บทที่ 4
วิญญาณตามติด
ตอนที่เชนบอกว่าไม่ให้เข้าใกล้เขาเกินสองเมตรนั้นกฤษราจำได้ขึ้นใจ เธอไปอ่านปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน 1945 มาแล้วด้วย เธอเคารพในสิทธิมนุษยชน ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะเว้นระยะสองเมตรตามที่เขาบอก
ส่วนเชน เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องไปแจ้งตำรวจ วันนี้เขามาที่สถานีตำรวจพร้อมด้วยหญิงสาวที่ตามเขาเหมือนวิญญาณ แต่เป็นวิญญาณที่อยู่ห่างจากเขาสองเมตรไม่ขาดไม่เกิน เธอถึงขนาดพกตลับเมตรมาเช็กระยะด้วย
บ้าไปแล้ว!!
“น้องคนนั้นเหรอครับที่คุกคาม” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามขึ้น
“ครับ เขาตามผมมาหลายวันแล้ว”
“เอ่อ” ไม่ว่าใครมองเห็นหนุ่มสาวหน้าตาดีสองคนนี้ก็ไม่มีทางคิดว่าใครคนหนึ่งเป็นโรคจิตตามอีกฝ่ายแน่ เหมือนแฟนทะเลาะกันมากกว่า “รู้จักชื่อน้องเขาไหมครับ”
“รู้จักครับ เขาชื่อกฤษรา พลอยในบ่อ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รู้จักกันสิครับ”
“ไม่รู้จักครับ”
“แล้วทำไมน้องรู้ชื่อน้องผู้หญิงล่ะครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พอได้ยินแบบนั้นเชนก็นิ่งไป จริงด้วย! อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเขารู้จักอีกฝ่ายแล้วนี่นา เขานั่งลง ครุ่นคิดว่าควรจะทำยังไงดี ดูเหมือนว่าคนที่นี่จะช่วยเขาไม่ได้ ถึงช่วยได้ก็แค่เตือนผู้หญิงคนนั้นไม่ให้เข้าใกล้เขาเท่านั้น อีกฝ่ายก็ดูเหมือนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายร่างกายหรือข่มขู่ด้วย
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับดีกว่า” เชนไม่พูดอะไรมาก เขาหลบเลี่ยงมาหลายวันก็ไม่ได้ผล กฤษราไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะเล่าให้เพื่อนฟังก็ไม่อยากให้พวกนั้นล้อเลียนเขาไปอีกสิบปี ดังนั้นจึงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ต้องเอาชนะความกลัว…!
เขาตัดสินใจคว้าข้อมือของกฤษราแล้วพาเดินออกไปนอกสถานีตำรวจ เขาต้องคุยกับผู้หญิงคนนี้ให้รู้เรื่อง หรือถ้าไม่รู้เรื่องเขาต้องแจ้งผู้ปกครองให้พาเธอไปรักษาอาการป่วยทางจิตซะ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนมองหน้ากันก่อนจะมีคนหนึ่งพูดออกมาว่า
“ผมบอกแล้วว่าแฟนทะเลาะกัน” จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกลับไปทำงานของตัวเอง
กฤษรายิ้มกริ่ม เขาจับมือเธอออกมาแบบนี้แสดงว่ายอมรับความใกล้ชิดที่น้อยกว่าระยะสองเมตรได้แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดี ในที่สุดเธอก็ชนะปลายฟ้าที่ถูกเขาไล่เมื่อวันก่อน
“ฉันไม่ได้ชอบปลายฟ้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ชายหนุ่มว่า เขาคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่ ผู้หญิงคนนี้มาตามเขาหลังจากที่ปลายฟ้าเข้ามาเป็นเพื่อนกับเขา จากพฤติกรรมที่เธอทำก่อนหน้านี้ก็บ่งบอกได้ว่าเธอมีปัญหากับปลายฟ้า ไม่ใช่เขา เพราะฉะนั้นเขาจึงพูดแบบนั้นเพื่อที่ว่ากฤษราจะได้ออกไปด้วย แต่ตอนนี้แม้จะไม่มีปลายฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกฤษราก็ยังตามเขาอยู่นี่สิ
“แต่คริสซี่ชอบเชนนะ ไม่เกี่ยวกับปลายสักหน่อย” กฤษราว่า ตราบใดที่เธอยังสัมผัสได้ว่าปลายฟ้าชอบผู้ชายคนนี้อยู่ เธอก็ไม่มีทางปล่อยให้หลุดไปหรอก ไม่เกี่ยวกับว่าเขาจะชอบปลายฟ้าหรือไม่ หรือต่อให้บอกว่าตอนนี้ไม่ แล้วต่อไปล่ะ ผู้หญิงอย่างปลายฟ้าทำผู้ชายหวั่นไหวได้ง่ายจะตาย
“ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะเลิกทำแบบนี้” เชนหมดปัญญา เขาจะทำไม่รู้เรื่องเหมือนตอนแรกต่อไปก็ได้ แต่การที่มีคนคนหนึ่งมาคอยตามติดแบบนี้มันเหมือนกับหนังผี เขาต้องอยู่อย่างหวาดระแวงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำเหมือนวันนั้นอีกหรือเปล่า
“คบกันสิ เป็นแฟนกัน”
“ไม่!” พอกันที
ยายนี่มันเป็นคนบ้า และเขาไม่เคยเจอคนบ้าแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง สีหน้าเขาตอนนี้ดูเหมือนคนที่เหนื่อยล้าสุดๆ กับการที่ต้องคิดหาทางออก
“ทำไมล่ะ คริสซี่ไม่ดีตรงไหน ทั้งสวย เรียนก็เก่ง ที่บ้านก็รวยนะถึงจะไม่รวยเท่าปลายก็เถอะ หรือเป็นเพราะมีพี่ชาย ไม่ต้องห่วงนะพี่คริสบอกว่าถ้าคริสซี่เรียนจบเขาจะยกสมบัติให้หมดเลย เขาอยากไปเป็นช่างภาพถ่ายรูปสัตว์น่ะ” สิ่งที่กฤษราพล่ามมาเขาไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่เธอโรคจิตตามเขาไปทุกที่ยังไง ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ ต้องคิดหาทางให้ตัวเองเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ให้ได้
ถ้าต้นตออยู่ที่ปลายฟ้าล่ะก็
“ฉันจะคบกับปลายฟ้าถ้าเธอยังไม่หยุดทำแบบนี้” ในที่สุดเขาก็นึกได้
กฤษราเบิกตากว้าง ไม่ได้สิ! อย่างนั้นก็เท่ากับปลายฟ้าชนะ
“คริสซี่ขอโทษ ใจเย็นๆ ก่อนนะอย่าเพิ่งรีบ คิดให้ดีๆ เรื่องความรักเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องที่จะด่วนตัดสินใจได้ เอาเป็นว่าจะไม่ตามเชนสักพักแล้วกันนะ” หญิงสาวพยายามก้าวถอยหลังให้ห่างจากเขา เกิดนายนี่บ้าขึ้นมาแล้วไปหาปลายฟ้า แผนของเธอก็ต้องพังไม่เป็นท่า อุตส่าห์หาสิ่งที่จะทำให้เธอเหนือกว่าปลายฟ้าได้ทั้งที ยังไงเธอก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
“ไม่ใช่สักพัก ห้ามทำอีก”
“อื้ม” หญิงสาวรับปากส่งๆ ไปอย่างนั้น ในเมื่อแผนแรกคือไปให้เขาเห็นหน้าบ่อยๆ นั้นใช้ไม่ได้ผลแล้ว เธอจะใช้แผนที่สอง
กฤษราไม่ได้มาตามเชนอีกตั้งแต่ที่รับปากวันนั้น ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวร ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังคิดหาทางทำอะไรอยู่แน่ ดังนั้นเขาจึงคิดหาวิธีป้องกันเอาไว้แล้ว
เขาไปหาปลายฟ้าแล้วขอโทษเรื่องวันก่อน ปลายฟ้าไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ยังถามเขาว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า หากเธอพอช่วยได้เธอก็จะช่วย อันที่จริงเขาก็ไม่อยากจะยุ่งกับปลายฟ้าให้วุ่นวาย เขาไม่ชินกับการมีเพื่อนผู้หญิง แต่หลังจากที่ขู่กฤษราไปแล้วเขาก็จำเป็นต้องมีปลายฟ้าเป็นเพื่อน เอาไว้กันไม่ให้ผู้หญิงโรคจิตคนนั้นตามเขาเหมือนวิญญาณอีก
“ไม่เป็นไรหรอกเชน ปลายไม่ได้คิดมาก”
“ฉันแค่ไม่ชอบให้คนมาดูเยอะๆ ทีหลังอยากมาก็มาคนเดียว” เชนว่า เขาไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่พอเพื่อนทั้งสามคนของเขาเห็นว่าเขาไปขอโทษปลายฟ้าเองก็พากันแซวทุกวันว่าในที่สุดโรบอตบอยก็มีความรัก
ช่างเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
แต่ปลายฟ้ารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบช่างสดใส เชนไม่ได้โกรธอะไรเธอ นั่นหมายความว่าเธอสามารถเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปได้ หญิงสาวจึงใช้เวลาช่วงเย็นไปดูพวกเขาซ้อม ก่อนจะอยู่เล่นบาสเกตบอลด้วยกันจนค่ำ ปลายฟ้าไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานแล้ว กฤษราไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่พวกเธอมักนั่งคุยกันหรือไม่ก็ดูหนังหรืออ่านหนังสือ เป็นบรรยากาศเงียบๆ ไม่ได้ครึกครื้นแบบตอนนี้
เพื่อนทุกคนลงความเห็นว่าให้เชนขับรถไปส่งปลายฟ้าที่บ้าน ก่อนจะไปก็พูดจากันแปลกๆ ที่ปลายฟ้าก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาหมายถึงอะไร
“ขอโทษที่รบกวนนะเชน ปกติปลายขับรถมาเอง แต่วันนี้รถเสียเลยให้พี่คนขับรถมาส่ง”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่อ้อมนิดเดียว” เชนว่าเสียงเรียบ เขาไม่ได้เดือดร้อนกับการขับรถอ้อมไปนิดหน่อยเพื่อส่งเพื่อนผู้หญิงกลับบ้าน แต่เขามีปัญหาด้านการสื่อสารต่างหาก เขาไม่คิดว่าคนฟังจะรู้สึกไม่ดีหากพูดแบบนั้น ปลายฟ้านั่งเงียบไปตลอดทางไม่รู้ว่าควรจะชวนเขาคุยเรื่องอะไร คงมีอยู่เรื่องเดียวที่เธอกับเขาเหมือนกัน
“เชนกลับบ้านค่ำอย่างนี้ทุกวันเหรอ” ปลายฟ้าถามขึ้น
“ใช่ ที่บ้านไม่มีอะไรทำ กลับไปก็อยู่คนเดียว เลยอยู่เล่นกับเพื่อนดีกว่า” เขาตอบ สายตายังคงมองไปข้างหน้า ไม่ได้สนใจหันมามองคนถาม
“เหมือนปลายเลย กลับไปก็อยู่คนเดียว” หญิงสาวทำเสียงเศร้า
เชนเงียบไปสักพักก่อนจะหันมามองหญิงสาวข้างกาย เมื่อก่อนเขาก็เคยเหงาแบบนี้ เห็นเธอแล้วเขาก็นึกถึงตัวเองสมัยก่อน การที่ต้องอยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียว แม้จะมีทุกอย่างแต่มันกลับรู้สึกว่างเปล่า เบื่อจนไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่รีบนอนหลับให้ถึงพรุ่งนี้เช้าไวๆ
“ถ้าไม่เหนื่อย มาเล่นด้วยกันก็ได้” เชนว่า เขาไม่ใช่คนใจดีกับคนอื่นไปทั่ว แต่ก็ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะปล่อยผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้กับความเหงาที่เขาเองก็เคยเผชิญได้
“จริงเหรอ ปลายไม่กล้าขอเพราะกลัวเชนรำคาญ”
“ฉันไม่รำคาญหรอกถ้าไม่พาเพื่อนมาด้วย”
“เชนไม่ชอบคริสซี่เหรอ”
“นี่บ้านของเธอหรือเปล่า” เชนเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากตอบ แค่เขานึกถึงใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นยามที่พูดเองเออเองแล้วก็ขนลุก ยายนั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่รู้เรื่องที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
“อื้ม ถึงแล้ว ขอบคุณนะเชน” ปลายฟ้าโบกมือลาก่อนจะลงรถ ชายหนุ่มรอจนเธอเดินเข้าบ้านไปแล้วถึงได้ออกรถไป นานมาแล้วที่ปลายฟ้าไม่ได้รู้สึกอบอุ่นใจขนาดนี้ ครั้งสุดท้ายอาจจะเป็นตอนที่มารดาของเธอเซอร์ไพรส์ด้วยการบินกลับจากต่างประเทศมาในวันเกิดของเธอหลังจากที่เธอย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น
เชนมองนมสตรอเบอรี่ในมือของธนดลด้วยความแปลกใจ ทุกคนรู้ว่าเขาชอบกินนมสตรอเบอรี่ก็จริง แต่ก็ไม่เคยมีใครซื้อมาให้โดยที่ไม่ได้บอกแบบนี้ นี่ไม่ใช่นิสัยของเพื่อนทั้งสามคนของเขาเลย แต่เพราะธนดลเป็นคนเอามาให้ เขาเลยดื่มเข้าไป
“นี่นมของใครเนี่ย” ธันวาถาม
“ของไอ้เชน มันดันลงมาก่อนก็เลยไม่เห็น มีคนไปวางอยู่ที่โต๊ะประจำของมันที่ห้องสมุดโน่น เขียนไว้ว่าให้เชน ด้วยรักและห่วงใย มึงว่าปลายป่ะวะ” ธนดลพูดไปหัวเราะไปทั้งที่ก่อนหน้านี้ปิดปากเงียบไม่ยอมพูด ความจริงเขาคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะใช่ปลายฟ้าทำ แต่จะมีใครอีกล่ะ หรือว่าเป็นคนที่เคยตามเพื่อนของเขาตอนนั้นกัน
พรวด! นมสตรอเบอรี่ถูกบ้วนออกแทบจะทันที ทั้งธันวา นิกกี้ ธนดลและเพื่อนโต๊ะข้างๆ ในโรงอาหารต่างมองมาเป็นตาเดียวเพราะงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น
“เป็นอะไรวะเชน” ธนดลถาม เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางจริงจังแล้วเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาว่านมสตรอเบอรี่นั่นอาจจะมีอะไรผิดปกติ เชนส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบ
“ไม่มีอะไร ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย กลับก่อนแล้วกัน” อยู่ๆ ร่างสูงก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้สะพายบนบ่าแล้วเดินออกไปเลย ถึงตอนนี้เชนรู้สึกว่าบรรยากาศในมหาวิทยาลัยต่างไปไม่เหมือนทุกวัน เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังยืนอยู่ในที่โล่งแล้วมีคนกำลังจ้องมองจากทุกที่ แต่ที่แย่กว่านั้นคือเมื่อเดินมาถึงรถ
มีตุ๊กตาวาฬตัวหนึ่งวางอยู่บนฝากระโปรงรถ น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องที่เขาชอบวาฬเป็นพิเศษ ขนาดเพื่อนของเขายังไม่รู้อะไรที่เฉพาะเจาะจงแบบนี้เลย มีเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้นที่ตุ๊กตาวาฬติดโน้ตไว้ว่า ‘ขับรถดีๆ นะ รักนะจ๊ะ’ จะมาอยู่ตรงนี้ได้…
นั่นคือยายกฤษรา พลอยในบ่อ!!
ชายหนุ่มหยิบตุ๊กตาวาฬขึ้นมาหมายจะโยนทิ้ง แต่มือของเขาดันค้างอยู่กลางอากาศ ไม่ใช่เพราะมีใครมาจับไว้ แต่เป็นเพราะว่าพอมองดีๆ แล้วเจ้าวาฬนี่มันก็น่ารักเหมือนกัน ใครก็รู้ว่าตุ๊กตาหมีหาซื้อง่ายแค่ไหน แต่วาฬไม่ใช่ของที่จะหาซื้อได้ทั่วไป เชนทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดประตูโยนมันเข้าไปในรถ
ส่วนกฤษราที่แอบมองอยู่ไกลๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี สงสัยว่าแผนที่สองของเธอจะได้ผล ในเมื่อเขาไม่ให้เข้าใกล้ เธอก็ส่งของไปแสดงความรู้สึกแทน
“ง่ายเฟร่อ” หญิงสาวว่า แค่จีบผู้ชายแค่นี้ไม่คณามือของเธอหรอก คนอย่างกฤษราหากต้องการผู้ชายคนไหนแล้วไม่มีทางที่ผู้ชายคนนั้นจะรอดมือ
วันต่อๆ มากฤษราก็ทำเหมือนเดิม เอาของที่เธอศึกษามาแล้วว่าเขาชอบไปวางตามที่ต่างๆ ที่เขาจะต้องไป ข้อดีของการใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิมๆ ของเชนทำให้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานที่ที่ตัวเองจะต้องไปได้ ล่าสุดเขาเห็นหนังสือที่เขาไปถามหาที่ห้องสมุดมาวางอยู่ในโรงยิมพร้อมโน้ต คราวนี้เขียนชื่อของเขาด้วย ปลายฟ้าที่มาเล่นบาสด้วยกันหยิบเอามาให้พร้อมเครื่องหมายคำถามบนหน้า
“เชนชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับสัตว์เหรอ” หญิงสาวถาม
“ใช่” เชนตอบสั้นๆ เขาชอบสัตว์ทะเลโดยเฉพาะวาฬ แต่ใครจะเลี้ยงสัตว์ทะเลที่บ้านได้ เขาไม่เคยบอกใครว่าเขาชอบคุยกับสัตว์มากกว่าคน เขาดูทีวีและอ่านหนังสือ บางครั้งก็ไปเล่นกับลูกแมวข้างบ้านที่หลงมา จินตนาการเอาว่ามันคือแมวน้ำ ชีวิตส่วนตัวแบบนี้เขาไม่เคยมานั่งสาธยายให้ใครฟัง แต่…
ยายนั่นรู้หมด!!
เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาต้องจัดการก่อนที่เรื่องมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ อาจจะต้องพายายนั่นไปโรงพยาบาลแผนกจิตเวชหรือไม่ก็รีบชิงบีบคอให้ตายก่อน
“ขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อนของปลายหน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
“เพื่อนของปลายเหรอ คริสซี่น่ะนะ” ปลายฟ้าย้อนถาม คราวก่อนเขายังบอกอยู่ว่าหากจะมาให้เธอมาคนเดียว แต่ทำไมถึงมาขอเบอร์โทรศัพท์ของกฤษรา
“มีธุระน่ะ เหมือนเขาจะทำของหล่นเอาไว้ ฉันจะเอาไปคืน”
“ฝากปลายไปก็ได้นะ”
“อยากไปคืนเอง”
“เอ่อ เอาอย่างนั้นเหรอ แต่คริสซี่อาจจะไม่สบายใจก็ได้ที่ปลายให้เบอร์โดยที่ไม่บอกก่อน ขอปลายบอกเขาก่อนนะ” หญิงสาวรู้สึกกังวลว่ากฤษราจะว่าเอา ยังไงเบอร์โทรศัพท์ก็เป็นเรื่องส่วนตัว เธอจะต้องบอกอีกฝ่ายก่อน
ปลายฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งให้กฤษรา ถามเรื่องที่เชนจะขอเบอร์โทรศัพท์มือถือ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะอธิบายว่าทำไมชายหนุ่มถึงอยากขอ กฤษราก็ตอบตกลงโดยไม่ได้ถามอะไรต่อ
“คริสซี่โอเค เดี๋ยวปลายส่งเบอร์ให้นะ”
“อืม ขอบใจมาก” เชนพูดแค่นั้นแล้วก็กลับไปซ้อมบาสเกตบอลต่อ
“ปลายจ๊ะ วันนี้ตอนเย็นไปกินหมูกระทะกันไหม” นิกกี้เอ่ยชวนปลายฟ้า ทุกครั้งที่ซ้อมเสร็จพวกเขาก็จะอยู่เล่นกับปลายฟ้าต่อ แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาต้องซ้อมกันจริงจังกับทีมมหาวิทยาลัย ซึ่งก็แค่ชั่วโมงสองชั่วโมง โดยเฉพาะตอนที่ยังไม่มีกำหนดแข่งพวกเขาก็เหมือนจะเล่นกันเฉยๆ เสียมากกว่า
“เอาสิ วันนี้ปลายเอารถมา จะกลับกี่โมงก็ได้” ปลายฟ้าตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตอนนี้เธอสนิทกับเพื่อนผู้ชายสี่คนนี้แล้วจึงคิดว่าไปไหนมาไหนด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่างพวกเขาไม่ได้ชวนเธอไปดื่มเหล้าสักหน่อย
“โอเคจ้า งั้นหนึ่งสองสามสี่ห้า” นิกกี้นับหัวของคนที่จะไป แต่เหมือนว่าหัวที่ห้านั้นหายไปแล้ว
“โรบอตบอยมันไปแล้วนะ มันบอกมีธุระ” ธันวาบอกกับเพื่อนเมื่อเห็นนิกกี้ชะงักค้าง
“งั้นเหลือสี่” คนนับเบ้ปากก่อนจะสรุป ยังไงเขาก็ชวนปลายฟ้าไปแล้ว แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เห็นเชนกับปลายฟ้าสร้างความสัมพันธ์ให้คืบหน้า แต่มีเวลาอีกเยอะ เอาไว้ทีหลังก็ได้
เชนกลับไปที่บ้านก่อนจะนั่งสงบสติอารมณ์พักใหญ่ รวบรวมความกล้าได้แล้วก็โทรหากฤษรา เมื่อปลายสายรับเขาก็นึกไม่ออกว่าจะต้องพูดว่าอะไร
“เชนเหรอ โทรหาช้าจัง คริสซี่รอตั้งนาน” น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูไม่สำนึกอะไรเลย แน่ล่ะถ้าเธอรู้จักคิดสักหน่อยคงจะหยุดทำตัวโรคจิตแบบนี้ไปตั้งนานแล้ว
“เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้”
“แบบไหนเหรอ”
“เอาของมาวาง”
“แต่เป็นของที่เชนชอบทั้งนั้นเลยนะ” กฤษราว่าก่อนจะเปิดสมุดจดที่เธอบันทึกเรื่องของเชนเอาไว้ทั้งหมด จนตอนนี้เธอคิดว่าเธอรู้เรื่องของเขามากกว่าเรื่องของตัวเองเสียอีก อย่างนี้แหละ ถึงจะเป็นคนฉลาดแต่ก็ต้องทำการบ้าน รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“เธอรู้ได้ยังไง” นี่คือสิ่งที่เชนสงสัยมาตลอด
“หนังสือที่เชนไปยืมห้องสมุดไง มีสัตว์ป่าแล้วก็สัตว์ทะเล วาฬสีเงิน ตอนไปซื้อของก็ซื้อแต่นมสตรอเบอรี่แพ็กใหญ่ แล้วก็…”
“พอที ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมไม่ให้ทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะคบกับปลายฟ้า”
“เชนบอกว่าไม่ให้แอบตาม เค้าก็เลยส่งของให้แทนไง ไม่น่ารักเหรอ” กฤษราดัดเสียงน่ารักในประโยคสุดท้าย วิธีนี้เขาบอกว่าจะทำให้ผู้ชายเอ็นดูถึงขั้นสุด ผ่านขั้นตอนนี้แล้วเธอจะเป็นเจ้าชีวิตของเขาเลยทีเดียว
ตู๊ดดดด
ไอ้บ้านี่มันวางสายใส่เธอ!!!
กฤษราโมโหจัด แต่ก็มีสติพอที่จะส่งข้อความหวานๆ กลับไป
‘พรุ่งนี้เจอกับความปรารถนาดีของคริสซี่อีกนะคะที่รัก’
แหวะ พิมพ์ไปก็อยากจะอาเจียน แต่เพื่อชัยชนะเธอต้องลงทุนหน่อย อีกไม่นานเขาจะต้องติดกับเธอแน่
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ส่งข้อความกลับมา ไม่ใช่ตัวหนังสือ แต่เป็นรูปภาพที่แคปจากหน้าจอมือถือของเขา เป็นข้อความแชตของเขากับปลายฟ้า
Shane : ฉันชอบเธอ คบกันนะ
PlaiPlai : หือ พิมพ์ผิดหรือเปล่าเชน
Shane : เปล่า ไม่กล้าบอกเอง ว่ายังไง
PlaiPlai : คุยกันพรุ่งนี้นะ ^^
กฤษรารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะวิ่งเข้าเส้นชัยแต่เห็นปลายฟ้าวิ่งแซงไปก่อน มือบางกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น รู้สึกแค้นใจแทบบ้า เธอลุกพรวดขึ้นแล้วหยิบกุญแจรถวิ่งลงไปชั้นล่าง ขณะที่ย่าพร้อมยังไม่ทันไถ่ถามร่างของหลานสาวก็หายออกจากประตูบ้านไปแล้ว
“แล้วจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร” กฤษราเม้มปากแน่น
บทที่ 5
ความน่ากลัวที่ไม่เคยเผชิญ
เชนไม่เคยรู้เลยว่าที่บ้านของตัวเองมีการรักษาความปลอดภัยที่บกพร่องมาก กว่าที่เขาจะรู้ตัวว่ากฤษราเข้ามาในบ้านก็ตอนที่หญิงสาวเข้ามานั่งในห้องรับแขกแล้ว เรื่องจริงอีกเรื่องที่เขาได้รู้ในวันนี้ก็คือทั้งแม่บ้านและ รปภ. ต่างได้รับสินบนจากหญิงสาวมาแล้วก่อนหน้านี้ พิจารณาจากการพูดคุยที่ดูเหมือนจะรู้จักกัน
“ขอบคุณนะคะพี่อร” กฤษราส่งยิ้มให้อรสาวใช้ในบ้านของเขา
ยายนี่เป็นเชอร์ล็อก โฮล์มส์หรือยังไง ทำไมถึงได้รู้รายละเอียดชีวิตเขาดียิ่งกว่าตัวเขาเองอีก ชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนกายนั่งที่โซฟาอย่างระมัดระวัง ก่อนหน้านี้ที่ตัดสายของเธอทิ้งตอนที่คุยโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็ใช้โทรศัพท์มือถืออีกเครื่องเปลี่ยนชื่อให้เป็นชื่อของปลายฟ้า พิมพ์โต้ตอบกันไปมาแค่นั้น ไม่คิดว่าจะมีคนโง่เชื่อจนรีบมาที่บ้านของเขาแบบนี้ หากฉลาดสักหน่อยเธอคงสอบถามจากปลายฟ้าก่อน
“เอาตุ๊กตาวาฬคืนมา” หญิงสาวเปิดฉากทันที
เชนขมวดคิ้วไม่คิดว่าเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายบุกเข้าบ้านเขาจะเป็นเพราะมาทวงตุ๊กตา แม้จะเสียดายนิดหน่อยแต่ถ้ามันจะทำให้กฤษราไม่มาวุ่นวายกับเขาได้ก็คุ้มค่า
“เดี๋ยวไปเอามาให้”
“อยู่ตรงไหน ฉันจะไปเอาด้วย” หญิงสาวว่า
เชนชะงัก มันอยู่ในห้องนอนของเขา ไม่มีใครเคยเข้าห้องนอนของเขานอกจากแม่บ้านที่เข้าไปทำความสะอาด แต่เธอคงจะไม่รู้สึกละอายใจกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวของคนอื่นแบบนี้เหมือนเคยแน่ๆ คงจะติดเป็นนิสัยไปแล้ว
“กลัวอะไร”
“เธอนี่ไม่มีมารยาทเลยนะ รออยู่ตรงนี้” เขาว่าก่อนจะรีบเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เจอกับตุ๊กตาน่ารักนั่นวางไว้บนหัวเตียง เมื่อนึกถึงว่ามันมาจากผู้หญิงโรคจิตนั่นเขาก็ต้องตัดใจคืนมันไป ขณะที่กำลังจะหยิบเจ้าตุ๊กตาขึ้นมาก็มีเสียงหนึ่งดังจากด้านหลัง
“ห้องสวยดีนะ”
“เข้ามาได้ยังไง!” เชนเสียงแข็ง เขารู้ว่าเธอไม่มีมารยาท แต่แบบนี้มันเกินไปหน่อย
“เดินเข้ามาไง เอาตุ๊กตามา” หญิงสาวแบมือออกเหมือนเด็กที่ทวงของเล่นจากเพื่อน ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาวางตุ๊กตาวาฬลงบนมือของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเสียดาย เมื่อรับตุ๊กตาไปแล้วหญิงสาวก็ถอยไปด้านหลังก่อนจะกดล็อกประตูห้อง
“ทำอะไรน่ะ” เชนถามขึ้นด้วยความระแวง
“หึ จะคบกับปลายฟ้าหรือ ข้ามศพคริสซี่ไปก่อนเถอะ!” พูดจบหญิงสาวก็โผเข้าหาร่างสูง อันที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงเหมือนกัน แต่ในหนังสือบอกว่าขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนท้ายสุดหลังจากคบหากันแล้ว ผู้ชายจะไปไหนไม่รอด แต่เธอไม่มีเวลานานขนาดที่จะทำตามขั้นตอนก่อนหน้านี้
ลัดเลยแล้วกัน
เชนไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรไม่ดีนักหนาถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งบุกมาที่บ้านของเขา ขึ้นมาถึงห้องนอนและพยายามจะขืนใจเขา
ตอนแรกเขากลัวมากที่เธอเข้ามากอดรัด แต่พอผ่านไปสักพักก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายคงจะมีปัญญาทำได้แค่นี้จริงๆ เพราะนอกจากเอาแขนโอบรอบตัวเขาแน่นแล้วเธอก็ไม่ได้ขยับไปทำอย่างอื่นเลย อีกอย่างเรื่องแบบนี้ถ้าผู้ชายไม่ร่วมมือแล้วผู้หญิงจะทำอะไรได้
กระทั่งร่างบางคลายอ้อมกอดออก พยายามจะกดเขาให้นอนลงบนเตียง เชนไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะกลัวว่าหากเขาใช้แรงมากไปอีกฝ่ายอาจจะกระเด็นไปติดผนังก็ได้ ก่อนหน้านี้เขากลัวเธอทำไมกันนะ ยายนี่ก็แค่ผู้หญิงโง่คนหนึ่งที่ชอบเอาชนะ อยู่ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกอยากจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อไป
“นี่ นอนลงไปสิ” หญิงสาวพูดด้วยความโมโห
“เธอจะทำอะไร” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
“รวบหัวรวบหางไง”
แม้แต่คำตอบยังน่าขำ แทนที่ชายหนุ่มจะจัดการไล่หญิงสาวออกไป เขากลับเอนกายลงนอนรอให้เธอทำการ ‘รวบหัวรวบหาง’ อย่างที่เจ้าตัวว่า อาจจะเป็นเพราะถูกคุกคามมาหลายวันทำให้เชนคิดว่าตัวเองต้องแก้เผ็ดอีกฝ่ายบ้าง
“ดี ว่าง่ายๆ แบบนี้” หญิงสาวศึกษาด้วยตัวเองโดยการดูหนังมาเล็กน้อย เธอยื่นมือไปสัมผัสที่คอของเขาอย่างยั่วยวน แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกขบขันจึงนอนรอดูว่าเธอจะทำอะไรต่อไป
“เดี๋ยวนะ หลับตาลงก่อน” อยู่ๆ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาวิธีการที่เธอนั่งอ่านอยู่เมื่อวันก่อน ตอนนี้เธอจำได้แค่ต้องนั่งคร่อมร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่นอกเหนือจากนั้น เอ่อ…
“แน่ใจเหรอว่าทำเป็น” เชนถามด้วยเสียงดูถูก ตอนนี้เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่ากฤษราไม่เคยมีประสบการณ์อะไรพวกนี้เลย ใช่…เขาก็ไม่มีเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดที่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหากลางคันแบบนี้
“อย่ามาดูถูกฉันนะ” กฤษราโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างอารมณ์เสีย คนอย่างเธอถ้าตั้งใจจะทำอะไรก็ต้องทำได้ไม่แพ้ปลายฟ้าแน่ ช่างหัววิธีการ ยังไงวันนี้ก็จะต้องทำให้ผู้ชายคนนี้อยู่ในกำมือของเธอให้ได้ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะตัดสินใจจู่โจมโดยการประกบริมฝีปากของตนเองเข้ากับปากของอีกฝ่าย เชนสะดุ้งเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่าเขาตื่นเต้นหรือตกใจ แต่เป็นเพราะแรงกระแทกของอีกฝ่ายต่างหาก
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาดันหน้าผากของกฤษราออกในขณะที่ปากของเธอยังยื่นออกมาหมายจะทำมิดีมิร้ายเขา เมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่มีท่าทีอ่อนไหวเลยเธอก็ถึงกับขมวดคิ้ว ไม่น่าผิดพลาดนี่ อย่างน้อยก็ต้องประทับใจรสจุมพิตของเธอบ้างสิ
“ดูเธอจะสู้ปลายฟ้าไม่ได้จริงๆ ด้วย” คำพูดของเชนเหมือนเป็นการเหยียดหยามชนิดที่กฤษรายอมไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากด่าเขา เชนก็ประทับริมฝีปากเข้าที่กลีบปากบางทันที คิดไปคิดมายายนี่ก็เนื้อตัวนุ่มนิ่มแถมยังมีกลิ่นหอมๆ ด้วย ส่วนกฤษราก็ลืมไปเลยว่าจะด่าอะไร เธอยกมือขึ้นกอดเชนแบบเงอะงะ จากที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่า ตอนนี้หญิงสาวกลายเป็นหมูในอวยของเขาไปแล้ว
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกในขณะที่กฤษรากะพริบตาปริบๆ
“เราเป็นแฟนกันแล้วใช่เปล่า” เธอถาม
“เปล่า ฉันแค่โรคจิตใส่เธอกลับเฉยๆ” เขาว่าก่อนจะจัดการปิดปากที่ชอบพูดจาไร้สาระนั่น สบายหูขึ้นเยอะ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน ได้แต่ฟังนิกกี้กับธันวาเล่า พวกผู้หญิงสำหรับเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนจนเขาไม่อยากจะเสียเวลาค้นหา แต่ความหวานละมุนจนไม่อยากจะปล่อยมือแบบนี้คืออะไร
เวลาผ่านไปสักพักกฤษราเริ่มหายใจไม่ทัน หญิงสาวดันตัวเองออกในที่สุด ใบหน้าสวยแดงก่ำ ในใจก็ได้แต่คิดว่าเริ่มจะท่าไม่ดีเสียแล้ว เธอแค่จะเอาชนะปลายฟ้าเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องใจเต้นแรงแบบนี้ ขืนทำอะไรแบบนี้ต่อไปเธอจะต้อง…เป็นโรคหัวใจแน่ๆ!
“ต่อไปนี้ห้ามตามฉันเหมือนโรคจิตอีก ห้ามเอาของไปวางตามที่ต่างๆ ที่ฉันไป ห้ามบุกมาถึงบ้าน” ชายหนุ่มเริ่มคิดไม่ออกว่าจะต้องห้ามอะไรอีก เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการสรรหาวิธีที่จะทำให้เขาประสาทเสีย
“แล้วฉันจะจีบนายได้ยังไงล่ะ” นี่คือสิ่งที่กฤษราสงสัย ถ้าเขาห้ามขนาดนั้นแล้วแผนการของเธอจะสำเร็จได้ยังไง
“ส่งข้อความมาอย่างเดียว แล้วฉันจะพิจารณาเอง” เขาว่า
“ฮ้า แล้วถ้านายไม่ตอบล่ะ”
“เธอไม่มีทางเลือก ไม่อย่างนั้นฉันจะคบกับปลายฟ้า” คำขู่เดียวที่จะทำให้ผู้หญิงโง่คนนี้เลิกทำอะไรไร้สติได้คือปลายฟ้า ในระหว่างที่เขาหาทางกำจัดเธอนั้นเขาก็จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับปลายฟ้าเอาไว้ก่อน
ก็ไม่มีทางเลือกแล้วนี่ อีกอย่างมีเรื่องให้ทำแก้เบื่อบ้างก็ดี…
“แต่ว่าเราจูบกันแล้วนะ ปกติต้องเป็นแฟนกันแล้วนี่” หญิงสาวบ่น
“เธอคิดว่ามันปกติหรือไง ถ้าอยากคบกับฉันก็พยายามหน่อย จูบแบบเมื่อกี้เหมือนเด็กอนุบาล” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าถ้าจะทำให้ดีกว่านั้นต้องทำยังไง แต่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเสียก็รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด
“นายไม่เคยมีแฟนสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไง”
แน่ะ! รู้มาก
“กลับบ้านไปคิดเอา แล้วอย่าทำเหมือนวันนี้อีก”
“สั่งอย่างกับพ่อ ชิ” หญิงสาวโยนตุ๊กตาวาฬใส่อีกฝ่ายเพราะความหมั่นไส้ ทำมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ตัวเองก็ประสบการณ์เป็นศูนย์เหมือนกัน เธอไม่ได้มีใครให้เปรียบเทียบหรอกนะเลยไม่รู้ว่าที่ทำเมื่อครู่มันดีหรือไม่ดี แต่อย่างไรก็ตามเธอต้องอดทน นี่อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้เธอได้เหนือปลายฟ้าสมใจอยาก แค่ครั้งเดียวก็พอเพื่อพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่ที่สองอีกแล้ว
“เดี๋ยวก่อน” เขาเรียก
“อะไรอีกล่ะ”
“ไหนเธอบอกว่าชอบฉันจริงๆ จะกลับบ้านแล้วก็เดินทื่อๆ ไปอย่างนั้นน่ะเหรอ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปาก ในเมื่อเธอชอบใช้วิธีนี้วุ่นวายกับเขานัก เขาก็จะทำตัวโรคจิตบ้าง
“แล้ว…จะให้ทำอะไรล่ะ”
“สารภาพสิ บอกมาว่าทำไมถึงชอบฉัน”
“ฮะ ตอนนี้เนี่ยนะ” กฤษราย่นคิ้วเข้าหากัน เธอยังไม่ได้คิดเรื่องนี้มานะ จะให้พูดอะไร
“เร็ว หรือว่าเธอโกหก”
“เปล่า”
“แล้วชอบตรงไหน ชอบตอนไหน” เสียงของเขาเหมือนกับครูฝ่ายปกครองกำลังสอบสวนนักเรียนที่ทำผิด กฤษราเครียดหนักยิ่งกว่าตอนทำข้อสอบเสียอีก
“ชอบก็คือชอบน่า จะถามทำไมเยอะแยะ ไปนะคะที่รัก” หญิงสาวว่าก่อนจะขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วรีบเปิดประตูออกไป ถือว่าวันนี้เริ่มต้นได้ไม่เลว การรวบหัวรวบหางนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด อย่างน้อยเขาก็จูบเธอ
เดี๋ยวนะ!
นั่นจูบแรกของเธอนี่นา จริงๆ แล้วเธอต้องเก็บมันเอาไว้ให้แฟนที่จะเป็นสามีในอนาคตของตัวเองไม่ใช่หรือไง ทำไมเอามันมาใช้สิ้นเปลืองแบบนี้
เชนส่ายหน้าไปมา มือใหญ่ยกขึ้นมาจับที่ริมฝีปากของตนเองด้วยความสงสัย เมื่อครู่เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายมาก หากอยู่ใกล้แล้วอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้
เชนรู้ตัวว่าเมื่อคืนคงจะทำพลาดไปที่บอกอีกฝ่ายว่าให้ส่งข้อความมาแทน เพราะยายโง่นั่นส่งข้อความมาไม่หยุดจนเขาต้องปิดเสียงเตือนข้อความ
‘หยุดส่งมาได้แล้ว รำคาญ’ หากเป็นคนอื่นเขาคงจะไม่มีทางพูดจาอย่างนี้แน่ แต่กับกฤษรานั้นเขาไม่จำเป็นต้องมีมารยาท เพราะดูแล้วอีกฝ่ายคงไม่สนใจว่าใครจะพูดอะไร
“เดี๋ยวนี้เชนติดโทรศัพท์แล้วเหรอลูก” ชนิดาภามารดาของเชนทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือนานแล้ว
“เปล่าครับ เพื่อนส่งงานมาให้ดู” เชนพูดโดยไม่ได้มองหน้ามารดา นี่อาจจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาไม่ต้องทานข้าวเช้าคนเดียว แต่เขาไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าครอบครัวจะกลับมาเมื่อไหร่ เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวหรือไม่ก็อยู่กับเพื่อนๆ
“อาจารย์ที่คณะของลูกชมใหญ่เลยว่าเชนของแม่ทั้งหล่อทั้งเก่ง ยังถามด้วยว่าเราเรียนจบแล้วจะไปเป็นอัยการหรือเปล่า”
“คงไม่หรอกครับ ผมอาจจะเรียนต่อ” เขาเรียนกฎหมายเพราะข้อจำกัดบางอย่างของครอบครัว ความจริงเขาก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับมันเท่าไหร่ เพียงแค่คิดว่ามีเพื่อนเรียนแล้วก็ไม่ต้องทะเลาะกับทางบ้านแค่นั้นเอง
“อื้ม แม่ว่าเรียนต่อก็ดี อย่างเชนเรียนไม่นานก็จบ แล้วค่อยกลับมาสอบเป็นอัยการก็ได้” ผู้เป็นมารดาสรุปให้เสร็จสรรพ เหมือนว่าอาชีพเดียวที่เชนจะทำได้ก็คือการเป็นผู้พิพากษาเหมือนบิดา เส้นทางสู่จุดนั้นก่อนอื่นเขาจะต้องเป็นอัยการให้ได้ก่อน
“ผมไปเรียนแล้วนะครับ” เขาว่าก่อนที่จะลุกออกไป ในขณะที่กำลังเคร่งเครียดก็มีข้อความส่งเข้ามาอีก คราวนี้กฤษราส่งรูปมา เป็นรูปเต่ากำลังเกาะอยู่บนหัววาฬ ข้างบนมีข้อความเหมือนเป็นคำพูดของเต่าว่า ‘สบายจังเลย’ ส่วนอีกรูปคือเป็นตอนที่วาฬพ่นน้ำขึ้นมาแล้วเต่ากระเด็นหายไป
อยู่ดีๆ เชนก็หัวเราะให้กับภาพนั่น เขาพิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า ‘ไร้สาระ’ แต่เจ้าวาฬในภาพน่ารักดี เขาจะบันทึกเก็บไว้ก็แล้วกัน
ชายหนุ่มมาถึงมหาวิทยาลัยก็เข้าเรียนตามปกติ วันนี้ไม่มีใครแอบตามเขา ไม่มีของกินวางตามที่ต่างๆ ไม่มีเงาของกฤษรา นับว่าเธอเป็นคนพูดรู้เรื่องอยู่บ้าง แม้แต่ข้อความตอนนี้ก็เงียบไปด้วย ในที่สุดชีวิตที่สงบสุขของเขาก็กำลังจะกลับคืนมา
“เออรู้ไหมว่ามีรุ่นพี่วิศวะคนหนึ่งมาจีบปลาย” นิกกี้ที่เพิ่งเดินเข้ามากระซิบกระซาบ เพราะตอนนี้เป็นเวลาเรียน พวกเขาจึงได้แต่คุยกันเสียงเบา
“ใครวะ” ธันวาถาม
“ถ้าฉันรู้ฉันก็พูดชื่อมันไปแล้วดิไอ้ธัน ใช้สมองบ้าง”
“เสือกมาก็เสือกไม่สุดวะไอ้นิกกี้” คนถูกว่าโมโหบ้าง
“คือเรื่องเป็นอย่างนี้ มีไอ้หนุ่มวิศวะรุ่นพี่มันมาจีบปลายเว้ย” ท่าทางของนิกกี้ดูสนุกมาก แต่คนฟังสามคนกลับฟังด้วยความเงียบอยู่สักพักก่อนจะหันไปสนใจเรียนต่ออย่างเบื่อหน่าย
“อะไรวะ ไม่ตกใจกันเหรอ”
“นายพูดซ้ำ ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรเพิ่ม” เชนว่า
“อยากรู้ก็ช่วยกันถามปลายเย็นนี้ดิวะ”
“ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย”
“แหมคุณเชนครับ สนิทตัวติดกันขนาดนั้นเป็นไปได้หรือครับที่จะไม่อยากรู้สักหน่อย” นิกกี้แซว
“นักศึกษาตรงนั้นครับ จะเรียนหรือจะออกไปคุยกันข้างนอกครับ” เสียงของอาจารย์ผู้สอนดังขึ้นทำให้บทสนทนาเงียบลงทันที ทั้งธันวาและนิกกี้อยากรู้เรื่องของปลายฟ้าขนาดที่ว่านั่งซ้อมถามคำถามยังไงไม่ให้ดูน่าเกลียด เชนไม่แปลกใจกับความอยากรู้อยากเห็นของสองคนนั้น แต่ธนดลก็เป็นไปด้วยนี่สิ
จนถึงเวลาเย็นพวกเขาก็ยังคงหมกหมุ่นกับเรื่องนี้ต่อที่สนามบาส
“ฉันว่าพวกแกถามจงใจไป เอาเป็นว่าถามแค่ว่าช่วงนี้ปลายทำอะไรบ้าง แล้วมีใครมากวนใจอะไรไหมดีกว่า” ธนดลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ถ้าเทียบกันเรื่องหน้าตาแล้วในสี่คนธนดลดูเหมือนจะหน้าตาธรรมดาที่สุด เขาเป็นเด็กเนิร์ดสวมแว่นท่าทางดูน่าเชื่อถือ ในขณะที่ธันวาหน้าตาคมเข้มพูดจาโผงผางเสียงดัง ส่วนนิกกี้เป็นคนสำอางหน้าตาน่ารักกว่าผู้ชายทั่วไป แต่หากจะพูดถึงนิสัยแล้วธนดลดีกว่าสองคนนี้แน่นอน
“โอ๊ยไอ้ดล ถามอย่างนั้นก็รู้เหมือนกันหรือเปล่าวะว่าจงใจ” ธันวาโวยวาย
“ไม่ต้องถามก็หมดเรื่อง ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย” เชนว่า
“ได้ไง นี่ว่าที่เพื่อนสะใภ้ของพวกเรานะ” นิกกี้แย้งขึ้น
“ปลายมาแล้วๆ” ธนดลร้องขึ้นก่อนที่ทุกคนจะหันมานั่งเรียงกันอย่างสงบเสงี่ยมเหมือนไม่ได้พูดอะไรกันมาก่อนหน้านี้ ปลายฟ้ายังสวมชุดนักศึกษาอยู่ เธอเดินเข้ามาแล้วโบกมือให้ทุกคน ไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้าที่เจ้าตัวมักจะพกมาเปลี่ยนประจำ
“วันนี้ปลายไม่เล่นเหรอ” นิกกี้ถาม
“อื้ม วันนี้มีธุระเลยแวะมาบอกน่ะ”
“โทรมาก็ได้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขึ้นมาถึงนี่” ธันวาว่า
“ไม่เป็นไรหรอก เดินออกกำลังกายบ้างก็ดี ไปนะ คริสซี่รออยู่ข้างนอก” หญิงสาวว่าก่อนจะเดินหันหลังกลับไป เรื่องนี้ยิ่งกระตุ้นความอย่างรู้อยากเห็นของพวกหนุ่มๆ มากกว่าเดิม นี่พวกเขากลายเป็นพวกชอบซุบซิบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ฉันว่าไม่ใช่คริสซี่ ไอ้รุ่นพี่นั่นหรือเปล่า” นิกกี้ตั้งข้อสงสัย
“ตามไปแอบดูดิวะ” ธันวาเสนอ ทั้งสองคนเหมือนคนฟุ้งซ่านที่หมกหมุ่นเรื่องข่าวลือของปลายฟ้าราวกับไม่มีอะไรอย่างอื่นทำ เมื่อห้ามเพื่อนไม่ได้เชนจึงได้แต่ทำเฉย กระทั่งสองคนนั้นพากันเดินออกไป หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาด้วยสีหน้าผิดหวัง
“คริสซี่จริงๆ ว่ะ” ธันวาพูดขึ้น
เชนถอนหายใจก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์ของตัวเอง กฤษราไม่ได้ส่งข้อความมาหาเขาอีกตั้งแต่ตอนเช้า ยายนั่นคงจะมีเรื่องอะไรทำอย่างอื่นบ้างล่ะนะ หรือถ้าอีกฝ่ายเลิกล้มความคิดที่จะตามเขาเหมือนผีแบบนี้ก็ดี ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่เชนก็มักจะมองไปที่โทรศัพท์อยู่ตลอด
(โปรดติดตามต่อในเล่ม)
Comments
comments
No tags for this post.