ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 

ผู้เขียน : 裴笛 (Pei Di)

แปลโดย : qMondae

ผลงานเรื่อง : 超糊的我竟是冥界顶流 [ 娱乐圈 ]

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การบูลลี่

การกล่าวถึงเลือด งู และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 7

 

“ฮือออ~”

ฉยงเหรินวิ่งไปสะอื้นโอดครวญไป เพื่อนผู้ป่วยตัวหนักเป็นบ้า เมื่อยแขนไปหมดแล้ว ทำไมยังหนีออกไปไม่ได้อีก

ถ้าเลือกได้ เขายอมไปตะลุมบอนกับสิงโตในทุ่งหญ้าสะวันนายังจะดีกว่ามาเผชิญหน้ากับผีสาวชุดขาวอีก

“ฮือออ” สาวน้อยเดรสขาวก็ร้องไห้อยู่เช่นกัน เธอด้อมๆ มองๆ อยู่ในมุมมืด “ต้าหวังทำไมถึงไม่มาวันอื่นนะ ฉันไม่กล้าออกไปเนี่ย ลูกสาวฉัน ฮือออ”

พื้นที่ของบ้านผีสิงมีจำกัด เพื่อให้พื้นที่ดูกว้างและเพิ่มความน่าเล่น พวกเธอจึงใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ในการสร้างกำแพงผีบังตาขึ้นมา

ไม่ต้องระดมสมองออกแบบสถาปัตยกรรมก็สามารถสร้างพื้นที่แบบทับซ้อนออกมาได้ จากนั้นก็ผลุบๆ โผล่ๆ ตามหลังลูกค้า ให้ลูกค้าสัมผัสกับความกลัวถึงขีดสุดจนเกือบตายแต่ก็ไม่ตายซ้ำยังหนีออกไปไหนไม่ได้

“ถ้าถอนกำแพงผีบังตาไม่ได้ไปตลอดจะทำยังไงดีล่ะ ลูกสาวฉันจะเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ลูกแม่ร้องไห้แล้วเนี่ย หม่ามี้สงสารจับใจ”

“ผัวฉันร้องไห้ก็ยังดูดี! ยอดชายอันดับหนึ่ง”

เหล่าผีทั้งหลายกดเสียงตัวเองให้เบาที่สุด แต่พญายมราชก็ยังได้ยินอยู่ดี

ไอ้สรรพนามไม่มีตรรกะพวกนี้มันคืออะไร

ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ตกใจไปหน่อย เขาก็คงรู้ตัวนานแล้วว่าบ้านผีสิงหลังนี้มีกำแพงผีบังตา พญายมได้ยินเสียงร้องไห้ของฉยงเหรินก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

เพียงเขาตั้งจิต ชั่วพริบตาพื้นที่ทับซ้อนก็ถูกปลดออก

สุดทางเดินพลันปรากฏประตูหนึ่งบาน และมีผีขวานจามหัวลอยอยู่หน้าประตู

“อ๊ากกก”

ฉยงเหรินน้ำตาไหลเป็นสาย เขาวิ่งเร็วเกินจนเบรกไม่อยู่ หวิดจะสัมผัสแนบชิดกับวิญญาณตนนั้นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตรงหน้าถึงได้พลันสว่างวาบ แล้วก็กลับมาอยู่ในห้องรอคิว

เขาอุ้มเพื่อนผู้ป่วย แสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบใบหน้า เขายืนทำใจให้เย็นอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง แล้วก็อดปวดใจกับค่าตั๋วที่เสียไปไม่ได้

ทั้งที่ตั้งใจมาฝึกความกล้าแท้ๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าผีในบ้านผีสิงก็คือนักแสดง แต่สุดท้ายแค่เจอหน้าเขาก็ตกใจเผ่นแน่บอยู่ดี

สามสิบหยวนซื้อมันฝรั่งทอดกรอบได้ตั้งห้าห่อเลยนะ แต่มันกลับละลายหายไปกับสายน้ำซะอย่างนั้น

ฉยงเหรินเม้มปาก มุมปากคว่ำลง

ไม่มีใครอยู่ในห้องรอเข้าบ้านผีสิง คนขายตั๋วก็ไม่รู้ไปไหน ฉยงเหรินเรียกหลายครั้งก็ไม่มีใครตอบ ได้แต่พาเพื่อนผู้ป่วยไปนอนบนโซฟาของห้อง

เขาแนบหูกับหน้าอกของเพื่อนผู้ป่วย คิดจะฟังอัตราการเต้นของหัวใจว่าผิดปกติตรงไหนหรือไม่

หน้าอกเพื่อนร่วมป่วยอุ่นร้อนและมีแรงยืดหยุ่น บนตัวมีกลิ่นหอมสะอาดๆ

เสียแต่ไม่มีเสียงหัวใจเต้น…

แย่ล่ะ! ไม่มีเสียงหัวใจเต้น!

ฉยงเหรินกระเด้งตัวขวับ ล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรสายด่วน 120* เยี่ยนหมัวหลัวเสอรีบผุดลุกขึ้นมาทันที แสร้งทำเป็นเพิ่งฟื้นคืนสติ

“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“ยังไม่ตาย” ฉยงเหรินโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง “เมื่อกี้คุณเป็นลมในบ้านผีสิง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมครับ”

เยี่ยนหมัวหลัวเสอส่ายหน้า

ฉยงเหรินเท้าสะเอวสั่งสอนเขา “ถ้าขี้กลัวก็อย่าเข้าบ้านผีสิงคนเดียวสิครับ โชคดีที่ไม่ไปกระแทกอะไรเข้าตอนสลบ ถ้าหัวกระแทกขึ้นมาจะทำยังไง อันตรายเกินไปแล้ว”

สายตาเยี่ยนหมัวหลัวเสอหยุดค้างที่ตัวเขาอย่างอดไม่ได้

ใบหน้างดงามตรงหน้านี้เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาเพราะถูกผีในบ้านผีสิงหลอก ริมฝีปากแดงก่ำเผยอเล็กน้อย อีกฝ่ายเผลอแลบลิ้นออกมาเลียโดยไม่รู้ตัว ขับให้ริมฝีปากดูนุ่มชุ่มชื้นขึ้นไปอีก

เยี่ยนหมัวหลัวเสอคันยุบยิบที่หัวใจ ลำตัวท่อนบนเขาพิงไปทางฉยงเหริน เอ่ยเสียงจริงจัง “ครั้งหน้าอย่าเข้าบ้านผีสิงคนเดียว”

เพื่อนผู้ป่วยรูปร่างสูงใหญ่ เมื่อเอนตัวมาก็มีแรงกดดันน่าเกรงขามบางอย่างเกิดขึ้นมาด้วยอย่างเป็นธรรมชาติ ฉยงเหรินจึงหลุดขานอือออกไปโดยไม่รู้ตัว มาคิดได้ทีหลังว่าคำพูดนี้เขาเป็นคนพูดให้เพื่อนผู้ป่วยฟังนี่ ทำไมถึงกลับมาหาเขาซะอย่างนั้น

เขาจึงแก้ตัวให้ตัวเอง “ผมอยากจับกลุ่มกับคุณ แต่คุณน่ะเดินเร็วเกินไป กะพริบตาทีเดียวก็ไม่เห็นเงาแล้ว”

ริมฝีปากแดงฉ่ำของฉยงเหรินเบะออก คิ้วมุ่นเบาๆ ดวงตาเปียกชื้นดูน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย

เยี่ยนหมัวหลัวเสอรู้สึกเหมือนกำลังถูกออดอ้อนอยู่ แต่ก็รู้สึกเหมือนฉยงเหรินไม่ได้ตั้งใจออดอ้อนเขาจริงๆ

คนที่หน้าตาดีเกินไป แสดงสีหน้าเพียงนิดเดียวก็ทำให้คนคิดไปไกลได้แล้ว

และตอนนั้นเองคนขายตั๋วก็หามที่นอนเข้ามา ครั้นเขาเห็นพญายม อย่างแรกที่เขาทำคือร่างกายสั่นงกๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ

“ต้า…เอ่อ บอสครับ เลขาฯ หนานโทรมาแจ้งว่าท่านอยากเข้ามานอนที่บ้านผีสิง ผมไปซื้อที่นอนเมมโมรี่โฟมมาให้ท่าน ท่านอยากนอนห้องไหนเหรอครับ ผมจะขนไปให้เองครับ”

ฉยงเหรินงงงัน “นอน?”

นึกย้อนไป จากประสบการณ์การตกใจกลัวจนเป็นลมมาหลายปีของเขา ท่าของเพื่อนผู้ป่วยตอนนอนอยู่บนพื้นก็สงบเสงี่ยมเกินไปจริงๆ นั่นแหละ

“ในบ้านผีสิงนั่น…เมื่อกี้คุณ…ไม่ได้เป็นลมหรอกเหรอ”

เยี่ยนหมัวหลัวเสอเงียบปากด้วยความลำบากใจ ไม่ได้ตอบในทันที

ฉยงเหรินเข้าใจแล้ว

เพราะอย่างนั้นเขาไม่เพียงแต่อุ้มคนที่ตั้งใจมานอนในบ้านผีสิงออกมา แต่ยังสั่งสอนอีกฝ่ายด้วยว่าอย่าเข้าไปเดินเล่นในบ้านผีสิงคนเดียวถ้าเป็นพวกขี้กลัว…

ฉยงเหรินหยิบมือถือออกมาเสิร์ชด้วยศรัทธาในใจ…มีวิธีไหนสามารถหนีออกจากโลกได้ทันทีบ้าง

ผลการค้นหาไม่มีอันไหนที่สามารถเอามาใช้ได้เลยสักอย่าง

ฉยงเหรินวางโทรศัพท์ลงปลอบใจตัวเอง

ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก นายจะผ่านมันไปได้

เยี่ยนหมัวหลัวเสอพูดกับคนขายตั๋ว “เอาเข้าไปด้านในเถอะ ค่าที่นอนไปเบิกที่เลขาฯ หนานได้เลย ขอบคุณ”

ขาสั่นเทิ้มของคนขายตั๋วพลันตรงแหน็ว ถึงใครต่างก็พูดกันว่าท่านพญายมเย็นชาน่ากลัว แต่ต้าหวังที่กล่าวขอบคุณกับผู้น้อยอย่างเขาจะเย็นชาขนาดไหนกันเชียว เขาหัวเราะแฮะๆ แล้วแบกที่นอนเข้าไปในบ้านผีสิง

เยี่ยนหมัวหลัวเสอมองฉยงเหริน เอ่ยเสียงจริงจัง “เมื่อกี้นายกล้าหาญมาก”

ทั้งที่กลัวขนาดนั้นแท้ๆ ซ้ำยังกลัวถึงขั้นร้องไห้ แต่กลับเลือกที่จะย้อนกลับมาช่วยเขา

ความกล้าหาญแบบนี้มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ถึงความจริงจะยิ่งช่วยยิ่งวุ่นวายก็เถอะ แต่ยังไงก็ควรค่าแก่คำชมอยู่ดี

เยี่ยนหมัวหลัวเสอ “ฉันนอนไม่หลับเรื้อรัง หมอแนะนำให้ฉันลองมานอนในสภาพแวดล้อมที่ตัวเองสบายใจ ฉันมองข้ามไปว่าบ้านผีสิงไม่เหมือนที่อื่น เป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้นายเข้าใจผิด”

ฉยงเหริน “…”

สภาพแวดล้อมที่สบายใจ บ้านผีสิงเนี่ยนะ

ฉยงเหรินรู้สึกเห็นอกเห็นใจทันใด “คุณต้องกดดันกับงานมากแน่เลย” คงทำโอจนกลายพันธุ์ไปแล้วสินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดว่าบ้านผีสิงมันสบายใจหรอก

เยี่ยนหมัวหลัวเสอคิด ฉันก็ยุ่งมากจริงๆ นั่นแหละ

หลายสิบปีมานี้จำนวนประชากรพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ วิญญาณบาปเยอะเกินไป ถึงขนาดที่พญายมราชคนเดียวไม่พอใช้แล้ว

