X
    Categories: ทดลองอ่านมากกว่ารักหวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม

ทดลองอ่านหวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนนาน เล่ม 8 บทที่ 591-บทที่ 592

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 591

หลีเจี่ยวคุกเข่าเหยียดแผ่นหลังตรง แต่มือที่สอดอยู่ใต้แขนเสื้อกลับสั่นเทาน้อยๆ

นางยอมแลกทุกอย่างแล้ว หากยังไม่สำเร็จท่านย่าคงไม่หลงเหลือความสงสารเห็นใจให้นางอีก และจะต้องกำหนดเรื่องแต่งงานของนางอย่างรวดเร็ว ลงท้ายนางก็หนีชะตากรรมที่ต้องเป็นภรรยาของชาวนาผู้หนึ่งไม่พ้น

ปีนี้นางย่างวัยสิบเจ็ดแล้ว ใช้ชีวิตอย่างคับอกคับใจมานานสิบเจ็ดปี หรือว่าต้องคับอกคับใจไปชั่วชีวิตใช่หรือไม่ วันหน้าตอนกลับมาเยี่ยมสกุลเดิมในวันที่สองเดือนหนึ่งพร้อมกัน หลีซานคือฮูหยินท่านโหวมีคนล้อมหน้าล้อมหลังประหนึ่งดาวล้อมเดือน ส่วนนางซึ่งเป็นพี่สาวคนโตกลับเป็นภรรยาชาวนาที่ไม่มีใครให้ความสำคัญกระนั้นหรือ

นางไม่ยอมมีชีวิตเยี่ยงนั้นเด็ดขาด!

คนของวังอ๋องมองดูหลีเจี่ยวที่คุกเข่าตัวตรงอยู่บนพื้น ในดวงตามีรอยเยาะหยันผุดขึ้นวูบหนึ่ง

สตรีที่รีบเสนอตัวให้เองเช่นนี้เขาเพิ่งพบเจอเป็นคราครั้งแรก แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาทำตามหน้าที่ที่ท่านอ๋องมอบหมายให้ลุล่วงแล้ว ไม่เช่นนั้นยังต้องเปลืองน้ำลายยกใหญ่กับคนมุทะลุอย่างอาลักษณ์หลี

“ฮูหยินผู้เฒ่า ใต้เท้าหลี เห็นหรือไม่ว่าคุณหนูของจวนท่านรับของแทนใจจากท่านอ๋องของข้าไว้แล้ว พวกท่านก็อย่าเอาไม้กระบองตีนกยวนยางให้แยกคู่กันเลยนะขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฝืนสะกดไฟโทสะไว้ จ้องมองหลานสาวที่คุกเข่ากับพื้นด้วยสายตาแข็งกร้าว “หลานเจี่ยว ท่านย่าขอถามเจ้าอีกครั้งเป็นคำสุดท้าย เจ้าตรองดูดีแล้วหรือ”

หลีเจี่ยวทำสีหน้าแน่วแน่ “ข้าหวังว่าท่านย่าจะส่งเสริมเจ้าค่ะ”

หญิงชราหลับตาลง นางรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งกายสุดจะเปรียบ “ดีๆ ในเมื่อเจ้าเลือกเส้นทางนี้เอง ข้าก็ไม่ขอเป็นคนใจร้ายขัดขวางทางใครล่ะ”

หลีเจี่ยวโล่งอกเต็มที่ ใบหน้านางฉายแววปีติยินดี “ขอบคุณท่านย่ามากเจ้าค่ะ”

คนของวังอ๋องล้วงเทียบใบหนึ่งจากแขนเสื้อยื่นส่งให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งด้วยสองมือ “นี่เป็นวันฤกษ์ดีที่ท่านอ๋องของเราขอให้คนเลือกหาให้ หากท่านไม่ขัดข้อง พอถึงวันมงคลทางวังอ๋องก็จะมารับตัวไปนะขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกวาดตามองผ่านๆ อย่างเฉยเมย ฤกษ์ที่เขียนอยู่บนแผ่นเทียบเคลือบสีทองเป็นวันที่ยี่สิบสองเดือนหนึ่ง ซึ่งก็คืออีกไม่วันให้หลัง

