ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 106 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 106

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 106

ทุกคนในงานเลี้ยงทยอยหมอบกราบและโขกศีรษะ

องค์รัชทายาทลุกออกจากที่นั่งไปต้อนรับพระบิดาและพระมารดา

หลูจ้าวอันก้มกราบจรดพื้น ใบหน้าซีดเผือดดุจกระดาษทองไปนานแล้ว

ฮ่องเต้ตรัสว่า “ลุกขึ้นได้” แล้วประคองนักพรตชิงซวีจื่อไปยังที่นั่งตำแหน่งประธาน พอประทับนั่งแล้วก็ตรัสถามลิ่นเฉิงโย่วด้วยสุรเสียงนุ่มนวล “ได้ยินว่ามีขโมยอาละวาด ตกลงว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”

นักพรตชิงซวีจื่อปรายตามองหลูจ้าวอันด้วยแววตาแฝงความหมายลึกซึ้ง

ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มแย้มกราบทูล “เรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็ยาวนัก ทรงโปรดอนุญาตให้หลานทูลรายงานอย่างละเอียดด้วยเถิด”

ฮ่องเต้กับฮองเฮาแย้มพระสรวลแล้วทอดพระเนตรมองกันและกัน “คืนนี้บรรยากาศสนุกครึกครื้นอย่างหาได้ยาก คิดไม่ถึงว่ายังมีเรื่องเล่าให้ฟังอีก เยี่ยมมาก ฟังเรื่องนี้จบแล้วค่อยฟังคนหนุ่มอย่างพวกเจ้าประชันกลอนกันก็ไม่สาย”

ลิ่นเฉิงโย่วจึงเอ่ยปาก “เรื่องนี้คงต้องเริ่มเล่าจากวันเทศกาลตวนอู่ ในวันเทศกาลตวนอู่นั้นท่านตู้แห่งสำนักการศึกษามาร้องทุกข์ถึงศาลต้าหลี่ กล่าวว่าคืนก่อนคุณหนูตู้บุตรสาวของตนทำของบางอย่างหายในสำนักศึกษา จึงฝากให้ศาลต้าหลี่ตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด ผู้รับผิดชอบทำคดีนี้คือหัวหน้าของหม่อมฉันเองพ่ะย่ะค่ะ…เจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียน เหยียนว่านชุน” พอเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมาก็หันไปยังมุมที่ไม่สะดุดสายตามุมหนึ่งของที่นั่งในงานเลี้ยง “เจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียน รบกวนท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ในขณะนั้นด้วย”

มีคนขานรับแล้วยืนขึ้นมา เป็นเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนนั่นเอง

ในวันนี้มีขุนนางหนุ่มจำนวนไม่น้อยตามคุ้มกันขบวนเสด็จมาด้วย เหยียนว่านชุนเป็นหนึ่งในบรรดาขุนนางเหล่านั้น เขาแฝงตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักนิด

“เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” เหยียนว่านชุนเอ่ย “เมื่อวานนี้ท่านตู้มาร้องทุกข์ว่าบุตรสาวทำกระดาษคัดบทกวีหายสองแผ่นในสำนักศึกษา ผู้รับผิดชอบเขียนคำร้องคดีนี้บังเอิญว่าเป็นกระหม่อมผู้แซ่เหยียน”

ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยตอบรับ “ตอนท่านตู้มาร้องทุกข์ได้บอกหรือไม่ว่าคุณหนูตู้ทำกระดาษคัดบทกวีบทใดหายไป”

เหยียนว่านชุนตอบโดยไม่ลังเล “บทหนึ่งคือ ‘ลำนำแคว้นเป้ย บทพญาไก่ฟ้า’ จาก ‘คัมภีร์กวี’ ส่วนอีกบทหนึ่งคือ ‘โคลงจักจั่น’ ”

บริเวณที่นั่งแขกเหรื่อเกิดความวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากทุกคนมองเห็นเต็มสองตาว่าม้วนกระดาษคัดบทกวีที่หล่นออกมาจากแขนเสื้อหลูจ้าวอัน กลอนแผ่นที่อยู่ด้านบนสุดก็คือ ‘โคลงจักจั่น’ ที่มีชื่อของคุณหนูตู้เขียนกำกับไว้

เพื่อให้ทุกคนมองเห็นชัดเจนยิ่งกว่าเดิม ลิ่นเฉิงโย่วจึงจงใจให้ขันทีชูกระดาษคัดบทกวีขึ้นสูง จนกระทั่งทุกคนมองเห็นกันถ้วนทั่วพอสมควรแล้วถึงได้สั่งคนให้นำไปถวายแด่ฮ่องเต้กับฮองเฮา

เขายิ้มแย้มพลางว่า “หัวขโมยผู้นี้ระวังรอบคอบเหลือเกิน ไม่ขโมยเครื่องประดับของล้ำค่า แล้วก็ไม่ขโมยของใช้ส่วนตัวชิ้นเล็กๆ เพราะนางรู้ดีว่าของเหล่านี้คุณหนูตู้จะหยิบมาใช้ทุกวัน หากมีชิ้นใดหายไปจะรู้ตัวในทันที กระดาษคัดบทกวีกลับแตกต่างออกไป จากคำบอกเล่าของท่านตู้ แต่ละวันคุณหนูตู้จะคัดลอกพระสูตรกับบทกลอน พอเขียนเสร็จแล้วก็วางทิ้งไว้บนโต๊ะหนังสือ เคยเขียนไปทั้งหมดกี่บทตัวนางเองใช่ว่าจะจำได้ หรือต่อให้จำได้ก็ไม่มีทางมาตรวจสอบนับจำนวนทุกวัน กว่าคุณหนูตู้จะสังเกตเห็นว่ามีกระดาษคัดบทกวีหายไป ทางนี้ก็วางกลอุบายไปเรียบร้อย ถึงตอนนั้นทั้งที่คุณหนูตู้รู้แก่ใจดีว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งลับหลังก็ไม่อาจแก้ต่างได้แล้ว

มาถึงคืนนี้หัวขโมยรู้สึกว่าเวลาสุกงอมดีแล้ว จึงตั้งใจเลือกโอกาสที่มีผู้คนมากมายและแสงไฟสว่างจ้าแสร้งทำเป็นไม่ระวังเผลอทำกระดาษคัดบทกวีร่วงลงต่อหน้าทุกคน ขอเพียงใครก็ตามที่อยู่ในงานเลี้ยงมองเห็นกระดาษสองแผ่นนั้นก็พากันนึกว่าคุณหนูตู้เป็นคนมอบให้ อย่างนี้แล้วก็จะใส่ความว่าคุณหนูตู้กับเขาแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน” ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มกว้าง “บัณฑิตหลู ข้าพูดถูกต้องใช่หรือไม่”

บรรดาศิษย์สำนักเซียงเซี่ยงเข้าใจความนัยคดเคี้ยวที่แฝงอยู่แล้ว ต่างจ้องมองหลูจ้าวอันด้วยสายตาโกรธเคือง คนผู้นี้ลงมือได้อำมหิตยิ่ง ถึงขั้นกล้าใช้วิธีสกปรกเช่นนี้มาลอบทำร้ายสหายของพวกนาง

ตอนแรกหลูจ้าวอันตกตะลึง จากนั้นก็ปฏิเสธเสียงหลงทันทีว่า “เกรงว่าซื่อจื่อคงเข้าใจผิดแน่ ข้าผู้แซ่หลูไม่เคยเห็นกระดาษคัดบทกวีสองแผ่นนี้มาก่อน ใช่แล้ว เมื่อครู่ตอนเดินเข้ามาข้าผู้แซ่หลูถูกคนผู้หนึ่งชนเข้า เป็นไปได้หรือไม่ว่าในตอนนั้นจะโดนเล่นเล่ห์ใส่ร้ายแล้ว”

บรรยากาศเงียบสงัดลงฉับพลัน ทุกคนต่างเบนสายตามายังคุณหนูรองเผิงกับสาวใช้ข้างกายของนาง จะว่าไปก็บังเอิญเสียจริง หากมิใช่เพราะสาวใช้ข้างกายคุณหนูรองเผิงชนเข้ากับหลูจ้าวอัน กระดาษคัดบทกวีเหล่านั้นคงไม่ร่วงหล่นลงมาต่อหน้าทุกคน

หลูจ้าวอันคล้ายว่ามีท่าทีโกรธแค้น คุกเข่าลงต่อเบื้องพระพักตร์ด้วยใบหน้าซีดขาว “ฝ่าบาททรงพระปรีชา กระหม่อมผู้แซ่หลูขอบังอาจแก้ต่างให้ตนเองสักคำพ่ะย่ะค่ะ”

ตึงๆๆ

เขาโขกศีรษะอยู่สามครั้ง สองมือก็วางราบไปกับพื้นแล้วเอ่ยว่า “กระหม่อมผู้แซ่หลูแม้จะถือกำเนิดในครอบครัวที่ยากจน ทว่าประเสริฐนักหนาที่ได้เกิดในแผ่นดินของกษัตริย์ผู้ทรงเมตตาและยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ แต่ไหนแต่ไรมาเมื่อฝ่าบาททรงคัดเลือกผู้มีความสามารถ ‘แสวงหาผู้เลิศล้ำพรั่งพร้อมคุณธรรม มิเคยมองข้ามผู้มีฐานะต่ำต้อย’ พอเข้าร่วมการสอบขุนนาง กระหม่อมผู้แซ่หลูโชคดีอย่างไม่คาดคิดที่ได้เป็นศิษย์แห่งโอรสสวรรค์* ตั้งแต่สอบไล่ได้เป็นที่หนึ่ง กระหม่อมผู้แซ่หลูเป็นกังวลเหลือเกินว่าจะผิดต่อพระมหากรุณาธิคุณ จึงมุมานะบากบั่นไม่เคยย่อหย่อน ไม่กล้าประมาทหลงเดินทางผิด แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุอันใดระยะนี้มักมีคนใส่ร้ายป้ายสีความประพฤติของกระหม่อมผู้แซ่หลูลับหลังบ่อยครั้ง ในค่ำคืนนี้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาก็ยิ่งเหยียบย่ำซ้ำเติมให้ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายลงไปอีก กระหม่อมผู้แซ่หลูกล้ายืนยันว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นกระดาษคัดบทกวีสองแผ่นนี้เลย เรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในแอบแฝง ขอให้ฝ่าบาททรงสอบสวนหาข้อเท็จจริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ม่านฝันคืนวสันต์รัญจวน บทที่ 1-2

บทที่ 1 แม่น้ำฉินไหว นกขมิ้นและดอกไม้ในเดือนสองทำให้ฤดูใบไม้ผลิแลดูงดงาม แม่น้ำฉินไหวในเมืองจินหลิงเป็นสถานที่ซึ่งมีทิวท...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 5-7

บทที่ 5 หลังจากเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่เรือนหลังเก่าและบรรยากาศวันปีใหม่เพิ่งผ่านพ้นไป เหล่าเจ้านายสกุลซูก็เตรียมเดินทางกลับ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 3-4

บทที่ 3 คนที่เพิ่งเดินเข้ามาผู้นี้คือซูลั่วอวิ๋น บุตรสาวคนโตที่ถูกขับไล่ไสส่งกลับบ้านเดิมนั่นเอง นิ้วชี้ของซูหงเหมิงยื่น...

community.jamsai.com