เขาจำต้องอวตารร่างมาทำงานพร้อมกันเจ็ดร่างถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของงานอย่างถูๆ ไถๆ

ยมบาลยังหมุนเวียนกะทำงานได้ ทว่าพญายมราชกลับไม่มีวันหยุดพักผ่อน

โซฟาในห้องรอเข้าบ้านผีสิงมีส่วนหนึ่งที่สปริงยุบลงไป ฉยงเหรินไม่อยากให้ก้นของตัวเองต้องลำบากจึงได้แต่กระเถิบก้นไปนั่งข้างพญายม

เยี่ยนหมัวหลัวเสอได้กลิ่นหอมบนตัวฉยงเหริน กลิ่นหอมฟุ้งโชยกรุ่นมาหาเขา

เขากลืนน้ำลาย ย้ายสายตาออกเล็กน้อย “สาเหตุหลักที่ฉันนอนไม่หลับเป็นเพราะเพลงเพลงหนึ่ง”

“เพลงอะไรครับ” เพลงนี้ต้องไม่เพราะขนาดไหน ถึงทำให้คนเรานอนไม่หลับเรื้อรังได้เนี่ย

พญายมราช “นักล่าแสง”

ฉยงเหริน “นัก…นักล่าแสง…”

พญายมราช “นายเคยฟังเหรอ”

ฉยงเหรินปฏิเสธลั่นทันที “ไม่เคยฟัง! ชื่อเพลงประหลาดมาก ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ”

ใจเย็นฉยงเหริน!

บนโลกนี้มีเพลงชื่อซ้ำอยู่มากโข นายแป้กขนาดนั้น แล้วประชากรในเมืองหลงเฉิงมีตั้งสิบล้าน จะบังเอิญเจอคนเป็นที่เคยฟังเพลงของนายง่ายขนาดนั้นที่ไหนกันเล่า

พญายมราช “เป็นเพลงของนักร้องที่ชื่อว่าฉยงเหริน เลขาฯ ฉันชอบเขามาก แล้วก็ร้องเพลงของเขาทุกวัน”

ชื่อเหมือนกัน ต้องชื่อเหมือนกันแน่ๆ เพลงของเขาจะทำให้คนนอนไม่หลับได้ไง

“งั้นคุณลองด่าเขาระบายอารมณ์สักสองสามคำดูไหมครับ” ฉยงเหรินแนะนำเสียงแผ่ว ละอายจนไม่กล้าเงยหน้า

เขาเผลอทำลายวงจรการนอนหลับของเพื่อนผู้ป่วยหลายครั้งหลายคราโดยไม่รู้ตัว ยากจะปฏิเสธได้ว่านี่ไม่ใช่ชะตาอย่างหนึ่ง

“ถ้าฉยงเหรินรู้ว่าเขาทำให้คุณนอนไม่หลับ เขาต้องไม่ถือสาแน่นอนถ้าคุณจะด่าเขา”

และยังถึงขั้นช่วยอีกฝ่ายด่าตัวเองด้วย

เยี่ยนหมัวหลัวเสอเหลือบตาขึ้น “เขาไม่ได้ทำให้ฉันนอนไม่หลับ”

“อ๋า?” ฉยงเหรินมึนงง “แต่คุณบอกว่าฟังเพลงเขาแล้วนอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ”

“เพลงกับนักร้องไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอาการนอนไม่หลับของฉัน”

เยี่ยนหมัวหลัวเสอมองฉยงเหริน แววตาจริงจังยิ่ง “คนบางคนแพ้แสงแดด แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของพระอาทิตย์นี่”

ฉยงเหรินตะลึงงัน

บนโลกนี้คงไม่มีใครอีกแล้วที่จะเอาเพลงที่ทำให้ตัวเองนอนไม่หลับมาเปรียบเป็นพระอาทิตย์

 

เมื่อคนขายตั๋วเข้ามาในบ้านผีสิง บรรดาพนักงานก็เข้ามาล้อมทันที

“หัวหน้า คุณช่วยคิดวิธีจัดการกับขวานบนหัวฉันทีสิ ลูกชายฉันมา ฉันอยากเจอเขาตัวเป็นๆ”

คนขายตั๋วได้ยินก็ชะงักงัน “ลูกชาย? เธอตายไปสี่ร้อยปีแล้วไม่ใช่เหรอ เขากลับชาติมาเกิดแล้ว?”

ผีสาวเดรสขาว “เธอหมายถึงหนุ่มหล่อที่ใส่หมวกข้างนอกนั่นค่า ฉันก็เคยเปิดเพลงลูกสาวฉันให้ฟังนี่ แถมคุณยังตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าด้วยแน่ะ”

คนขายตั๋ว “อ้อ เขานี่เอง…แต่นักร้องคนนั้นเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเป็นลูกสาวได้ล่ะ”

“หัวหน้าขา คุณไม่ต้องใส่ใจรายละเอียดยิบย่อยพวกนี้หรอกค่ะ คุณช่วยพวกเราจัดการกับสภาพตอนนี้หน่อยได้ไหม ทำให้พวกเราดูเหมือนคนเป็นสักแป๊บนึงเถอะนะ”

คนขายตั๋วกระอักกระอ่วน “มัน…ออกจะยากอยู่นะ ที่ที่ท่านพญายมอยู่เราจะใช้อิทธิฤทธิ์ลำบากมาก”

 

ฉยงเหรินที่ถูกคนเปรียบเป็นพระอาทิตย์ครั้งแรกรู้สึกตื้นตันใจมาก เพื่อนผู้ป่วยตรงไปตรงมาทั้งยังอ่อนโยน ใครจะเก็บอาการได้กัน

แต่ในฐานะนักร้องต้นฉบับและผู้แต่งเพลง ‘นักล่าแสง’ เขาก็ถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “งั้นเพลงนี้มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“แย่สุดๆ” เยี่ยนหมัวหลัวเสอกำชับเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “อย่าคิดไปลองฟังเพราะแค่อยากรู้เชียว สิ่งต้องห้ามบางอย่างก็ไม่ควรไปแตะต้อง”

ฉยงเหริน “ตะ…ต้องห้าม…”

เยี่ยนหมัวหลัวเสอห่วงว่าฉยงเหรินจะตกอยู่ในภาวะนอนไม่หลับเหมือนตัวเอง เขาเน้นเสียงหนัก “ถึงเลขาฯ ของฉันจะชอบมาก แต่เลขาฯ ของฉันเป็นผู้หญิงที่คิดว่าแมงป่องหน้าตาน่าสงสาร ต้องคอยพิจารณาอย่างรอบคอบต่อมุมมองด้านความงามของเธอ”

ฉยงเหริน “อือ…Q^Q”

คนขายตั๋วที่ไม่สามารถแก้ปัญหารูปลักษณ์ภายนอกของบรรดาพนักงานได้ค่อยๆ กระดึ๊บออกมาจากในบ้านผีสิง ถืออัลบั้มมาสามอัลบั้มพลางกล่าวกับฉยงเหริน

“สวัสดี คุณคือฉยงเหรินใช่ไหมครับ เพื่อนร่วมงานผมชอบคุณมาก พวกเธอวานให้ผมมาขอลายเซ็นคุณครับ”

ฉยงเหริน “…”

เยี่ยนหมัวหลัวเสอ “…”

จู่ๆ ห้องรอคิวก็เงียบฉี่

คนขายตั๋วหน้าซื่อตาใสไร้มลทิน “หือ?”

เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่อย่างกับถูกแช่แข็งอย่างไรอย่างนั้น

คนขายตั๋วทบทวนคำพูดของตัวเองอย่างระมัดระวัง

ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่

เขากล่าวต่อ “เพลง ‘นักล่าแสง’ ของคุณเพราะมากครับ ผมตัดท่อนทาดาดามาตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าโดยเฉพาะเลยด้วย ตั้งแต่นั้นมาผมก็รอให้คนโทรเข้ามาตลอดเวลาเลย เพลงของคุณฟังร้อยรอบก็ไม่เบื่อ ฮ่าๆๆ”

บรรยากาศแห่งความสุขลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้องรอคิว

ฉยงเหรินลอบชำเลืองมองเพื่อนผู้ป่วย

เพื่อนผู้ป่วยหลุบตาลงต่ำ ก้มหน้าเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย

ทว่าติ่งหูกลับแดงแจ๋อย่างกับเลือดจะหยดออกมาอยู่รอมร่อ

ฉยงเหรินรับอัลบั้มมาตวัดเซ็นชื่อ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู “อ๊ะ พี่เองเหรอ อืม ผมยุ่งจนลืมไปเลย ผมจะกลับเดี๋ย…”

เสียงเรียกเข้าของเขาพลันดังขึ้นไม่ดูเวล่ำเวลา โทรศัพท์ก็อยู่ใกล้เกินไปจนดังสะเทือนแสบแก้วหู

ฉยงเหริน “…”

วันนี้มันวันบ้าอะไรเนี่ย โลกที่ผลัดกันหน้าแตกจนอยากหนีกลับหลุมแบบนี้มีอยู่จริงด้วยเหรอ

ฉยงเหรินเลื่อนปลดล็อกหน้าจอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ผู้จัดการเป็นคนโทรมาหาเขา

“นายขึ้นฮอตเสิร์ช! รีบกลับมาคุยกันเถอะว่าจะคว้าโอกาสนี้ยังไงดี”

เหล่าหยางระริกระรี้จนเสียงหลง ฉยงเหรินรีบเข้าเวยป๋อ แล้วก็พบว่าชื่อของเขาแขวนอยู่บนอันดับที่สี่สิบกว่าๆ ของตารางอย่างเหลือเชื่อ เมื่อรีเฟรชตารางอันดับอีกครั้งมันก็พุ่งทะลุไปอีกหนึ่งอันดับ

คำที่ขึ้นฮอตเสิร์ชคือ #ฉยงเหริน เข้าฝัน#

แจ้งเตือนเวยป๋อเด้งขึ้นมาไม่หยุด คอมเมนต์ที่ยังไม่ได้อ่านและเมนชั่นแท็กหาเขาพุ่งเกินสามหมื่นแจ้งเตือน ข้อความส่วนตัวก็เด้งมาเรื่อยๆ ตอนนี้เขาจำเป็นต้องรีบกลับไปจริงๆ แล้ว

ฉยงเหรินกุมโทรศัพท์ เขายังอยากแอดวีแชตกับเพื่อนผู้ป่วยคนนี้มาก แต่พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่า…

ความแดงจากติ่งหูเพื่อนผู้ป่วยตอนนี้ลามมาถึงแก้มแล้ว แต่ร่างกายก็ยังรักษาอยู่ในท่วงท่าเดิมตั้งแต่เมื่อกี้เป๊ะๆ ประหนึ่งซอมบี้ขี้อายตัวหนึ่ง

 

* 120 คือเบอร์ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินของประเทศจีน

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ม่านฝันคืนวสันต์รัญจวน บทที่ 1-2

บทที่ 1 แม่น้ำฉินไหว นกขมิ้นและดอกไม้ในเดือนสองทำให้ฤดูใบไม้ผลิแลดูงดงาม แม่น้ำฉินไหวในเมืองจินหลิงเป็นสถานที่ซึ่งมีทิวท...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 5-7

บทที่ 5 หลังจากเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่เรือนหลังเก่าและบรรยากาศวันปีใหม่เพิ่งผ่านพ้นไป เหล่าเจ้านายสกุลซูก็เตรียมเดินทางกลับ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 3-4

บทที่ 3 คนที่เพิ่งเดินเข้ามาผู้นี้คือซูลั่วอวิ๋น บุตรสาวคนโตที่ถูกขับไล่ไสส่งกลับบ้านเดิมนั่นเอง นิ้วชี้ของซูหงเหมิงยื่น...

community.jamsai.com