นางชายตามองหลานสาวคนโตที่โยนความคิดอ่านทิ้งไปที่ใดแล้วก็สุดรู้แวบหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ตามนี้เถอะ”

 

ข่าวรุ่ยอ๋องถูกตาต้องใจคุณหนูใหญ่แพร่กระจายไปทั่วจวนตะวันตกอย่างรวดเร็ว

หลีกวงซูกำลังดื่มชาอยู่ได้ยินแล้วพ่นน้ำชาในปากออกมาทันที

ปิงเหนียงกุลีกุจอหยิบผ้าเช็ดหน้าจะเช็ดให้เขา หลีกวงซูยกมือห้าม กล่าวด้วยสีหน้าขรึมลง “พี่ใหญ่เจอบุญหล่นทับอะไรกันแน่ บุตรสาวคนหนึ่งได้เป็นฮูหยินท่านโหว บุตรสาวคนหนึ่งได้เข้าวังอ๋อง นี่เขาจะใหญ่โตคับฟ้าแล้วหรือไร”

ปิงเหนียงไม่กล่าวอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เพียงคลี่ยิ้มอ่อนโยน

หลีกวงซูก้มหน้าไปจูบแก้มนางทีหนึ่งก่อนลุกขึ้นยืน “วันนี้ข้าจะไปค้างที่เรือนใหญ่ เจ้าเข้านอนแต่หัวค่ำเถอะ”

ใบหน้าของปิงเหนียงไม่มีวี่แววไม่เต็มใจสักเศษเสี้ยว นางตามไปส่งเขาถึงซุ้มประตูวงเดือนถึงย้อนกลับเข้าเรือน

แม้นหลีกวงซูจะอาลัยอาวรณ์สตรีอ่อนหวานช่างเอาใจ แต่ยังฝืนใจไปหาหลิวซื่อ

จะว่าไปแล้วบุตรสาวสองคนของเขาใกล้ถึงวัยหาคู่ครองแล้ว เขาจากเมืองหลวงไปหลายปี จะเอ่ยถึงสายสัมพันธ์ฉันพ่อลูกกับพวกบุตรสาวคงฟังดูเสแสร้ง

หลิวซื่อได้ยินคำรายงานของสาวใช้แล้วนึกว่าตนเองหูฝาดไป จวบจนหลีกวงซูเดินเข้ามาถึงแน่ใจว่าบุรุษที่หลังจากกลับเรือนมาแล้วนอนค้างในเรือนนางสองคืนตามหน้าที่สามีผู้นี้มาหานางตอนกลางวันแสกๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ข้ายังนึกว่าเจ้าหลับไปแล้วเสียอีก จำได้ว่าแต่ก่อนเจ้านอนพักยามกลางวันจนเป็นนิสัย”

หลิวซื่อมองดูสีหน้าแววตาผ่อนคลายสบายอารมณ์ของเขาแล้วอึ้งงันไปเล็กน้อย

นางนึกว่าจะไม่มีวันได้พูดจากันดีๆ เฉกนี้อีกแล้ว

ทั้งคู่คุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ สองสามคำ หลีกวงซูก็หันเหหัวข้อสนทนาไปที่บุตรสาวสองคน “ทักษะในศาสตร์ทั้งสี่ ดีดพิณ เดินหมาก เขียนอักษร และวาดภาพของเยียนเอ๋อร์กับฉานเอ๋อร์ก้าวหน้าไปถึงที่ใด แล้วการสอนของอาจารย์ที่จวนตะวันออกเชื่อถือได้หรือไม่”

“สำนักศึกษาหญิงของจวนตะวันออกปิดไปแล้ว ตอนนี้เยียนเอ๋อร์กับฉานเอ๋อร์ฝึกเย็บปักถักร้อยกับข้า”

หลีกวงซูประหลาดใจพอดู เดิมทีเขาไม่ใคร่เอาใจใส่เรื่องพวกนี้ของสตรีมากนัก ถึงอย่างไรก็มิใช่บุตรชายที่ต้องให้บิดาอบรมสั่งสอนด้วยตนเอง

สำนักศึกษาหญิงของจวนตะวันออกปิดไปแล้วหรือนี่

“ให้ฝึกเย็บปักถักร้อยอย่างเดียวจะไม่เป็นการถ่วงอนาคตของบุตรสาวเราหรือไร ไว้ข้าเชิญอาจารย์สักคนมาสอนพวกนางสองคนเถอะ”

อันว่าสตรีไร้สามารถก็คือคุณธรรมนั้นเป็นคำกล่าวหลอกลวงทั้งสิ้น หากไม่รู้หนังสือจริงๆ พวกบุรุษพูดอะไรก็ฟังไม่รู้เรื่องได้แต่ยืนนิ่งเหมือนท่อนไม้ ผู้ใดเล่าจะให้ความสำคัญ

“ยามคุณหนูสามอยู่ว่างๆ พวกนางสองคนจะไปอ่านหนังสือคัดลายมือกับนาง” พอเห็นหลีกวงซูสนใจการเล่าเรียนของบุตรสาว สีหน้าของหลิวซื่ออ่อนละมุนลงโดยไม่รู้ตัว

หลีกวงซูตาเป็นประกาย “พวกเยียนเอ๋อร์สนิทสนมกับหลานเจามากหรือ”

เมื่อนึกถึงเด็กสาวหน้าตาเฉยเมยผู้นั้น หลีกวงซูอาจไม่ชมชอบอยู่ในใจ แต่เขาเป็นขุนนางมาหลายปี รู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องความรู้สึกส่วนตนนั้นหาใช่เรื่องสลักสำคัญที่สุดไม่

บุตรสาวสองคนใกล้ชิดกับว่าที่ฮูหยินของกวนจวินโหวเป็นสิ่งที่เขายินดีจะได้เห็นได้ฟัง

จิตใจของหลิวซื่อกลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ เพราะสายตาลุกวาวฉับพลันคู่นั้นของสามี นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงปึ่งชาขึ้น “เป็นพี่น้องตระกูลเดียวกัน พวกนางสนิทสนมกับคุณหนูสามเป็นเรื่องธรรมดามากมิใช่หรือ”

“ใช่ๆ พี่น้องตระกูลเดียวกันสมควรสนิทสนมกันไว้มากๆ ไม่เพียงแค่หลานเจา คุณหนูใหญ่เป็นพี่สาวคนโต จะห่างเหินไม่ได้ดุจเดียวกัน”

หลิวซื่อแค่นหัวเราะ “ท่านพี่กล่าวล้อเล่นแล้ว ข้าไม่อยากให้บุตรสาวเข้าไปใกล้ชิดกับคนที่อยากเป็นอนุจนตัวสั่นหรอกนะ”

หลีกวงซูทำหน้าขรึมลง “นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า คุณหนูใหญ่ได้เข้าไปเป็นคนของวังอ๋อง จะยกมาเทียบกับอนุทั่วไปได้อย่างไรกัน”

“เป็นอนุของวังอ๋องก็มิใช่อนุแล้วหรือไร” หลิวซื่อย้อนถาม

“เหลวไหล! หากเป็นเช่นที่เจ้าพูด เหล่าพระสนมในวังหลวงจะมิใช่อนุรึ นายหญิงตราตั้งเช่นพวกเจ้าได้พบแล้วจะกล้าไม่ถวายคำนับหรือ”

“ผู้ใดเต็มอกเต็มใจอยากไปพบนักเล่า!”

“ไร้เหตุผลสิ้นดี!” หลีกวงซูสะบัดแขนเสื้อจากไป

หลิวซื่อนิ่งเงียบไปนานครู่หนึ่งก่อนจะเปล่งเสียงหัวร่ออย่างเย้ยหยัน

เสียทีที่นางนึกว่าบุรุษผู้นี้เปลี่ยนนิสัยแล้ว ใครจะรู้ว่าเห็นคุณหนูใหญ่ได้ไต่เต้าขึ้นไปเป็นนางหงส์ เขาก็เริ่มพุ่งเป้ามาที่บุตรสาวสองคนของนางแล้ว

หากเขากล้าขายบุตรสาวเพื่อลาภยศ ข้าก็จะแลกชีวิตกับเขา!

 

ในเรือนหยาเหอ

เฉียวเจาที่ได้รู้เรื่องนี้แล้วเพียงยิ้มขื่นๆ นางไม่รู้ว่าพี่สาวคนโตผู้นี้ฉลาดหรือว่าเลอะเลือน

หากบอกว่าเลอะเลือน นางสามารถไขว่คว้าทุกๆ โอกาสเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา แต่ถ้าบอกว่าฉลาด…

รุ่ยอ๋องย่างวัยสามสิบแล้ว จะถูกตาต้องใจสตรีวัยเยาว์ผู้หนึ่งเพียงเพราะนางตกน้ำครั้งเดียวจริงๆ หรือ

ยามนี้เฉียวเจาหวังก็เพียงให้นางได้มั่งมีศรีสุขด้วยกำลังความสามารถของตน อย่าก่อปัญหาให้จวนสกุลหลีเท่านั้นเป็นพอ

 

วันที่ยี่สิบสองเดือนหนึ่งมาถึงอย่างว่องไว หลีเจี่ยวถูกรับตัวเข้าวังอ๋องไปแล้ว มาตรว่าจะไม่ได้เข้าทางประตูหน้าเพราะมิได้แต่งเข้าไปเป็นพระชายาของท่านอ๋อง แต่ทั่วทั้งวังอ๋องก็ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและผ้าแพรหลากสีแลดูใหม่เอี่ยมอ่องไปทุกมุม นับว่าให้เกียรติคุณหนูใหญ่สกุลหลีอย่างเต็มที่

ย่ำค่ำอย่างรวดเร็ว เทียนไขลายมังกรคู่หงส์ในเรือนหอเปล่งแสงอ่อนละมุน ส่องสะท้อนแผ่นตัวอักษรคำว่า ‘มงคล’ สีแดงเข้มบนหน้าต่างแผ่ประกายระยับจับตา

หลีเจี่ยวก้มศีรษะเพ่งมองเสื้อเจ้าสาวสีชมพูบนตัว ความคับข้องหมองใจผุดขึ้นกลางอกจางๆ ในบางชั่วขณะ แต่มันก็อันตรธานไปทันทีหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง

บัดนี้ถึงนางเป็นเพียงอนุผู้หนึ่งในวังอ๋อง แต่มีโอกาสได้เป็นผู้สูงศักดิ์เหนือใครๆ แล้ว ยังจะมีอะไรน่าคับข้องหมองใจเล่า

ถึงออกเรือนให้กับบุรุษยาจกไม่เป็นโล้เป็นพายจะได้สวมเสื้อเจ้าสาวสีแดง แต่นั่นจะมีอันใด

เมื่อหลีเจี่ยวเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานหยาดเยิ้มให้รุ่ยอ๋องที่ก้าวเข้ามา

เขาเห็นรอยยิ้มนี้แล้วใจสั่นวาบหวิว นึกอยากกกกอดภรรยาคนใหม่เริงรักให้สุขสมอารมณ์หมาย จนใจที่เขาจดจำคำกำชับของหมอเทวดาที่ไม่ให้ใกล้ชิดสตรีเพศภายในหนึ่งปีได้ขึ้นใจ

แต่สาวงามอยู่ข้างกายนี่เอง เขาหวั่นเกรงว่าจะอดใจไม่อยู่ จึงหยุดฝีเท้ากล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ “วุ่นวายมาทั้งวันเจ้าคงเหนื่อยแล้ว ผลัดอาภรณ์เข้านอนโดยเร็วเถอะ ข้าจะไปนอนที่ห้องติดกัน”

บทที่ 592

ไปนอนที่ห้องติดกัน?

รอยยิ้มตรงมุมปากของหลีเจี่ยวชะงักไปเล็กน้อย นางแทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง

นี่เป็นคืนเข้าหอของนาง ท่านอ๋องกลับไม่ร่วมหอกับนางหรือ

รุ่ยอ๋องกระดากใจอยู่บ้างเช่นกัน ไม่ว่าพูดอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง ถึงมีศักดิ์ฐานะสูงส่งปานใด ในวันพิเศษเยี่ยงนี้กลับมิได้กระทำในสิ่งที่พึงกระทำล้วนต้องรู้สึกกระอักกระอ่วน

รุ่ยอ๋องเร่งฝีเท้าเดินออกไป

“ท่านอ๋อง…” หลีเจี่ยวลุกขึ้นยืนส่งเสียงเรียกคำหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าเบื้องหน้านางมีเพียงม่านลูกปัดสีชมพูที่แกว่งไกวไปมาเบาๆ เสียงลูกปัดแก้วกระทบกันดังแกรกๆ ยิ่งทำให้ห้องหอแลดูกว้างโล่งมากขึ้น

หลีเจี่ยวงงงันไปในชั่วขณะ นางนั่งลงอย่างเหม่อลอย

เหตุใดท่านอ๋องต้องทำกับนางอย่างนี้ หรือจะบอกว่าท่านอ๋องไม่ได้ถูกตาต้องใจนาง แต่จะเอาคืนที่นางดึงสายรัดเอวของเขาจนหลุด

เหตุผลนี้ไร้สาระเกินไป หลีเจี่ยวไม่อาจฝืนใจตนเองให้เชื่อได้

ต้องมีเหตุผลที่นางไม่ล่วงรู้เป็นแน่ แต่ยามนี้นางจะแตกตื่นไม่ได้ ในเมื่อนางเข้าสู่วังอ๋องแล้ว วันเวลาข้างหน้ายังอีกยาวไกล ไม่ว่าเป็นเหตุผลใด ขอเพียงมีความอดทนมากพอ ช้าเร็วก็ต้องได้รู้

 

ข่าวหลีเจี่ยวเข้าไปอยู่ในวังรุ่ยอ๋องแพร่กระจายไปในเมืองหลวงอย่างว่องไว

ฮูหยินผู้เฒ่าของกู้ชางป๋อได้ยินแล้วอึ้งงันไปเป็นนานก่อนกล่าวทอดถอนใจ “เจี่ยวเอ๋อร์กับมารดาของนางมีนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง”

กู้ชางป๋อผู้เฒ่าจิบน้ำชาคำหนึ่ง “นิสัยใจคอต่างกันก็ไม่มีอะไรไม่ดี มารดาของนางเป็นคนเงียบขรึมเรียบร้อย น่าเสียดายที่อาภัพ หวังว่าหลานสาวผู้นี้ของพวกเราจะมีวาสนาดี จึงไม่เสียทีที่พวกเรารักเอ็นดูนางมา”

บุตรชายในตระกูลผู้สูงศักดิ์เช่นพวกเขาส่วนใหญ่มักไม่เอาถ่าน ทว่าสตรีมีสกุลกลับมีอยู่ดาษดื่น แล้วจะมีซื่อจื่อที่ได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์ให้เป็นคู่ครองของพวกนางได้มากมายถึงเพียงนั้นที่ใดกัน พวกที่ออกเรือนไปกับบุตรชายคนรองหรือบุตรชายคนเล็กในตระกูลขุนนางชั้นสูงอาจฟังดูน่าเกรงขาม หากแท้ที่จริงพอพวกนายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าสิ้นบุญแล้วแยกเรือนกันก็กลายเป็นครอบครัวสามัญชนทันที

อันที่จริงจะว่าไปแล้วสตรีถูกรับตัวเข้าวังอ๋องอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมนับว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก จะมีก็แต่พวกที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเกินไปจำนวนน้อยนิดถึงคิดไม่ตก

 

ด้านเวินซื่อฮูหยินของไท่หนิงโหวได้ยินเรื่องนี้กลับคิดไปอีกทางหนึ่ง

“คิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่สกุลหลีจะเป็นคนมีชั้นเชิงผู้หนึ่ง เทศกาลหยวนเซียวคราวเดียวก็เข้าสู่วังรุ่ยอ๋องได้แล้ว”

สาวใช้คนสนิทพูดพร้อมรอยยิ้มประจบประแจง “อันว่าข้าวหม้อเดียวเลี้ยงดูคนร้อยจำพวก มิใช่หญิงสาวทุกคนจะเป็นกุลสตรีอย่างคุณหนูเจ็ดของเรานะเจ้าคะ”

พอเอ่ยถึงจูเหยียนบุตรสาวของนาง ดวงตาของเวินซื่ออ่อนแสงลง แต่เพียงชั่วประเดี๋ยวก็ถูกแทนที่ด้วยแววขุ่นมัว “ลี่มามา ทางคุณหนูตู้นั่นเจ้าต้องจับตาดูไว้ให้ดีๆ นางกับคุณหนูใหญ่สกุลหลีสนิทชิดเชื้อประหนึ่งเป็นเงาตามตัวกัน พวกนางไม่ใช่คนประเภทเดียวกับเหยียนเอ๋อร์”

คุณหนูใหญ่สกุลหลีอาศัยโอกาสไปเที่ยวงานโคมไฟเป็นเพื่อนตู้เฟยเสวี่ยก็สามารถสานสัมพันธ์กับรุ่ยอ๋องได้ ทำให้นางไม่อาจไม่ระแวดระวังเด็กสาวผู้นี้จริงๆ เผอิญว่าหลานสาวนอกสกุลที่พำนักอยู่ในจวนของพวกนางผู้นี้มักเชิญอีกฝ่ายมาเป็นแขกอยู่บ่อยๆ ถ้าเกิดคุณหนูหลีผู้นี้ออกอุบายอะไรให้ตู้เฟยเสวี่ยเล่นงานบุตรชายบุตรสาวของนาง เช่นนั้นนางคงต้องกระอักเลือดตายแล้ว

“ฮูหยินวางใจได้เจ้าค่ะ ข้ามองดูอยู่ด้านข้างเห็นคุณหนูเจ็ดของเรามิได้เต็มใจใกล้ชิดคุณหนูตู้เลย คงไม่พลาดท่าให้นางหรอกเจ้าค่ะ”

เวินซื่อส่ายหน้า “ข้ากลัวเยี่ยนเอ๋อร์จะเสียรู้น่ะสิ”

หากบุตรชายที่นางอบรมเลี้ยงดูมาอย่างพิถีพิถันต้องไปพัวพันกับสตรีอย่างตู้เฟยเสวี่ย อนาคตคงดับวูบไปตลอดชาติแล้วจริงๆ

“คุณหนูตู้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์มิใช่หรือเจ้าคะ”

เวินซื่อยิ้มเยาะ “นางยังไว้ทุกข์อยู่ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าคะยั้นคะยอคำเดียวก็ไปเที่ยวงานโคมไฟแล้ว เจ้ายังนึกว่านางเป็นคนรักษาธรรมเนียมและมีความกตัญญูอีกหรือ”

ทว่าถ้อยคำนี้นางพูดกับสาวใช้คนสนิทได้เท่านั้น จะเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าและท่านโหวไม่ได้แม้สักครึ่งคำ

พวกเขาคนหนึ่งเป็นท่านยาย คนหนึ่งเป็นท่านลุง กำลังสงสารที่ตู้เฟยเสวี่ยสูญเสียมารดาไป ถ้านางพูดออกมาก็กลายเป็นคนใจร้าย

“ไปเชิญคุณหนูเจ็ดมาที่นี่”

ไม่นานนักจูเหยียนก็ย่างเท้าเข้ามา “ท่านแม่อยากพบข้าด้วยเรื่องใดเจ้าคะ”

เมื่อเห็นบุตรสาวคนโปรด เวินซื่อเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “หลายวันนี้มีออกไปเที่ยวสนุกบ้างหรือไม่”

จูเหยียนเม้มปากยิ้ม “นอกจากวันเทศกาลหยวนเซียวแล้ว แค่ไปเดินหมากกับพี่ซูที่จวนเสนาบดีเมื่อวานเจ้าค่ะ”

“ตอนนี้แม่หนูลั่วอีผู้นั้นยังชอบเดินหมากมากถึงเพียงนี้อีกหรือนี่”

“ใช่เจ้าค่ะ พี่ซูโปรดปรานการเดินหมากเป็นที่สุด ทุกคราวล้วนปราบข้าเสียราบคาบ เกรงว่าคงมีแต่พี่ห้าที่ล้างแค้นให้ข้าได้แล้ว” ชื่อของเฉียวเจามาจ่อรอที่ปลายลิ้นแต่จูเหยียนกลืนกลับลงคอไปเงียบๆ

เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “อ้อ พี่ห้าของเจ้าเคยเดินหมากกับคุณหนูซูหรือ”

“ไม่เคยเจ้าค่ะ สองคนนั้นจะมีโอกาสดวลหมากกันได้ที่ใดกัน อีกอย่างก็ไม่เหมาะสม”

พอเห็นจูเหยียนมีสีหน้าเป็นปกติ เวินซื่อก็รู้ว่าบุตรสาวมิได้ปิดบัง บันดาลให้นางลอบพึงใจในตัวซูลั่วอีมากขึ้นหลายส่วนอย่างช่วยไม่ได้

“ข้าแค่อยากรู้ยิ่งนักว่าหากพี่ห้ากับพี่ซูดวลหมากกัน ใครจะเหนือชั้นกว่าเจ้าค่ะ”

เวินซื่อคลี่ยิ้ม “มีโอกาสแน่”

จูเหยียนอึ้งงันไปเล็กน้อย เดิมทีนางก็เป็นเด็กสาวที่ความคิดเฉียบไว จึงเข้าใจความหมายของมารดาได้อย่างรวดเร็ว นางเผยรอยยิ้มจากใจจริงออกมาทันใด

พี่ห้ากับพี่ซูหรือ ข้าชักตั้งตารอคอยจริงๆ แล้วสิ

เมื่อจูเหยียนออกไปแล้ว เวินซื่อถึงเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิท “เอาข่าวเรื่องที่ข้าเตรียมดูตัวหญิงสาวให้ซื่อจื่อไปแพร่ให้ถึงหูคุณหนูตู้”

สาวใช้งุนงง “ฮูหยิน คุณหนูตู้รู้เข้าจะก่อความวุ่นวายขึ้นได้นะเจ้าคะ”

เวินซื่อยิ้มเยาะ “กลัวก็แต่นางจะไม่ก่อความวุ่นวายน่ะสิ!”

เข้าตำราที่ว่า ‘มีเพียงพันวันเป็นโจร ไม่มีพันวันป้องกันโจร’ ในเมื่อจวนนี้มีตัวอันตรายแฝงเร้นอยู่ แทนที่จะปล่อยให้เป็นภัยในวันหน้าจนตั้งรับไม่ทัน นางมิสู้ล่อให้เผยธาตุแท้ก่อนล่วงหน้าดีกว่า

เมื่อเป็นอย่างนี้ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านโหวจะสงสารเห็นใจที่ตู้เฟยเสวี่ยกำพร้ามารดาเพียงใดก็ตาม ในใจก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว

และแล้วก็ไม่ผิดจากที่เวินซื่อคาดไว้ ตู้เฟยเสวี่ยแอบฟังพวกสาวใช้พูดคุยซุบซิบกันแล้วมึนงงไปหมดเหมือนโดนคนตีแสกหน้า นางก้าวขาออกวิ่งไปยังเรือนพำนักของฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหว

นับแต่จูซื่อผูกคอตาย ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใสสักเท่าไรมาโดยตลอด ทั้งยังเริ่มกินมังสวิรัติ

ส่วนเวินซื่อจะมากินเป็นเพื่อนมารดาสามีตอนอาหารกลางวันเพื่อแสดงความกตัญญู

วันนี้ไท่หนิงโหวอยู่ในจวนพอดี จึงมาอยู่เป็นเพื่อนบิดามารดาด้วยเช่นกัน

สาวใช้เพิ่งยกอาหารมาวางบนโต๊ะ ตู้เฟยเสวี่ยก็พรวดพราดเข้ามาแล้วโผเข้าไปซบอกท่านยายร้องไห้เสียงดัง

“เฟยเสวี่ยเป็นอะไรไป ฝันร้ายหรือว่าคับข้องหมองใจอะไรมา รีบบอกกับท่านยายเร็วเข้า” ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวตกใจสุดจะกล่าว นางตบหลังหลานสาวเบาๆ อย่างปลอบประโลม

เวินซื่อเหยียดมุมปากขึ้น หลานสาวต่างสกุลผู้นี้อยู่สุขสบายยิ่งกว่าคุณหนูตัวจริงของจวนนี้ด้วยซ้ำไป ใครจะทำให้นางคับข้องหมองใจได้เล่า

ตู้เฟยเสวี่ยโอบคอฮูหยินผู้เฒ่าไว้แล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ กล่าวแกมสะอื้น “ท่านยาย ข้าได้ยินมาว่าจะทาบทามสู่ขอสตรีให้ญาติผู้พี่แล้ว…”

ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวอดมองไปทางเวินซื่อไม่ได้

นางยิ้มบางๆ “ปีที่แล้วเคยเอ่ยกับท่านโหวไว้เจ้าค่ะ ผ่านปีนี้ไปเยี่ยนเอ๋อร์ก็ยี่สิบเอ็ดแล้ว สมควรจัดการเรื่องแต่งงานเสียที”

ถ้ามิใช่หลังคลอดออกมาเยี่ยนเอ๋อร์สุขภาพไม่ดีอยู่ตลอด ต่อมามีนักพรตผู้หนึ่งรักษาเขาจนหายดีแล้วกำชับว่าห้ามแต่งงานก่อนถึงอายุยี่สิบปี ตอนนี้นางคงได้อุ้มหลานแล้ว ไหนเลยยังจะมีเรื่องน่ารำคาญใจพรรค์นี้

“ตอนนี้ยังเป็นเดือนหนึ่งอยู่ คุณหนูตู้อย่าร้องไห้เลย” เวินซื่อกล่าวปลอบเสียงนุ่มๆ คำหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้แม้แต่คำเดียว

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าแปรเปลี่ยนไปมา สายตาที่มองหลานสาวต่างสกุลเริ่มทอประกายเข้มขึ้น

“ท่านยาย อย่าเพิ่งสู่ขอสตรีให้ญาติผู้พี่ตอนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ” ตู้เฟยเสวี่ยมิได้สังเกตเห็น นางยังเอ่ยขอร้องอย่างไร้เดียงสา

เวินซื่อกระดกหางคิ้วขึ้น ในดวงตามีแววยิ้มๆ จุดวาบขึ้น นางว่าแล้วเชียว คุณหนูตู้ผู้นี้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังมาก่อน

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 .. 65  เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: