่า?
A : เย้ ถึงช่วงขายของแล้วใช่มั้ยคะ 5555555555 ขออนุญาตฝากร้านค่า เล่มล่าสุดตอนนี้คือ ‘พี่ว้ากคนนี้น่ารักเป็นพิเศษ’ ค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อเดือนกรกฎาคมนี้เอง ใครที่บ่นๆ ว่าอ่านดราม่าจนจะตายแล้ว เชิญเล่มนี้เลยนะคะ ความน่ารักใสๆ ของน้องน้อยปีหนึ่งกับพวกพี่ว้ากตัวแสบ และไม่ได้เน้นแต่เรื่องพี่ว้ากนะคะ จะเล่าถึงการใช้ชีวิตมหา’ลัยในช่วงปีแรกด้วย ทุกคนในเรื่องนี้น่ารักเป็นพิเศษเลยค่ะ ขอท้าให้ลองเลย
สามารถหาซื้อ ‘พี่ว้ากคนนี้น่ารักเป็นพิเศษ’ ได้แล้ววันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำ , ร้าน JamClub หรือสั่งซื้อได้ที่ JamShop
Comments
comments