X
    Categories: Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธานWith Loveทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 4

chapter 04

ต้องการเท่าไร

 

“ฉันขอโทษนะ ฮารี…”

ยองซอนั่งรอเพื่อนด้วยท่าทีหม่นหมอง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนทรยศที่ขายข้อมูลเพื่อหาผลประโยชน์อย่างไรชอบกล อุตส่าห์ตั้งใจจะพยายามเกลี้ยกล่อมซองฮุนด้วยรามยอนแท้ๆ แต่เมื่อลองมาคิดดู เธอกลับเป็นฝ่ายหลวมตัวไปรับคำขอร้องของเขาที่ขอให้เธอช่วยจัดการให้แทมูกับฮารีมาเจอกันด้วยความยินดีเสียเอง

“ตาบ้า มาหลอกใช้ฉันงั้นเหรอ”

ซองฮุนไม่ได้มีท่าทีหรือให้คำสัญญาหวานซึ้งใดๆ เลย แต่เธอเป็นฝ่ายหลวมตัวเอง และถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้ว น่าจะเป็นเธอมากกว่าที่เอาเพื่อนมาพูดเพื่อดึงดูดใจซองฮุน เพราะอย่างนี้เธอจึงโทษเขาไม่ได้เลย

“แต่ยังไงก็ต้องเจอกันสักครั้งอยู่แล้วนี่นา”

ถ้าจะจัดการเรื่องการแต่งงานของสองครอบครัวให้เรียบร้อย ไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องให้เขาได้เจอฮารีที่ไปนัดบอดกับเขาอยู่ดี เพราะถ้าขืนทำอะไรผิดพลาดไป เธออาจได้แต่งงานจริงๆ แน่ เธอจะไม่แต่งงานกับเขาและปล่อยให้เลขาฯ ของเขาต้องหลุดมือไปเด็ดขาด ดังนั้นเธอจำเป็นต้องจัดการให้ทั้งสองมาเจอกันอีกครั้งแม้จะรู้สึกผิดกับเพื่อนก็ตาม และแน่นอนว่าถ้าบอกความจริงเรื่องการนัดพบครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อนคงต้องโวยวายและอาจจะไม่ยอมมาเจอเธออีกเลยก็ได้ เธอจึงไม่กล้าเอ่ยปากพูดกับเพื่อนว่าให้ไปเจอแทมูอีกครั้ง

ตอนนี้คงเอาเรื่องเงินมาใช้กับฮารีไม่ได้แล้ว และไม่ว่าจะเอาเรื่องอะไรมาข่มขู่ก็คงใช้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเหลือแค่วิธีเดียว…

“ยองซอ”

“อ้อ ทางนี้”

แล้วเพื่อนผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยก็เดินเข้ามาในร้านอาหารอย่างร่าเริง เพื่อนผู้ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรจึงแต่งตัวมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนแสนธรรมดา พอยองซอโบกมือให้และทักทายอย่างยินดี ฮารีก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามและยิ้มให้อย่างสดใส

“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมจู่ๆ ถึงโทรมาบอกว่าจะพามาเลี้ยงมื้อเย็นที่ร้านหรูๆ แบบนี้ล่ะ”

วันนี้น้ำเสียงฮารีฟังดูร่าเริงเป็นพิเศษ ใบหน้าก็ดูสดใสมากขึ้น ยองซอเริ่มรู้สึกคอแห้งอย่างบอกไม่ถูก

“อ๋อ ก็…ฉันรู้สึกขอบคุณเธอหลายเรื่องเลย”

“ขอบคุณเหรอ เรื่องที่ไปนัดบอดแทนน่ะเหรอ แต่ฉันได้ค่าพาร์ตไทม์แล้วนี่”

เรื่องที่รู้สึกขอบคุณที่ว่านั่นเป็นเรื่องในอนาคต แต่ฮารีกลับเข้าใจว่าเป็นเรื่องในอดีตเสียนี่ นั่นคงเป็นโชคชะตาของฮารี ยองซอไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เพียงแต่พูดเสียงแผ่วในตอนท้าย

“แล้วก็ ขอโทษด้วย…”

“อะไรนะ”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“วันนี้เธอดูแปลกๆ นะ”

ฮารีมองใบหน้าของยองซออย่างพิจารณา ทว่ายองซอได้แต่หลบสายตา

“ฉันแปลกยังไง”

“จู่ๆ เธอโทรมาบอกว่าจะเลี้ยงข้าวขอบคุณ แถมยังพามากินที่ร้านอาหารแพงๆ แบบนี้อีก”

“นี่ ฉันไม่เคยเลี้ยงข้าวเธอหรือไง”

“ก็เคยนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ร้านแบบนี้นี่นา”

ใช่แล้ว ปกติทั้งสองชอบไปร้านอาหารบุนชิกหรือไม่ก็ร้านพาสต้าราคากลางๆ หรืออย่างดีที่สุดก็คือแฟมิลี่เรสเตอรองต์

ยองซอยิ้มบางๆ

“วันนี้กินให้เต็มที่เลยนะ”

“นั่นสิ งั้นลองดูเมนูก่อนดีไหม ไหนดูซิ”

แล้วเพื่อนของยองซอที่กำลังดูเมนูด้วยท่าทางร่าเริงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

“จินยองซอ ที่นี่มันแพงจริงๆ นะ”

“รู้น่า”

“แต่เธอเป็นคนเลี้ยงนะ”

“ก็ใช่”

“เธอจะเลี้ยงแน่นะ”

“นะ…แน่นอนสิ”

“ฉันก็ชอบนะ แต่มันเว่อร์ไปหน่อย”

แล้วเพื่อนก็ดูเมนูอีกครั้ง เพื่อนคนสำคัญของยองซอ ชินฮารี

ฉันขอโทษนะ ชินฮารี ที่ฉันชวนเธอออกมาโดยไม่ได้บอกความจริง

ยองซอโน้มตัวเข้าไปหาฮารี

“ฮารี”

“ทำไม นี่ เรากินเนื้อลูกวัวอะไรสักอย่างอันนี้ดีไหม แต่มันทำจากเนื้อลูกวัวนี่นา ไม่ค่อยสบายใจเลย…เธอมีเงินจริงๆ ใช่ไหม”

“แน่นอนสิ แน่นอน”

“บัตรเครดิตสภาพคล่องดีนะ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ไหนลองเอากระเป๋าสตางค์มาดูหน่อยซิ”

“ฮารี”

เมื่อเห็นยองซอมองด้วยสายตาเศร้าสร้อย ฮารีก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

“ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ ไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มาเหรอ”

“เธอเคยบอกว่าอยากให้ช่วยนัดบอดให้ใช่ไหม”

“นัดบอดเหรอ”

ฮารีแสดงสีหน้ายินดี

“ใช่”

“งั้นนัดบอดไหม”

“แน่นอนสิ”

“จริงเหรอ เธอจะนัดบอดจริงๆ ใช่ไหม”

“ก็ฉันเป็นคนขอให้เธอช่วยนี่นา ทำไมต้องถามซ้ำแบบนั้นล่ะ”

“เปล่า แค่ถามดูน่ะ งั้นนัดบอดเลยไหม”

“อื้ม บอกแล้วไงว่าจะไป บอกวันมาสิ จะให้ไปนัดบอดวันไหน”

“ตอนนี้”

ฮารีทำหน้างงเมื่อได้ยินข้อเสนอสุดกะทันหันของยองซอ

“…ฮะ?”

“ตอนนี้เลย”

“พูดอะไร…เหลวไหลแบบนั้น ตอนนี้เนี่ยนะ”

“เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากเลยนะ”

“…จริงเหรอ”

“อื้ม จริงสิ หล่อมากจริงๆ”

ใบหน้าของฮารีที่เคยเปล่งประกายกลับกลายเป็นกังวล

“ถ้างั้นยิ่งเป็นวันนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลย”

“ทำไมล่ะ”

“ก็วันนี้ฉันแทบไม่ได้แต่งหน้ามาเลย…”

“จะกังวลไปทำไม มีฉันอยู่ทั้งคน”

ยองซอรีบเข้ามานั่งข้างๆ และยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของฮารี

“เดี๋ยวฉันแต่งหน้าให้เอง ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลย”

ก่อนที่ฮารีจะตอบอะไร ยองซอก็ลากเธอเข้าไปในห้องน้ำ

“เธอจะทำอะไร…”

“ชู่ว”

ยองซอเริ่มหยิบเครื่องสำอางออกมาจากกระเป๋าถือมากมายจนดวงตาของฮารีเบิกกว้าง

“นี่ เธอเตรียมของพวกนี้มา…”

“ชู่ว เงียบแล้วหลับตา”

ยองซอเริ่มแต่งหน้าอย่างรีบร้อน เธอต้องแต่งหน้าให้เหมือนกับวันที่ฮารีไปนัดบอดครั้งแรกให้ได้มากที่สุด แม้จะเป็นเรื่องยากที่ต้องแต่งหน้าให้สมบูรณ์ด้วยปลายนิ้วที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด อย่างไรก็ตามในที่สุดเธอก็ถอดแบบจินยองซอตัวปลอมที่ ‘ตาช้ำ’ ได้อย่างสมบูรณ์

อย่างน้อยเรื่องแต่งหน้าก็น่าทึ่ง

ยองซอชมตัวเองพลางปัดแก้มทั้งสองข้างให้เพื่อน

“เรียบร้อย”

“เป็นไง สวยไหม ขอดูกระจกหน่อย”

“เดี๋ยวก่อน เรื่องส่องกระจกเอาไว้ทีหลัง ต้องเปลี่ยนชุดก่อนสิ”

“ชุดเหรอ จริงด้วย วันนี้ฉันไม่ได้แต่งตัวให้ดี…”

“รอแป๊บนะ”

ยองซอรีบเดินออกไปแล้วกลับเข้ามาพร้อมถุงช็อปปิ้ง ฮารีจึงได้แต่ทำหน้าสงสัย

“อะไรน่ะ”

“ชุดไง”

“ชุดเหรอ”

“ใช่ ชุด”

“เดี๋ยวนะ เอาชุดมาทำไม…”

“นี่มันเดรสราคาสามล้านกว่าวอน* เลยนะ”

“จริงเหรอ งั้นฉันขอดูหน่อย”

“จะดูไปทำไม นี่มันชุดของเธอ”

“ของฉันเหรอ”

“อื้ม ฉันตั้งใจซื้อให้เธอเป็นพิเศษเลย ให้เป็นของขวัญ นี่ไง ลองดูสิ”

ยองซอหยิบเดรสสุดหรูออกมาจากถุงช็อปปิ้ง ฮารีมองเดรสพลางอุทาน “โอ้ โอ้” อยู่ครู่ใหญ่ แต่แล้วก็ขมวดคิ้ว

“ทำไม อะไร เธอจะเอาอะไรอีก”

ยองซอมองฮารีเหมือนพร้อมที่จะเปลี่ยนฟักทองเป็นรถม้าให้ได้ทุกเมื่อ แม้ในใจจะคิดว่าได้แต่งตัวดีๆ และแต่งหน้าสวยๆ ไปนัดบอดก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลแล้วก็ตาม

“ทำไมฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย”

“เรื่องอะไร”

“ก็ต่อให้เธอรวยขนาดไหน แต่ทำไมจู่ๆ ถึงซื้อของแบบนี้ให้ฉันล่ะ”

เวลาฉันให้อะไรก็แค่รับๆ ไว้ก็พอ เพื่อนคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ

ยองซอยักไหล่

“เป็นเพื่อนกันทำไมจะให้ไม่ได้ล่ะ”

“เหรอ งั้นเธอถอดอันที่อยู่บนข้อมือมาให้ด้วยสิ”

เมื่อฮารีชี้ไปที่สร้อยข้อมือฝังเพชร ยองซอก็รีบปิดข้อมือเอาไว้

“ทำไม ให้เพื่อนไม่ได้เหรอ”

“แลกกับเดรสแล้วกันนะ”

“แลกเหรอ”

ฮารีขมวดคิ้ว

“ทำไมต้องแลกด้วยล่ะ เธอเป็นคนนัดบอดให้ฉันไม่ใช่เหรอ แล้วเธอติดหนี้ฉันเรื่องอะไร”

มีก็แล้วกัน กำลังจะติดเร็วๆ นี้นี่แหละ เพราะอย่างนี้ฉันถึงต้องทำแบบนี้ จะได้รู้สึกผิดน้อยลงยังไงล่ะเพื่อน

“ลองใส่ดูสิ”

“ไม่เอา”

“หือ? ทำไมล่ะ”

“เดี๋ยวค่อยใส่ทีหลัง”

“ทีหลังน่ะเมื่อไร

“เมื่อฉันได้คำตอบจากเธอก่อนว่าค่าตอบแทนของเดรสคืออะไร”

ยองซอมองฮารีพลางขมวดคิ้ว

“ก็ได้ ฉันปวดขาแล้ว เรากลับไปที่โต๊ะกันเถอะ”

ยองซอลากฮารีออกมาจากห้องน้ำแล้วกลับมาที่โต๊ะ

“บอกมา”

“อะไร”

“ว่าเธอติดหนี้ฉันเรื่องอะไร”

“ไม่มีอะไรแบบนั้นสักหน่อย”

“จริงเหรอ”

“ก็จริงน่ะสิ”

ยองซอพยายามฝืนยิ้ม ฮารีจึงหรี่ตามอง

“แต่เธอก็น่าจะบอกฉันล่วงหน้านี่นา ทำไมจู่ๆ ถึงได้นัดบอดกะทันหันแบบนี้ล่ะ”

“เอ่อ เรื่องนั้น…เพราะผู้ชายคนนี้งานยุ่งมากน่ะสิ”

“ผู้ชายงานยุ่งเหรอ”

“ใช่ เขาเป็นผู้ชายที่งานยุ่งมากเลยล่ะ”

เมื่อได้ยินว่าผู้ชายงานยุ่ง ฮารีก็กังวลใจมากขึ้น เธอเริ่มรู้สึกต่อต้านขึ้นมาตามสัญชาตญาณ จึงถามคำถามอีกครั้ง

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มานัดวันกะทันหันแบบนี้ แล้วก็ไม่ได้บอกฉันไว้ก่อนด้วย”

“ก็เธอว่างนี่นา”

ว่าไงนะ

เมื่อฮารีมองตาเขียว ยองซอก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมา

“เดี๋ยวนะ ฉันหมายความว่ายังไงเธอก็ขอให้ฉันแนะนำผู้ชายให้ แต่ผู้ชายคนนี้งานยุ่งมาก ฉันก็พยายามหาวันที่พอจะนัดได้เลยยังไม่ทันได้บอกเธอ จนกลายเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์แบบนี้ไง”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นี่มันเซอร์ไพรส์เกินไปหน่อยนะ”

“แล้วไง ไม่อยากนัดบอดเหรอ”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น…”

“เขาเป็นผู้ชายที่หล่อ หน้าตาดี แล้วก็เท่มากด้วย ฉันรับประกันได้เลย”

เธอก็เคยรับประกันมาแล้วเหมือนกันนี่ ยองซอกลืนคำพูดนั้นลงคอพลางยิ้มบางๆ เพียงแต่นิสัยเขาอาจจะแปลกหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งเธอคงจะรู้จักนิสัยแปลกๆ นั้นดีอยู่แล้ว ฉันขอละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน

“ผู้ชายแบบนั้นจะชอบฉันเหรอ”

“ต้องชอบสิ เขาอาจจะชอบเธอมากจนขอแต่งงานตั้งแต่แรกเห็นก็ได้”

“ตลกน่า จะมีคนบ้าที่ไหนขอแต่งงานตั้งแต่นัดบอด…”

เกิดแผ่นดินไหวขนาดเก้าจุดสามริกเตอร์ที่รูม่านตาของฮารี เพราะเธอรู้สึกได้ถึงภาพเงาที่คุ้นเคยจากทางด้านหลังของยองซอ

“มีที่นี่ไง…”

ฮารีพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อยองซอหันไปมองตามสายตาของฮารีก็ถึงกับตาโต เพราะแทมูกำลังจ้องฮารีอย่างไม่ละสายตา ยองซอไม่ได้พูดโกหกเลยสักนิด เพราะมันชัดเจนมากว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อ หน้าตาดี แล้วก็เท่มากด้วย

“เพื่อนจ๋า ขอให้เป็นช่วงเวลาที่ดีนะ”

ยองซอคว้ามือของฮารีเอาไว้แน่น

ขอให้เป็นสุขเป็นสุขนะ

ยองซอได้แต่พึมพำคำที่ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ในใจเท่านั้น ก่อนจะรีบลุกจากที่นั่งและหายตัวไป

ฮารีก้มลงมองโต๊ะด้วยสายตางุนงง เธอรู้สึกว่างเปล่าเพราะเดรสสุดหรูยังไม่ทันได้อยู่บนตัวเธอเลย

“นี่ แล้วนัดบอด…ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย…”

แต่ก็นั่นแหละนะ มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ

เมื่อเสียงเรียกเข้าดังเข้ามาในสมองที่กำลังเหม่อลอย ฮารีก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

“ขอโทษนะฮารี ที่จริงแล้วท่านประธานของเธอบอกว่าอยากเจอเธออีกน่ะ”

ว่าไงนะ

“ฉันแต่งหน้าให้อย่างดีแล้ว เขาคงคาดไม่ถึงแล้วก็ดูไม่ออกหรอกว่าเธอเป็นพนักงานบริษัทเขา บอกเขาไปแล้วกันว่าเธอผิดไปแล้ว”

อะไรนะ

ฮารีหันมองไปรอบๆ และดูสภาพของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนแก้ว ว่าแล้วเชียวทำไมถึงเน้นที่ตามากเป็นพิเศษ ไม่ทันไรเธอก็กลายเป็น ‘สาวตาช้ำ’ ไปเสียแล้ว

โอย ยายนี่ทำแบบนี้อีกแล้ว!

“ฉันรู้ว่าฉันทำความผิดที่สมควรตาย แต่ฉันก็อยากมีชีวิตอยู่นี่นา! กับคนที่ฉันรักน่ะ”

บังอาจทำความผิดที่สมควรตายแล้วยังอยากจะมีชีวิตอยู่อีกเหรอ แต่ฮารีก็ไม่สามารถเถียงอะไรกลับไปได้ เธอได้แต่วางโทรศัพท์มือถือที่ถูกตัดสายไปก่อนและเงยหน้าขึ้นอย่างเศร้าสร้อย

“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ทั้งที่กำลังจะแต่งงานกันแท้ๆ”

แทมูนั่งลงฝั่งตรงข้าม แต่งงาน…ฮารีรู้สึกเหมือนถูกเสือขย้ำเมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่พูดออกมาจากปากของเขา ในหัวของเธอมีแต่ความขาวโพลน

 

ว่ากันว่าต่อให้เข้าไปอยู่ในถ้ำเสือ ถ้าตั้งสติให้ดีก็จะเอาชีวิตรอดได้ แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว อาจมีบางกรณีที่เดินเข้าไปในถ้ำเสือด้วยตัวเอง แต่ปกติแล้วน่าจะโดนเสือจับเข้าไปในถ้ำมากกว่า เนื่องจากเสือไม่มีมือ ดังนั้นมันคงจะจับให้นั่งบนหลังหรือไม่ก็คงคาบเอาไว้ในปากและพาเข้าถ้ำ ซึ่งการถูกจับให้นั่งบนหลังนั้น ถ้าไม่ใช่คนที่อยากขี่หลังเสืออยู่แล้วก็คงไม่มีทางยอมนั่งดีๆ แน่ ดังนั้นคงจะถูกจับให้นั่งในสภาพหมดสติเพราะโดนกัดเข้าที่ไหนสักแห่ง กรณีที่คาบไว้ในปากก็เช่นเดียวกัน เพราะเสือคงไม่มีทางร้องอ้ำแล้วกัดแบบน่ารักๆ แต่คงจะกัดจนเลือดออก นั่นเท่ากับว่าต้องถูกเสือกัดแบบใดแบบหนึ่งแล้วค่อยเข้าไปอยู่ในถ้ำ ถ้าอย่างนั้นก็คงเจ็บปวดมากแน่ๆ และถ้าเป็นอย่างนั้นจะตั้งสติได้จริงหรือ

แน่นอนว่าถ้าเพื่อนหักหลัง แล้วจับเข้าไปอยู่ในถ้ำเสือและล็อกประตูไว้ เธอคงเข้ามาในถ้ำเสือได้โดยที่ไม่โดนกัด

ใช่แล้ว การทรยศของเพื่อน

สิ่งนี้คือตัวแปร ตอนที่ฮารีพบแทมู เธอคิดว่าตัวเองเข้ามาในถ้ำเสือและต้องโดนกัดทันทีที่สบตากัน เธอคิดวนเวียนไปเรื่อยๆ ว่าตัวเองคงจะตั้งสติไม่ได้จนขวัญหายกระเจิดกระเจิง

ขณะที่ฮารีกำลังเสียสติเพราะได้เจอแทมูอย่างกะทันหัน แทมูก็นั่งกอดอกจ้องมองเธอจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม

ฮารียังคงคิดถึงวิธีการรับมือเมื่อโดนเสือกัดต่อไป เช่น ถ้าโดนเสือกัดก็อย่าพยายามตั้งสติ แต่ควรจะปล่อยวางทุกอย่างลงเสียจะดีกว่า เป็นต้น พูดได้คำเดียวว่าสติ! แตก!

“ได้ยินว่าคุณทำงานพาร์ตไทม์เหรอครับ”

ฮารีมองแทมูอย่างเหม่อลอย

“งานพาร์ตไทม์นัดบอด”

อ๋อ จริงด้วย ยองซอบอกว่าไม่ได้พูดเรื่องของฉันไปนี่นา

ทันใดนั้นฮารีพลันตั้งสติขึ้นมาได้ ช่วงเวลานี้แหละเหมาะเลย นี่คือช่วงเวลาอันเหมาะเจาะที่จะตั้งสติไว้ให้ดีแล้วเอาชีวิตรอด ถึงแม้จะเข้ามาอยู่ในถ้ำเสือแล้วก็เถอะ

“จะ…เจอกันอีกแล้วนะคะ”

ฮารีฝืนยิ้มออกมา แต่เขายังคงมองเธออย่างไม่ละสายตาโดยที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ดูเหมือนกำลังสั่งให้เธอตอบคำถามของเขาก่อน

“ใช่ค่ะ ฉันทำงานพาร์ตไทม์”

นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกสักหน่อย ฮารีปลอบใจตัวเอง

“คุณโกหกผมเหรอ”

ไม่ใช่ฉันคนเดียวสักหน่อย เพื่อนคนที่คุณเห็นเมื่อกี้ก็โกหกด้วยนี่คะ ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ คู่นัดบอดของคุณคือยองซอนี่นา เท่ากับว่ายายนั่นมีความผิดมากกว่าฉันอีกไม่ใช่เหรอ

แม้ใจของเธออยากซักไซ้ไล่เลียง แต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากพูดและไม่อยากทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วย เพราะถึงอย่างไรเธอก็คงต้องตายอยู่ดี

“คุณได้ไปเท่าไรครับ”

คำถามของเขาที่ว่าเธอได้รับเงินค่าทำงานพาร์ตไทม์เท่าไรได้ทิ้งบาดแผลไว้ในใจเธอ เพราะสำหรับเธอนั้น มิตรภาพของเพื่อนย่อมสำคัญกว่าเรื่องเงินอยู่แล้ว

ฮารีได้แต่ขยับปากขมุบขมิบ เธอเห็นว่าเขาดูโมโหมากจึงไม่กล้าพูดอะไรออกไป แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็ถูกเธอหลอกลวงจริงๆ

“เรื่องนั้น…”

“รายชั่วโมงหรือรายวัน”

“คือว่าเรื่องนั้น…”

“หรือจ่ายให้ตามระดับความสามารถ”

สายตาของเขาดุดันมาก

เฮ้อ ท่านประธานของฉันคงจะโมโหมากเลยสินะ

ฮารีขยับเข้ามาใกล้

“เอ่อ…เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ พะ…พ่อแม่ของฉันเปิดร้านไก่ทอด แล้วแบบว่าเวลาทำธุรกิจมันก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมดาใช่ไหมคะ คือจู่ๆ ไข้หวัดนกก็ระบาด ทั้งประเทศวุ่นวายกันไปหมด มันเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ประชาชนคนทั่วไปเท่านั้นที่กำลังจะล้มตาย ราคาไข่ไก่ก็พุ่งสูงไปถึงฟ้า ส่วนไก่ก็ราคาตกและตายลงไปเรื่อยๆ ออเดอร์ก็ไม่เข้า แต่มันถึงเวลาต้องจ่ายค่าเช่าแล้ว เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ฉันจึงคิดว่าอย่างน้อยก็ควรต้องทำอะไรสักอย่าง…”

“แล้วไง”

เขาพูดตัดบทราวกับไม่สนใจสถานการณ์อะไรพวกนั้นของเธอเลยสักนิด และถามขึ้นมาอีกครั้ง

“หนึ่งล้าน*?”

“คะ?”

“สามล้าน? ห้าล้าน**? หรือสิบล้าน***?”

มันจะได้เงินเยอะถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ แค่ไปนัดบอดกับคังแทมูเนี่ย

“หะ…หกแสน**** ค่ะ”

“หกแสน?”

แค่นี้เนี่ยนะ สีหน้าของเขากำลังพูดอย่างนั้น ตอนแรกเธอคิดว่าได้เงินจากเพื่อนมากเกินไป แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว ดูเหมือนจะเป็นจำนวนเงินที่น้อยนิดเกินไป เธอจึงรู้สึกผิดและได้แต่มองสายตาของเขา

“ฮึ่ม”

เขาพิงพนักเก้าอี้และยกแขนขึ้นกอดอกอีกครั้ง ใบหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คงกำลังคิดว่าจะจัดการผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี จะลงโทษอย่างไรดีอะไรทำนองนี้แน่ๆ ฮารีจึงได้แต่นั่งหายใจไม่ทั่วท้องโดยที่ฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ อย่างไรก็ตามตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการตั้งสติและเอาตัวรอดให้ได้สักเท่าไร

จะมีช่วงเวลาเหมาะๆ แบบนั้นไหมนะ

ฮารีรอการตัดสินของเขาอย่างสิ้นหวัง

“ที่บอกว่าไปนอนกับผู้ชายมาก่อนที่จะมานัดบอด…”

“เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วค่ะ ฉันไม่ใช่คนไร้ความคิดขนาดนั้น แล้วฉันก็เป็นผู้หญิงไร้เดียงสากว่าที่คุณคิดด้วย ผู้ชายที่ฉันชอบตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบมาจนถึงตอนนี้ก็มีแค่คนเดียวเองค่ะ”

“แล้วที่บอกว่าชอบผู้หญิง…”

“พูดในแง่ของมนุษยนิยมน่ะค่ะ แน่นอนว่าฉันค่อนข้างให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้หญิงพอสมควร เพราะฉะนั้นที่บอกว่าชอบผู้หญิงจึงไม่ใช่เรื่องโกหกค่ะ”

“แล้วที่บอกว่าเป็นผมไม่ได้…”

“เรื่องนั้น ก็ฉันเป็นคนทำงานพาร์ตไทม์นี่คะ ต่อให้คุณหล่อแค่ไหน แต่ฉันอยากจะได้คู่นัดบอดของนายจ้างมาครอบครองได้ยังไงล่ะคะ ฉันถึงจำเป็นต้องพูดออกไปแบบนั้น…”

“ไม่ได้ไม่ชอบจริงๆ สินะ”

“ค่ะ อันนั้นก็…”

“โอเค”

เขาเข้าใจอย่างง่ายดาย

โอเค? โอเค? โอเคอะไรเหรอ

“ถ้างั้นเราดำเนินการตามเดิมแล้วกันนะครับ”

“อะไรคะ…”

“แต่งงาน”

ต้องให้บอกด้วยเหรอ ผมพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ทันทีที่อ่านสีหน้าของเขา ดวงตาของฮารีพลันเบิกกว้าง

