บทนำ
แพรภัทรเดินทางไปสตูลคราวนี้ก็เพื่อภารกิจหลักในการแก้บน ณ โบราณสถานบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง กับมีภารกิจรองอีกอย่างคือการเป็นช่างแต่งหน้าทำผมเฉพาะกิจให้กองถ่ายรายการท่องเที่ยวที่มีชื่อว่า ‘รักษ์ตะลอน’ ซึ่ง ‘รักษ์’ เป็นผู้ดำเนินรายการหลัก และ ‘รัญชน์รวิชญ์’ เป็นผู้ดำเนินรายการรับเชิญในทริปนี้
“โอ๊ะ!”
เสียงอุทานที่ดังประสานขึ้นพร้อมกันนั้นเป็นของแพรภัทรกับรัญชน์รวิชญ์ซึ่งนั่งติดกันบนเครื่องบิน หลังจากหญิงสาวเปิดหลอดครีมทามือแล้วดันกระฉูดใส่หน้าเขาเต็มเปาเนื่องจากสภาวะความดันอากาศ
“ตายแล้ว!”
“ทิชชู…”
น้ำเสียงอันราบเรียบของผู้เสียหายที่ปราศจากซึ่งอารมณ์เกรี้ยวกราด ทำให้หญิงสาวอึ้งงันไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะกุลีกุจอก้มลงหยิบกระเป๋าสะพายของตนใต้ที่นั่งด้านหน้าขึ้นมาเปิดค้นทิชชูออกมาส่งให้เขาอย่างเร็วรี่
“ฉันขอโทษนะคะ เข้าตารึเปล่า!” เธอพนมมือไหว้ค้างไว้ มองเขาด้วยความร้อนอกร้อนใจ
“ไม่โดนตา แต่เต็มแว่นเลยครับ” เขาถอดแว่นกันแดดออกมาเช็ดด้วยทิชชูที่เธอให้มา “มีทิชชูเปียกไหม”
“มีค่ะมี แป๊บนะคะ” เธอรีบค้นกระเป๋าให้เขาอีกรอบ “นี่ค่ะ!”
ชายหนุ่มพึมพำขอบคุณ เขาหงุดหงิดมากหากก็ไม่ได้ต่อว่าเธอแต่อย่างใด นอกจากจะเป็นเพราะรับรู้ถึงความสำนึกผิดอย่างแท้จริงของเธอแล้ว หลักๆ คือเพราะเขาไม่อยากเสวนาด้วยเกินจำเป็น
“ขอโทษด้วยนะคะ มิน่าล่ะเขาถึงไม่ให้นำของเหลวขึ้นเครื่อง”
“แล้วคุณเอาขึ้นมาได้ไง”
“ก็เอาใส่ถุงซิปล็อกมายังไงล่ะคะ หลอดนี้มีปริมาณไม่เกินร้อยมิลลิลิตร แต่พอกระฉูดออกมาแล้วก็เยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย” เธอพูดด้วยสีหน้าจืดเจื่อนอย่างรู้สึกผิด
“ทีหลังระวังด้วยนะครับ”
“ค่ะ ขอโทษอีกทีนะคะ” เธอยกมือไหว้เขาอีกครั้ง รู้สึกชัดถึงความไม่พอใจของอีกฝ่าย แต่รัญชน์รวิชญ์ยังคงรักษาท่าทีและมีมารยาทกับเธออย่างน่าทึ่ง
เธอเพิ่งเคยเจอรัญชน์รวิชญ์ครั้งแรก ได้ยินว่าปกติแล้วเขาเป็นคนอัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับคนทั่วไป แต่วันนี้เธอสังเกตเห็นว่าเขาค่อนข้างเงียบขรึมและพูดน้อยมาก จึงคิดว่าคงเป็นเพราะเขาง่วง เนื่องจากทีมงานนัดเจอกันที่สนามบินค่อนข้างเช้า
แต่เท่าที่แพรภัทรรู้มารัญชน์รวิชญ์นับเป็นดารานักแสดงทายาทไฮโซที่มีความสุภาพอ่อนน้อมและนิสัยดีมาก เท่าที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งแล้วว่าคำเล่าลือดังกล่าวมิได้เกินจริง จึงอาจจะต้องนับว่าเป็นโชคดีของเธอแล้วก็ได้ที่คู่กรณีเป็นเขา เพราะถ้าเป็นคนอื่น…หากพลาดพลั้งไปล่วงเกินอะไรเข้าแม้จะโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เธออาจจะเละและลำบากพอสมควร เนื่องจากคนส่วนใหญ่คงเกิดอาการหงุดหงิดและไม่สามารถเก็บอารมณ์ความรู้สึกได้ดีเท่ารัญชน์รวิชญ์…
“เอาอีกไหมคะ ทิชชู…”
“ขออีกแผ่นก็ได้ครับ”
“เปียกหรือแห้งดีคะ”
“แห้ง”
“นี่ค่ะ” เธอรีบส่งให้อย่างกระตือรือร้น และแถมให้เขาเป็นสองแผ่นไปเลย ถึงอีกฝ่ายจะวางท่าทีค่อนข้างมีระยะด้วยอาการถือตัวอย่างหนัก แต่เธอก็มิได้รู้สึกขุ่นข้องหมองใจแต่ประการใด เพราะในเมื่อเธอเป็นฝ่ายผิด จึงคิดว่าเขาไม่ด่าเอาก็บุญโขแล้ว พอเขาเช็ดแว่นตาจนสะอาดเอี่ยม เธอก็รีบแบมือยื่นไปหาเขา… “มาค่ะ เดี๋ยวฉันเอาทิชชูไปทิ้งให้เอง”
คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดเล็กน้อย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองแพรภัทรด้วยสายตาหวาดระแวงอย่างเปิดเผยมากไปกว่านั้น แต่ก็ยอมฝืนใจส่งทิชชูใช้แล้วให้เธอแต่โดยดี เขารู้สึกไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้เอาเสียเลย เนื่องจากมีหลักฐานหลายอย่างในตัวเธอที่บ่งบอกว่าเธออาจจะเป็นแฟนคลับโรคจิตที่กำลังตามคุกคามเขาผ่านทางโซเชียลมีเดียอยู่ในขณะนี้
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาโดนเจ้าของไอจีที่ใช้ชื่อบัญชีว่า ‘Pearlypare’ ส่งข้อความมาป่วนแทบทุกวัน ช่วงแรกหล่อนทำตัวเหมือนแฟนคลับปกติทั่วไป เขาจะเข้าไปอ่านข้อความของหล่อนเสมอ พยายามตอบบ้างเป็นบางครั้งเท่าที่เห็นสมควร แต่หลังๆ หล่อนกลับคอยส่งข้อความแปลกๆ แบบที่เขาอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลยมาให้เป็นประจำ จนตอนนี้เริ่มมีความอาฆาตมาดร้ายแอบแฝงอยู่ในทุกข้อความที่หล่อนส่งมา เนื่องจากโกรธที่เขาไม่ยอมตอบกลับ
สิ่งที่ทำให้รัญชน์รวิชญ์สงสัย นอกจากชื่อบัญชีดังกล่าวกับชื่อของแพรภัทรจะค่อนข้างสอดคล้องกันแล้ว กระเป๋าสะพายใบที่แพรภัทรใช้อยู่ตอนนี้ก็มีส่วนคล้ายกระเป๋าของแฟนคลับโรคจิตรายนั้นที่เขาเคยเห็นจากภาพถ่าย นาฬิกาก็เช่นกัน รวมถึงเค้าโครงของรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ และทรงผม การแต่งกายก็ด้วย แม้แฟนคลับคนที่ตามป่วนเขาดังกล่าวจะไม่เคยเปิดเผยหน้าตาให้เห็น แต่หล่อนก็มักจะส่งภาพถ่ายที่อำพรางใบหน้ามาถึงเขาหลายครั้ง ต่อให้ไม่ได้ให้ความสนใจ แต่สำหรับรัญชน์รวิชญ์แล้วแค่เห็นเพียงครั้งเดียวเขาก็สามารถจำรายละเอียดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
จากที่ดีใจแทบตายเพราะทริปนี้จะได้ไปทำงานกับทะเลที่เขารัก แต่รัญชน์รวิชญ์กลับต้องมาพบความลำบากใจและเสียอารมณ์จากการสงสัยว่าหนึ่งในทีมงานของกองถ่ายอาจเป็นคนเดียวกับแฟนคลับโรคจิตที่คอยส่งข้อความป่วนเขา ซ้ำร้ายเธอยังได้ที่นั่งติดกับเขาบนเครื่องบินอีกต่างหาก ทั้งที่คิดไว้ว่าระหว่างบินจะงีบให้สบาย แต่พอเป็นแบบนี้เขาเลยไม่กล้าหลับสนิท
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มตั้งใจไว้แล้วว่า…ตราบใดที่เธอไม่สร้างปัญหาให้ เขาก็จะไม่เปิดโปงพฤติกรรมอันน่าสะพรึงขวัญชวนขนลุกของเธอให้ใครรู้จนทำให้เจ้าตัวต้องอับอายและได้รับความเดือดร้อน
บทที่ 1 ฉันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
รัญชน์รวิชญ์เป็นพระเอกละครที่มีชื่อเสียงในระดับกลางๆ แม้ไม่ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆ ของประเทศ แต่เขาก็มีผลงานดีๆ โดยเฉพาะงานละคร โฆษณา และผู้ดำเนินรายการต่างๆ ออกมาให้ได้ชมอย่างต่อเนื่องมาตลอดสี่ปีในวงการบันเทิง ปัจจุบันนับว่าเขามีกลุ่มแฟนคลับเหนียวแน่นที่คอยติดตามผลงานอย่างจริงจังอยู่ไม่น้อยเลย
นอกจากความเป็นสุภาพบุรุษและนิสัยส่วนตัวอันน่ายกย่องชื่นชมแล้ว รัญชน์รวิชญ์ยังนับได้ว่าเป็นพระเอกไฮโซที่ขึ้นชื่อเรื่องความติดดิน ไม่เรื่องมาก แล้วยังเป็นที่รักของแฟนคลับและผู้ร่วมงานทุกคนอีกด้วย ตอนนี้เขาเริ่มก้าวเข้ามารับงานพิธีกรมากขึ้น โดยเฉพาะรายการเกี่ยวกับท่องเที่ยว เขาเป็นนักแสดงทายาทนักธุรกิจใหญ่นามสกุลดังที่มีภาพลักษณ์ของชายหนุ่มผู้รักธรรมชาติ และนิยมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นชีวิตจิตใจ
“คนอะไรมันจะดีแสนดี ดีได้ดีดี…ดีมากมายก่ายกองขนาดนี้อ่ะพี่อร ตั้งแต่ฟังพี่อรเล่ามาหนูยังไม่ได้ยินข้อเสียของเขาเลยสักเรื่อง อยู่ในวงการมาตั้งหลายปีคุณรันเขาไม่เคยมีข่าวฉาวหลุดออกมาเลยสักแอะจริงๆ หรือคะ” แพรภัทรเอ่ยปากกับ ‘อรณี’ ญาติผู้พี่ของเธอซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์รายการรักษ์ตะลอนด้วยความสงสัยเต็มแก่ หลังจากคุยกันเรื่องรัญชน์รวิชญ์มาร่วมสองชั่วโมง ภายในห้องพักของโรงแรมประภาภัสสรที่ทั้งคู่อยู่ร่วมกันในทริปนี้
“เท่าที่พี่รู้ก็ไม่มีนะ”
“สรุปว่าเขาเป็นคนแสนดีอย่างที่เราเห็นจริงๆ?” แพรภัทรถามย้ำ
เมื่อเช้านี้พอลงจากเครื่องบินที่หาดใหญ่แล้วเดินทางต่อด้วยรถตู้มาถึงจังหวัดสตูล ทีมงานรักษ์ตะลอนก็เริ่มการถ่ายทำ ณ คฤหาสน์กูเด็นหรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูลเป็นจุดแรก ซึ่งการทำงานในวันนี้ถือว่าราบรื่นและเรียบร้อยดีทุกอย่าง แพรภัทรจึงค่อนข้างสบายใจแม้จะรู้สึกกังขากับท่าทีผิดสังเกตของรัญชน์รวิชญ์อยู่บ้างก็ตาม เธอพยายามปลอบใจตัวเองว่าอาจเป็นเพราะเขานอนไม่พอ หรือไม่ก็คงยังขุ่นเคืองเรื่องที่เธอทำครีมทามือกระฉูดใส่หน้าอยู่ ชายหนุ่มจึงดูตึงๆ และเหมือนพยายามรักษาระยะห่างกับเธอเป็นพิเศษ แตกต่างจากการวางตัวสนิทสนมเป็นกันเองกับทีมงานคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง แต่อีกใจหนึ่งเธอก็เชื่อว่าตนอาจคิดมากไปเองจนกลายเป็นการพยายามจับผิดเขา เพราะว่ายังวิตกกับเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน…
ทว่าพอนึกถึงตอนที่ทีมงานพาไปทานอาหารทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ แพรภัทรก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอีก เพราะรัญชน์รวิชญ์ดูเหมือนจงใจหลีกเลี่ยงการนั่งใกล้เธออย่างเห็นได้ชัด ยิ่งตอนมื้อค่ำที่เธอบังเอิญหันไปเจอเขายืนมองเหมือนกำลังรอดูจังหวะอยู่ว่าเธอจะไปนั่งตรงไหน จากนั้นเขาก็เลือกเดินไปยังอีกโต๊ะที่ปราศจากเธออย่างไม่มีความสมเหตุสมผลในการเลือกตำแหน่งเลย…
แม้จะรู้สึกสะดุดใจตรงจุดนี้อย่างหนัก แต่แพรภัทรก็ยังพยายามเตือนตัวเองว่าเธอคงคิดมากเกินไปอีกแล้ว เพราะคนอย่างรัญชน์รวิชญ์คงไม่เก็บเรื่องหยุมหยิมอย่างอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ บนเครื่องบินแค่นั้นมาเป็นประเด็นดราม่าในการเหม็นหน้าใครสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานนี้เธอเป็นแค่ช่างแต่งหน้าโนเนมที่บังเอิญได้เข้ามารับจ็อบพิเศษให้กองถ่าย หาใช่บุคลากรคนสำคัญที่เขาจำเป็นต้องร่วมงานด้วยบ่อยๆ ไม่ พอเสร็จงานนี้ก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
สาเหตุที่ทำให้แพรภัทรได้งานพิเศษในครั้งนี้เป็นเพราะอรณีทราบว่าเธอตั้งใจจะมาสตูลเพื่อแก้บนเรื่องที่เคยอธิษฐานไว้กับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง หล่อนจึงเสนองานนี้ให้โดยมีเงื่อนไขว่าแพรภัทรจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ในการทำหน้าที่ช่างแต่งหน้าทำผมประจำกองถ่าย แต่ถือว่าได้มาเที่ยวฟรี พักฟรี กินฟรี และได้มาทำภารกิจแก้บนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย โดยที่เครื่องสำอางและอุปกรณ์การใช้งานสำหรับเธอครั้งนี้นั้นทางกองถ่ายจะจัดหามาให้เอง
“จริงๆ เขาก็ไม่ได้ดีไปเสียหมดทุกอย่างหรอก” อรณีตอบด้วยความเป็นกลาง “ปกติรันก็ทำเรื่องเหลวไหลเอาแต่ใจอยู่บ้างเหมือนกัน ตอนทำงานเวลาไม่พอใจอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็มีเหวี่ยงบ้างแหละ เพียงแต่มันยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติที่ยอมรับได้ และไม่แย่ถึงขั้นเป็นข่าวเสียหายอะไรออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แต่ก็เห็นเคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงอยู่บ้างนะ อาจจะเพราะเขาค่อนข้างเฟรนด์ลี่…ดีกับทุกคนไปทั่ว บางทีก็เลยจะเหมือนไปให้ความหวังจนผู้หญิงเขาเข้าใจผิด แต่พี่ว่าเขาน่าจะไม่ได้ตั้งใจ”
“แสดงว่าอ่อยเก่งมาก”
“ก็ไม่เชิงนะ เขาอาจจะแค่ชอบทำตัวน่ารักกับคนอื่นไปทั่วจนเป็นนิสัย โดยเฉพาะกับผู้หญิงสวยๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องแฟนจริงๆ ตั้งแต่เข้าวงการก็เคยเห็นมีอยู่ชัดๆ แค่คนเดียวคือคุณนัท-ณัฐนรี ไตรทศ ลูกสาวอดีตรัฐมนตรีที่เป็นไฮโซด้วยกัน นอกนั้นก็แค่มีข่าวประมาณว่ากิ๊กกั๊กกันแล้วก็คบๆ เลิกๆ ยังไม่เคยชัดเจนหรือได้ยินว่าจริงจังกับคนไหนถึงขั้นพาเข้าบ้านอย่างคุณนัท แต่อย่างรันนี่ก็ยังไม่ถึงกับเรียกว่าเจ้าชู้หรอก เพราะเขาไม่เคยมีข่าวว่าเทใครแรงๆ มาก่อน ไม่มีเรื่องนอกใจ คบซ้อน หรือเคยหลอกใครเล่นๆ พี่คิดว่านอกจากคุณนัทคงมีแค่คนที่คุยๆ กันแต่ไปไม่ถึงไหนก็เลิกหมด แต่ละคนคงยังไม่ถึงขั้นเรียกว่าแฟน ได้ยินว่าที่บ้านเขาหวงหนักมาก หรือที่จริงอาจจะเพราะไม่เคยมีใครผ่านด่านผู้ใหญ่ที่บ้านได้ รันเขาก็เลยไม่เคยเป็นแฟนใครจริงจังอีกนอกจากคุณนัท”
“เขาเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ก็พอจะเข้าใจได้นะคะว่าทำไมที่บ้านหวง ถ้าหนูเป็นแม่เขาล่ะก็ ใครเข้าใกล้ลูกชายทีก็คงอดไม่ได้ที่จะสแกนถี่ยิบหัวจดเท้า”
“แต่ดูเหมือนว่าคนที่หวงรันหนักๆ ไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่หรอก แต่เป็นพวกป้าๆ ที่หวงหลานชายคนโปรดยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ จนถึงตอนนี้เลยยังไม่เคยมีใครผ่านด่านคุณป้าได้ เธอไม่เคยเห็นข่าวเม้าท์เลยเหรอ เรื่องที่เขาเลิกกับแฟนคนล่าสุดมันเอิกเกริกไม่เบาเลยนะ เพราะมีดราม่าว่าครอบครัวเขาไม่ปลื้มฝ่ายหญิง ทั้งที่อีกฝ่ายแสนจะเพอร์เฟ็กต์”
“หนูไม่ได้ตามข่าวดาราขนาดนั้นหรอกค่ะ ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่ทอล์กออฟเดอะทาวน์ขนาดไหนบางทีก็ไม่เคยได้ยิน”
“เออ จริงสิ ก็เธอมันสายหนังสายเกมสายการ์ตูนนี่นา” อรณีพึมพำ ก่อนจะเล่าต่ออย่างเริ่มออกรส “แต่ว่าเรื่องที่คุณรันเลิกกับคุณนัทเป็นเรื่องที่คนเขาเม้าท์กันจะตายทำไมไม่เคยได้ยิน ที่ผู้หญิงเขาโดนคุณป้าคุณรันปัดตกจากตำแหน่งว่าที่หลานสะใภ้ ทั้งที่นางออกจะสมบูรณ์แบบปานเจ้าหญิง แถมคุณพ่อคุณแม่รันก็ให้ผ่านแล้วด้วย เป็นเพราะคุณป้าทั้งสองดันไปเห็นคลิปหลุดที่คุณนัทแกไปเมาเย้วๆ อยู่ในปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เธอเลยโดนตั้งข้อหาว่าเป็นสาวปาร์ตี้ขี้เมาที่หยาบคายไม่ได้มาตรฐานกุลสตรี ได้ยินว่าตอนนั้นพ่อแม่คุณนัทโกรธจะเป็นจะตายจนแทบจะตัดญาติขาดมิตรกับบ้านรัน ก็ป้าเล่นไปว่าลูกสาวเขาแบบนั้นโดยตัดสินจากคลิปงานปาร์ตี้ ทั้งที่จริงลูกเขาก็ไม่ได้มีอะไรแย่เลยสักนิด”
“แล้วตอนนั้นทั้งสองคนเขาก็ยอมเลิกกันไปง่ายๆ เลยน่ะเหรอคะ”
“ข่าวว่าเลิกไปเลย แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่พี่เป็นคุณนัทก็คงแหยงจนไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว พี่เจนที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของรันก็เป็นคนที่ป้าๆ เขาเลือกเฟ้นมาอย่างดีเพื่อให้มาช่วยดูแลหลานชายแทน คงเป็นกึ่งๆ สปายที่คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้คุณป้านั่นแหละ แต่ทริปนี้พี่เจนนางไม่ได้มาด้วยเพราะป่วยกะทันหัน รันเลยได้ฉายเดี่ยว ปกติคุณป้าไม่มีทางยอมให้หลานชายไปไหนโดยไม่มีคนของตัวมาคอยคุมหรอก”
“ท่าทางคุณป้าทั้งสองของคุณรันจะน่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยนะคะ ถ้าหวงขนาดนี้มีหวังคุณรันได้ขึ้นคานเพราะคุณป้าแน่ น่าเสียดายความหล่อ ความดี ความเพอร์เฟ็กต์ จริงๆ แล้วคนแบบนี้ควรมีแฟนแล้วรีบแต่งงานมีลูกเร็วๆ” แพรภัทรกล่าวอย่างจริงใจยิ่ง
“พี่ว่าถ้าเขาเจอคนที่อยากได้จริงๆ คนอย่างรันเขาก็คงไม่ยอมใครง่ายๆ หรอกแม้แต่คุณป้า ปกติอาจจะดูสุภาพอ่อนโยน แต่จริงๆ แล้วเขาเอาแต่ใจมากเลยนะ ยิ่งเวลาไม่พอใจอะไรขึ้นมาทีเขาก็เกรี้ยวกราดใช่ย่อยอยู่เหมือนกัน พี่เคยเห็นเขาโมโหตอนทีมงานทำงานพลาดอยู่ครั้งสองครั้ง ดุเอาเรื่องพอสมควรเลยล่ะ ที่เห็นนุ่มนวลเป็นส่วนใหญ่นั่นก็แค่เพราะเขาวางตัวดีมีมารยาทเท่านั้น”
“ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะค่ะ ฟังแล้วค่อยหมดห่วงหน่อย เพราะถ้าขนาดลูกสาวอดีตรัฐมนตรีคุณป้าเขายังไม่ปลื้ม คงไม่มีผู้หญิงจะทำให้ปลื้มได้แล้ว” แพรภัทรว่าพลางถอนใจโล่งอกราวกับกลัวว่ารัญชน์รวิชญ์จะขึ้นคานจริงๆ
“แล้วเธอจะไปห่วงเขาทำไม ห่วงตัวเองก่อนไหม เธอบอกว่ามารอบนี้ก็เพื่อจะมาแก้บนเรื่องเก่า แต่ก็ยังหาเรื่องใหม่ไปบนเพิ่มอีก นี่ถ้าบนแล้วสำเร็จก็แปลว่าต้องกลับมาแก้บนอีกรอบเหรอ ถามจริงเถอะว่างานของเธอมันจะต้องใช้ไสยศาสตร์ช่วยไปตลอดเลยรึไง”
แพรภัทรทำหน้ามุ่ยก่อนจะถอนหายใจเฮือก เธอเอนตัวลงนอนแล้วบอกว่า “ก็มันจำเป็นนี่นา อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของหนูเอง ถ้าของเล่นที่จะเอาไปแสดงในงานขายของเล่นที่ฮ่องกงล็อตนี้ขายหมดเกลี้ยง หนูจะได้เริ่มทำตัวใหม่อย่างสบายใจเต็มที่เสียที”
แพรภัทรมีอาชีพอิสระเป็นศิลปินผู้ออกแบบและผลิตผลงาน Art Toys หรือ Designer Toys ซึ่งเป็นฟิกเกอร์โมเดลของเล่นชนิดหนึ่ง เธอทำเองตั้งแต่ออกแบบคาแร็กเตอร์ ปั้นโมเดลสามมิติโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ พิมพ์โมเดลออกมาด้วยเครื่องพิมพ์รูปทรงสามมิติ แล้วลงสีเอง จัดทำแพ็กเกจจิ้ง ตลอดจนจัดการเรื่องงานขายทุกขั้นตอน โดยเปิดสตูดิโอเล็กๆ ของตัวเองอยู่ที่บ้านหลังออกจากงานประจำเมื่อสองปีก่อนเพื่อมาเป็นฟรีแลนซ์รับงานอิสระ
การทำอาร์ตทอยส์ถือเป็นงานอดิเรกที่เธอรักที่สุดและทำออกมาได้ค่อนข้างดี แต่ตอนนี้มันกลายเป็นงานหลักอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่แค่งานอดิเรกอีกต่อไปแล้ว เธอลงทุนลงแรงกับมันไปค่อนข้างหนัก จึงต้องพยายามทุ่มเทอย่างมาก ซึ่งก็ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาฝีมือสร้างชื่อให้ตัวเองอีกนานกว่าจะเติบโตไปเป็นศิลปินแถวหน้าที่วงการอาร์ตทอยส์ยอมรับ แม้จะสนุกแต่ก็เหนื่อย และตอนนี้ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงพอสมควร
“ยังไงก็อย่ามัวแต่สนใจแค่งานตัวเองจนลืมงานที่พี่ดีลมาให้ล่ะ ถ้าส่งต้นแบบไม่ทันตามสัญญาเธอจะโดนค่ายเขาฟ้องเอานะยายแพร งานนี้สัญญาเขาละเอียดจริงจังและมีมูลค่าทางธุรกิจสูง ไม่ใช่งานเล็กๆ แบบที่เธอเคยรับมาก่อน แต่ถ้างานนี้ปังขึ้นมาก็สบายแบบกินยาว ตอนนี้มีศิลปินนักแสดงเบอร์ใหญ่ๆ ของค่ายที่เขาแพลนจะทำฟิกเกอร์โมเดลขายแฟนคลับต่อจาก ‘ลัคกี้’ วง ‘เซย์ชีส’ อีกหลายรายเลยนะ ตั้งใจทำงานนี้ให้มากๆ ล่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ มาเที่ยวนี้หนูก็ตั้งใจจะมาบนขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องนี้ด้วยนั่นแหละ”
อรณีฟังแล้วกลอกตาใส่ญาติผู้น้องอย่างอ่อนใจ “พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปี”
“ก็ตอนนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของหนูเลยนี่นา”
“งั้นก็หาแฟนดีๆ สักคนสิ จะได้มีคนคอยเป็นทั้งที่ปรึกษาและกำลังใจอยู่ข้างๆ ทุกวันโดยไม่ต้องลงทุนบินไปบินมาเพื่อบนแล้วก็กลับมาแก้บนให้เมื่อย”
“หาง่ายมากเลยเนาะ แฟนดีๆ”
“มันไม่ได้ยากเท่าที่เธอคิดหรอกน่าถ้าตั้งใจจริงๆ”
“แต่หนูว่าบินกลับมาแก้บนง่ายกว่า”
“งั้นเที่ยวนี้เธอก็ลองบนขอแฟนดูด้วยสิ”
“ขอทีเดียวหลายเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจจะสับสน รอบนี้พอจัดลำดับความสำคัญแล้วหนูคงต้องขอเรื่องงานเป็นหลักก่อน”
“ขอๆ ไปเถอะน่า พี่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านฉลาดพอที่จะช่วยเธอจัดลำดับความสำคัญได้ เผลอๆ น่าจะทำได้ดีกว่าเธอคิดเอาเอง ท่านอาจจะสามารถช่วยเธอเลือกเรื่องที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก่อน แล้วถ้ามันมีความเป็นไปได้ทุกข้อก็คงได้ทุกอันเองนั่นแหละ แต่อาจจะค่อยๆ เป็นจริงตามลำดับก่อนหลังตามความเหมาะสม”
“แต่ตอนนี้หนูไม่มีผู้ชายที่ชอบเลยนี่นา ไม่อยากขอมั่วๆ หนูอยากมีความรักและได้ลงเอยกับคนที่หนูรักจริงๆ เท่านั้น มันน่าจะฟินกว่าคว้ามาแก้เหงามั่วๆ แบบว่าเป็นใครก็ได้”
“งั้นเธอมีศิลปินอาร์ตทอยส์ที่ตัวเองแอบปลื้มอยู่บ้างไหม”
“มีเพียบเลยค่ะ แต่ดันมีเมียกันหมดแล้ว”
“คนข้างบ้านล่ะ”
“ทั้งบ้านฝั่งซ้ายและฝั่งขวาต่างก็เป็นคุณน้าผู้หญิงที่ใจดีกับหนูมาก ใครๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหนูมีบุญจริงๆ ที่ได้เพื่อนบ้านแสนดีขนาดนี้ เพราะมันยากกว่าการได้ผัวดีเสียอีก”
“แล้วลูกค้าคนสำคัญทั้งหลาย?”
“ไม่มีเลยอ่ะค่ะ ยิ่งช่วงนี้เจอแต่ลูกค้าผู้น่าเลิฟจนน้ำตาไหลทั้งนั้นนน ทั้งพูดไม่รู้ฟัง เรื่องมาก จ้องแต่จะเอารัดเอาเปรียบ เยอะสิ่งจิงเกิลเบลแบบโซอะล็อตแบบสุดๆ พูดแล้วขนลุกเลยเห็นไหมคะ” เธอว่าพลางยื่นแขนให้คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ ดูอาการขนลุกชัดๆ
“ทำไมชีวิตเธอมันอับเฉาเหี่ยวแห้งน่าเบื่อซังกะตายได้ขนาดนี้เนี่ยยายแพร พ่อกับแม่เธอรู้บ้างไหมว่าลูกสาวมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายและแสนจะรันทด แถมยังเสี่ยงขึ้นคานเบอร์นี้”
“น่าจะรู้นะคะ เพราะแกก็พยายามหาลูกเขยมาให้เลือกอยู่ทุกวัน แต่ทุกคนที่พ่อกับแม่หามาให้…ถ้าจะลงเอยกันจริงๆ คือมีข้อแม้ว่าหนูต้องกลับไปอยู่บ้านนอกสถานเดียว แต่งานหนูตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในเมืองไปก่อน”
อรณีฟังแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกด้วยความรู้สึกสิ้นหวังตามน้องสาวไปด้วย “เอาเป็นว่าค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ ละกัน ถ้าถูกใจคนไหนขึ้นมาก็ค่อยไปบนขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอา ปีหน้าเธอก็จะสามสิบแล้วนะ พี่ว่าตอนนี้พี่เป็นห่วงเธอเรื่องหาผัวมากกว่าเรื่องหน้าที่การงานเสียอีก อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่งั้นกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คงขึ้นไปอยู่บนคาน”
“แต่ถ้าหาได้คนแย่ๆ ขึ้นคานอยู่คนเดียวจะไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ชีวิตคนเรามันก็ต้องเลือกเอาสักทางน่ะนะว่าอยากจะเหงาตาย หรืออยากวุ่นวายปวดหัวเพราะความรัก”
เช้าวันแรกในจังหวัดสตูล รัญชน์รวิชญ์ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกจากห้องไปเดินเล่นเลียบชายหาดตามปกติวิสัยของเขา ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะใช้เวลาเดินทอดน่องสักชั่วโมงหนึ่งก่อนแล้วค่อยกลับไปกินข้าว วันนี้ทีมงานนัดเจอกันที่รถตู้ตอนเก้าโมงเช้า เพื่อจะเดินทางออกจากโรงแรมไปยังท่าเรือตามกำหนดการของกองถ่าย เขาจึงไม่ต้องรีบร้อน
ตอนที่ออกจากห้องพักเขาเจอ ‘ปูน’ ตากล้องของทางรายการที่กำลังจะออกมาเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าเข้าพอดี จึงเดินมาด้วยกัน ระหว่างที่เดินเล่นปูนก็ถือโอกาสขอถ่ายภาพรัญชน์รวิชญ์คู่กับทิวทัศน์ท้องทะเลไปหลายภาพ
“คุณรันสนใจมากับเราอีกสักทริปไหมครับ” ระหว่างนั้นปูนก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ อย่างคนอัธยาศัยดี “พี่รักษ์ได้คุยให้ฟังบ้างรึยังว่าจบงานนี้เรายังต้องลงมาสตูลกันอีก เพราะมีโปรเจ็กต์ต่อเนื่องกับทางแกนนำเยาวชนในพื้นที่ และ สกว. เกี่ยวกับการรณรงค์เรื่องการทิ้งขยะในทะเล”
“สกว. นี่คือหน่วยงานไหนหรือครับ”
“สำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัยน่ะครับ น้องที่เป็นแกนนำเยาวชนในพื้นที่นี้เขาเคยได้รับงบประมาณจากทาง สกว. มาทำงานวิจัยและพัฒนาในหัวข้อเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของจังหวัดสตูล แล้วผลงานของเขาก็ไปคว้ารางวัลจากต่างประเทศมาได้ ทางรายการเราเลยจะเข้ามาเป็นสื่อช่วยต่อยอดให้ทาง สกว. กับผลงานวิจัยของน้องเขาอีกแรง เป็นการกระจายข่าวสู่สังคมทั่วประเทศไปด้วยว่าทางหน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณสนับสนุนโครงการงานวิจัยเพื่อสังคมในส่วนนี้อยู่”
“เรื่องนี้พี่รักษ์ยังไม่ได้พูดให้ผมฟังเลยนะครับ แต่น่าสนใจมาก ไว้ผมจะลองไปคุยดูเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง…” เขาพูดแล้วก็พลันชะงัก เมื่อมองไปข้างหน้าห่างออกไปเกือบยี่สิบเมตร แล้วเห็นใครบางคนที่มีลักษณะค่อนข้างคุ้นตากำลังก้มๆ เงยๆ ทำอะไรบางอย่างอยู่
“นั่นน้องสาวพี่อรนี่นา ใช่ไหมครับ ทำไมถึงออกมาเดินเก็บขยะกับคนงานโรงแรมได้” ปูนว่าพลางหยุดยืนเก็บภาพของแพรภัทรที่สวมถุงมือและถือถุงดำใบใหญ่เอาไว้ กับชายสูงวัยคนงานของโรงแรมที่กำลังใช้คราดลากขยะมากองรวมกัน
“เขาไม่ใช่ทีมงานประจำของรายการใช่ไหมครับ”
“แพรเป็นน้องสาวโปรดิวเซอร์รายการเราครับ งานนี้พี่อรแค่ดึงมาช่วยเฉพาะกิจ รายการออกค่าเดินทางกับค่าที่พักให้ แต่ไม่มีค่าแรง”
รัญชน์รวิชญ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“หลักๆ คือทริปนี้แพรเขามาเพื่อแก้บนอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ไม่ได้ตั้งใจมาทำงานกับเราหรอก แต่ที่ยอมมาช่วยกองถ่ายฟรีๆ ก็เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่ากินค่าอยู่”
“มาแก้บนเนี่ยนะ”
“ครับ ดูเหมือนเขาจะเคยมาบนอะไรสักอย่างไว้ที่โบราณสถานบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แล้วพอคำขอเป็นจริงขึ้นมาก็เลยต้องกลับมาแก้บน”
เท่าที่รัญชน์รวิชญ์สังเกตเห็นมาตั้งแต่ตอนเจอกันบนเครื่องบิน แพรภัทรมิได้มีท่าทีอะไรกับเขาเกินธรรมดาแต่อย่างใด เธอไม่ได้พยายามแสดงตัวว่าเป็นแฟนคลับของเขาเลยด้วยซ้ำ จนบางครั้งเขาก็ลังเลว่าสิ่งที่ตัวเองสงสัยว่าเธออาจเป็นแฟนคลับผู้มีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจซึ่งกำลังตามคุกคามเขาทางโซเชียลอยู่นั้นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่พอเจอหลักฐานทั้งกระเป๋า รองเท้า พวงกุญแจ และนาฬิกาที่เธอใช้แล้วเขาก็ไม่อาจตัดความระแวงที่มีทิ้งไปได้
“แพรนี่เป็นคนดีกว่าที่พี่คิดเยอะเลยนะ นึกว่านอกจากงกแล้วจะขอเก่งบนเก่งอย่างเดียว แต่นี่มีการตื่นแต่เช้ามาเก็บขะหย่งขยะ…”
แพรภัทรหันไปมองตามเสียงแซวดังกล่าว แล้วยิ้มกว้างให้ปูนกับรัญชน์รวิชญ์ด้วยความภาคภูมิใจ “ที่พี่ปูนคิดอยู่น่ะถูกต้องแล้วล่ะค่ะ นอกจากงกก็บนเก่งอย่างเดียวจริงๆ เพราะที่ตื่นมาเก็บขยะเช้านี้ก็เพราะหนูบนเอาไว้ว่าถ้าได้มาทำงานในทริปนี้กับพี่อรและได้มาสตูลแบบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย หนูจะตื่นมาเก็บขยะบนหาดโรงแรมทุกเช้า”
ปูนฟังแล้วถึงกับหลุดปากอุทานคำหยาบออกมาอย่างเหลือเชื่อแกมผิดหวัง “เชื่อเลยยย สายมูที่แท้!”
“อยากช่วยกันหน่อยไหมคะ หนูเตรียมถุงดำมาเผื่อด้วยนะ” เธอว่าแล้วหยิบถุงขยะจากกระเป๋าหลังกางเกงยีนออกมาส่งให้ชายหนุ่มทั้งสอง รัญชน์รวิชญ์ไม่ได้พูดอะไรแต่ยื่นมือมาหยิบไปอย่างไม่ลังเล
“เฮ้ยยย อันนี้ดีๆ พี่ขอจับภาพตอนคุณรันเก็บขยะเอาไว้โปรโมตรายการหน่อยสิ แพร…ถอย!”
แพรภัทรทำคิ้วขมวดมองตากล้องรายการอย่างขัดใจ ก่อนจะรีบถอยออกจากเฟรมแต่โดยดี เธอยืนมองปูนถ่ายภาพรัญชน์รวิชญ์เดินเก็บขยะตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลี่ยงไปเดินเก็บขยะทางอื่นอย่างสงบตามลำพัง
เช้าวันที่สอง รัญชน์รวิชญ์ตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปเดินเล่นก่อนทานอาหารเช่นเดียวกับเมื่อวาน แต่ตั้งใจว่าวันนี้เขาจะพยายามระวังไม่ให้ไปเจอกับแพรภัทรเข้าอีก ทว่าทันทีที่เปิดประตูออกมาจากห้องก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเสียงทักทายของอรณี…
“จะไปเดินเล่นเหรอรัน ไปด้วยกันไหม พี่กำลังจะไปเก็บขยะแก้บนเป็นเพื่อนแพร”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเป็นมิตรออกมาท่ามกลางความรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจที่เขาสามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้อย่างมิดชิด “ผมกะว่าจะไปทานข้าวก่อนครับ แล้วค่อยไปเดินเล่น”
“แต่นี่ยังไม่เริ่มเวลาอาหารเช้าเลยนี่นา ระหว่างรอก็ไปเดินเล่นด้วยกันก่อนสิ” อรณีคะยั้นคะยอ
รัญชน์รวิชญ์เหลือบไปสบตากับแพรภัทรแวบหนึ่ง เธอกำลังมองเขาอยู่เงียบๆ เหมือนอ่านออกว่าเขารู้สึกลำบากใจกับการชักชวนของอรณี ถึงแม้เธอจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี แต่ในความเป็นจริงตอนนี้คือเธอยังไม่ได้คุกคามสร้างความเสียหายอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน และเขายังฟันธงไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอคือแฟนคลับโรคจิตรายนั้นจริงๆ
แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงโดนก่อกวนด้วยการส่งข้อความมาป่วนไม่เลิก ใจหนึ่งชายหนุ่มอยากจะบล็อกบัญชีผู้ใช้ไอจีที่ชื่อ ‘Pearlypare’ ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าคนที่ให้คำปรึกษาเขาในเรื่องนี้แนะนำว่าไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะหากอีกฝ่ายมีอาการผิดปกติทางจิตเกินกว่าที่คิด อาจจะเกิดความไม่พอใจจนตัดสินใจก่อเรื่องรุนแรงเกินคาดเดาขึ้นเมื่อโดนเขาบล็อก อย่างน้อยการรับรู้และได้เห็นความเคลื่อนไหวพร้อมทั้งทราบความคิดหรือเจตนาต่างๆ ของหล่อนย่อมทำให้เขาปลอดภัยมากกว่า เขาเป็นคนที่อยู่ในที่แจ้งซึ่งอาจจะโดนคนในที่มืดทำอันตรายได้ง่าย
อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้รัญชน์รวิชญ์ก็ได้รับข้อความกับรูปภาพจาก ‘Pearlypare’ อีกครั้ง เป็นภาพถ่ายวิวทะเลของจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ในบริเวณเดียวกันกับจุดที่เขาไปถ่ายทำรายการเมื่อวานนี้…
หลังจากได้คลุกคลีร่วมงานกันตลอดสองวันที่ผ่านมา รัญชน์รวิชญ์ก็ย้ำกับตัวเองว่าเขาจำเป็นต้องระวังตัวจากแพรภัทรให้หนักกว่าเดิม แม้เธอจะออกตัวว่าไม่ได้เป็นแฟนคลับเขาก็ตาม เธอบอกทุกคนว่าชื่นชอบและได้ชมผลงานของเขาเป็นประจำ แต่ไม่ได้ติดตามใกล้ชิดในฐานะแฟนคลับ ทว่าเขาเชื่อแน่ว่าเธอโกหก เพราะตอนนี้รัญชน์รวิชญ์ค่อนข้างมั่นใจไปเกินกว่าครึ่งแล้วว่าเธอกับ ‘Pearlypare’ คือคนเดียวกัน แต่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการระวังตัวจากเธออย่างเงียบๆ
“ผมว่าจะไปถ่ายรูปวิวแถวห้องอาหารเช้า แล้วนั่งอัพรูปเล่นรอกินข้าว เสร็จค่อยไปเดินที่หาด”
“เอ… งั้นเราไปกินข้าวกับรันก่อนดีไหมแพร แล้วค่อยไปเดินเก็บขยะ เดินๆ อยู่จะได้ไม่หิวแล้วต้องรีบกลับ”
“แต่หนูอยากไปเดินเก็บขยะก่อน แล้วเมื่อวานคุณรันก็โดนหนูกับพี่ปูนรบกวนตอนเดินเล่นไปทีหนึ่งแล้ว จนต้องมาช่วยเก็บขยะอยู่ตั้งนาน ที่สำคัญหนูเคยอ่านบทสัมภาษณ์ คุณรันบอกว่าเวลามาเที่ยวทะเล เขาเกลียดการโดนคนรบกวนมากที่สุด เขาชอบอยู่กับธรรมชาติเงียบๆ มากกว่า และชอบอยู่กับทะเลมากกว่าอยู่กับคน เหตุผลที่เขาเลี้ยงหมา…ก็เป็นเพราะปกติแล้วเขาชอบคุยกับสัตว์มากกว่าคน เขาบอกว่าถ้าหมาพูดได้วันๆ เขาอาจจะไม่คุยกับคนโดยไม่จำเป็นเลย”
อรณีฟังแล้วเบิกตาโต หันขวับไปมองรัญชน์รวิชญ์ “จริงเหรอรัน!”
“เอ่อ… ครับ”
“ตายแล้วยายแพร ไหนบอกว่าเธอไม่ใช่แฟนคลับรันไง ทำไมรู้เรื่องเขาละเอียดขนาดนี้ล่ะ พี่เคยทำงานกับเขามาตั้งหลายครั้งยังไม่รู้เลย”
“หนูแค่บังเอิญไปอ่านเจอ” เธอบอกพร้อมกับมองหน้ารัญชน์รวิชญ์ยิ้มๆ และเขาก็ฝืนมีมารยาทยิ้มตอบเธออย่างมีเสน่ห์ชวนมอง แต่แพรภัทรรู้สึกได้ว่าเขากลั้นอาการแสยะยิ้มเอาไว้แทบตาย
“โอเค งั้นเราสองคนก็ไปที่หาดเถอะ” อรณีบอกแพรภัทรเป็นการสรุป “ตามสบายนะรัน เดี๋ยวเจอกันที่รถ”
พอแยกตัวจากรัญชน์รวิชญ์มาแล้ว อรณีก็เอ่ยปากออกมาอย่างอดสงสัยไม่ได้ “ท่าทางเธอเวลาอยู่ต่อหน้ารันดูแปลกๆ นะแพร พี่ว่าเธอมองเหมือนกับไม่ไว้ใจอะไรเขาสักอย่าง…”
แพรภัทรฟังแล้วเกือบสำลักออกมาอย่างเหลือเชื่อ “พี่อร! เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ที่พี่ว่ามาเนี่ย…มันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเลย คุณรันต่างหากที่ดูแปลกๆ เหมือนไม่ไว้ใจหนู นี่พี่อรดูไม่ออกจริงๆ หรือคะว่าเขามักจะทำท่ากระอักกระอ่วนยังไงชอบกลเวลาอยู่ใกล้หนู”
“รันเนี่ยนะกระอักกระอ่วนเพราะเธอ”
“เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันแรกแล้วค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าหนูคิดไปเอง แต่พอเห็นปฏิกิริยาเขาเมื่อกี้นี้แล้วหนูก็มั่นใจเต็มร้อยเลยว่าเขาคงนึกระแวงอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ พี่อรคงไม่ทันรู้สึก แต่หลังจากนี้ก็ลองสังเกตดูนะคะว่าเขาพยายามหลบเลี่ยงหนูแบบเห็นได้ชัดมาก บางทีเขาจะมองหนูด้วยสายตาเหมือนเด็กกลัวหมาอ่ะ”
อรณีอึ้งงันไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะหลุดขำออกมายกใหญ่ “แต่เธอกับเขาไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาต้องกลัวเธอเหมือนเด็กกลัวหมาด้วยล่ะ”
“จริงสิ หนูยังไม่ได้เล่าให้พี่อรฟังว่าตอนขึ้นเครื่องบินขามาเกิดอะไรขึ้น”
“อะไรเหรอ”
“หนูทำแฮนด์ครีมกระฉูดใส่หน้าเขาค่ะ เปรอะเต็มแว่นเลย เลอะหน้าเขาอีกต่างหาก”
“หาาา!”
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ หนูลืมคิดถึงเรื่องแรงดันอากาศก็เลยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น แต่เขาคงโกรธมากจริงๆ ไม่รู้เข้าใจว่าหนูเจตนาจะแกล้งเขารึเปล่า เขาอาจจะคิดว่าหนูตั้งใจทำแบบนั้นเพื่อจะอ่อย ทอดสะพาน ชวนคุย หรือหาเรื่องตีสนิท หรือว่าอะไรสักอย่าง เขาก็เลยไม่พอใจมากจนกลายเป็นหลอนแบบเก็บอาการไม่อยู่ไปเลย”
“ตายแล้ววว ทำไมไม่รีบบอกพี่”
“ก็ตอนแรกหนูไม่แน่ใจ นึกว่าคิดไปเอง ไม่นึกว่าเขาจะโกรธเพราะเรื่องแค่นั้นจริงๆ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูก็พยายามทำดีกับเขา ตามใจเขา เอาอกเอาใจเขาสารพัด แต่ดูเหมือนว่ายิ่งหนูทำดีด้วยเขากลับยิ่งทำท่าแหยงๆ เหมือนอยากจะวิ่งหนีไปไกลๆ ทุกที อย่างตอนกินข้าวหนูพยายามบริการเต็มที่ แต่เอาอะไรไปให้เขาจะไม่ยอมแตะเลยล่ะค่ะ ท่าทางระวังตัวเว่อร์มากเหมือนกลัวหนูวางยาพิษ ถึงจะโกรธเรื่องบนเครื่องบินแต่จริงๆ หนูขอโทษไปแล้วเขาก็น่าจะจบนะคะ ท่าทางเขาก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเสียหน่อย… แต่ก็…จังหวะนั้นเขาอาจจะตกใจมากจริงๆ จนเสียขวัญ เลยโกรธไม่หายจนป่านนี้ ก็หน้าเขาออกจะใสกิ๊กเบอร์นั้น อาจจะเป็นห่วงกลัวว่าแฮนด์ครีมถูกๆ ของหนูจะทำให้หน้าเขาพัง”
“อะไรกันเนี่ย…” อรณีพึมพำอย่างเหลือเชื่อ “งั้นเธอก็ลองไปขอโทษเขาดูอีกทีละกันนะ ขอโทษไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ปกติรันก็ไม่ใช่คนจิตใจคับแคบที่โกรธใครง่าย หรือชอบถือสาหาความด้วยเรื่องเล็กๆ แค่นี้”
“แต่หนูไม่กล้าแล้วอ่ะค่ะ หนูว่าหนูลองทำไปหมดแล้วทุกวิธีแต่ก็ไม่ได้ผลอะไร เลยไม่อยากไปยุ่มย่ามให้เขารำคาญอีก เอาเป็นว่าพี่อรอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครละกันนะคะ และก็ไม่ต้องไปพูดอะไรกับคุณรันหรอก หนูไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจไปมากกว่านี้ เดี๋ยวก็จะจบทริป เสร็จงานนี้หนูกับเขาก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วด้วย เขาจะคิดยังไงก็ช่างเขาเถอะ”
อรณีทำคิ้วขมวดอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย “แล้วถ้าเกิดมีงานให้ต้องเจอกันอีกล่ะ ปล่อยให้กินแหนงแคลงใจกันแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ แล้วรู้ไหมว่าปกติถึงรันเขาจะเป็นคนสุภาพใจดี แต่อย่าให้เหม็นหน้าใครเข้าเชียว เพราะเวลาไม่พอใจอะไรขึ้นมาเขาก็ด่าแรงและปากร้ายพอสมควรเลยล่ะ”
“หนูก็พอจะดูออกอยู่หรอกว่าท่าทางคุณรันน่าจะร้ายใช่ย่อย เซ้นส์หนูก็ค่อนข้างแรงพอตัวเวลาใครคิดยังไง เลยรู้สึกชัดว่าคุณรันไม่ชอบหนู แต่เขาเก็บอาการเก่งมาก… ช่างมันเถอะค่ะ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่เคยพูดจาแย่ๆ ใส่ ถึงจะไม่พอใจแต่เขาก็พยายามมีมารยาทและวางเฉยที่สุด เวลาหนูเข้าใกล้จะเห็นชัดเลยว่าเขามีท่าทางกระอักกระอ่วนแบบต้องกลั้นอกกลั้นใจน่าดู สงสัยตอนทำแฮนด์ครีมกระฉูดใส่ หนูคงทำให้เขาเสียขวัญอย่างหนัก ถึงได้โกรธจนไม่อยากจะมองหน้ากันขนาดนี้”
อรณีฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจเฮือก เลิกคิดที่จะเคี่ยวเข็ญอีกฝ่ายให้ไปขอโทษรัญชน์รวิชญ์ในที่สุด “งั้นเวลาที่เหลืออยู่นี่ก็หลับหูหลับตาทำงานให้เสร็จๆ ไปละกันนะ ถ้าเขาอยากเลี่ยงก็พยายามเลี่ยงให้เขาซะจะได้ไม่เกิดปัญหา เธอเองก็จะได้ไม่ต้องอึดอัดเกินไปด้วย”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.