บทที่ 2 เรือนหอร้างรัก
โอ้โห…
จิระประไพยืนมองบ้านทรงสเปนหลังงามที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังแนวรั้วเหล็กดัด ตัวบ้านเป็นสีเนยที่ดูทั้งนุ่มนวลทั้งสดใสไปพร้อมกัน และที่บอกว่าทรงสเปนก็คือทรงสเปนจริงๆ ไม่ใช่แค่บ้านร่วมสมัยที่มีสีหรือประตูหน้าต่างในสไตล์นั้นแล้วเคลมว่าเป็นบ้านทรงสเปนเหมือนอย่างที่พวกโครงการหมู่บ้านจัดสรรชอบทำ…เห็นได้ชัดว่าบ้านที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเธอตอนนี้ถูกสั่งให้สร้างขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจงและใส่ใจ
“คุณที่เป็นนักตกแต่งภายในใช่ไหม”
เสียงถามที่ลอยมาเข้าหูฉุดให้หญิงสาวหันไปมอง แล้วเธอก็พบกับคู่ชายหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังประตูรั้ว
“ใช่ค่ะ”
“กำลังรออยู่เลย” อีกฝ่ายบอก จากนั้นก็มีเสียงติ๊ดเบาๆ ก่อนที่ประตูเล็กจะถูกเปิดออกมา “เชิญเลยครับ…พวกเราสองคนเฝ้าอยู่ที่นี่ครับ ผมทอม และนี่เมียผมชื่อตุ๊ก”
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อจี” จิระประไพยกมือไหว้ทั้งสอง
“วันนี้คุณพัชรไม่มานะครับ เดี๋ยวพวกเราจะพาคุณจีดูรอบๆ เอง”
หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอทราบเรื่องนี้ล่วงหน้าจากอาชวินตั้งแต่ก่อนออกจากบริษัทแล้ว…พัชรเป็นนักธุรกิจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามากพอสำหรับการนัดหมายกะทันหัน ทว่าเขาก็บอกว่าจะมีคนดูแลเมื่อเธอมาถึงบ้านหลังนี้ และเขาก็ให้บรีฟมาด้วย
‘เปลี่ยนทั้งหมด ไม่ให้เหลือเค้าเดิม ใช้เงินเท่าไหร่ก็ช่าง’
ตอนฟังเจ้านายถ่ายทอดข้อความนี้จิระประไพก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ และดูเหมือนอาชวินจะเข้าใจความรู้สึกเธอดีเลยให้คำแนะนำ
‘คิดเสียว่าบ้านนั้นอายุสามสิบปี ควรรีโนเวต หรือจะคิดว่าเป็นบ้านใหม่โล่งๆ ต้องตกแต่งให้พร้อมเข้าอยู่ก็ได้’
มันก็เป็นไอเดียที่ดีทั้งคู่ แต่แค่เห็นตัวบ้านจากภายนอกเธอก็ค่อนข้างแน่ใจว่ามันคงยากที่จะทำใจให้เชื่อคำแนะนำแรกได้ ส่วนคำแนะนำหลัง…พอเข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะมันถูกตกแต่งอย่างสวยงามอลังการในสไตล์ร่วมสมัย ฝีมือการตกแต่งประณีตเสียจนเธอยังนับถือมัณฑนากรคนก่อน และที่ยิ่งกว่านั้นคือรู้สึกผิดเมื่อคิดว่าจะต้องทำลายมัน ยังดีที่เขาไม่ถึงกับสั่งให้ทุบบ้านทั้งหลัง
ความรักเป็นพิษแท้ๆ…
บ้านของพัชรสวยทั้งหลังและสวยทุกมุม นั่นทำให้มันเป็นการยากที่จิระประไพจะวาดภาพของบ้านหลังนี้ในหัวใหม่ แต่เมื่อมองมันในแง่ที่ว่าการตกแต่งแบบเดิมทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่มีความสุขก็พอช่วยได้บ้าง
พัชรเตรียมการไว้พรักพร้อมทีเดียว เขาใช้เมสเซนเจอร์ส่งแบบแปลนและรายละเอียดการตกแต่งบ้านทั้งหมดที่มีมารอมัณฑนากรสาวตั้งแต่เช้า ดังนั้นหลังจากเดินชมทุกซอกทุกมุมของบ้านแล้วเธอจึงขอนั่งศึกษาแบบแปลนและรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ จำพวกระบบไฮเทคทั้งหลายในบ้านที่ต้องเก็บรักษาไว้ ลุงทอมกับป้าตุ๊กเลยเปิดห้องทำงานให้เธอใช้งาน ซึ่งดูเหมือนว่าหญิงสาวจะเป็นคนที่ได้ใช้ห้องทำงานนี้เป็นคนแรก ก่อนหน้าเจ้าของบ้านเสียอีก
โต๊ะทำงานตัวใหญ่มาก จิระประไพสามารถวางแบบแปลนได้สบาย เวลานี้เธอยืนค้ำโต๊ะ มือไล่แปะโพสต์อิตแผ่นเล็กลงบนจุดนู้นจุดนี้ทั่วแบบแปลน ความคิดในหัวของเธอยังกระจัดกระจาย และเธอก็กำลังพยายามรวบรวมมันให้เข้าที่
ปัญหาก็คือเธออยากคุยกับเจ้าของบ้านก่อน เธอต้องรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร และที่สำคัญเขาต้องการให้มีอะไรอยู่ในบ้านบ้าง…เงินสร้างที่พักอาศัยได้ แต่ทำให้มันเป็น ‘บ้าน’ ไม่ได้
หญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตนเอง ดังนั้นเมื่อมีเสียงกระแอมดังขึ้นเธอจึงสะดุ้งสุดตัว นอกจากเงยหน้าขึ้นแล้วร่างโปร่งยังกระเด้งถอยไปด้านหลังด้วย ขาเรียวชนเข้ากับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ แต่เพราะเป็นเก้าอี้แบบมีล้อมันจึงไถลไปด้านหลัง และหนังที่หุ้มเบาะอยู่ก็ช่วยให้เธอไม่เจ็บ
“ขอโทษ ผมไม่คิดว่าคุณจะตกใจ”
คำขอโทษผ่านเข้าไปในหัวของจิระประไพ ทว่าเธอกลับไม่รับรู้ถึงความหมายของมัน ดวงตากลมโตหลังแว่นทรงกลมจับภาพผู้มาใหม่ด้วยความงุนงงระคนตกตะลึง
เขาสูง สวมชุดสูทเข้ารูปประณีต ดวงตาคมกริบสีเข้มอยู่ใต้แผงคิ้วสีดำสนิท ทั้งสองอย่างโดดเด่นตัดกับผิวขาวจัด แต่นั่นยังไม่เท่าริมฝีปากสีแดงสดที่ผู้หญิงอย่างเธอยังต้องอิจฉา ยิ่งกว่านั้นคือรัศมีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างสูง มันไม่ถึงขั้นไม่เป็นมิตร ทว่าก็ไม่ได้ชวนให้เข้าใกล้ไปตีสนิทด้วยแน่ๆ เขาดูเฉยชาและไว้ตัวซึ่งอย่างหลังกานต์ก็บอกเอาไว้ก่อนแล้ว
ผู้ชายตรงหน้าของเธอคือพัชร ภักดิ์โภคิน…ใช่แน่ เขาคือพัชร เมื่อคืนเธอลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาจากอินเตอร์เน็ต มันไม่ใช่เรื่องยากเลยในเมื่อเขาเป็นนักธุรกิจจากตระกูลใหญ่ร่ำรวย อีกทั้งเขายังเคยคบหากับดาราสาวระดับนางเอก และด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่นของเขาก็ทำให้เธอจดจำใบหน้านี้ได้ไม่ยากเลย
พอมาเจอตัวจริง ได้เห็นหน้าขาวๆ ปากแดงๆ กับท่าทางของเขาแล้ว…เหมือนเจ้าชายแวมไพร์ในซีรี่ส์ที่เธอชอบดู
“ผมพัชร เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณคือมัณฑนากรของผมใช่ไหม…จาก Archwin” ชายหนุ่มพูดเรียบๆ ขณะสืบเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานมากขึ้น
“ใช่ค่ะ จี-จิระประไพค่ะ” คนเป็นมัณฑนากรยกมือไหว้ จากนั้นก็หันไปเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบนามบัตรส่งให้เขา
พัชรพยักหน้ารับ ขณะเดียวกันก็กวาดสายตาสังเกตอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วก่อนจะก้มลงมองนามบัตร…คนตรงหน้าดูเด็กกว่าที่เขาคิดเอาไว้ว่าจะได้เจอ ถึงแม้เธอจะรวบเกล้าผมยาวประบ่าสีโอวัลตินกับสวมใส่ชุดสูทลำลองเพื่อให้ดูเป็นผู้ใหญ่ ทว่าเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มบนดวงหน้าหวานปานน้ำผึ้งก็ทำให้เธอดูเด็กอยู่ดี
ชายหนุ่มทราบว่าบริษัท Archwin นั้นทำงานดีมีมาตรฐาน และเท่าที่เคยเจอกันเขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าอาชวินจะไม่ปล่อยให้บริษัทตัวเองเสียชื่อเสียง ปกติเขาไม่ค่อยตัดสินใครจากหน้าตาหรืออายุ ทว่าอย่างไรที่นี่ก็คือบ้านของเขา ดังนั้นเขาย่อมอยากให้มันอยู่ในมือที่ดี
ไม่รู้เป็นความผิดของเขาเองหรือเปล่าที่รีบร้อนจนได้มัณฑนากรเด็กขนาดนี้มา…แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเขาก็จะรอดูฝีมือของเธอก่อน ประสบการณ์สอนพัชรว่าคนเก่งก็คือคนเก่ง อาชวินส่งเธอมาก็น่าจะพอรับประกันได้บ้าง
“เอ้อ คุณจะอยู่นานไหมคะ” จิระประไพถามออกไป ครั้นเห็นว่าเขาละสายตาจากนามบัตรมามอง เธอก็พูดต่อ “ตอนแรกเห็นว่าคุณจะไม่เข้ามาน่ะค่ะ”
“อืม พอดีผมออกมาทำงานข้างนอก งานเสร็จเร็วเลยคิดว่าควรแวะเข้ามาเสียหน่อย ยังไงผมก็ควรมาคุยกับคุณใช่ไหม”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “อย่างน้อยดิฉันควรจะรู้ว่าคุณชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพราะตอนนี้ดิฉันรู้แค่ว่าไม่เอาแนวร่วมสมัยแล้ว”
“ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนี้ก็ได้”
“คะ?”
“คำแทนตัวของคุณน่ะ” พัชรบอก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องโดยไม่ได้สนใจท่าทีของเธอ “ส่วนเรื่องการตกแต่ง จะตกแต่งแนวเดิมก็ได้ แค่ให้มันต่างไปจากเดิม…ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ แค่อยากให้มันออกมาสวย คุณพอมีไอเดียอะไรบ้างหรือยังล่ะ”
“ก็ยังไม่ได้คิดอะไรจริงจังค่ะ ตอนนี้กำลังไล่ดูว่าแต่ละส่วนของบ้านมีระบบอะไรบ้างที่ต้องระวังตอนรีโนเวต” จิระประไพตอบ…อย่างน้อยพัชรก็ดูไม่ใช่พวกเจ้ายศเจ้าอย่าง
“ถ้าอยากติดต่อบริษัทที่รับผิดชอบระบบอะไรพวกนี้คุณก็แจ้งเลขาฯ ของผมได้เลย” เขาบอก “คุณมีเบอร์ทางผมแล้วใช่ไหม”
“มีเบอร์เลขาฯ ของคุณค่ะ คุณบังอร” จิระประไพได้เบอร์มาจากอาชวิน และเมื่อเช้านี้เลขานุการของพัชรก็โทรมาหาเธอเรื่องที่ส่งแบบแปลนมาให้
“แล้วขาดเหลืออะไรไหม”
“คุณ…จะให้ เอ่อ…” หญิงสาวอึกอักเล็กน้อย ยังคิดไม่ตกว่าควรใช้สรรพนามแทนตัวว่าอะไร อีกฝ่ายเป็นลูกค้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก นอกจากดิฉันแล้วอย่างอื่นก็ดูไม่เข้าทีเลยในความคิดของเธอ แต่เขาก็ดันบอกว่ามันทางการเกินไปเสียอีก
เป็นผู้หญิงช่างลำบาก ถ้าเป็นผู้ชายใช้ ‘ผม’ คำเดียวก็จบแล้ว…
“เอ่อ ขอแทนตัวด้วยชื่อนะคะ” จิระประไพตัดสินใจในที่สุด เพราะคิดว่ามันคงดีกว่า ‘หนู’ “สรุปว่าคุณพัชรจะให้จีติดต่อคุณผ่านเลขาฯ เท่านั้นใช่ไหมคะ”
“อืม แบบนั้นจะสะดวกกว่า คุณจะส่งงานหรือมีคำถามอะไรก็ฝากเลขาฯ ของผมไว้นั่นแหละ”
คำตอบจากชายหนุ่มทำให้มัณฑนากรสาวเกือบจะถอนหายใจออกมา มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะติดต่องานผ่านเลขานุการของลูกค้า ทว่าส่วนใหญ่งานพวกนั้นจะเป็นงานในเชิงอาคารพาณิชย์ ที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยได้ทำงานเกี่ยวกับบ้านพักของลูกค้าโดยตรง เพราะอาชวินไม่ค่อยรับงานจำพวกนี้ แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นบ้าน การคุยกับเจ้าของบ้านโดยตรงย่อมดีกว่า
ทว่าถ้าเขายืนกรานแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้…
“ถ้าอย่างนั้นจีขอรบกวนเวลาคุณสักพักได้ไหมคะ ขอถามอะไรสักหน่อยเพื่อรวบรวมเป็นไอเดีย”
“เอาสิ” พัชรพยักหน้าแล้วก้มลงมองแบบแปลนบ้านซึ่งเวลานี้มีโพสต์อิตสีสะท้อนแสงแปะอยู่ทั่ว…เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนละเอียดลออ สมกับที่เป็นมัณฑนากร
หญิงสาวถามคำถามง่ายๆ จำพวกสีที่เขาชอบ รวมถึงถามถึงการท่องเที่ยวเดินทางของเขาว่าเคยพบเจอการตกแต่งที่ไหนที่ชอบเป็นพิเศษไหม ถามเกี่ยวกับห้องทำงานว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ตามด้วยการชวนเขาไปดูห้องหลักอื่นๆ ของบ้านอย่างห้องนอน ห้องอาหาร และห้องรับแขก
ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของชายหนุ่ม แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เหยียบย่างเข้าไปสำรวจบางห้องอย่างจริงจัง และเขาก็คิดว่าวิธีในการค้นหาความชอบความต้องการของจิระประไพนั้นดีใช้ได้ทีเดียว เพราะเธอไม่พยายามคาดคั้นให้เขาบอกว่าชอบอะไร และไม่พยายามบังคับให้เขาทำความเข้าใจด้วยว่าสไตล์ที่ชอบมีชื่อเรียกอย่างไร เธอรับหน้าที่ในการทำความเข้าใจเป็นของตัวเองทั้งหมด นอกจากเธอจะเรียนรู้ความชอบของเขาแล้ว เขาก็ได้เรียนรู้ความชอบของตัวเองอย่างคาดไม่ถึงเหมือนกัน
“คุณมีบริการกำจัดเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องโละจากบ้านหลังนี้ไหม”
“คะ?” หญิงสาวซึ่งกำลังก้มหน้าจดรายละเอียดลงในสมุดโน้ตเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบ้านรูปหล่อ ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ได้ยินถูกต้องหรือเปล่า
“ในเมื่อจะต้องแปลงโฉมบ้านหลังนี้ ข้าวของเกือบทั้งหมดน่าจะต้องโละทิ้ง คุณมีทางช่วยผมจัดการกับมันไหม”
“ถ้ายังไงเดี๋ยวจีขอปรึกษาคุณอาชวินก่อนแล้วค่อยแจ้งอีกทีนะคะว่าจะมีทางไหนยังไงบ้าง” จิระประไพบอก ไม่เคยมีลูกค้าร้องขอแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยแน่ใจว่าต้องทำอย่างไร
“ขอบคุณ ถ้าทางคุณจัดการได้ก็บวกค่าใช้จ่ายมาได้เลย” เขาบอกแล้วหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ไม่ว่ายังไงก็เปลี่ยนที่นี่ไม่ให้เหมือนโชว์รูมอย่างตอนนี้แล้วกัน”
“หมายถึงห้องนี้เหรอคะ” จิระประไพหันไปมองห้องรับแขก
“ผมหมายถึงทั่วทั้งบ้านนี้เลย…มันสวยแต่ก็เหมือนโชว์รูมหรือสตูดิโอที่เอาไว้ถ่ายภาพลงนิตยสาร เอาเป็นว่าในเมื่อตกแต่งใหม่ผมก็อยากได้บ้านที่มีความเป็นบ้านมากกว่านี้”
“หมายความว่าคุณอยากให้มัน…นุ่มนวลอบอุ่นขึ้นอย่างนั้นหรือเปล่าคะ” เธอหันมองไปรอบๆ อีกครั้ง ตอนนี้ที่นี่ใช้โทนสีขาว เทา และดำ แม้จะไม่ถึงกับเย็นชาแต่ก็นับว่าเคร่งขรึม ซึ่งโลหะที่ผสมอยู่ก็ช่วยขับเน้นอารมณ์ไปในทางเดียวกัน
“ผมอยากเปลี่ยนให้มันต่างจากตอนนี้จนจำไม่ได้” พัชรสรุปความต้องการของตัวเองง่ายๆ
จิระประไพพึมพำรับคำเบาๆ…ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นกฎข้อแรกสุดที่เธอต้องจดจำเอาไว้ในการตกแต่งบ้านหลังนี้
มัณฑนากรสาวบอกกับพัชรว่าจะรีบลองร่างแบบแรกส่งให้เขาดู ระหว่างนั้นก็จะหาทางจัดการกับเฟอร์นิเจอร์ที่เขาไม่ต้องการแล้ว โดยเขายืนยันกับเธอว่าให้โละทิ้งได้ทั้งหมดแม้กระทั่งฟูกเตียง ให้เก็บไว้เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักๆ เท่านั้น
“คุณไม่ได้เอารถมาใช่ไหม แล้วกลับยังไง” ชายหนุ่มถามอย่างนึกขึ้นได้หลังจากเดินผ่านประตูบ้านมาแล้วเห็นว่ามีรถของเขาจอดอยู่คันเดียว
“ใช้แอพฯ เรียกแท็กซี่ค่ะ” จิระประไพตอบ แปลกใจพอสมควรกับคำถามของเขา
พัชรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ “โอเค ถ้ามีอะไรก็ติดต่อเลขาฯ ของผมแล้วกัน”
หญิงสาวยกมือไหว้ลาหนุ่มหล่อ จากนั้นก็ยืนมองเขาเดินไปหยุดยืนคุยกับสองสามีภรรยาที่มีหน้าที่เฝ้าบ้านหลังนี้สองสามประโยค แล้วในที่สุดพัชรก็ขึ้นรถสปอร์ตคันงามจากไป
พอเจ้าของบ้านไปแล้วจิระประไพก็เดินไปหาคู่สามีภรรยาบ้าง เธอเอานามบัตรไปให้และขอเบอร์ทั้งสองเอาไว้ด้วยเพราะคิดว่าต่อไปคงมีเหตุให้ต้องติดต่อกันแน่นอน…ปกติแล้วเวลาเจ้าของบ้านจะเลือกมัณฑนากรก็มักจะคุยกับหลายคนและดูพอร์ตโฟลิโอเพื่อให้ได้สไตล์การตกแต่งที่ต้องการ ทว่าดูเหมือนพัชรจะไม่ใส่ใจพิธีรีตองนี้สักนิด เขาแค่อยากตกแต่งบ้านใหม่ แล้วก็จิ้มเลือก Archwin จากความคุ้นเคย และก็ฝากบ้านหลังงามไว้ในมือเธอโดยยังไม่รู้สไตล์การออกแบบของเธอด้วยซ้ำ
แต่ไม่ว่าอย่างไรจิระประไพก็ต้องทำงานนี้สุดฝีมือ นอกจากเป็นจรรยาบรรณแล้วเธอยังต้องรักษาชื่อเสียงทั้งของตัวเองและบริษัทด้วย อีกอย่าง…พัชรก็ดูไม่ใช่คนเลวร้าย ถึงแม้เมื่อคืนนี้กานต์จะเพิ่งเตือนตอนเธอส่งข้อความไปถามว่ามีอะไรที่ควรระวังเกี่ยวกับญาติของธีรดนย์คนนี้ไหม และรุ่นพี่ก็โทรกลับมาหา
‘พี่ก็ไม่ค่อยรู้จักคุณพัชรเท่าไหร่หรอก กับคนนอกเขาจะค่อนข้างไว้ตัว แต่โดยปกติก็ไม่มีอะไรหรอก สุภาพและมารยาทดี พอรู้จักกันแล้วพี่ว่าเขาค่อนข้างใจดีเลย กับคนที่เขาอยากดีด้วยอ่ะนะ…อืม เท่าที่ได้ยินมาคือคุณพัชรเป็นคนชอบงานเนี้ยบๆ คิดเร็วทำเร็วอะไรทำนองนั้น แล้วก็ต้องระวังอย่าให้เขาหงุดหงิดหรือโมโห ได้ข่าวว่าน่าดูชมเลยแหละ’
จิระประไพเป็นมัณฑนากร เธอไม่คิดว่าจะมีโอกาสทำให้เขาโมโหได้ ยกเว้นเขาจะอาละวาดถ้าเธอออกแบบไม่ถูกใจ ซึ่งเขาก็ไม่น่างี่เง่าถึงขนาดนั้น
ทำงานให้เสร็จ จากนั้นก็ออกจากวงโคจรของพัชร กลับไปมีชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกภักดิ์โภคินตามเดิม…นั่นคือทั้งหมดที่เธอต้องทำ
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.