“ตะ…แต่งงานเหรอคะ”

“คุณบอกว่าผมหล่อ แล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบผมนี่”

“เรื่องนั้นมัน…”

ฉันแค่พูดไปตามมารยาท…

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

สายตาทิ่มแทงนั้นแทบจะทำให้เธอส่ายหน้า แต่ว่า! ต่อให้เป็นรองอย่างไร! ถึงจะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน! แต่ถ้าขืนหลงกลเข้าล่ะก็ ต้องได้แต่งงานจริงๆ แน่ เธอจึงต้องพูดในสิ่งที่ควรพูดออกไป

“ฉันมีผู้ชายที่ชอบอยู่แล้วค่ะ”

เขาหรี่ตามอง

“ผู้ชายที่คบกันอยู่เหรอ”

“เอ่อ ค่ะ นั่น…”

“นี่คุณรับทำงานพาร์ตไทม์แบบนั้นทั้งที่มีแฟนอยู่แล้วน่ะเหรอครับ”

“มันก็ไม่เชิง…”

“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น แล้วปัญหาคืออะไร”

“ก็…แค่มีผู้ชายที่ชอบอยู่แล้ว…”

จะให้อธิบายยืดยาวให้ได้อะไรขึ้นมา ขนาดบอกว่าไปนอนกับผู้ชายคนอื่นมายังเข้าอกเข้าใจได้เลย

“คุณคะ”

“คังแทมู”

“ค่ะ คุณคังแทมู คุณคังแทมูอาจจะแต่งงานกับใครก็ได้ แต่สำหรับฉัน ฉันอยากแต่งงานกับคนที่ฉันรักค่ะ”

“ผมพูดเมื่อไรครับว่าแต่งงานกับใครก็ได้”

ผมพูดแค่ว่าจะแต่งกับคุณ เขากำลังพูดแบบนั้นด้วยสายตาที่แข็งกร้าวและเซ็กซี่จนแทบจะเจาะทะลุเข้ามาในหัวใจ

เฮ้อ ให้ตายสิ ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไป เวลาแบบนี้คงต้อง ‘ใจเต้น’ จนวุ่นวาย นี่ฉันกลับกำลังจะบ้าตาย! แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ ‘ใจเต้น’ หรอกนะ

“เอ่อ คุณคังแทมู…”

“แล้วอีกอย่าง”

เขาพูดตัดบทเธอดังฉับราวกับสับหัวไชเท้า

“เหมือนที่คุณอยากแต่งงานกับผู้ชายที่คุณรัก ผมเองก็อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่นัดบอดในครั้งนั้นเหมือนกัน แล้วคุณจะบอกว่าความต้องการของคุณเป็นเรื่องปกติ ส่วนความต้องการของผมเป็นเรื่องผิดปกติได้ยังไงครับ ทั้งที่เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยที่มีสิทธิเสรีภาพเต็มเปี่ยมขนาดนี้”

“เปล่าค่ะ แน่นอนว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น…”

“งั้นก็เท่ากับว่าไม่มีปัญหาอื่นแล้ว”

จะสรุปแบบนั้นไม่ได้นะ

“ผมจะบอกคุณปู่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงคู่แต่งงานนะครับ แล้วผมจะนัดให้ไปเจอท่านเร็วๆ นี้…”

“มะ…ไม่ได้ค่ะ! ฉันแต่งไม่ได้ค่ะ!”

ฮารีรู้สึกว่าถ้าขืนปล่อยไปแบบนี้คงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ จึงร้องตะโกนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าคิ้วของเขาเลิกขึ้น เธอก็รู้สึกกลัว แต่การแต่งงานกับเขาน่าจะเป็นเรื่องน่ากลัวมากกว่า เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องพูด

“ฉันแต่งงานแบบนี้ไม่ได้ค่ะ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คู่นัดบอดตัวจริง ใครเขาแต่งงานกันแบบนี้คะ”

เธอกลัวว่าเขาจะตอบกลับด้วยสายตาเหมือนกับพูดว่าก็ผมไง จึงได้แต่หลบสายตาและมองไปที่โต๊ะ

“คุณกำลังจะบอกว่าคุณแต่งงานไม่ได้งั้นเหรอ”

“ค่ะ! แน่นอนสิคะ!”

แทมูเงียบไปครู่หนึ่ง

เฮ้อ หรือจะยอมแพ้แล้วนะ

ฮารีลองเหลือบตาขึ้นมองแวบหนึ่ง โป๊ะเชะ! เธอสบตากับเขาเข้าอย่างจัง

หงุดหงิดชะมัด หล่อสุดๆ ถ้านิสัยดีสักหน่อยนะ อาจจะพอพิจารณาใหม่อีกรอบได้…

คิดอะไรของเธอเนี่ย ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเวทนา เพราะตัวเองกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับใบหน้าอันหล่อเหลาจนยอมมอบชีวิตให้ แต่เธอจะพ่ายแพ้เขาไม่ได้ ฮารีจึงหันหน้าขวับทันที

“หนึ่งล้านเป็นไงครับ”

“…คะ?”

“ค่าพาร์ตไทม์”

“คะ?”

“หนึ่งล้านน้อยไปเหรอครับ”

“เอ่อ คุณพูดเรื่องอะไรคะ”

“ผมอยากจ้างคุณครับ”

จ้าง? ฮารีกะพริบตาปริบๆ

“ก็คุณบอกว่าแต่งงานกับผมไม่ได้ ส่วนผมก็ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”

“แต่ทำไมถึงต้องเป็นฉัน…”

“เพราะผมได้เห็นกับตาแล้วว่าความสามารถในการทำงานพาร์ตไทม์ของคุณมันยอดเยี่ยมมาก”

เป็นคำชมหรือเปล่านะ

“เงื่อนไขก็คือไปหาคุณปู่ของผมและบอกท่านว่าคุณกำลังคบกับผมอยู่ ส่วนเรื่องแต่งงานก็ประมาณปีหน้า คุณแค่แสดงให้เป็นธรรมชาติที่สุดเหมือนตอนนั้นก็พอ”

แทมูก้มดูนาฬิกาข้อมือ

“คุณต้องการเวลาเหรอครับ”

“เปล่าค่ะ เอ่อ คือว่า…”

“ห้านาที”

“คะ? มันน้อยไปนะคะ”

“งั้นสิบนาที”

เขานิ่งเงียบและเอาแต่จ้องมองนาฬิกาข้อมือ เดี๋ยวนะ มีผู้ชายแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย! ถ้าเขาไม่ได้เป็นประธานบริษัท เธอก็อยากจะคว่ำโต๊ะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เธอคงทำแบบนั้นกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ เพราะเธอได้เจอเขาทั้งแบบนี้และทั้งแบบนั้นมาแล้ว จึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าต่อไปจะได้เจอแบบไหนอีก

ฮารียกมือที่สั่นระริกไปแตะคางที่สั่นเทาของตัวเอง

“เอ่อ คุณคังแทมูคะ…”

“คิดเสร็จแล้วเหรอครับ”

“เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น…”

“เหลืออีกแปดนาทีครับ”

เฮ้อ โรคจิตจริงๆ

“ขอโทษนะคะ ทำไมคุณถึงพูดกับฉันแบบนั้นล่ะคะ เสนองานพาร์ตไทม์ให้เนี่ยนะ ฉันคิดว่าคุณจะโมโหฉันซะอีก”

“ผมทำไมเหรอครับ”

เขาทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจเลยสักนิด

“ก็คราวที่แล้วคุณบอกว่าไม่ชอบคนโกหก แต่ทำไมคุณถึงเสนองานพาร์ตไทม์ให้ฉันทั้งที่ฉันโกหกล่ะคะ”

เขาเปลี่ยนท่านั่งและจ้องมองเธออย่างไม่วางตา

“สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดมีอยู่สองอย่างครับ”

“…”

“การเสียเวลาและการโกหก”

นั่นไง ฉันก็อุตส่าห์เลือกทำแต่สิ่งที่คุณไม่ชอบแล้วไง

“การลงโทษคนที่โกหกผมและทำให้ผมต้องเสียเวลาคือสิ่งที่ผมไม่มีทางปล่อยผ่านอย่างแน่นอน”

น้ำเสียงอันเยือกเย็นนั้นทำให้เธอได้แต่กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากเสียงดังเอื๊อก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหมายถึงเธอ

“ชะ…ใช่ค่ะ ไม่ว่าใครก็มีสิ่งที่ตัวเองเกลียดกันทั้งนั้น”

“ดังนั้นผมจึงตั้งใจไว้ว่าถ้าตามหาคุณเจอ ผมจะลงโทษคุณที่รับงานพาร์ตไทม์แบบนั้น”

คำว่าลงโทษทำให้ฮารีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนบีบคอ

“เพราะผมตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่ายังไงก็จะแต่งงานกับคนที่นัดบอดในครั้งนั้นให้ได้ แต่…”

คุณทำมันพังอย่างไม่เป็นท่า เธอรู้สึกเหมือนสายตาดุเดือดเลือดพล่านของเขากำลังพูดแบบนั้น เธอจึงหลับตาแน่น

เฮ้อ เป็นความผิดที่สมควรตายจริงๆ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขามานัดบอดด้วยความคิดแบบนั้น

“แต่ว่า…”

เมื่อเห็นเธอนั่งก้มหน้าก้มตาเหมือนคนทำความผิด เขาก็นั่งด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ราวกับนักล่าที่รู้แล้วว่าเหยื่อไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก

“ถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัทผม ผมก็คงจะลงโทษด้วยการไล่ออก แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น”

ละ…ไล่ออกเหรอ

ตุ้บ ฮารีรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบที่หัวเข้าอย่างจัง เธอรู้แล้วว่าไม่ควรพูดความจริงให้เขาฟังอย่างเด็ดขาด เรื่องอื่นอาจจะไม่เท่าไร แต่เรื่องที่เธอเป็นพนักงานบริษัทเขานั้น เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าห้ามถูกจับได้โดยเด็ดขาด ทว่าเขากลับพูดต่ออย่างใจเย็นโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้ปล่อยหมัดใส่เธอเข้าแล้ว

“ถ้าคุณช่วยผมก็คงไม่มีวิธีแก้ปัญหาไหนที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดการเสียเวลา”

เข้าใจหรือยัง ไม่ต้องพูดอะไรและมาช่วยผมดีกว่า สายตาของเขากำลังพูดแบบนั้น

มือของฮารีเริ่มสั่นอีกครั้ง งั้นตอนนี้ควรทำอย่างไรดีล่ะ เข้ามาในถ้ำเสือปุ๊บก็โดนกัดปั๊บ หรือเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้ตัวเองเสียเลือดจนตายไปแบบนี้ ทันทีที่คิดอย่างนั้น ตัวเธอก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาราวกับเลือดกำลังไหลออกไปจากร่างกายจริงๆ แต่เขาก็ยังคงพูดต่ออย่างหน้าตาเฉย

“เหลือสี่นาทีครับ”

เสือก็แสดงความเมตตาเหมือนกันแฮะ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่เหมือน ‘นักบุญ’ เท่านั้น เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะให้เวลาคิดทำไมในเมื่อมันไม่จำเป็นต้องคิดขนาดนั้น

“ฉันตะ…ต้องช่วยคุณ…ใช่ไหมคะ…”

“ประหยัดไปสามนาทีครับ”

เขายิ้มอย่างพึงพอใจโดยไม่รู้เลยว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ในใจ

“ถ้างั้นเราจะไปพบคุณปู่ด้วยกันเร็วๆ นี้นะครับ”

“ค่ะ…”

“เลิกบล็อกเบอร์ผมด้วย”

“ค่ะ…”

“และรับโทรศัพท์ผมด้วย”

“ค่ะ…”

“งั้นตอนนี้เราทานข้าวกันนะครับ”

“ค่ะ…”

“อ้อ คุณชื่ออะไรครับ”

“ค่ะ…”

ก๊อกๆ เขาเคาะโต๊ะเบาๆ ราวกับเคาะเรียกสติที่หลุดลอยของเธอ พอตั้งสติได้เธอก็มองหน้าของเขา

“ชื่อ”

ทำไมหัวใจถึงเต้นรัวพอได้เห็นสายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตาคู่นั้น คงเป็นเพราะความกลัวใช่ไหมนะ

“ชื่อ”

“อ๋อ ชื่อชิน…”

ไม่ได้ ขืนบอกไปตามตรงก็จบข่าวน่ะสิ!

และแล้วตัวตนที่อยู่ในส่วนลึกก็ปลุกฮารีจากสภาพที่สติหลุดลอย ถ้าพูดชื่อออกไปแล้วถูกจับได้ที่บริษัทล่ะก็ โดนไล่ออกแน่!

“ชิน?”

เขากำลังรอฟังเธอพูดต่อ เธอพยายามฝืนยิ้มและพูดชื่อที่นึกขึ้นมาได้เป็นชื่อแรกเมื่อคิดถึงคำว่า ‘ชิน’

“ชิน คิมชิน*…”

“คิมชิน? ชื่อพยางค์เดียวเหรอครับ”

“ค่ะ ชื่อพยางค์เดียวค่ะ เหมือนโทแกบีใช่ไหมคะ ฮ่าๆ”

อะไรของคุณ เขาชำเลืองมองเธออย่างไม่ใส่ใจแวบหนึ่งก่อนจะหันไปเรียกพนักงานเสิร์ฟ จากนั้นก็สั่งเนื้อลูกวัวเมนูเดียวกับที่เธอเลือกเอาไว้ตอนอยู่กับยองซอ

นายจิตวิปริตคนนี้ รสนิยมดันมาตรงกันอีก ฮือๆ

ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะไม่มีทางให้ถูกจับได้ว่าเป็นพนักงานบริษัทเขา ฮารีจึงต้องโกหกอีกครั้ง เธอควรจะต้องไม่รู้สึกอะไรกับสเต๊กชั้นดีที่เพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับเอร็ดอร่อยกับมันมากจนได้แต่ปวดใจกับความตะกละที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลานี้

คำโกหกก่อให้เกิดการพูดเท็จ การพูดเท็จก่อให้เกิดการพูดปด การพูดปดก่อให้เกิดการมดเท็จ การมดเท็จก่อให้เกิดการหลอกลวง การหลอกลวงก่อให้เกิดการปลิ้นปล้อน การปลิ้นปล้อนก่อให้เกิดความโกรธแค้น ความโกรธแค้นก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความขัดแย้งก่อให้เกิดเรื่อง…วงจรอุบาทว์ดำเนินอยู่เรื่อยไป วังวนค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดนี้จึงก่อให้เกิดการแต่งงานขึ้น [ไม่ปรากฏในพระคัมภีร์ข้อใด]

เสียงเพลงอันแผ่วเบาแว่วมาแต่ไกล ตอนแรกฮารียังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มพลิกตัวไปทางโน้นทีทางนี้ที เสียงเพลงยังคงไม่หยุด เธอรู้สึกเหมือนมันจะหยุดไปแล้ว แต่มันก็ดังขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า

โอ๊ย เสียงอะไรกันเนี่ย เป็นเสียงที่ดังมาจากนรกหรือเปล่านะ

ทันทีที่คิดเช่นนั้น ฮารีก็นึกขึ้นมาได้ว่าเสียงเพลงนั้นเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เธอจึงใช้มือควานไปรอบๆ หมับ ทันทีที่จับโทรศัพท์มือถือได้ เธอก็รู้สึกเหมือนจับเสียงเพลงนั้นไว้ได้

จับได้แล้ว เจ้าหมอนี่

ฮารียกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“ฮา…โหล”

“คุณคิมชิน?”

คิมชิน คิมชินคือใครนะ!

“ฉันไม่คุยกับคนที่โทรมาก่อกวน…ค่ะ…”

“คุณนอนอยู่เหรอครับ”

“ค่ะ ฉันนอนอยู่…ค่ะ”

“งั้นตอนนี้กำลังละเมออยู่เหรอครับ”

เฮ้อ โทรมาก่อกวนเหมือนใครบางคนเลย

“คุณเป็นใคร…คะ”

“นายจ้างของคุณไง”

“หา…?”

“คังแทมูครับ”

ทะ…ท่านประธาน?

ฮารีลืมตาขึ้นมาทันที แต่โชคดีที่เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองช้าเพราะความง่วง จึงไม่ได้พูดคำว่าท่านประธานออกไป เพราะการที่เขาบอกว่าเป็นนายจ้างก็ต้องหมายถึงนายจ้างงานพาร์ตไทม์แน่นอน

ฮารีรีบดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ พอเห็นว่าเป็นเวลาตีสี่สามสิบห้านาที เธอก็รู้สึกเพลียขึ้นมาทันที ตีสี่ครึ่งเนี่ยนะ ใช่แล้ว นี่อาจจะเป็นความฝันก็ได้ คนที่จะโทรมาในเวลานี้มีน้อยมาก และคนรอบตัวเธอที่ไม่นอนในเวลานี้ก็ยิ่งไม่มีเลย เธอจึงหลับตาลงไปเหมือนเดิม

“หลับแล้วเหรอครับ”

แต่ถ้าเป็นคังแทมูล่ะก็…

เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง

“เปล่าค่ะ”

ฮารีตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะถ้าเป็นคังแทมูล่ะก็ เขาอาจจะตื่นขึ้นมาและทำงานเสร็จไปแล้วหนึ่งอย่างในเวลานี้ นั่นหมายความว่าถ้าเป็นคังแทมูที่ไม่หลับไม่นอนและโทรมาในเวลานี้ มันก็คงไม่ใช่ความฝัน

“โทรมาเวลานี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

“แค่อยากรู้ว่าคุณจะรับโทรศัพท์ผมหรือเปล่า”

“คะ?”

“อยากรู้ว่าเลิกบล็อกเบอร์ผมหรือยัง”

เฮ้อ ให้ตายสิ ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่เคยมีสติดีเลยจริงๆ!

“ตอนตีสี่เนี่ยเหรอคะ”

ฮารีถามด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

“พอดีผมงานยุ่งน่ะ”

“ฮึ ฉันก็ยุ่งเหมือนกันนะคะ”

“ยุ่งกับการนอนน่ะเหรอ”

เธอรู้สึกได้จากน้ำเสียงว่าเขากำลังยิ้มเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเขาหยอกเล่น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา

“ถ้ามีคนที่ยุ่งกับการทำงานก็ต้องมีคนที่ยุ่งกับการนอนได้ด้วยเหมือนกันสิคะ ในสังคมประชาธิปไตยแบบนี้ ฉันจะยุ่งตามใจตัวเองไม่ได้เลยเหรอคะ”

ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ หรือจะเถียงมากไปเพราะยังไม่ตื่นดีนะ เมื่อคิดได้อย่างนั้น เธอก็เริ่มหายง่วง

“โทษ…นะคะ”

“ผมไม่คิดว่าคุณจะนอนถึงเวลานี้ครับ”

ว่าไงนะ ตอนแรกเธอกังวลว่าเขาจะโมโหหรือเปล่า แต่เธอสัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะในน้ำเสียงของเขา ไม่คิดว่าจะนอนถึงเวลานี้งั้นเหรอ คนที่ควรหัวเราะน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ

“ยังไงเราก็กำลังจะแต่งงานกันแล้ว ถือซะว่าเป็นมอร์นิ่งคอลล์ก็แล้วกันนะครับ”

ตึกตัก

กำลังจะแต่งงานกัน…เดี๋ยวนะ นี่ฉันใจเต้นเหรอ ท่านประธานของฉันล้อเล่นแรงจัง

ในเวลาแบบนี้เธอควรต้องแก้ให้ถูกสิว่าไม่ได้กำลังจะแต่งงานกัน แต่แค่แกล้งทำเป็นจะแต่งงานกันเท่านั้น ทว่าเธอง่วงนอนมากจนไม่มีแรงจะตอบโต้

“คุณมอร์นิ่งคอลล์ผิดเวลาไปหน่อยนะคะ”

“เหรอครับ ดูเหมือนคุณกำลังยุ่งมาก งั้นผมวางสายก่อนนะ”

“ค่ะๆ”

“งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ”

“คะ? พรุ่งนี้…”

พรุ่งนี้? บอกว่าเจอกันพรุ่งนี้เหรอ

ฮารีลุกพรวดจากที่นอน

“พรุ่งนี้เหรอคะ วันที่ต้องไปเจอคุณปู่น่ะเหรอ”

“เปล่าครับ”

“แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าพรุ่งนี้ล่ะคะ”

“เป็นแค่คำกล่าวลาเฉยๆ”

“คะ?”

“แต่ถ้าพรุ่งนี้คุณว่าง ผมจะติดต่อคุณปู่ให้นะครับ”

“ไม่ค่ะ ไม่! ฉันยังไม่ได้เตรียมใจเลยค่ะ”

“เตรียมใจที่จะโกหกน่ะเหรอครับ”

เหน็บแนมเก่งจังนะ!

“ก็รวมๆ กันนั่นแหละค่ะ”

“คุณคิมชิน”

คิมชินเหรอ คิมชิน นั่นเป็นชื่อที่ได้ยินแล้วรู้สึกกระดากหูมาตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้แล้ว เฮ้อ มันเป็นชื่อฉันเองสินะ ชื่อที่ฉันโกหกเขาไป

“คุณคิมชินครับ”

ฮือ ยังไม่ชินเลย ไอ้ชื่อที่เหมือนโทแกบีเนี่ย

“คะ? คุณคังแทมู”

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”

“คะ? พรุ่งนี้เหรอคะ”

จริงสิ แค่คำกล่าวลาเฉยๆ แต่ก็เป็นคำกล่าวลาที่ประหลาดมาก จะพูดว่าไว้เจอกันคราวหน้าก็ไม่ใช่ แต่พูดว่าเจอกันพรุ่งนี้เนี่ยนะ

ฮารีเม้มริมฝีปากและพยายามตอบกลับไปให้ดีที่สุด

“ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”

“ครับ”

แล้วเขาก็วางสายไป เวลาชัดๆ คือตีสี่สี่สิบสองนาที เป็นบ้าอะไรถึงได้ตื่นมาโทรหากันตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ ฮารีขยุ้มผมตัวเอง

“ฮึ่ย ให้ตายสิ โธ่เว้ย ให้ตายสิ ฉันจะบ้าตาย ให้ตายสิ ฮือ ให้ตายสิ”

โดนอะไรไม่โดน มาโดนแบบนี้เนี่ย

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดจนได้แต่ดิ้นพล่านอยู่อย่างนั้น

“ไม่ได้กำลังจะแต่งงานกันจริงๆ สักหน่อย จะโทรมามอร์นิ่งคอลล์อะไรให้วุ่นวายแบบนี้เนี่ย แถมยังโทรมาตอนตีสี่อีก! ฮือ โดนผิดคนแล้ว โดนผิดคนแล้วจริงๆ ฮือ”

แล้วฮารีผู้ทุกข์ทรมานจากการหายใจไม่ทั่วท้องก็ผล็อยหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน

 

“ดูมีความสุขจังนะครับ”

ซองฮุนคอยชำเลืองมองแทมูที่กำลังคุยโทรศัพท์ผ่านกระจกมองหลังอยู่เป็นระยะ เมื่อแทมูวางสาย เขาก็ถามขึ้นมา ภาพที่แทมูโทรไปหาผู้หญิงตั้งแต่เช้ามืดก็ว่าไม่คุ้นแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าแทมูคุยไปยิ้มไปตลอดเวลาที่คุยโทรศัพท์ ซองฮุนก็ยิ่งรู้สึกไม่คุ้นตาหนักเข้าไปอีก

“คุณจินยองซอตัวปลอมใช่ไหมครับ”

“ใช่”

แทมูมองออกไปนอกรถ แม้เขาจะไม่ชอบที่เธอโกหก แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของเธอที่อ้อนวอนอย่างน่าเห็นอกเห็นใจว่ามีเหตุผลจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ รอยยิ้มก็ปรากฏที่ริมฝีปากของเขา

คิดไม่ผิดจริงๆ เป็นคู่แต่งงานที่ไม่เลวเลย

เขามัวแต่ทำงานอย่างเดียว จึงไม่เคยคิดเรื่องผู้หญิงมาก่อน แต่ตอนนี้เขาคิดว่าถ้าภรรยาของเขามีความน่ารักด้วยก็คงจะดีเหมือนกัน

เท่าที่ได้ยิน เขาแค่จ้างให้ทำงานพาร์ตไทม์เท่านั้นเองนี่นา

ซองฮุนเอียงคอและมองสีหน้าของแทมูอย่างพิจารณาผ่านกระจกมองหลัง ตั้งแต่ไปเจอยองซอตัวปลอมมา แทมูก็ยิ้มแบบนี้ให้เห็นเป็นครั้งคราว

“จะให้เรียนท่านประธานใหญ่ว่ายังไงเหรอครับ”

แทมูไม่รับสายท่านประธานใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน ซองฮุนจึงต้องเป็นทัพหน้ารับลูกกระสุนคำพูดจู้จี้จุกจิกแทนอยู่เสมอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านประธานใหญ่จะโทรมาเฉพาะช่วงเตรียมการนัดบอดเท่านั้น แต่หลังจากที่แทมูประกาศว่าจะแต่งงาน ซองฮุนก็ต้องรับสายโทรศัพท์ทุกวัน

ซองฮุนได้แต่หวังว่าเจ้านายตนจะรีบแก้ปัญหานี้โดยเร็วที่สุด

“ท่านโทรมาถามทุกวันเลยครับว่าเรื่องแต่งงานไปถึงไหนแล้ว”

“บอกท่านไปได้เลย”

“ให้บอกว่า…?”

“คงไม่ได้แต่งงานกับคุณจินยองซอแล้ว”

ใบหน้าซองฮุนสดใสขึ้นมาทันที แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นกังวล

“แต่ท่านประธานใหญ่ไม่น่าจะปล่อยไว้เฉยๆ นะครับ”

ถ้าหลานชายผู้ไปนัดบอดแสดงเจตจำนงว่าจะแต่งงานมากลับคำว่าจะไม่แต่งงานแล้ว วินาทีนั้นท่านคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วคราวนี้ซองฮุนก็คงไม่ได้รับแค่ลูกกระสุน แต่อาจโดนปืนใหญ่ถล่มทั้งตัวเลยก็ได้

“งั้นผมแต่งงานกับคุณจินยองซอดีไหม”

“ไม่ดีครับ!”

เมื่อเห็นซองฮุนพูดเสียงดัง แทมูก็หัวเราะเสียงขึ้นจมูก ขณะที่แทมูกำลังพูดเรื่องการแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ แต่คนที่ถูกตาต้องใจผู้หญิงที่เขาเกือบจะแต่งงานด้วยกลับเป็นเลขาฯ ของเขา เรื่องเนื้อคู่ช่างเป็นเรื่องที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้แบบนี้นี่เอง

“บอกท่านว่าไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะยังไงผมก็จะแต่งงาน”

“…ครับ? แต่งกับใคร…”

แทมูมองท้องฟ้ายามรุ่งอรุณอย่างใจเย็น

“กับตัวปลอม”

“ครับ?”

ทำให้ตัวปลอมกลายเป็นตัวจริง

“บอกท่านว่าผมจะพาไปพบเร็วๆ นี้”

จู่ๆ ฮารีที่กำลังนอนหลับอยู่ก็รู้สึกหนาวสะท้าน เธอจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอและนอนขดตัวเหมือนกุ้ง

 

* สามล้านวอน เท่ากับประมาณ 90,000 บาท

* หนึ่งล้านวอน เท่ากับประมาณ 30,000 บาท

** ห้าล้านวอน เท่ากับประมาณ 150,000 บาท

*** สิบล้านวอน เท่ากับประมาณ 300,000 บาท

**** หกแสนวอน เท่ากับประมาณ 18,000 บาท

* คิมชิน คือชื่อของพระเอกในซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง ‘Goblin’ หรือ ‘โทแกบี’ ซึ่งแปลว่ายักษ์

 

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนพฤศจิกายน 65)

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: