X
    Categories: LOVEณัฐรัมภาทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ณัฐรัมภา บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 4 ผู้ชายฉลาด

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะเนี่ยที่ฉันนัดเจอลูกค้าในสวนแบบนี้…อันที่จริงถึงนัดเพื่อนหรือคนอื่นทั่วไปฉันก็ไม่ค่อยได้นัดในสวนเหมือนกัน”

ณัฐรัมภากำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้า ขาในกางเกงยีนทรงเดฟเหยียดยาว เท้าเปลือยเปล่า มีรองเท้าหุ้มส้นทรงบัลเลริน่าวางอยู่ข้างๆ สองแขนของเธอเท้าไปทางด้านหลัง ดวงหน้าสวยแหงนเงยขึ้นมองแสงแดดที่สาดลอดช่องว่างระหว่างใบไม้ลงมาจนเกิดเป็นลวดลายแปลกตา

“ฟังเหมือนคุณไม่ค่อยได้มาสัมผัสต้นไม้ใบหญ้าแบบนี้ใช่ไหม” ณัฐนนท์เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือแวบหนึ่งเพื่อถาม

“จะว่างั้นก็ได้ค่ะ คือคุณก็รู้ว่าอากาศเมืองไทยร้อนเป็นส่วนใหญ่ ไหนจะแดดอีก ต่อให้เป็นในสวนแบบนี้ต้นไม้ก็เอาไม่อยู่ แค่ลงจากรถก็รู้สึกเหมือนจะเป็นเนื้อแดดเดียวแล้ว” เธอถอนหายใจ “นานๆ ทีจะมีวันอากาศดีๆ ที่แดดไม่แรงเกินไปและพอมีลมให้รู้สึกสบายๆ แบบวันนี้”

“โชคดีที่เรานัดกันวันนี้” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “ผมโอนเงินมัดจำงวดแรกให้คุณแล้วนะ”

โทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่บนหน้าขาของณัฐรัมภาส่งเสียงร้องเตือนว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามาในจังหวะเดียวกันกับที่เขาพูดจบ เธอหยิบมันขึ้นมากดดูแล้วพยักหน้ารับ

“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันจะส่งแบบแรกให้คุณดูภายในสัปดาห์หน้านะคะ จริงๆ ฉันก็ทำไปบ้างแล้วล่ะ แต่ยังไม่เสร็จ”

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหญิงสาวไปพบกับณัฐนนท์ตามที่นัดกันไว้ โดยเธอส่งสัญญาให้เขาดูตั้งแต่คืนวันเสาร์ พอเจอกันเขาก็บอกว่าขอเวลาอ่านสัญญาอีกนิดก่อนเซ็น เพราะเขาเป็นคนประเภทที่อ่านภาษากฎหมายไม่เข้าใจเอาเสียเลย ดังนั้นจึงต้องมองหาคนมาช่วยอ่าน ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องจากตัวเองก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ที่มีสัญญาให้ลูกค้าเซ็นเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็เอาต้นแบบมาจากสัญญาของบริษัท Archwin ผสมรวมกับสัญญาที่พวกรุ่นพี่ร่วมวงการแบ่งปันเอาไว้ อีกอย่างยังไงเธอก็ต้องเจอเขาเพื่อรับสำเนาแบบแปลนบ้านอยู่แล้ว

นอกจากเอาสัญญาไปให้ชายหนุ่มแล้วณัฐรัมภาก็ไปวัดขนาดของห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วย เมื่อมีคนอยู่ด้วยการวัดอะไรต่อมิอะไรก็ง่ายขึ้นเพราะมีผู้ช่วย แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอก็ใช้เครื่องวัดระยะเลเซอร์เป็นหลัก มันเป็นตลับเมตรแบบไฮเทค ความจริงเครื่องนี้เป็นของบริษัท ทว่าด้วยความที่เธอต้องออกไปไซต์งานบ่อยๆ เลยขออาชวินยึดเครื่องนี้ติดตัวไว้เพื่อจะได้ไม่ลืม เขาอนุญาต ที่สำคัญคืออีกฝ่ายเป็นเจ้าของบริษัทที่ไม่เคยงกกับเรื่องข้าวของที่ใช้ในการทำงาน เครื่องในมือของเธอตอนนี้จึงเป็นเครื่องคุณภาพดีมากด้วย ณัฐนนท์สนอกสนใจเครื่องวัดระยะเลเซอร์นี้มาก ถึงขั้นขอเธอเอาไปลองเล่นทีเดียว

จะว่าไปวันนั้นก็สนุกดี มันให้ความรู้สึกเหมือนเธอไปช่วยทำงานที่บ้านเพื่อนหน่อยๆ ชายหนุ่มเป็นลูกมือที่ดี และอาจเพราะเขาเป็นนักวิจัยที่ทำงานในห้องแล็บอยู่แล้วเลยค่อนข้างละเอียดรอบคอบด้วย นอกจากนี้วันนั้นเขายังเอาขนมมาฝากเธอหลายอย่าง ทั้งขนมกล้วย ขนมตาล รวมไปถึงขนมฟักทอง อย่างหลังเธอชอบมากแต่ไม่ค่อยเจอให้ซื้อกิน เขาบอกว่าแม่เป็นแม่ค้าขายขนม แต่ระยะหลังทำขนมแค่ตามออเดอร์งานบุญงานบวช พอดีเขากลับบ้านไปแบบประจวบเหมาะกับที่มีออเดอร์เข้ามา เขาเลยขอแบ่งมา

สองสามวันหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ส่งข้อความมาบอกเธอว่าโอเคกับสัญญา และเขาก็ขอนัดเจอเธออีกรอบ อันที่จริงจะให้เขาเซ็นสัญญาแล้วส่งมาทางไปรษณีย์ก็ได้ แต่เธอเองก็ว่างอยู่ บวกกับมีรายละเอียดบางอย่างที่อยากถามเขาเพิ่มเติม ซึ่งการคุยแบบตัวต่อตัวน่าจะดีที่สุด เธอก็เลยรับนัดออกมาเจอเขาในบ่ายวันเสาร์

ตอนแรกณัฐรัมภานัดเขาที่ห้างเหมือนเดิม แต่จู่ๆ ณัฐนนท์ก็ส่งข้อความมาถามเธอว่าออกมาที่สวนใกล้ๆ ห้างได้ไหม เธองงและไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ทว่าก็ยอมออกมา เพราะคิดว่าบ่ายแก่แล้วอาจไม่ร้อนมาก ปรากฏว่าวันนี้อากาศค่อนข้างดี เธอเลยได้นั่งเล่นบนพื้นหญ้าอย่างที่ไม่ได้ทำมานานแล้ว

“เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบคุณนะ จนกระทั่งไปอยู่เมืองหนาวหลายปี ผมคิดถึงแดดแบบนี้มากเลย” ชายหนุ่มวางมือถือลงแล้วเอนกายไปเท้าแขนกับพื้นหญ้าด้านหลังแบบเดียวกับเธอ “อีกอย่างห้างที่อเมริกาก็สู้ห้างที่ไทยไม่ได้ด้วย ห้างที่นั่นน่าเบื่อมาก ไปๆ มาๆ ผมเลยค้นพบว่าชอบอยู่ในสวน พอกลับมาไทยบางทีมันก็ร้อนเกินไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็จะหาโอกาสมาเดินเล่นนั่งเล่นในสวนสักสัปดาห์ละหน ที่ผมซื้อบ้านหลังนี้นอกจากดีไซน์แล้วก็เพราะโครงการนั้นมีสวนขนาดใหญ่นี่แหละ”

“อืม สวนที่นั่นถือว่าใหญ่เลยถ้าเทียบกับขนาดโครงการ” มัณฑนากรสาวพยักหน้ารับหลังจากนึกทบทวนถึงสวนที่เธอขับรถผ่านตอนไปบ้านของเขา

“แล้วนี่เดี๋ยวคุณจะไปไหนต่อหรือเปล่า”

ณัฐรัมภาหันไปมองคนถาม ตั้งแต่วันที่แลกมือถือคืนพอได้คุยกันทีไรเขาก็มักจะตั้งท่าอยากชวนเธอไปโน่นมานี่ตลอด ขนาดนัดเจอกันเรื่องงานก็ยังทำท่าจะชวนเธอไปกินข้าวต่อ แต่เธอก็คิดว่าเขาคงแค่หยอกๆ ตามประสา เพราะดูทรงแล้วเขาก็แพรวพราวไม่ใช่เล่น ยิ่งทำงานให้เขาก็คงต้องเจอกันอีกหลายหน จะตัดรอนก็ไม่ใช่ทางของเธอเสียด้วย ถ้าไม่หนักหนาจริงๆ เธอจะยึดคติว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาคือคอนเน็กชั่น เผื่อถ้าเขามีเพื่อนที่อยากได้มัณฑนากรก็อาจแนะนำเธอก็ได้ ดังนั้นเธอเลยปล่อยให้เขาหยอดใส่ไปเรื่อยๆ คิดเสียว่าเพลินๆ ยามโสด อย่างน้อยชายหนุ่มก็ไม่ใช่พวกน่ารำคาญหรือพวกที่จีบสาวด้วยมุกเห่ยๆ

“มีนัดกินข้าวกับครอบครัวค่ะ” หญิงสาวโปรยยิ้มไปให้เขาพร้อมคำตอบ จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมากดเปิดหน้าจอดูนาฬิกา “เดี๋ยวฉันคงต้องไปแล้วล่ะ เพราะต้องขับรถออกนอกเมือง”

ปกติแล้วเธอกลับบ้านแค่เดือนละหนสองหน เมื่อสัปดาห์ก่อนเธอเพิ่งกลับไป ถ้าเป็นปกติสัปดาห์นี้เธอก็คงเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ทว่าพอดีเธอตกลงรับงานของจตุภูมิไว้ ปรพลที่ทำตัวเป็นนายหน้าเลยจัดแจงนัดเพื่อนไปเจอกับเธอที่บ้าน…อันที่จริงเธอคิดว่าไปเจอกันที่อื่นก็ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คัดค้าน

“แสดงว่าความจริงบ้านคุณอยู่นอกเมืองแต่มาซื้อคอนโดฯ อยู่ในเมืองใช่ไหม” ณัฐนนท์ถาม พอได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าเขาก็พูดต่อ “งั้นก็เหมือนผมเลย ความจริงบ้านผมอยู่ชานเมืองโน่น ฝ่ารถติดเข้าเมืองไม่ไหวเลยต้องมาเช่าห้องในเมืองอยู่”

“แล้วแบบนี้จะมีคนในครอบครัวมาพักที่บ้านใหม่ของคุณด้วยไหมคะ” ณัฐรัมภาถามแล้วยืดตัวนั่งตรงเพื่อเก็บรวบรวมข้าวของใส่ถุงผ้า

เขาไม่เคยพูดถึงครอบครัวมาก่อน เมื่อเอ่ยขึ้นมาแบบนี้เธอก็ต้องถามเขาให้ชัดเจน เพราะการออกแบบตกแต่งภายในต้องคิดคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยของเจ้าของบ้านอย่างรอบด้าน

“แม่ไม่มาอยู่กับผมหรอก ท่านไม่ชอบบ้านหลังนี้เลย แถมบอกว่าบ้านเหมือนยังสร้างไม่เสร็จด้วย มันโมเดิร์นไปสำหรับท่านน่ะ” ชายหนุ่มพูดไปหัวเราะไป

“ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่ชอบพวกบ้านโมเดิร์นลอฟต์แบบนี้” เธอไม่แปลกใจ เพราะเคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์การปะทะกันของคนสองรุ่นที่มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับดีไซน์ของบ้านมาแล้ว

“นั่นแหละครับ แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรนะที่ผมจะซื้อ เพราะมันเป็นบ้านของผม ยังไงคุณไม่ต้องห่วงนะว่าจะเกิดเหตุการณ์ประมาณว่าแม่ผมบุกมาบอกให้คุณออกแบบห้องรับแขกใหม่หรืออะไรทำนองนั้น”

“ดีแล้วค่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องคิดเงินคุณเพิ่มเป็นค่ายาแก้ปวดหัว” ณัฐรัมภาหยอกแล้วขยับลุกยืน เขาเลยยันตัวลุกตาม

“คุณจอดรถไว้ที่ห้างใช่ไหม งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณที่รถนะ”

“รถคุณอยู่ที่ห้างเหมือนกันหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ก็ไม่ต้องตามไปส่งฉันก็ได้นะ” ดวงตาคู่สวยเจือไว้ด้วยความแปลกใจ

“วันนี้ผมไม่ได้เอารถมา แต่ผมว่างเพราะมีนัดกับไทโรนตอนเย็น คุณจำเขาได้ใช่ไหม นี่ต้องรออีกพักใหญ่เลยกว่าจะถึงเวลานัด ตอนแรกที่ผมถามก็เพราะคิดว่าจะชวนคุณไปจอยกันเนี่ยแหละ” ณัฐนนท์อธิบาย

“อ้อ” มัณฑนากรสาวพยักหน้ารับรู้ ขณะเดียวกันก็คิดว่าโชคดีที่เมื่อครู่ตอบไปตามปกติ ไม่ได้หยอกเย้าเขากลับให้ตัวเองหน้าแตก

“ผมว่าถ้าชวนคุณแบบมีไทโรนอยู่ด้วยก็อาจมีความหวังบ้าง อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่าผมชวนคุณคนเดียว”

การขยายความที่ได้รับโดยไม่ได้ร้องขอทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ความคิดเมื่อครู่ละลายหายไปในบัดดล

“วันที่เจอกันฉันก็เมาหน่อยๆ ด้วยสิ แต่เท่าที่จำได้เพื่อนคุณก็หล่อน่ารักน่าสนใจดีนะ ฉันว่าน่าทำความรู้จักอยู่เหมือนกัน”

“อืม งั้นเดี๋ยวผมจะพยายามชวนคุณไปกินข้าวแบบไม่มีไทโรนพ่วงต่อไปแล้วกัน” ณัฐนนท์บอกยิ้มๆ

สาวสวยเพียงยิ้มโดยไม่ตอบ เลือกจะทำนิ่งๆ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ชักสงสัย…นี่เขาจะจีบเธอจริงๆ หรือแค่หมาหยอกไก่เนี่ย

ณัฐรัมภาเดินเข้าห้างเพื่อไปยังลานจอดรถด้านหลัง เธอคุยกับณัฐนนท์ไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสัพเพเหระและข่าวสารบ้านเมือง พอดีผ่านร้านชานมไข่มุกเจ้าโปรดเธอเลยแวะซื้อ ครั้นจ่ายเงินแล้วก็ปรากฏว่าต้องรอคิวอีกเป็นสิบคิว เธอเลยบ่นงึมงำว่ารู้แบบนี้แวะเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า เพราะตอนแรกเห็นคนอยู่หน้าร้านไม่เยอะเลยนึกว่าคิวไม่ยาว เขาเลยอาสาจะรอรับชานมให้เพื่อที่เธอจะได้ไปเข้าห้องน้ำ

หญิงสาวตอบรับข้อเสนอ ปรากฏว่าที่ห้องน้ำก็คนเยอะอีก และเมื่อต้องเสียเวลารอนานพอออกจากห้องน้ำเธอเลยเร่งฝีเท้ากลับไปยังร้านชานมไข่มุกด้วยความเกรงใจณัฐนนท์ ในห้างคนค่อนข้างแน่นเพราะเป็นวันหยุด เธอซอกแซกลัดเลาะผ่านผู้คนไปเรื่อย จนกระทั่งเกือบจะชนเข้ากับคนที่เดินสวนมา เธอเบรกตัวโก่ง ทว่าพอได้เห็นชัดว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ชะงักไป

ไอ้แฟนเก่าเฮงซวย! มากับผู้หญิงอีกต่างหาก แถมเป็นคนละคนกับตอนที่นอกใจเธอด้วย!

ณัฐรัมภาจ้องหน้าอีกฝ่าย ถึงเรื่องราวจะผ่านมาเกือบสองปีแล้วแต่ความโมโหก็ยังพุ่งพรวดขึ้นมา อาจเพราะเพิ่งประสบพบเจอหนุ่มเจ้าชู้อีกคนมาหมาดๆ ถึงผู้ชายจะเป็นคนละคนก็ตาม เธอนึกอยากจะโพล่งความเลวร้ายของเขาให้ผู้หญิงอีกคนทราบ ทว่าสุดท้ายก็หักห้ามใจไว้พร้อมกับเตือนตัวเองว่าไม่แน่อีกฝ่ายอาจรู้อยู่แล้วก็ได้

ดูอย่างกิ๊กคนล่าสุดเธอสิ ผู้หญิงรู้ทั้งรู้ว่ามันจีบผู้หญิงคนอื่นก็ยังอุตส่าห์อยากได้มัน!

หญิงสาวตั้งใจจะฉากหลบแล้วเดินผ่านอดีตแฟน ทว่า…

“ซวยจริงๆ”

อดีตแฟนของเธอพึมพำ ผลคือณัฐรัมภาสะบัดหน้ากลับแล้วแหวสวนไปทันควัน ดวงตาลุกเรืองราวมีเปลวไฟพวยพุ่งอยู่ภายใน

“ฉันน่ะสิซวย เดินมาเจอตัวเสนียดที่สลัดทิ้งจากชีวิตไปแล้วเนี่ย!”

“อย่ามาทำปากดีแถวนี้นะรัมภา” อีกฝ่ายคำรามในลำคอ

“ใครกันแน่ที่ปากดี” หญิงสาวโต้แบบไม่ต้องเสียเวลาคิด

“คุณอยู่นี่เอง ผมกำลังว่าจะไปดูที่ห้องน้ำ เห็นหายไปนานเลย”

ขณะที่สถานการณ์กำลังมาคุ จู่ๆ ณัฐนนท์ก็โผล่มา ณัฐรัมภาชะงักไปนิดหนึ่ง ทั้งตกใจทั้งงุนงง

“ห้องน้ำคนเยอะมากเลย ขอโทษทีค่ะ”

“นี่ชานมของคุณ” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ส่งแก้วชานมให้เธอ

“ขอบคุณค่ะ” มัณฑนากรสาวรับแก้วมา แต่ไม่ทันไรอดีตแฟนก็ส่งเสียงขึ้นมาอีก

“ก็หาคนใหม่ได้เรื่อยๆ นี่…คุณระวังไว้หน่อยก็ดีนะ เห็นสวยๆ แบบนี้โรคจิตดีๆ นี่เอง ปากก็ยังกับกรรไกร”

ณัฐรัมภาแทบจะเอาแก้วชานมไข่มุกเขวี้ยงใส่หน้าอีกฝ่าย แต่พอดีนึกขึ้นได้ว่ามันแพง หนำซ้ำเธอยังไม่ได้ดื่มเลยสักอึก เธอไม่ควรแลกชานมอร่อยๆ กับขยะเปียกอย่างไอ้บ้านี่…เมื่อคิดแบบนี้เธอเลยยั้งมือ กำแก้วชานมไว้แน่นแล้วตั้งท่าจะเหวี่ยงใส่แฟนเก่าอีกรอบ ทว่าณัฐนนท์กลับพูดขึ้นมาก่อนอย่างคาดไม่ถึง

“โดยปกติถ้าผู้ชายไม่สร้างปัญหา ผู้หญิงก็คงไม่ร้าย แล้วการที่คุณมาว่าร้ายคนอื่นต่อหน้าเจ้าตัวแบบนี้มันก็ดูเป็นปัญหานะ คนทั่วไปเขาไม่ทำกันหรอก”

“อย่าเสียเวลาเลยคุณ บางคนก็จิตสำนึกต่ำกว่าคนทั่วไป เพราะคนทั่วไปเขาไม่โกหกหน้าตาย แถหน้าด้าน ซุกกิ๊ก นอกใจแฟนกัน” ณัฐรัมภาทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจแต่ก็เน้นเสียงทุกประโยค จากนั้นเธอก็ผินหน้าไปหาหญิงสาวอีกคนที่แฟนเก่าควงมา “ขอให้คุณโชคดีแล้วกันนะคะ”

แล้วมัณฑนากรสาวก็ผละจากมา แต่ก็ไม่เร็วนักเพราะมีณัฐนนท์อยู่ด้วย เขาเดินตามเธอแบบเงียบๆ จนกระทั่งเดินมาไกลพอสมควรเธอเลยหันไปส่งยิ้มให้

“ขอบคุณนะคะ”

“ถ้าเรื่องที่ผมรอรับชานมให้คุณขอบคุณแล้วนะ แต่นอกนั้นผมไม่ได้ทำอะไร”

ฟังคำตอบจากชายหนุ่มแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะดูดชานมไข่มุกอีกอึก หลังจากเมื่อครู่ดูดไปรวดเดียวครึ่งแก้วเพื่อให้อารมณ์หงุดหงิดเจือจางลงบ้าง…พูดตามจริงเธออับอายมากทีเดียว ณัฐนนท์เป็นลูกค้าของเธอ ถึงจะทำความรู้จักกันแบบเพื่อนก่อนแต่มันก็แค่ชั่วโมงเดียวด้วยซ้ำ เขาไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่เขาก็เป็นคนดีมากที่ปกป้องเธอแม้จะไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ตาม

“คือว่าฉันมีคอลเล็กชั่นผู้ชายห่วยๆ อยู่คอลเล็กชั่นนึงค่ะ ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ ฉันต้องขอโทษคุณด้วยที่ต้องให้คุณมาเจอเรื่องไร้สาระแบบนี้”

“ทุกคนมีคอลเล็กชั่นคนห่วยๆ ที่พบเจอในชีวิตทั้งนั้นแหละ อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย จะขอโทษทำไม”

“คุณต้องเลือกสักทางนะคะว่าจะรับคำขอโทษหรือคำขอบคุณจากฉัน” ณัฐรัมภาทำหน้าจริงจัง

“เอาเป็นเลี้ยงข้าวผมสักมื้อแทนได้ไหม กะเพราไก่ไข่ดาวหรือไข่เจียวหมูสับสักจานก็ได้” ชายหนุ่มตอบกลับยิ้มๆ

หญิงสาวกะพริบตา ไม่นึกว่าเขาจะมาไม้นี้ ทว่าเธอก็ตีหน้าซื่อทำเหมือนไม่เข้าใจและยกแก้วชานมไข่มุกในมือขึ้นมา

“เอาชานมไข่มุกแทนไหมคะ หรือกาแฟสักแก้วดี ร้านอยู่ตรงหน้านี่เอง”

“ผมว่าข้าวดีที่สุดนะ ผมชอบอะไรที่หนักท้อง” ณัฐนนท์ทำหน้าตายตอบกลับ ก่อนที่เขาจะยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม “ผมจะถือว่าคุณไม่ได้ติดค้างอะไรผมนะ แต่ถ้าวันไหนคุณรู้สึกว่าอยากขอบคุณหรือขอโทษผมเรื่องวันนี้ และคุณคิดว่านั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับผมได้ คุณก็ค่อยเลี้ยงข้าวผมสักจานแล้วกัน”

หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลา เขามีลูกล่อลูกชนแพรวพราวไม่ใช่น้อย ไม่ผิดจากที่เธอประเมินไว้ตอนแรก ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือเขาดูเป็นสุภาพบุรุษมาก อุตส่าห์ปกป้องเธอทั้งที่โดนลากเข้าไปในบทสนทนาแบบงงๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้พยายามรุกไล่หนักข้อจนเกินไป พอถึงจุดหนึ่งเขาก็หยุดและถอยกลับไปจนไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดรำคาญ

ผู้ชายฉลาด…ณัฐรัมภารู้ตัวว่าแพ้ผู้ชายแบบนี้ ทว่าเรื่องราวที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าการใช้ความฉลาดเป็นเกณฑ์ในการเลือกแฟนให้ผลในทางที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ณัฐนนท์ก็มีแนวโน้มจะเป็นอย่างนั้น แต่พอคิดว่าจะให้เลือกแฟนที่ฉลาดน้อยลงมาหน่อยก็ชวนขนลุกแล้ว ชีวิตนี้เธอจะมีบุญได้เจอคนฉลาดที่ซื่อสัตย์หรือเปล่าก็ไม่รู้

ยากจัง…

 

“ตกลงจะจ้างรัมภาจริงๆ ใช่ไหมคะ ถ้าไม่ชอบสไตล์ของรัมภาก็ไม่ต้องเกรงใจนะ เดี๋ยวแนะนำดีไซเนอร์คนอื่นให้ได้” ณัฐรัมภาถามขณะรับแท็บเลตคืนมาจากจตุภูมิ

ตอนนี้เธอกำลังนั่งคุยกับจตุภูมิอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านของพ่อ ตอนที่มาถึงอีกฝ่ายนั่งเล่นเกมกับปรพลอยู่ก่อนแล้ว พี่ชายนั่งอยู่ด้วยครู่หนึ่งก่อนจะลุกไปช่วยรสนาเตรียมอาหารเย็น ปล่อยให้เธอนั่งคุยกับเพื่อนของเขาต่อตามลำพัง ซึ่งหลักๆ แล้วเธอก็อธิบายรายละเอียดการจ้างมัณฑนากร ขั้นตอนการทำงาน รวมไปถึงเอาพอร์ตโฟลิโอให้เขาดู

จตุภูมิยังคงเป็นลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงซึ่งดูดีเหมือนที่เธอจำได้ อันที่จริงเขาดูเข้มขึ้นนิดหน่อยด้วย และนั่นทำให้ยิ่งชวนมองขึ้นไปอีก ณัฐรัมภาค้นพบว่าการคุยงานกับเขาง่ายกว่าที่คิดมาก อาจเป็นเพราะเขาตั้งธงไว้อยู่แล้วว่าจะจ้างเธอแต่งห้องให้ ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้เป็นพวกเนิร์ดที่คุยด้วยยาก จะว่าไปเธอก็รู้สึกว่ามันคล้ายกรณีของณัฐนนท์หน่อยๆ

บางทีเวลาคนเราอันลัคกี้อินเลิฟก็จะลัคกี้อินเกม แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยก็ได้เงิน

“พี่ให้รัมภาทำนี่แหละ รัมภาแต่งห้องแต่งบ้านสวยออก” จตุภูมิยืนยันความต้องการ

“งั้นเดี๋ยวกินข้าวก่อนแล้วเราค่อยคุยรายละเอียดกันต่อ พวกเรื่องงบประมาณกับสไตล์การแต่งห้องที่พี่อยากได้ และก็รัมภาต้องขอแปลนห้องพี่แจ็คด้วยค่ะ”

“โอเค” ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับหันตามสายตาของณัฐรัมภาไปทางโต๊ะอาหาร ปรพลกับแม่ของเขากำลังช่วยกันลำเลียงมื้อเย็นออกมาตั้งโต๊ะ

“คุยกันเสร็จแล้วเหรอ” คนโดนมองหันมาถาม

“เสร็จไปครึ่งนึง เดี๋ยวกินเสร็จแล้วค่อยคุยต่อ” จตุภูมิเป็นคนตอบ

“งั้นรัมภาขึ้นไปตามคุณลุงหน่อยสิ”

“โอเค” ณัฐรัมภารับคำแล้วลุกเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง

ถึงแม้ว่าตั้งแต่ย้ายออกไปจะไม่ค่อยได้ขึ้นมาชั้นบนของบ้าน ทว่าด้วยความที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ยังแทบจะหลับตาเดินได้ มือเรียวเคาะประตูห้องนอนของพ่อแล้วส่งเสียงเรียก

“คุณพ่อ ข้าวเย็นเสร็จแล้ว”

มีเสียงกุกกักจากด้านในห้องนอน อึดใจต่อมาศุภกิจก็เปิดประตูออกจากห้อง

“พ่ออ่านหนังสือเพลินเลย นี่รัมภาคุยกับแจ็คเสร็จแล้วเหรอ”

“ยัง เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วค่อยคุยต่อ”

“จริงๆ ถ้าคุยเสร็จดึกรัมภาค้างที่นี่ก็ได้นะ ห้องลูกก็ทำความสะอาดไว้ตลอด” ผู้เป็นพ่อผินหน้าไปมองประตูห้องของลูกสาวก่อนจะเลี้ยวลงบันได

“รัมภาชินกับการอยู่คอนโดฯ แล้ว” หญิงสาวบอกเสียงเรียบเรื่อย

ณัฐรัมภาไม่เคยพูดชัดๆ ว่าจะไม่กลับมาอยู่บ้านอีก ซึ่งเธอคิดว่าพ่อก็น่าจะทราบ แต่ท่านก็ดูจะยังหวังว่าสักวันเธอจะกลับมาค้างที่นี่บ้าง หญิงสาวไม่อยากปล่อยให้ท่านหวังลมๆ แล้งๆ ทว่าก็ไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจท่านตรงๆ เหมือนกัน

 

(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 14 ส.ค. 62)

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: