X
    Categories: LOVEทดลองอ่านปภาวินท์

ทดลองอ่าน ปภาวินท์ บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 2 ชอบนะคะ อยากได้

“แกชัวร์ใช่ไหมว่าพี่วินเขาโสดจริงๆ” ปภาวรินท์กำส้อมคันเล็กในมือแน่น ดวงตาคู่งามเปล่งประกายแห่งความหวัง

“อือ แกจำที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหมว่าญาติฉันอุตรินึกอยากทำคอนโดฯ ขายขึ้นมา แล้วนางก็ไปจ้างบริษัทของพี่วินให้ช่วยออกแบบให้ เพราะนางประทับใจงานตึกที่ไหนสักงานของพี่เขานี่แหละ ปรากฏกำไรดีนางก็เลยทำต่อมาเรื่อยๆ ปีละตึกสองตึกแล้วแต่อารมณ์ พอดีฉันรู้มาว่านางกำลังจะสร้างคอนโดฯ ใหม่และนัดคุยกับบริษัทสถาปนิก ฉันเลยแกล้งเสนอหน้าไปเจอนาง ปรากฏว่าฉันได้เจอผู้หญิงคนที่ยืนคุยกับพี่วินวันนั้นด้วย” ปริยากรเล่าไปใช้หลอดจิ้มน้ำแข็งในแก้วกาแฟเล่นไป

“หือ?”

“เขาแนะนำตัวว่าชื่อณัฐรัมภา* เป็นอินทีเรียของบริษัท Archwin ฉันแกล้งแย็บไปว่าเคยเห็นเขาอยู่กับพี่วิน เหมือนแฟนกันเลย เขาเลยบอกว่าพี่วินโสด ส่วนตัวเขามีแฟนแล้วและมีแผนจะแต่งงานด้วย…จะว่าไปอินทีเรียคนนี้ก็ดูฉลาดและน่าจะรู้ทันนะว่าฉันแกล้งแย็บหาข้อมูล แต่ก็เอาเหอะ”

ปภาวรินท์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงฉีกยิ้มเท่านั้น ซึ่งพอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนสนิทแล้วคนที่สู้อุตส่าห์ไปหาข่าวมาให้ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้

“ข่าวสารนั้นหายาก ต้องลำบากขับรถไป รู้ว่าเขาโสดแล้วห้ามให้ความพยายามในการสืบของฉันเสียเปล่านะโว้ย”

“แหม แกอ่า” คนตัวเล็กทำปากยื่น “ถึงฉันจะปลื้มเขามานานแต่ก็เป็นการปลื้มแบบเด็กๆ ปลื้มในจินตนาการ ฉันยังไม่ได้รู้จักเขาดีพอเลยนะ แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะหาทางทำความรู้จักเขาแหละ ไหนๆ ก็ได้เจอกันแล้ว”

“ก็ดี เพราะขืนแกยังจะปอดแหก เก็บเขาไว้เป็นเจ้าชายในมโนของตัวเองต่อไปทั้งที่ฉันอุตส่าห์ไปสืบข่าวให้แล้ว ฉันจะสาปแกจนสิ้นแสง!” ปริยากรประกาศ

“ปีย่า วันนี้ฉันเลี้ยงขนมเลี้ยงกาแฟแกนะ แกจะมาร้ายกับฉันแบบนี้ไม่ได้สิ”

“อ้อยเข้าปากช้าง ขนมเข้าปากฉันไปแล้ว ทวงบุญคุณไปก็เท่านั้นแหละ” ปริยากรลอยหน้าลอยตา ขณะเดียวกันก็แอบนึกขำอยู่ในใจเมื่อเห็นหน้าตายู่ยี่ของเพื่อน

ไอ้ปินนี่แกล้งสนุกจริงๆ!

“เอาล่ะ แล้วแกวางแผนจะเข้าไปตีสนิทกับพี่วินยังไงบ้างล่ะ”

“ก็ยังคิดอยู่ ฉันไม่มีโครงการอะไรให้เขาทำอย่างญาติแกด้วยสิ จะจ้างเขาสร้างบ้านก็ไม่มีเงิน ใกล้เคียงที่สุดคือให้เขาตกแต่งคอนโดฯ ห้องจิ๋วของฉันใหม่ ซึ่งถ้าติดต่อให้เขาทำนี่แทนที่จะได้ผูกสัมพันธ์ก็อาจโดนมองแรงอ่ะนะ” ปภาวรินท์ถอนหายใจเฮือกแล้วตักเค้กเข้าปาก

“ฉันว่าแกจะโดนมองแรงใส่ถ้าไปพูดว่าไม่มีเงินให้คนอื่นได้ยินมากกว่า” ปริยากรบอก แต่ก็รู้ดีว่ามันเป็นความจริง

มันก็ไม่ใช่ว่าลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัวประดิษฐ์จะยากจนข้นแค้นขนาดนั้น เพียงแต่เธอก็ไม่ได้ร่ำรวยขนาดที่จะใช้เงินเจ็ดหลักได้แบบไม่ต้องคิดเหมือนกัน คนที่รวยคือพ่อของเธอ พี่สาวต่างแม่ของปภาวรินท์มักขอนู่นขอนี่จากพ่อ ซึ่งท่านก็มักให้ตามประสาพ่อที่รักลูกสาว ขณะที่ปภาวรินท์เองไม่ค่อยได้ขออะไรมากนักด้วยไม่อยากมีปัญหากับรัญชนาซึ่งจงเกลียดจงชังน้องสาวไม่เลิก

“หรือว่าฉันจะชวนคุณพ่อทำอะไรสักอย่างแล้วให้แกมาแจมดี” ปริยากรทำท่าครุ่นคิด

“แล้วฉันจะไปแจมกับโครงการบ้านแกได้ไง”

“แกก็ลาออกจากบริษัทแล้วย้ายมาทำงานกับฉันไง พ่อฉันให้บัตรวีไอพีกับแกอยู่แล้ว เลือกตำแหน่งมาเลย แกไม่ต้องเสี่ยงภัยพี่สาวด้วย ดีจะตาย”

“ไอ้บ้า หาเรื่องให้โดนป๊าด่าแบบแพ็กคู่ชัดๆ” ปภาวรินท์ตวัดสายตาค้อน ขณะที่ผู้เป็นเพื่อนหัวเราะอย่างขบขัน

“เอ้อ ฉันนึกออกแล้ว” อยู่ดีๆ ปริยากรก็หยุดหัวเราะแล้วทำท่านึกขึ้นได้ “โครงการยักษ์โครงการนั้นของป๊าแกไง ที่จะเอาโรงแรมเจ๊งแล้วมาทำใหม่น่ะ”

“อ๋อ” สาวร่างเล็กพลอยนึกขึ้นได้ด้วย “แต่แหม โครงการยักษ์แถมมีต่างชาติร่วมทุน ต่อให้เป็นฉันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าไปเจ๋อ เสนอให้ใช้บริษัทไหนทำก็ได้นะ”

เมื่อไม่นานมานี้เจ้าสัวประดิษฐ์ตัดสินใจซื้ออาคารของโรงแรมเก่าแก่ซึ่งปิดตัวลงไปมารีโนเวต โดยไปชักชวนกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมาร่วมด้วย จนเกิดเป็นโครงการรีโนเวตโรงแรมควบศูนย์การค้าหรูกลางเมือง มันเป็นข่าวเกรียวกราวในวงการอสังหาริมทรัพย์พอสมควรเนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าสัวประดิษฐ์ไม่เคยลงทุนในด้านนี้มาก่อน และอีกไม่นานก็จะมีการคัดเลือกบริษัทสถาปนิกที่จะมารับหน้าที่ออกแบบรีโนเวต

“แกเลือกบริษัทสถาปนิกเองไม่ได้ แต่แกเชียร์บริษัทพี่วินได้นี่ งานใหญ่แบบนั้นทาง Archwin น่าจะสนใจอยู่แล้ว พี่วินเขาก็ไม่ไก่กานะ มีชื่อสร้างตึกเก๋ๆ ดังๆ ที่เมืองนอกด้วย แกก็เอาเรื่องนี้ไปเป็นสะพานทอดหาพี่วิน ส่วนเรื่องจะได้งานหรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของเขาเอง”

ปภาวรินท์มีทีท่าคล้อยตาม แต่อึดใจหลังจากนั้นก็ทำหน้าม่อย

“มันก็ฟังดูน่าสนใจดี แต่ยังไงฉันก็ไม่เกี่ยวกับโครงการนี้อ่ะ” เธอจบออกแบบผลิตภัณฑ์ ทุกวันนี้ก็ช่วยงานในบริษัทของพ่อในสายงานที่จบมา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ตรงไหนเลย

“อย่าลืมสิว่าแกมีการ์ดลูกสาวเจ้าสัวประดิษฐ์ แกแค่ไปอ้อนป๊าว่าอยากลองขยับขยายเปลี่ยนสายงานดูบ้าง อีกอย่างยังไงแกก็จบทางด้านดีไซน์ ดูเข้ากับการเลือกบริษัทสถาปนิกนะ เรื่องแค่นี้ป๊าแกให้ได้อยู่แล้ว” ปริยากรแนะ

ปภาวรินท์ทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ถ้าแบบนี้ก็พอเป็นไปได้แหละ แต่…มันมีแต่ ไม่ใช่ปัญหาทางฉันนะ แต่โครงการนี้มันใหญ่เบิ้ม ถ้าฉันเสนอตัวเข้าไป พี่รัญต้องคิดว่าฉันอยากเอาหน้าไม่ก็อยากเอาใจป๊า เดี๋ยวก็ได้มีเรื่องอีก”

“มันก็จริงแหละ แต่…ฉันก็มีแต่เหมือนกัน แต่นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่แกจะได้ทำความรู้จักกับพี่วินนะโว้ย เพราะถ้าแกรู้จักเขาแบบอื่นยังไงก็ไม่มีข้ออ้างให้ติดต่อกันตลอดๆ เหมือนเรื่องงานหรอก” สาวตาคมชี้ให้เห็นความจริง

“นั่นสิ เฮ้อ” คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหนักใจ เธอไม่อยากมีเรื่องกับพี่สาวต่างแม่ ไม่ใช่ว่าเธอสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่มันจะทำให้พ่อไม่สบายใจและเป็นปัญหาในครอบครัว

ปริยากรไม่ออกความเห็นใดอีกแล้วจิบกาแฟของตัวเองอย่างใจเย็น รอดูว่าเพื่อนจะตัดสินใจอย่างไร

“แหม ถ้าทำแบบง่ายๆ ได้ก็ดีสิเนาะ” หลังจากผ่านไปพักหนึ่งปภาวรินท์ก็บ่นงึมงำออกมา

“อะไรของแก”

“ก็แบบนี้ไง” ลูกสาวเจ้าสัวประดิษฐ์หันไปเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบปึกธนบัตรใบละพันที่เพิ่งไปเบิกจากธนาคารออกมาสะบัด “แบบว่ายื่นไปตรงหน้าแล้วก็บอกไปเลยว่าชอบนะคะ อยากได้”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ปริยากรไม่ยักขำอย่างที่คนต้นเหตุคาดไว้ หนำซ้ำยังกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าประหลาดอีกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ทันไรก็มีเสียงหัวเราะทุ้มๆ ลอยมา

“ทำแบบนี้บ่อยเหรอครับ”

เฮ้ย! ปภาวรินท์หันไปมองหน้าตาตื่น แล้วก็พบว่ามีคนยืนอยู่เยื้องไปทางด้านหลังเธอ…และคนคนนั้นคืออาชวิน!

“ใช่ค่ะ ยายปินทำแบบนี้บ่อย” ปริยากรพูดหน้าตาเฉย จากนั้นก็ฉีกยิ้มหวาน “บังเอิญจังเลยค่ะพี่วิน”

“ปีย่า! ทำไมใส่ร้ายฉันแบบนี้” สาวร่างเล็กร้องลั่น จากนั้นก็หันไปหาหนุ่มหล่อแล้วรีบอธิบายแบบลิ้นแทบพันกัน “ไม่จริงนะคะ ปินไม่เคยทำแบบนี้นะ”

“โอเคครับ” อาชวินยิ้มรับ ดวงตายังเป็นประกายพราวขบขัน

ปภาวรินท์เกือบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของเขาแล้ว ทว่าพอสังเกตว่าดวงตาคมมองหลุบต่ำแบบแปลกๆ เธอเลยมองตาม ครั้นพบว่าเขากำลังมองมือของเธอซึ่งยังถือปึกเงินยื่นออกไปกลางทางเดิน เธอเลยรีบดึงมือกลับ บนใบหน้าสวยปรากฏรอยยิ้มแห้งๆ

“คือปินเพิ่งไปเบิกเงินมา จะเอาไปเข้าอีกธนาคารเพราะวันนี้แอพฯ ธนาคารมันล่มๆ กลัวโอนเงินแล้วผิดพลาดน่ะค่ะ”

“อ้อ จริงด้วย พี่เคยโอนเงินช่วงปลายเดือนแล้วมันไปไม่ถึงปลายทางด้วยเหมือนกัน กว่าจะได้เงินคืนตั้งเป็นวัน ดีแล้วล่ะที่ระวังไว้” อาชวินยิ้มให้หญิงสาว

“แล้วพี่วินมาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ” ปริยากรส่งเสียงถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนทำท่าจะเคลิ้มอีกแล้ว

“บริษัทพี่อยู่แถวนี้ครับ อันที่จริงอยู่ห่างไปไม่ถึงห้าสิบเมตรด้วยซ้ำ พี่กำลังจะเดินผ่านร้าน พอดีเห็นพวกเราสองคนเลยแวะเข้ามาทักนี่แหละ”

ปริยากรทำตาโต เธอเหล่มองเพื่อนสนิทซึ่งเป็นคนเลือกสถานที่นัดทันที ปรากฏว่าเพื่อนหลุบตาหลบทำเป็นก้มลงไปเก็บปึกเงินเข้ากระเป๋า เธอเลยหมายเหตุไว้ในใจแล้วหันไปคุยกับชายหนุ่มต่อ

“แล้วพี่วินจะเดินไปไหนเหรอคะ หรือว่าจอดรถไว้ไกล นี่พวกเราสองคนก็ต้องไปจอดรถไว้ในกรมอะไรสักอย่างเหมือนกัน”

“เปล่าๆ พี่จะไปซื้อกาแฟนี่แหละ”

“แถวนี้ร้านกาแฟเยอะ พี่วินมีร้านเด็ดเหรอ แนะนำบ้างสิ เดี๋ยวพวกเราจะได้ตามไปลอง”

“ไม่เชิงว่าเด็ดหรอก แต่มีร้านที่กาแฟเข้มถูกปากพี่น่ะ น้องๆ ดื่มกาแฟเข้มๆ กันบ้างไหมล่ะ”

“ไม่ได้ดื่มกาแฟเข้มๆ หรอกค่ะ แต่ชอบกลิ่นกาแฟ หอมดี” ปภาวรินท์ตอบ ขณะเดียวกันก็พยายามซ่อนอาการนิ่วหน้าเพราะโดนเพื่อนเตะหน้าแข้งเพื่อกระตุ้นให้เธอพูดบ้าง…รู้หรอกว่าเจตนาดี แต่เตะเบาๆ หน่อยก็ได้!

“งั้นน่าจะชอบร้านนี้นะ เพราะร้านนี้หอมกลิ่นกาแฟทั้งร้านเลย” เขายิ้มแล้วบอกชื่อร้าน ตามด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากร้านนี้นัก “ถ้ามีโอกาสลองแวะไปดูก็ได้นะ…เอาล่ะ พี่ไม่กวนพวกเราสองคนแล้ว เอาไว้เจอกันใหม่นะ”

“แป๊บนึงค่ะพี่วิน” ปริยากรรีบเรียกไว้ “พี่วินเอานามบัตรติดตัวมาไหมคะ ขอให้ยายปินสักใบสิ ช่วงนี้ครอบครัวปินกำลังสนใจเรื่องอสังหาริมทรัพย์อยู่ ปีย่าเพิ่งเล่าให้ปินฟังเองว่าบริษัทพี่วินออกแบบคอนโดฯ ให้ญาติปีย่า”

“อ๋อ ได้ครับ” อาชวินพยักหน้ารับแล้วหยิบซองหนังสำหรับใส่การ์ดออกมา ด้วยความที่รับหน้าที่เป็นคนหางานเข้าบริษัททำให้เขาพกมันเป็นนิสัย ขาดไม่ได้พอๆ กับกระเป๋าสตางค์ “โทรมาได้ตลอดนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ปรึกษาเฉยๆ ก็ได้ คนกันเองพี่ไม่คิดค่าบริการ”

“ขอบคุณนะคะ” ปภาวรินท์รับนามบัตรมา “โอ๊ะ นามบัตรเท่จังเลยค่ะ”

นามบัตรของเขาเป็นสีดำ ตัวหนังสือสีขาวถูกจัดเรียงอย่างเก๋ไก๋ ตรงมุมซ้ายล่างมีลวดลายแบบแปลนบ้าน และมีคิวอาร์โค้ดอยู่ภายใน

“ขอบคุณครับ ถ้านามบัตรไม่สวยคงเสียชื่อสถาปนิกนะ” เขาหัวเราะ

“จริงด้วย ปินควรให้นามบัตรพี่วินเหมือนกัน” หญิงสาวบอกแล้วรีบหันไปเปิดกระเป๋าขึ้นมาหยิบนามบัตรส่งให้อีกฝ่าย “ถ้ามีอะไรที่พี่วินคิดว่าปินช่วยได้ก็โทรมาได้ตลอดเลยเหมือนกันนะคะ”

“ขอบคุณครับน้องปิน”

สถาปนิกหนุ่มจากไปในที่สุด ปภาวรินท์มองตามไม่วางตา พอหันกลับมาก็เจอกับสีหน้าท่าทางหมั่นไส้ของเพื่อนรัก

“ขอบคุณฉันด้วย ไม่งั้นแกไม่มีทางได้นามบัตรพี่วินหรอก”

“อื้อๆ รู้แล้ว กินเค้กอีกชิ้นไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” สาวร่างเล็กบอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “ไม่สิ ทำไมเมื่อกี้แกไม่เตือนฉันเลยว่าพี่วินเดินมา”

“ตอนแรกฉันไม่ทันสังเกต แต่ถึงเตือนก็คงไม่ทันอยู่ดี ใครจะไปคิดว่าแกจะหยิบเงินปึกนึงออกมาทำแบบนั้น”

“แหม ก็เห็นมีมในอินเตอร์เน็ตบ่อยๆ ฉันเลยทำเล่นสนุกๆ ใครจะไปนึกว่าจะแจ็กพ็อตขนาดที่พี่วินเดินมาพอดีล่ะ” ปภาวรินท์ทำปากยื่น

“แล้วตกลงแกจะใช้โครงการของป๊าแกให้เป็นประโยชน์ไหม พี่วินก็เปิดทางอยู่นะ ฉันว่าเขาต้องรู้ข่าวโครงการนี้และคงสนใจอยู่บ้างแหละ”

ปภาวรินท์ไม่ได้ตอบในทันที ทว่าก้มลงมองกระดาษแผ่นเล็กในมือ ปลายนิ้วเกลี่ยตรงโลโก้ของบริษัทซึ่งเคลือบมันเอาไว้

“มาคิดดูมันก็เป็นทางที่ดีจริงๆ นั่นแหละที่จะได้รู้จักพี่วิน แต่ก็…ไม่รู้สิ ฉันอาจจะลองแย็บๆ ป๊าดูก่อน”

“ลองซะ” ปริยากรพยักหน้ากึ่งสนับสนุนกึ่งสั่ง นอกจากเรื่องอาชวินแล้ว เธอยังคิดถึงผลพลอยได้อื่นสำหรับเพื่อนด้วย นั่นคือถ้าอีกฝ่ายได้ทำงานในโครงการนี้แล้วมันผ่านไปด้วยดี ปภาวรินท์ก็จะได้รับเครดิต มีตัวตนในบริษัทมั่นคงขึ้นด้วย

“ยังไงบริษัทของพี่วินก็ไม่ได้ไก่กาอยู่แล้ว ถือว่าเพิ่มตัวเลือกให้ป๊าแหละ” สาวร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนในที่สุด ทว่าพอเห็นสายตาท่าทางของเพื่อนก็ต้องชะงัก “ทำไมแกมองฉันงั้นอ่ะ”

“แกรู้มาก่อนใช่ไหมว่าบริษัทของพี่วินอยู่ตรงนี้ สารภาพมาซะดีๆ”

“ก็นิดนึง แต่พอดีฉันมีธุระแถวนี้อยู่แล้วด้วยไง แล้วในซอยนี้ร้านเก๋ๆ เพียบแกก็เห็น” ปภาวรินท์พยายามวางสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ทราบแก่ใจว่าเพื่อนรู้ทัน…เธอไม่ได้เล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตึกจอดรถให้อีกฝ่ายฟัง และไม่คิดจะเล่าด้วยเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง

“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรแกเลย แค่ถามเฉยๆ” ปริยากรกลอกตาไปมาแล้วฉวยแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม…ถ้าตัดความหมั่นไส้ออกไป เธอค่อนข้างชอบใจด้วยซ้ำ นับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสองสามปีก่อนปภาวรินท์ก็ไม่ได้คบหรือกระทั่งคุยกับใครอย่างจริงจังอีกเลย แม้จะมีผู้ชายแสดงความสนใจอยู่บ้างก็ตาม

ไม่ว่าการสานสัมพันธ์กับอาชวินในครั้งนี้จะสำเร็จหรือเปล่า ทว่ามันก็ดูเป็นก้าวย่างที่ดีในการฉุดให้ปภาวรินท์หลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อเสียที!

 

ติดตามบทที่ 3-4 ต่อวันที่ 7 เม.. 64

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: