บทที่ 189
ในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์ที่โอบล้อมด้วยสวนดอกไม้หลังหนึ่งในเขตเช่าญี่ปุ่น โยโคกาวากับผู้อำนวยการคิมูระกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันพลางลิ้มลองรสชาชั้นเลิศ โยโคกาวาใส่เสื้อคลุมผ้าฝ้ายดิบที่ซักจนสีซีดเล็กน้อย แม้บัดนี้เขาจะมีฐานะสูงส่งเหนือใคร แต่ยังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายตามความเคยชินมานานปี ตามปกติจะมีงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวคือการชงชา คืนนี้เขาน่าจะอารมณ์ดีไม่เลวถึงได้แสดงฝีมือเอง หลังจากเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนผู้อำนวยการคิมูระค้อมศีรษะรับด้วยสองมืออย่างอ่อนน้อม ละเลียดจิบคำหนึ่งแล้วเอ่ยชมไม่หยุดปาก จากนั้นมองไปรอบๆ “อาจารย์พักอยู่ที่นี่จนคุ้นเคยหรือยังขอรับ”
โยโคกาวากล่าว “อยู่ในบ้านที่หรูหราประเภทนี้ มีคนติดตามเข้าออกทุกวัน อันที่จริงเทียบกันแล้วผมปรารถนาความสันโดษเพื่อแสวงหาความสงบแบบลัทธิเต๋าของชาวจีนมากกว่า ถึงต้องกินอยู่ตามมีตามเกิด ซุกหัวนอนในกระท่อมซอมซ่อ ก็ยังดีกว่าไร้อิสระไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกพันธนาการด้วยชื่อเสียงเกียรติยศอย่างตอนนี้”
ผู้อำนวยการคิมูระพูดอย่างขึงขัง “ตอนอยู่ในวัยหนุ่มอาจารย์ละทิ้งชื่อเสียงและเกียรติยศฐานะมาเดินจาริกในประเทศจีนหลายสิบปี เวลานี้ยังแบกรับภาระหนักอึ้งไว้บนบ่าโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก อาจารย์อุทิศตนเพื่อชาวยามาโตะมาทั้งชีวิต เป็นแบบอย่างที่น่าเคารพยกย่องและพึงเจริญรอยตามของคนรุ่นหลังอย่างพวกผม ทั้งหมดนี้เป็นสิทธิ์ที่อาจารย์สมควรได้รับ อาจารย์ไม่จำเป็นต้องอึดอัดหรือกังวลใจแต่ประการใดเลยขอรับ”
ค่ำวันนี้พวกเขามาพบกันเพราะกำลังรอข่าวอยู่ ผู้อำนวยการคิมูระพูดจบแล้วเห็นโยโคกาวาเหลือบดูนาฬิกาจึงรีบเอ่ยขึ้น “น่าจะจวนได้เวลาแล้ว ข่าวดีกำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
โยโคกาวาพูด “ผมไม่ได้เป็นห่วง แต่กำลังคิดว่าคืนนี้นักรบผู้จงรักภักดีของพวกเราต้องพลีชีพอีกคนแล้ว ที่บ้านเกิดของเขาอาจจะมีมารดาวัยชราและลูกภรรยาที่ตั้งตารอคอยเขากลับไปอยู่ เรื่องนี้ทำให้ผมเสียใจเหลือเกิน” เขาทำสีหน้าหนักอึ้ง
ผู้อำนวยการคิมูระก็ปั้นหน้าเจ็บปวดเสียใจทันที พูดต่อสองสามคำเป็นทำนองว่าการสละชีวิตเพื่อชาวยามาโตะเป็นเกียรติยศแก่ตัวแล้วเปลี่ยนเรื่อง “หลังจากคืนนี้พวกเราก็รอดูเรื่องสนุกๆ ให้พวกคนจีนตีกันเอง ส่วนพวกเราเตรียมตัวให้พร้อม เปิดฉากบุกได้ทุกเมื่อขอรับ จะว่าไปแล้วผมมาประเทศจีนก็นับได้ว่านานระยะหนึ่งแล้ว แต่พูดถึงความเข้าใจในนิสัยใจคอของชาวจีน ผมเทียบอาจารย์ไม่ติดแม้แต่นิดเดียว แผนการครั้งนี้สำเร็จลงได้ อาจารย์นับว่ามีความดีความชอบมากที่สุดขอรับ”
ใบหน้าผอมเรียวของโยโคกาวาปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมริ้วรอยยับย่นตรงหางตา มันคือร่องรอยที่หลงเหลืออยู่จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวัยเยาว์
เขาดื่มชาคำหนึ่ง “คนจีนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมาก พวกเขามีคำโบราณที่มาจากคัมภีร์พระธรรมว่าคนไม่ทำคุณแก่ตน ฟ้าผ่าธรณีสูบ ความหมายเดิมคือเตือนให้คนหมั่นฝึกฝนขัดเกลาตนเอง แต่ภายหลังคนจีนกลับใช้คำนี้ในความหมายที่ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นข้ออ้างแก้ตัวในการตักตวงผลประโยชน์ให้ตนเอง พวกเขามีแผ่นดินกว้างใหญ่และกำลังคนมากมาย แต่กลับแตกแยกเหมือนเม็ดทราย แสวงหาแต่ประโยชน์ส่วนตน ไม่มีทางสมานสามัคคีกันได้ ไม่เหมือนกับพวกเราชาวยามาโตะที่ถือหลักคุณธรรมเป็นที่ตั้ง…”
โยโคกาวายังพูดไม่จบก็มีเสียงรายงานดังขึ้นนอกประตูว่าผู้บัญชาการหน่วยทหารกองประจำการโทรศัพท์มา
สำหรับปฏิบัติการในคืนนี้โยโคกาวาทำหน้าที่ประสานงานให้หน่วยทหารกองประจำการรับไปดำเนินการ เดิมทีผู้อำนวยการคิมูระอยากขอให้ฝ่ายเขาทำงานนี้ เพราะหลังงานสำเร็จจะเป็นผลงานใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่โยโคกาวามีจุดประสงค์อยากให้ทุกฝ่ายเท่าเทียมกัน จึงแนะนำผู้อำนวยการคิมูระไม่ให้แย่งงานหน่วยทหารกองประจำการ ศิษย์อาจารย์สองคนถึงได้รอฟังข่าวอยู่ในตอนนี้ พอได้ยินเสียงรายงานก็สบตากัน
ผู้อำนวยการคิมูระเกือบจะลุกพรวดขึ้น แต่ครั้นเห็นอาจารย์ยังแสดงสีหน้าเหมือนปกติก็แอบละอายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขารีบควบคุมอารมณ์ไว้ รอโยโคกาวาลุกขึ้นอย่างใจเย็น ค่อยเดินตามไปรออยู่ด้านข้าง มองดูอีกฝ่ายรับโทรศัพท์ แต่คาดไม่ถึงว่าคุยไปไม่กี่คำก็เห็นสีหน้าของโยโคกาวาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนหน้าเลือนหายไปแล้วไม่พูดอะไรสักคำ
ผู้อำนวยการคิมูระเห็นดังนั้นแล้วเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี เขาถามขึ้น “อาจารย์ มีอะไรหรือขอรับ”
โยโคกาวาวางหูโทรศัพท์ช้าๆ เบือนหน้ามาบอกด้วยท่าทางแข็งทื่อ “แผนการล้มเหลว! คาดว่าน่าจะมีหนอนบ่อนไส้ ข่าวถึงรั่วไหลออกไป”
ผู้อำนวยการคิมูระตะลึงพรึงเพริด แต่เขาตั้งสติได้อย่างว่องไว พูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คนที่รู้แผนนี้มีไม่กี่คน! ผมจะสืบให้กระจ่างในคืนนี้เลยว่าเกิดปัญหาที่จุดไหนกันแน่ขอรับ”