บทที่ 5
ในห้องวีไอพี
‘ห้องวีไอพี’ ที่เชษฐ์พูดถึงอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรม บนชั้นเดียวกันนั้นมีห้องอยู่อีกสามห้องเท่านั้นบ่งบอกได้ว่าเป็นห้องสุดพิเศษจริงๆ และขนาดห้องแต่ละห้องนั้นกว้างขวางมาก
วินาทีแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องวีไอพีกีรณารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ภายในห้องกว้างกว่าที่เธอจินตนาการไว้ อีกทั้งยังถูกตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหรา และน่าอยู่ราวกับภาพถ่ายจากนิตยสารที่เธอเคยดู นอกจากนี้ยังมีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดอีกด้วย…ภายในห้องมีทั้งโซนรับแขก ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องชมวิว และห้องครัวที่มีบาร์เล็กๆ เหมือนที่นี่เป็นห้องชุดสุดหรูของมหาเศรษฐีก็ไม่ปาน
“เห็นคุณบอกว่าห้องนี้เป็นห้องส่วนตัว แล้วคุณก็ไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทยด้วย…น่าเสียดายแย่เลยนะคะถ้าส่วนใหญ่แล้วห้องสวยๆ แบบนี้ต้องถูกปิดเอาไว้”
กีรณาพูดหลังจากที่เชษฐ์พาเธอเดินชมห้องพักวีไอพีคร่าวๆ
“ผมก็บอกกี้แล้วไงครับว่าหลังจากนี้ผมจะกลับมาช่วยงานที่เมืองไทยและคงจะเข้ามาอยู่ที่นี่บ่อยขึ้น ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่กล้าขอห้องพิเศษแบบนี้ไว้” เขายักไหล่เบาๆ
“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณวิก็ทำงานหนักแย่เลยสิคะเพราะคุณวิต้องคอยดูแลงานที่นี่แทนคุณ”
หญิงสาวเห็นใจวิภา เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ต้องแบกรับงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เชษฐ์ได้ฟังก็นิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบเธอ
“ครับ” เขาตอบรับอย่างเสียมิได้ ก่อนจะรีบพาเธอเปลี่ยนเรื่องคุย “แต่เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องงานกันดีกว่าเพราะผมอยากชวนคุณมาดื่มและฟังเพลงด้วยกันมากกว่า”
จบประโยคนั้นคนตัวสูงก็แตะข้อศอกร่างบางเบาๆ แล้วพาเดินไปยังบาร์เล็กๆ ที่กั้นระหว่างครัวกับห้องรับแขก เขาเลื่อนเก้าอี้ทรงสูงหน้าบาร์ให้เธอนั่ง กีรณายิ้มขอบคุณเขา
“นั่งรอผมที่นี่เดี๋ยวนะ ผมขอไปล้างหน้าล้างตาก่อน”
เชษฐ์บอกขณะยืนเท้าขอบเคาน์เตอร์ ดวงตาสีดำสนิทมองหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งห้อยเท้าอยู่กับเก้าอี้ทรงสูงเหมือนเด็ก สายตาเขาเต็มไปด้วยความสนใจและเอ็นดูเธออยู่ในที
“ไม่กลัวว่ากี้จะซนจนเดินดูห้องคุณหรือหยิบนั่นหยิบนี่จนตกแตกเหรอคะ”
“ผมรู้ว่ากี้ไม่ใช่เด็กดื้อ หรือถ้ากี้เกิดดื้อขึ้นมาจริงๆ ผมก็จะจับกี้มาลงโทษเอง”
เชษฐ์เน้นคำว่า ‘ลงโทษ’ เหมือนกำลังมันเขี้ยวเด็กที่มีแววว่าจะ ‘ซน’ เหลือเกิน กีรณายังไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าคนตัวสูงจะลงโทษเธอยังไง เพราะชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนหมาป่าเป็นเชิงข่มขู่ก่อนจะเดินเข้าไปทางห้องนอนเพื่อล้างหน้าล้างตาอย่างที่บอกกับเธอไว้
เขาคงไม่ธรรมดาแน่ๆ
หญิงสาวคิดในใจ กีรณาบอกกับตัวเองว่าถึงแม้เชษฐ์จะเป็นสุภาพบุรุษ แต่เขาเป็นผู้ชายแพรวพราวเจ้าเสน่ห์ขนาดนี้ เธอต้องพยายามเรียกสติเอาไว้ให้มากจะได้ไม่ถูกเสน่ห์เหลือร้ายของเขา ‘ล่อลวง’ จนเผลอปล่อยตัวปล่อยหัวใจให้กับเขาจนเกินไป
“เดี๋ยวผมจะลองทำค็อกเทลให้กี้ชิมนะ แอลกอฮอล์อ่อนๆ ใช่มั้ยครับ”
เชษฐ์เดินกลับมาหากีรณาอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาดูสดชื่นและผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้ล้างหน้าล้างตา และนอกจากถอดเสื้อสูทออกไปแล้ว เขายังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกสองเม็ด แล้วดึงแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอกเพื่อลดความอึดอัดอีกด้วย ท่าทางสบายๆ ของเขาก็ยังดูดีมากจนน่าโมโห
ผู้ชายคนนี้จะดูดีตลอดเวลาเลยหรือไง
หญิงสาวนึกในใจด้วยความหมั่นไส้ แต่สายตากลับมองคนตัวสูงด้วยความชื่นชม และก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเธอแอบมองเขาด้วยความหลงใหลอยู่นั้นเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ท่าทางคุณจะชอบดื่มนะคะในห้องถึงต้องมีบาร์เหล้าด้วย” กีรณาถามขณะที่สายตายังมองชายหนุ่มที่กำลังผสมค็อกเทลให้เธอด้วยท่าทางคล่องแคล่วราวกับเป็นบาร์เทนเดอร์
“นิดหน่อยครับ แต่ผมเป็นคนชอบดื่มคนเดียวหรือไม่ก็คนที่สนิทเท่านั้นก็เลยมักจะดื่มอยู่ที่ห้องมากกว่าออกไปดื่มที่ร้าน” เขาบอกสาเหตุที่ในห้องมีบาร์เหล้าเล็กๆ แบบนี้
“แต่ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเราก็เจอกันในผับนะคะ”
ประโยคนั้นทำให้เชษฐ์ชะงักไปเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาเผลอพูดอะไรผิดไป แต่ก็เป็นเพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะยิ้มให้กับเธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเธอก็ไม่ทันสังเกต
“ตอนนั้นผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศ เพื่อนก็เลยลากไปเที่ยว แต่ก็ดีนะเพราะมันทำให้ผมได้เจอกี้” เชษฐ์บอกขณะที่ดวงตาคมกริบจับจ้องร่างบางไม่ยอมละสายตา เป็นกีรณาที่รู้สึกเขินอายจนประหม่าจึงเสมองไปทางอื่น “แล้วกี้ล่ะ วันนั้นทำไมถึงได้ไปเที่ยวผับคนเดียว”
“มันแปลกด้วยเหรอคะที่กี้จะไปผับคนเดียว”
หญิงสาวไม่ตอบแต่เป็นฝ่ายย้อนถามเชษฐ์ เพราะยังไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานฟังหรือไม่…ถึงแม้เธอจะไว้ใจเขาค่อนข้างมากก็ตาม
“ส่วนใหญ่คนที่ไปเที่ยวผับมักจะไปกันเป็นกลุ่มมากกว่า” เขาวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “แล้วท่าทางของกี้ก็ดูไม่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนั้นเท่าไหร่ ผมเดาว่ากี้คงไม่ค่อยได้ไปเที่ยวบ่อย…ใช่มั้ย”
“ก็จริงค่ะ” หญิงสาวตอบรับไปตามความจริง
กีรณาไม่เคยคิดว่าผู้หญิงที่ไปเที่ยวกลางคืนเป็นคนไม่ดี เพราะคนเราจะตัดสินกันเพียงแค่เรื่องเปลือกนอกแบบนั้นไม่ได้ เพียงแต่ในฐานะของเธอตอนนี้…เธอเลือกที่จะไม่ไปเพราะต้องการประหยัดเงิน ใช้เวลาไปกับการนอนพัก และเก็บแรงเอาไว้ทำงานหาเงินมากกว่า
“แล้วเกิดอะไรขึ้น พอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ย”
เชษฐ์ถาม ดวงตาสีดำสนิทมองเธอด้วยความสงสัยและเป็นห่วงอยู่ในทีราวกับพอจะคาดเดาได้ว่าเบื้องหลังของการไปท่องราตรีคืนนั้นของเธออาจมีปัญหาซุกซ่อนเอาไว้
“ช่วงนั้นชีวิตกี้ค่อนข้างซวยน่ะค่ะ”
กีรณาเปิดใจเล่าในที่สุด หญิงสาวคิดว่าในเมื่อเธอลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักกับเชษฐ์แล้ว เธอก็น่าจะแชร์เรื่องราวในชีวิตให้เขาได้ฟังบ้าง บางทีความเห็นของเขาอาจบอกให้เธอรู้ได้ว่าลึกๆ เขาเป็นผู้ชายแบบไหน มีทัศนคติยังไง และเธอกับเขาจะเข้ากันได้หรือเปล่า
“กี้จับได้ว่าแฟนที่เพิ่งคบหาไม่นานนอกใจ” เธอทำหน้ามุ่ยเบาๆ “น้องชายก็ไปมีเรื่องกับคู่อริ แถมกี้ยังถูกเจ้านายเก่าลวนลาม แล้วเมียเขาก็มาหาว่ากี้เป็นเมียน้อยอีกต่างหาก กี้ทนไม่ไหวก็เลยด่าเขากลับไปแล้วรีบลาออกจากงาน แต่ถึงไม่ลาออก เมียเจ้านายเก่าก็คงจะไล่กี้ออกอยู่ดี”
ชายหนุ่มรับฟังเงียบๆ ขณะรินค็อกเทลที่ผสมแล้วใส่แก้วก่อนนำมันมาเสิร์ฟให้กีรณา แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่ใบหน้าหล่อเหลากับสายตาคมคู่นั้นบอกได้ว่าเขาเห็นใจเธอ
“พอกี้ไปเที่ยวผับ กะว่าจะฟังเพลงแก้เครียดสักหน่อยก็ดันถูกผู้ชายลวนลาม”
กีรณาหัวเราะขื่นๆ ให้กับโชคชะตาที่เลวร้ายของตัวเอง เชษฐ์ยิ่งมองเธอด้วยสายตาเห็นใจมากขึ้นราวกับเขาโกรธแค้นโชคชะตาแทนกีรณาที่ถูกเล่นตลกกับชีวิตถึงขนาดนี้
“ว่าแต่…คุณคงไม่ใจร้ายมอมเหล้ากี้หรอกนะคะ” หญิงสาวถามหยั่งเชิงขณะมองค็อกเทลสีสวยที่ถูกนำมาวางตรงหน้า เธอไม่อยากคุยเรื่องเครียดๆ จนเสียบรรยากาศอีกแล้ว
“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ” เชษฐ์บอกยิ้มๆ แต่น้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคง “กี้ลองจิบดูสิครับ ผมผสมแอลกอฮอล์ไม่มากหรอก ผมอยากรู้ว่ากี้ชอบหรือเปล่า”
กีรณายิ้มบางๆ ก่อนจะยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบอย่างช้าๆ โดยมีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อคอยมองเหมือนกำลังรอลุ้นผลว่ารสชาติของค็อกเทลที่ตนเองตั้งใจทำจะถูกใจเธอหรือไม่
“โอเคเลยนะคะ คุณนี่เก่งรอบด้านเลยนะ” เธอชมจากใจจริง
“แต่คงยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างกี้” คนตัวสูงมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน เขาวกกลับมาคุยเรื่องเธออย่างสนใจ “เหมือนมีใครเล่นตลกกับชีวิตกี้เหมือนกันเนอะ”
กีรณาฝืนยิ้มอีกครั้งเพราะหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากดวงตาสีดำคมกริบคู่นั้น เธอเข้าใจว่าเชษฐ์คงอยากปลอบใจเธอ แต่เขาคงเป็นคนพูดปลอบใจใครไม่เก่งนัก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อันที่จริงกี้ก็ค่อนข้างชินกับชีวิตที่โชคร้ายแบบนี้แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้มันกระหน่ำมาเกือบจะพร้อมกันไปหน่อย กี้ก็เลยรับมือไม่ค่อยทัน”
“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่กี้ล่ะ”
“ท่านเสียไปนานแล้วล่ะค่ะ กี้อยู่กับน้องชายแค่สองคน” เกิดความเงียบขึ้นหนึ่งอึดใจ…ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความกระอักกระอ่วนใจเหมือนเขาคิดว่าตนเองไม่น่าถามเรื่องสะกิดใจเธอ “แต่น้องชายกี้ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว อีกหน่อยชีวิตก็คงเข้าที่เข้าทาง แล้วกี้ก็น่าจะสบายใจขึ้น”
“ผมขอโทษนะที่ถามเรื่องนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องผ่านมานานแล้ว กี้ทำใจได้แล้วค่ะ”
“แล้วกี้…ไม่ต้องการใครสักคนมาดูแลบ้างเหรอ”
“หมายความว่ายังไงคะ” เธอถามอย่างไม่เข้าใจนัก “มี ‘เสี่ยเลี้ยง’ อะไรทำนองนี้เหรอคะ ไม่เอาดีกว่าค่ะ กี้สู้ด้วยตัวเองมาขนาดนี้แล้ว อีกอย่างโลกนี้ก็ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หรอก มีคนมาเลี้ยงดูก็อาจสบายขึ้นแต่มันก็คงต้องแลกกับอะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยๆ กี้ก็ต้องนอนกับผู้ชายที่กี้ไม่ได้รัก”
“แล้วแฟนกับคนรักล่ะ” เขาถามต่ออย่างใจเย็นแต่กลับทำให้คนถูกถามชะงักเล็กน้อย “อย่างน้อยๆ กี้ก็จะมีคนไว้ปลอบใจหรือช่วยคิดแก้ไขปัญหาในเวลาที่เจอกับมรสุมแบบนี้นะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คนที่เพิ่งเลิกไปก็ไม่เคยเห็นจะช่วยอะไรกี้เลย แถมยังนอกใจจนกี้จับได้คาหนังคาเขา กี้ว่าถ้ากี้ไม่ว่างมาก กี้ไม่มีแฟนมาให้เป็นภาระตัวและหัวใจดีกว่า” หญิงสาวยิ้มขำ แต่เธอก็เคยคิดอย่างนั้นจริงๆ กระทั่งได้มาพบกับเขา เธอถึงได้เปิดใจลองศึกษาใครสักคนอีกครั้ง
“กี้พูดแบบนี้ผมใจฝ่อเลยนะ”
เชษฐ์ทำหน้าเหมือนถูกตัดกำลังใจ ทีแรกกีรณากำลังคิดในใจว่าคืนนี้เธอจะได้เห็นเขาในหลายแง่มุม แต่ก็สะดุดกับคำพูดของเขาก่อน…เชษฐ์บอกว่า ‘ใจฝ่อ’ เมื่อเธอบอกเขาในทำนองว่ายังไม่อยากมีคนรัก
นี่แสดงว่าเขากำลังคิดจะจีบเธอจริงๆ อย่างนั้นหรือ
ความจริงหญิงสาวก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าเขาคงสนใจในตัวเธอ ไม่เช่นนั้นคงไม่ชวนมาดื่มต่อแบบนี้ ทว่าพอเขาสื่อมันออกมาด้วยคำพูดให้เธอได้รับรู้ก็ทำให้เธออดนิ่งงันไปไม่ได้เหมือนกัน
กีรณาประสานสายตากับคนตัวสูงราวกับจะค้นลึกลงไปถึงหัวใจเขา และชายหนุ่มก็มองตอบเธอกลับมาราวกับจะบอกว่าเขายินดีให้เธอได้ค้นหัวใจ…วินาทีนั้นหญิงสาวหัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนผ่าว เธอขยับตัวอย่างร้อนรนเล็กๆ และหวั่นไหวจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เอ่อ…คุณเชษฐ์มีรอยแผลเป็นใต้ตาซ้ายด้วยเหรอ”
ร่างบางถามเมื่อสังเกตเห็นรอยแผลเป็นเส้นเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา…ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเธอไม่ได้คุยกับเขาใกล้ๆ แบบนี้หรือเพิ่งสังเกตเห็น แต่ที่แน่ๆ คือรอยแผลเป็นดังกล่าวไม่ได้น่าเกลียด แต่ตรงกันข้าม…มันกลับส่งเสริมลุคผู้ชายเข้มๆ ของเขาให้มีเสน่ห์เข้มข้นขึ้นไปอีก
“อ้อ…ใช่ครับ” เชษฐ์ตอบรับเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ถ้าให้กีรณาเดาคือเขาคงไม่ได้ใส่ใจการมีอยู่ของมันเท่าไหร่นัก “ผมได้มันมาตอนไปปาร์ตี้กับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย”
“ช่วงนั้นคุณคงไม่ใช่เล่นๆ เลยนะคะเนี่ย”
หญิงสาวถามปนขำเมื่อนึกภาพสมัยที่เชษฐ์เรียนมหาวิทยาลัย ช่วงนั้นเขายังเป็นวัยรุ่น น่าจะเลือดร้อนพอตัว และคนอย่างเขาคงเป็น ‘ตัวแสบ’ ในกลุ่มเพื่อนแน่ๆ
“เกเรนิดหน่อยครับ”
เชษฐ์ตอบรับพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน เพราะพอนึกไปถึงหลายวีรกรรมที่ทำในสมัยเรียนแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่มันก็เป็นประสบการณ์ในชีวิตที่หล่อหลอมให้เป็นเขาในวันนี้
“แต่ไม่ถึงกับร้ายแรงอะไร แผลเป็นผมน่าเกลียดมากเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ มันทำให้คุณดูดี”
คำชมอย่างไม่มีท่าทีเงอะงะขัดเขินหรือจงใจพูดเพื่อหว่านเสน่ห์ทำให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายชะงักและรู้สึกขัดเขินเสียเอง…ปกติไม่ค่อยมีใครพูดชมเขาตรงๆ ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศอย่างนี้
“เพิ่งเคยมีคนบอกผมว่าแผลเป็นทำให้ผมดูดี” เขายิ้ม
“จริงๆ นะคะ”
กีรณายืนยัน เธอยิ้มก่อนจะอธิบาย
“คุณเป็นผู้ชายเข้มๆ ดูดีแบบพวกมาเฟียในหนังหรือซีรี่ส์อะไรแบบนี้ พอมีแผลเป็นนิดหน่อยก็เลยทำให้ลุคผู้ชายของคุณดูเข้มขึ้นอีก แหม…ไม่ต้องมาถ่อมตัวหรอกค่ะ ผู้ชายอย่างคุณคงมีผู้หญิงชื่นชมมาเยอะแล้ว”
“แต่ไม่มีใครชมแล้วทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนที่กี้ชมเลยนะ”
“ถ้าคุณพูดจาทำนองนี้อีกสักสองครั้ง กี้จะคิดว่าคุณจีบกี้แล้วนะคะ”
“ครับ…”
กีรณาพูดเล่นเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะหัวเราะหรือบอกปัดตอบกลับมาแก้เขินบ้าง ทว่า…เชษฐ์กลับตอบรับตรงๆ ดวงตาคมกริบสีดำสนิทจับจ้องเธอราวกับจะบอกความในใจให้เธอรับรู้จนหญิงสาวเป็นฝ่ายหัวเราะแก้เขินเสียเอง
เชษฐ์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ แม้จะได้พูดคุยกันอย่างจริงจังไม่นาน เขากลับทำให้ผู้หญิงที่ไม่ค่อยคิดเรื่องมีแฟนอย่างกีรณาอยากเปิดใจเรียนรู้และคุยกับเขาได้อย่างไม่รู้เบื่อหน่าย
หัวใจดวงน้อยทั้งอบอุ่นและมีชีวิตชีวาเมื่อเธออยู่ใกล้เชษฐ์…ไม่ว่าชีวิตที่ผ่านมาจะหนักหนาแค่ไหน แต่การได้พบเขาก็ทำให้หัวใจที่แห้งแล้งของเธอเหมือนได้พบกับสายฝนที่เย็นฉ่ำอีกครั้ง
เชษฐ์กับกีรณาต่างแชร์เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตให้อีกฝ่ายฟังราวกับคนรู้ใจที่ไม่ได้พบกันมานาน ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ บทสนทนาดำเนินไปอย่างไม่มีสะดุด กระทั่งหญิงสาวจิบค็อกเทลหมดไปสามแก้วเขาจึงชวนเธอออกไปจิบไวน์และเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการไปนั่งที่ห้องชมวิวแทน
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่และไม่รู้ว่าทั้งสองคุยกันไปกี่เรื่องแล้ว แต่ที่รู้คือแอลกอฮอล์ถูกเติมเข้าสู่ร่างกายเรื่อยๆ เพราะทั้งสองคุยกันอย่างเพลิดเพลินทำให้กีรณาเผลอจิบเครื่องดื่มสลับไปโดยแทบไม่รู้ตัว กระทั่งไวน์แก้วที่สามใกล้จะหมด หญิงสาวถึงได้รู้สึกว่าตัวเองน่าจะเมาแล้ว
ร่างบางลุกขึ้นแล้วเปิดประตูกระจกใสออกไปที่ระเบียงด้านนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และเพื่อให้สายลมอ่อนๆ ที่พัดผ่านมาสู่กายช่วยให้เธอสดชื่นขึ้น
“ไม่สนุกแล้วเหรอครับ”
คนตัวสูงเดินตามมายืนเคียงข้างหญิงสาว ดวงตาคมกริบมองกีรณาก่อนที่เขาจะทอดมองออกไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า…คืนนี้ทั้งดวงดาวและพระจันทร์ดูงดงามกว่าทุกค่ำคืน และเพลงไพเราะที่เปิดคลอทำให้บรรยากาศโรแมนติกราวกับฉากหนึ่งในละครที่ถูกจัดแต่งเอาไว้
“กี้แค่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเมาแล้วก็เลยอยากออกมาสูดอากาศดีๆ น่ะค่ะ”
หญิงสาวหันไปยิ้มให้กับเชษฐ์ แม้จะรู้จักกันไม่นานแต่คืนนี้ทั้งสองคุยกันอย่างเปิดเผยราวกับว่ารู้จักกันมานาน…กีรณาไม่ใช่คนที่เปิดใจกับใครง่ายๆ แต่น่าแปลกที่เธอกลับเปิดใจให้เขาอย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกถูกชะตากับเขา เธอชื่นชมเขา และเคยประทับใจที่เขาเคยมาช่วยเธอเอาไว้
“ผมขอโทษนะ ผมไม่คิดว่ากี้จะเมาง่ายขนาดนี้ ผมก็เลยไม่ได้ห้าม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กี้ต่างหากที่ไม่รู้จักประมาณตัวเอง”
กีรณาไม่อยากให้เชษฐ์รู้สึกผิด เธอยังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน ในเวลาที่เมามายเช่นนี้ดวงตากลมโตก็ยิ่งดูมีเสน่ห์ เมื่อรวมกับริมฝีปากและแก้มที่เป็นสีแดงปลั่งก็ยิ่งทำให้เธอทั้งน่ารักและเย้ายวน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่มองเธอ
“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าเวลากี้เมาแล้วกี้น่ารักมาก”
“คุณนี่พูดเหมือนจะจีบกี้อีกแล้วนะคะ”
กีรณาทำหน้ามุ่ยเหมือนขี้เกียจจะรับมือกับการโปรยเสน่ห์ของคนตัวสูงทำให้เชษฐ์หัวเราะกับท่าทางน่ารักของเธอ แต่เขาไม่คิดจะปฏิเสธเพราะคืนนี้เขา ‘ตั้งใจ’ จีบเธอจริงๆ
“ก็ผมกำลังจีบกี้จริงๆ นี่นา”
“คุณเชษฐ์…”
เป็นอีกครั้งที่กีรณาทำอะไรไม่ถูกนอกจากเรียกชื่อชายหนุ่มเบาๆ เธอคาดเดาได้ว่าเชษฐ์คงสนใจในตัวเธอมาก และเธอเองก็สนใจในตัวเขา ไม่อย่างนั้นทั้งสองคงไม่ได้มาอยู่ในห้องสุดหรูแห่งนี้ด้วยกันตามลำพัง เพียงแต่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นฝ่ายรุกจีบเธอก่อนอย่างไม่ยอมล่าถอยเช่นนี้…มันดูจะเป็นนวนิยายหรือละครเกินไปหรือเปล่าที่ผู้ชายระดับเขามาจีบผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างเธอ
หญิงสาวไม่ได้ดูถูกตัวเอง แต่เธอมองโลกตามความเป็นจริงแบบที่ ‘ไม่โลกสวย’ จนเกินไปต่างหาก ถ้าเธอเป็นดาราระดับนางเอกที่ส่งเสริมเรื่องงาน เรื่องประชาสัมพันธ์โรงแรม หรือสร้างภาพลักษณ์ให้กับเขาได้บ้าง เธอคงจะไม่แปลกใจ แต่นี่เธอเป็นเพียงพนักงานเสิร์ฟในโรงแรมของเขาเท่านั้น
มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ผู้ชายอย่างเขาจะหลงรักเธอ…
ติดตามต่อได้ในเล่ม
Comments
comments
No tags for this post.