X
    Categories: LOVEขอสักที... จะดีเพื่อเธอ ชุด ขอได้ไหมทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ขอสักที… จะดีเพื่อเธอ ชุด ขอได้ไหม… บทที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 3 ฉันนี่หรือคือซาแซง

การพบอิษฎาที่นี่ทำให้แพรภัทรตกใจพอสมควร ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเองก็ตกใจเช่นกันที่เห็นเธอ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรัญชน์รวิชญ์ ทั้งคู่ไม่มีอะไรคล้ายคลึงกันเลยไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา สีผิว บุคลิก การแต่งกาย ไลฟ์สไตล์ หรืออะไรก็ตาม แม้อิษฎาจะทำตัวติดดินและมีภาพลักษณ์ภายนอกที่ไม่บ่งบอกเลยว่าเป็นคุณหนูลูกเศรษฐี แต่เธอก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีฐานะและค่อนข้างมีระดับ ทว่าก็นึกไม่ถึงอยู่ดีว่าจะเป็นญาติสนิทของคนอย่างรัญชน์รวิชญ์ได้

ในสายตาของแพรภัทร อิษฎาเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกเซอร์ๆ ตรงๆ ง่ายๆ และดูสบายๆ อย่างแท้จริงในทุกแง่มุม ในขณะที่รัญชน์รวิชญ์…แม้จะเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ติดดินอย่างน่าประทับใจ อัธยาศัยดี จิตใจดี ไม่เรื่องมาก และดูเหมือนจะง่ายๆ สบายๆ ไม่ต่างกัน แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นคนถือตัว ซับซ้อน และไม่ใช่คนที่เข้าถึงง่ายเลย รัญชน์รวิชญ์แค่รู้จักคิด ฉลาด วางตัวเก่ง อยู่เป็น และมีมารยาทมากเท่านั้น

อันที่จริงแล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่อิษฎากับรัญชน์รวิชญ์จะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนเธอไม่เคยค้นพบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างพวกเขามาก่อน เพราะแม้แต่คนเป็นฝาแฝดกันก็ยังมีสิ่งที่แตกต่างกันมากมายอย่างเห็นได้ชัดอยู่นับไม่ถ้วน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแพรภัทรจะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอิษฎาเป็นอย่างดีทุกฝีก้าวแล้ว แต่สุดท้ายก็หลบไม่พ้นจนได้ ถึงใจจริงเธอจะอยากสะบัดหน้าเดินหนีไปจากตรงนั้นทันทีที่เจอเขา แต่ก็จำต้องฝืนใจรักษามารยาท…

“เจอหน้าผมก่อนอาหารเช้าแบบนี้พี่จะกินอะไรลงไหมครับ”

แพรภัทรยิ้มแกนๆ กับคำทักทายดังกล่าวโดยไม่พูดอะไร เธอเคยชื่นชอบอิษฎาอยู่ไม่น้อย เพราะถูกอัธยาศัยเขาเป็นอันมาก นับว่าเขาเป็นคนที่คุยภาษาเดียวกับเธอ ชอบอะไรเหมือนๆ กัน แต่ตอนนี้ไม่อยากจะมองหน้าเขาเลยจริงๆ

“นี่รู้จักกันด้วยเหรอ” อรณีถามอย่างแปลกใจขณะเดินไปห้องอาหารพร้อมกันกับแพรภัทรและอิษฎา

“ผมเคยเป็นลูกค้าพี่แพร แต่ไม่ได้เจอกันมาเป็นปี สงสัยจำกันไม่ได้แล้ว”

“ยายแพรความจำดีจะตาย ยิ่งหนุ่มหล่อไฮโซแบบอิษคงไม่มีใครลืมง่ายๆ หรอก ใช่ไหมแพร”

“เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ถึงผมจะเป็นญาติสนิทพี่รัน แต่ก็ไม่ได้ไฮโซระดับเดียวกับเขาหรอกนะครับ ที่รวยจริงๆ คือเป็นฝั่ง ‘ถิรยุทธ์’ ตระกูลทางคุณปู่พี่รันเขา”

“ถ่อมตัวไปได้ ฝั่งคุณแม่รันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน พี่พอจะรู้ข้อมูลครอบครัวพวกเธออยู่บ้างเหมือนกันนะ” อรณีบอกยิ้มๆ “แล้วนี่รันยังไม่ตื่นเหรอ”

“ตื่นแล้วครับ ไปเดินเล่นแต่เช้าแล้ว เขารีบหนีไปก่อนเพราะกลัวออกมาจ๊ะเอ๋กับพี่แพรเข้า…”

“อะไรนะ!” แพรภัทรที่เงียบมาตลอดได้ยินดังนั้นแล้วถึงกับอุทานออกมา

“ก็พี่รันเขาระแวงว่าพี่แพรเป็นแฟนคลับโรคจิตคนหนึ่งที่คอยส่งข้อความป่วนเขามาได้สักพักแล้ว เขาไม่อยากมีปัญหาเลยพยายามเลี่ยง”

“ใครเป็นแฟนคลับโรคจิตนะ พี่เนี่ยเหรอ!”

การถามด้วยอาการเหมือนจะสำลักคำพูดออกมาอย่างตื่นตกใจจนตาแทบถลนของแพรภัทร ทำให้อิษฎาต้องหัวเราะขำ อย่างน้อยการที่เขาลงทุนขายพี่ชายก็ทำให้เธอยอมคุยกับเขามากขึ้น…

“ผมบอกเขาแล้วว่าเรื่องนี้ต้องเป็นไปไม่ได้แน่ ถ้าสงสัยก็ให้มาถามพี่แพรตรงๆ ไปเลย แต่ดูเหมือนพี่รันเขาจะปักใจเชื่อจนหลอนไปแล้ว ก็เลยไม่ยอมมาคุยเรื่องนี้กับพี่แพรให้เข้าใจ”

“แล้วอะไรทำให้รันคิดว่าแพรเป็นแฟนคลับโรคจิต” นอกจากจะพิศวงงงงวยแล้ว อรณีก็ยังรู้สึกขำอย่างมากกับเรื่องนี้

“เพราะคนที่ส่งข้อความหาเขาใช้ชื่อแอ็กที่มันพ้องกับชื่อพี่แพรน่ะครับ แล้วรูปที่แฟนคลับคนนั้นส่งมาให้พี่รันก็มีแต่ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวที่มันคล้ายกันกับของที่พี่แพรใช้อยู่ตอนนี้ทั้งนั้น ยิ่งการที่พี่แพรได้เข้ามาทำงานในทริปนี้อย่างค่อนข้างผิดธรรมชาติ ก็ยิ่งทำให้พี่รันฟันธงว่าต้องใช่แน่ๆ”

“บ้าไปแล้ว ทำไมมีหลักฐานแค่นั้นแล้วด่วนสรุปแบบนี้ล่ะ ไม่สมกับเป็นรันเลย อย่างน้อยก็น่าจะมาคุยกับพี่ก่อนสิ” อรณีพูดด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งอย่างเหลือเชื่อแกมอ่อนใจ ไม่รู้จะหัวเราะเพราะขำหรือร้องไห้เพราะสงสารแพรภัทรดี “มิน่า ยายแพรถึงได้รู้สึกเหมือนรันเกลียดอะไรเขาอยู่ แต่ใครมันจะไปคาดคิดว่าตัวเองโดนตราหน้าว่าเป็นแฟนคลับโรคจิตที่เนียนเข้ามาเป็นทีมงานกองถ่ายได้”

แพรภัทรฟังแล้วช็อกจนมึน หน้าเธอชาดิกไปหมด รู้สึกโกรธจนขนลุกขนพองและร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่รัญชน์รวิชญ์ทำให้เธอรู้สึกฉงนสนเท่ห์ตลอดสามวันที่ผ่านมาพลันปรากฏขึ้นในหัวเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่มาช่วยตอกย้ำความจริงที่ว่ารัญชน์รวิชญ์ชิงชังรังเกียจเพราะคิดว่าเธอเป็นแฟนคลับโรคจิตที่ตามระรานชีวิตส่วนตัวของนักแสดงอย่างเขา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะมองเธอในแง่เลวร้ายได้ถึงเพียงนั้น จากตอนแรกที่เห็นหน้าอิษฎาแล้วรู้สึกหงุดหงิดแทบเป็นแทบตาย แต่ตอนนี้อารมณ์รุนแรงทั้งหมดของเธอได้ถูกโยนไปทางรัญชน์รวิชญ์จนหมดสิ้น

แต่ต้องนับว่ารัญชน์รวิชญ์โชคดีมากที่โดยปกติแล้วแพรภัทรเป็นคนที่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ค่อนข้างดี แม้ในยามที่โกรธจัดจนอยากจะฆ่าคู่กรณีให้ตายคามือ เธอก็ยังสามารถแยกแยะได้ระหว่างความรู้สึกกับการแสดงออก เธอรู้ดีว่าหากปล่อยให้ตัวเองระบายอารมณ์ออกมาตอนที่ความรู้สึกกำลังพลุ่งพล่านขนาดนี้ มันจะก่อให้เกิดผลเสียต่อทุกฝ่ายมากกว่าผลดี ดังนั้นตอนนี้เธอจึงเลือกที่จะอดทนและเก็บกลั้นโทสะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

 

เนื่องจากแพรภัทรยืนยันกับอิษฎาและอรณีว่าตอนนี้เธอยังไม่ต้องการรีบทำความเข้าใจกับรัญชน์รวิชญ์เกี่ยวกับเรื่องที่เขากำลังเข้าใจผิด เพราะไม่คิดว่าเขาจะยอมเชื่อเธอง่ายๆ แล้วมันอาจจะยิ่งทำให้ปัญหาเล็กๆ นี้บานปลายไปกันใหญ่จนเธอต้องกลายเป็นแฟนคลับโรคจิตในสายตาคนทั้งกองถ่ายไปเลย เพราะไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร พอเรื่องนี้ถูกเปิดเผย…ทุกคนก็คงเลือกที่จะเชื่อคนอย่างรัญชน์รวิชญ์มากกว่าคนอย่างเธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงยินดีจะถูกรัญชน์รวิชญ์เข้าใจผิดต่อไปแค่คนเดียว ดีกว่าถูกคนอื่นเข้าใจผิดไปด้วย เธอเชื่อว่าในวันที่แฟนคลับโรคจิตตัวจริงปรากฏตัวขึ้น ความจริงทั้งหมดก็คงกระจ่างขึ้นมาเอง

แม้แพรภัทรจะยืนยันแบบนั้น แต่อิษฎาก็ยังเลือกที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับรัญชน์รวิชญ์อยู่ดี เขาพูดขึ้นมาตอนที่เขากับรัญชน์รวิชญ์กำลังเก็บกระเป๋าของตัวเองอยู่ในห้องพักก่อนจะออกไปเช็กเอาต์ อิษฎายังจะพักอยู่ที่นี่ต่อแต่ต้องย้ายห้อง ส่วนรัญชน์รวิชญ์จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมทีมงานในวันนี้เลย

แล้วทันทีที่รัญชน์รวิชญ์รู้ว่าอิษฎาพูดเรื่องทั้งหมดให้แพรภัทรฟังเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตกใจและโกรธจะเป็นจะตาย

“นายไปบอกเขาทำไม ถึงฉันไม่ได้ห้ามแต่นายก็ต้องรู้สิว่าไม่ควรพูด!”

“ผมรู้ครับว่าพี่รันคงไม่อยากให้บอกพี่แพร แต่ว่ามันไม่ยุติธรรมเลยนะครับที่เราไปสงสัยเขาแบบนั้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวและไม่มีสิทธิ์อธิบาย”

“แล้วปกตินายรักความยุติธรรมขนาดนั้นเลยเหรอ!?”

“…”

“นายจงใจใช้เรื่องนี้เบี่ยงเบนความรู้สึกเขามากกว่า เพราะไม่งั้นเขาก็คงไม่ยอมกลับมาคุยด้วยง่ายๆ แล้วก็คงเกลียดขี้หน้านายตลอดไป นายแค่ฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้บังหน้าเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง เพราะนายอยากคืนดีกับเขา”

อิษฎาอ้าปากค้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขินเมื่อโดนอีกฝ่ายรู้ทัน หากก็มิได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด เพราะเขาไม่เห็นว่ารัญชน์รวิชญ์จะเสียหายอะไรสักเท่าไหร่จากเรื่องดังกล่าว

“โธ่ โดนจับได้ซะแล้ว”

“นายทำลงไปได้ยังไง ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

“พี่รันอย่าเพิ่งหัวเสียสิครับ พี่รันไม่ได้รับผลกระทบอะไรสักหน่อย ที่ผมตัดสินใจบอกให้พี่แพรรู้ตัวก็เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่เผลอทำอะไรให้พี่รันยิ่งระแวงไปกันใหญ่ เพราะผมไม่เชื่อเลยจริงๆ ว่าเขาจะเป็น ‘Pearlypare’ ของพี่รันได้ ถึงจะไม่ได้รู้จักกันดี แต่เท่าที่รู้คือยังไงก็ต้องไม่ใช่แน่”

“แบบนี้ฉันจะออกไปเจอหน้าเขายังไง แล้วถ้าเกิดเอาเข้าจริงฉันเข้าใจถูก ส่วนนายโดนเขาหลอก เพราะเขาเป็นแฟนคลับจิตไม่ปกติคนนั้นจริงๆ ป่านนี้เขาไม่เอามีดมายืนรอเสียบฉันแล้วเหรอ แต่ถ้าฉันเข้าใจผิดจริงๆ เขาก็คงจะรอเอาเรื่องอยู่แน่ๆ นายทำให้ฉันต้องยุ่งยาก!”

ถึงรัญชน์รวิชญ์จะเชื่อว่าแพรภัทรคือ ‘Pearlypare’ แต่ในความเป็นจริงแล้วหลักฐานมันก็ยังไม่ชัดเจนจนสามารถฟันธงได้อยู่ดี ดังนั้นถ้าหากจริงๆ แล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะขอโทษแพรภัทรอย่างไรดี ตอนแรกเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้เพราะคาดไม่ถึงว่าเธอจะมาล่วงรู้ความระแวงสงสัยภายในใจของเขา แต่ตอนนี้อิษฎาทำเสียเรื่องจนพังหมดแล้ว

รัญชน์รวิชญ์ไม่ใช่ศิลปินดาราระดับซูเปอร์สตาร์ที่มีกลุ่มแฟนคลับเป็นพวกคลั่งไคล้จนขาดสติ และไม่มีแฟนคลับประเภทซาแซง* เขาจึงไม่ค่อยรู้วิธีรับมือสักเท่าไหร่ เท่าที่เคยเห็นจากข่าวมักจะมีแต่ศิลปินต่างประเทศที่เคยเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้ จะว่าไปแล้วเรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เขานึกขยาดจนไม่ต้องการเป็นที่นิยมอย่างสูงจนต้องสูญเสียความเป็นส่วนตัวในระดับนั้น

“พี่รันไม่ต้องกังวลหรอกครับ พี่แพรเขาบอกแล้วว่าต่อจากนี้เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่รันก็แค่ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปละกัน แล้วก็ไม่ต้องกลัวจะลำบากใจที่ต้องเดินทางกลับพร้อมกับเขาแล้วด้วย เพราะสรุปว่าเขาขอเลื่อนไฟลต์กลับพรุ่งนี้แทน วันนี้เขาจะไม่ออกจากห้องพักจนกว่าพี่รันจะออกจากโรงแรมไปแล้ว”

“เขาเลื่อนกลับพร้อมนายเหรอ”

“ผมยังไม่ได้จองตั๋วขากลับเลย แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะกลับพร้อมเขา”

“ตกลงว่านายชอบเขาใช่ไหม เลยต้องทำถึงขนาดนี้ ใช้พี่เป็นเครื่องมือ” รัญชน์รวิชญ์กล่าวหาเสียงแข็ง

“เปล่าครับ ผมไม่ได้ชอบเขา ใช่สเป็กซะที่ไหน ผู้หญิงที่ผมชอบต้องผิวเข้มตาคมผมสั้นโฉบเฉี่ยว สูงยาวเข่าดีมีลักยิ้มสองข้าง อย่างพี่แพรน่ะเหรอ…ตรงกันข้ามทุกอย่าง” อิษฎาออกตัวยิ้มๆ “ผมแค่อยากจะหาทางคืนดีให้จบๆ ไป เพราะผมไม่อยากโดนเขาเกลียดจนรู้สึกคาใจไปตลอดชีวิต”

“สรุปว่าก็ฉวยโอกาสใช้ฉันเป็นเครื่องมือจริงๆ!”

“ขอโทษด้วยนะครับ” อิษฎาหัวเราะเจื่อนๆ “แต่ผมเห็นว่าทำแบบนี้พี่รันเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร แล้วจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้คุยได้ถามกันตรงๆ ไปเลยพี่รันก็จะได้สบายใจด้วยว่าพี่แพรใช่หรือไม่ใช่แฟนคลับต้องสงสัยรายนั้น ทิ้งให้กังขาไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็มีแต่จะหวาดระแวงกันแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น”

รัญชน์รวิชญ์ฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขาโกรธอิษฎามากจริงๆ หงุดหงิดและรู้สึกแย่ชะมัด!

 

ข่าวรัญชน์รวิชญ์ถูกคนร้ายซึ่งเป็นแฟนคลับคลั่งรักจู่โจมทำร้ายร่างกายที่สนามบินในวันนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่แพรภัทรเป็นอันมาก รายละเอียดในเนื้อหาข่าวบอกว่าเขาโดนหญิงสาวรายหนึ่งปรี่เข้าถึงตัวเพื่อหวังจะตบหน้า แต่ชายหนุ่มหลบได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทว่าดูจากการให้สัมภาษณ์แล้วเขาคงเสียขวัญกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย แม้เหตุการณ์จะไม่ได้รุนแรงและรัญชน์รวิชญ์เองก็ไม่ได้เจ็บตัว แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าตกใจที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลเป็นอย่างมาก

หลังจากไปธุระเพื่อจัดการเรื่องแก้บนที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาเรียบร้อยแล้ว ค่ำวันนั้นแพรภัทรกับอิษฎาก็กลับมาทานข้าวด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรม แม้ว่าแท้จริงแล้วความไม่พอใจในตัวอิษฎายังคงหลงเหลืออยู่เต็มเปี่ยมในใจเธอ แต่แพรภัทรก็ยอมฝืนใจญาติดีกับอีกฝ่าย เพราะอยากคุยกับอิษฎาเรื่องรัญชน์รวิชญ์

“ผู้หญิงคนนั้นคือเจ้าของแอ็ก ‘Pearlypare’ จริงๆ ด้วยครับ ท่าทางพี่รันไม่ได้อยากเปิดเผยเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ตัวเขาเองออกมายอมรับว่าพยายามส่งข้อความคุยกับพี่รันมาหลายเดือนแล้ว แต่ที่โกรธเพราะหลังๆ พี่รันไม่ยอมตอบอะไร เขาก็เลยวางแผนแอบตามมาถึงที่สตูลแล้วไปหลุดบันดาลโทสะที่สนามบินเพราะคิดว่าพี่รันเดินผ่านหน้าเขาไปแล้วทำเป็นไม่เห็น แต่ไปๆ มาๆ ก็บอกว่าตัวเองวางแผนเข้าถึงตัวเพื่อตบหน้าพี่รันก็เพราะอยากให้พี่รันจำเขาได้ตลอดไป… สรุปแล้วผมว่าเขาน่าจะป่วย”

“แต่เหมือนเขาจะบอกด้วยว่านอกจากส่งข้อความหาคุณรันแล้ว เขายังแชตคุยกับบอทไลน์คุณรันมานานจนเชื่อว่าตัวเองเป็นแฟนกับคุณรันจริงๆ ทีนี้พอไปเจอตัวจริงหลายครั้งเข้า แล้วคุณรันทำเมินเหมือนไม่สนใจ เขาก็เลยน้อยใจจนกลายเป็นความแค้น”

“แต่ดูรวมๆ แล้วเขามีส่วนคล้ายพี่แพรจริงๆ นะครับ มิน่าพี่รันถึงเข้าใจผิด”

“คล้ายตรงไหนยะ ไม่เหมือนกันเลยสักนิด!” แพรภัทรชักสีหน้าพร้อมกับขึ้นเสียงทันทีที่ได้ยินดังนั้น

“ผมไม่ได้หมายถึงหน้าตานี่นา หมายถึงรูปร่าง ความสูง สีผิว แล้วก็การแต่งตัว”

แพรภัทรหน้าบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ทำท่าปลงและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “จริงๆ เขาน่าสงสารมากเลยนะ คนรอบตัวอาจจะไม่มีใครสนใจ เขาเลยเป็นได้ถึงขนาดนี้ ไม่งั้นคงมีคนพาไปหาหมอหรือช่วยพูดกับเขาก่อนเรื่องจะบานปลายจนกลายเป็นข่าว การที่อิษบอกว่าพี่มีส่วนคล้ายเขา แล้วพี่ก็ไม่พอใจ…มันก็เหมือนกับพี่ไปเหยียดเขา งั้นก็…ช่างเถอะ เหมือนก็เหมือน”

“ก็บอกว่าไม่ได้เหมือน แค่คล้าย เขาสวยกว่าพี่แพรตั้งเยอะ”

“…”

“อันนี้ผมพูดถึงข้อเท็จจริงนะ ไม่ได้จะว่า…”

“โอ๊ยยย พอเถอะจ้า ไม่ต้องพูดแล้ว!”

อิษฎามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มขำ “แล้ววันนี้พี่แพรบนขอพรเรื่องอะไรไปอีกเหรอ”

“เรื่องงานทำฟิกเกอร์โมเดลของลัคกี้-เซย์ชีส บนว่าขอให้เสร็จทันเดดไลน์ และงานออกมาปั๊วะๆ ปังๆ”

“จริงดิ! พี่แพรได้งานนี้เหรอ”

“อื้อ” แพรภัทรอาจจะชอบสร้างสรรค์ผลงานตามใจตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่เธอก็ไม่ใช่ศิลปินที่ไม่แยแสตลาดเลย เพราะนอกจากการทำงานตามอารมณ์แล้ว เธอก็ให้ความสนใจเรื่องยอดขายและการประสบความสำเร็จของผลงานด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลงานชิ้นไหนก็ตาม

“เจ๋งเว่อร์ ผมเป็นแฟนคลับน้องลัคกี้นะ”

“ค่ายเขาจะเปิดให้จองเร็วๆ นี้แหละ”

“ผมก็มีงานหนึ่งอยากให้พี่ช่วยทำ ว่างเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะ”

“นี่แปลว่าจบจากทริปนี้เราจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมเหรอ”

“อ้าว นี่เราก็คุยกันปกติแล้วนี่ ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ”

“ยัง”

“อะไรกัน เจ้าคิดเจ้าแค้นชะมัด ผมขอโทษตั้งหลายครั้งแล้วแท้ๆ”

“เธอคิดว่าพอพี่หันไปโกรธคุณรันแทนแล้ว จะลืมเรื่องของเธอตอนนั้นไปได้หมดเกลี้ยงเลยงั้นเหรอ”

“จริงๆ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรพี่ซะหน่อย คนผิดคือไอ้เบสต์ต่างหาก” อิษฎาเสียงอ่อย

“เธอนั่นแหละที่ผิดตรงที่ไม่ยอมทำอะไรเลย มันใจดำมากเลยนะที่เอาแต่ยืนมองคนบริสุทธิ์ถูกทำร้ายโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ เธอเฝ้ามองเหยื่อน่าเวทนาที่ไม่ได้ทำอะไรผิดโดนคนร้ายฆ่าตายอย่างเลือดเย็น รู้ทั้งรู้แท้ๆ ว่านั่นมันเป็นรักครั้งแรกของฉัน!”

พอโดนตอกย้ำอิษฎาก็หน้าเสียยิ่งกว่าเก่า “ผมขอโทษครับ แต่พี่รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนั้นผมก็รู้สึกผิดมากจริงๆ”

แพรภัทรเบ้ปากแล้วเมินหน้าไปมองแก้วเครื่องดื่ม คว้าขึ้นมาจิบเบาๆ “ช่างเถอะ อย่าไปพูดถึงอีกเลย มันเสียบรรยากาศ”

“ผมว่าป่านนี้พี่รันก็คงรู้สึกผิดต่อพี่แพรอยู่เหมือนกัน…”

คนฟังเบ้ปากหนักกว่าเดิม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“แต่เหตุการณ์นี้คงทำให้คุณป้าต้องหาบอดี้การ์ดมาประกบพี่รันแน่ๆ ไม่ก็คงถูกบังคับให้ออกจากวงการไปเลย”

“เว่อร์ แค่โดนผู้หญิงตัวแค่นั้นปรี่เข้าไปจะตบหน้าในสนามบินเนี่ยนะ”

“เป็นเพราะพี่ไม่เคยเจอป้าๆ ของพี่รันก็เลยนึกไม่ออก แกทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วง ไม่เคยยอมให้มีอะไรมาทำร้ายพี่รันได้แม้แต่ปลายก้อย แกทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้วว่าถ้าตายไปสมบัติที่มีจะยกให้พี่รันทั้งหมดเพียงคนเดียว เพราะกลัวว่าหลานๆ คนอื่นจะมาแบ่งเอาไป”

“โหหห… ไม่กลัวโดนใครเขาว่าเอาว่าลำเอียงเลยเหรอ”

“น่าจะไม่กลัวเลยสักนิด คุณป้าทั้งสองแกไม่เคยคิดถึงใครเลยนอกจากพี่รัน”

“ฟังแล้วเริ่มจะอยากเห็นเจ้าสาวของคุณรันขึ้นมาแล้วสิ ผู้หญิงแบบไหนที่จะผ่านด่านไปลงเอยกับคุณรันได้นะ” แพรภัทรพึมพำอย่างให้ความสนใจจริงๆ

“จริงๆ มันก็อาจจะไม่ยากเย็นเท่าไหร่หรอกครับ เพราะถึงจะโหดขนาดไหนแต่เอาเข้าจริงคุณป้าแกก็ยอมพี่รันหมดทุกอย่าง ถ้าเป็นคนที่พี่รันรักจริงๆ เขาคงออดอ้อนจนคุณป้ายอมรับได้เองในที่สุด อาจจะยากหน่อย…แต่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”

แพรภัทรฟังแล้วอดทึ่งไม่ได้ ถึงเธอจะไม่ชอบรัญชน์รวิชญ์ แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตส่วนตัวของเขาน่าสนใจไม่น้อย “จะว่าไปแล้ว ชีวิตจริงคุณรันนี่สนุกกว่าละครที่เขาเล่นอีกนะ มิน่าถึงได้มีแฟนคลับคลั่งไคล้หลงใหลถึงขั้นเป็นซาแซง…”

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: