บทที่ 4 ผู้ชายมักง่าย
แสงอาทิตย์แรงกล้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกร่างเล็กให้สะดุ้งตัวตื่น ดวงตากลมโตหรี่ลงเพราะยังไม่ชินกับแสงจ้า หลังจากปรับสายตาได้แล้วเธอจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง กวาดตามองไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องเรือนแสนธรรมดา ตู้ เตียง หรือแม้แต่ผ้าม่านล้วนหาได้ตามห้างสรรพสินค้าระดับรากหญ้า ไม่มีเครื่องปรับอากาศให้ความเย็นชุ่มฉ่ำ มีแต่พัดลมสีครีมหมุนเอื่อยๆ อยู่บนเพดาน
เหตุใดคุณหนูสายเปย์ถึงมาอยู่ห้องเช่ารูหนูแบบนี้ได้ หญิงสาวกลอกตาไปมาพลางตวัดผ้าห่มให้พ้นกาย รีบก้าวลงจากเตียง แต่แล้วจังหวะที่หยุดยืนหน้ากระจกบานยาวดวงตากลมโตถึงกับเบิกโพลงเมื่อเห็นสภาพของตน
เสื้อยืดตัวหลวมโพรกกับกางเกงผ้าขาบานสีน้ำตาลเข้มราคาถูกคือเสื้อผ้าประดับกาย แล้วเสื้อกล้ามเคนโซสีขาว กางเกงยีนรัดรูปโดลเช่ แอนด์ กาบบาน่า และแจ็กเก็ตยีนอาร์มานีหายไปไหน แต่ละชิ้นไม่ใช่ถูกๆ ใครกันถือวิสาสะจับเธอแก้ผ้าแบบนี้
“คอยดูเถอะ แม่จะวีนให้แหลกกันไปข้าง”
ภูริตารีบสาวเท้าออกจากห้องนอนก่อนจะพบว่าห้องที่เธอใช้ซุกหัวนอนเมื่อคืนไม่ใช่ห้องเช่า แต่เป็นห้องในอาคารเก่า หน้าต่างไม้หลายบานสลักลวดลายโบราณไม่ต่างจากอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสฝั่งตรงข้าม
“เพิ่งตื่นหรือคะคุณ”
ภูริตาหันไปทางหญิงวัยกลางคนซึ่งถือตะกร้าหวายบรรจุเสื้อผ้าใช้แล้วออกมาจากห้องพักห้องถัดไป
“ป้าเป็นใครคะ แล้วแพมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่นี่ที่ไหนคะ”
“นายหัวพาคุณมาค่ะ ป้าเป็นแม่บ้านของนายหัว ที่นี่ก็บ้านนายหัวค่ะ”
กระจอกจัง!
เป็นถึงนายหัวฟาร์มไข่มุกชื่อดัง แต่บ้านกลับเล็กเท่ารังหนู ดูเหมือนสาวใหญ่จะอ่านสีหน้าเยาะหยันของเธอออกจึงแก้ตัวแทนเจ้านายว่า
“บ้านนี้เป็นตึกในเขตเมืองเก่าค่ะ นายหัวมีบ้านอีกหลังที่เกาะไม้เคี่ยม หลังใหญ่กว่านี้มากค่ะ”
ภูริตาค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย “แล้วพี่เขมไปไหนคะ”
“นายหัวไปธุระค่ะ คุณไปกินข้าวสิคะ ป้าตั้งโต๊ะไว้แล้ว มีข้าวต้ม กุนเชียงทอด แล้วก็ไข่เจียวหมูสับค่ะ”
สาวใหญ่นำเสนอด้วยท่าทางกระตือรือร้น แต่อีกฝ่ายกลับแบะปาก
“แพมขอผ่านนะคะ ขอสลัดอะโวคาโดกับเอสเพรสโซเพียวชอตดีกว่าค่ะ เช้าๆ แพมไม่ทานของหนัก”
สาวใหญ่หน้าตึง เขม่นมองหญิงสาวหน้าใส มิน่าล่ะก่อนนายหัวออกไปทำงานถึงกำชับว่าหากหญิงสาวเรื่องมากก็ไม่ต้องสนใจ คิดว่าเป็นอากาศไปเลยก็ได้
“ที่นี่ไม่มีสลัดอะไรนั่นหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณอยากดื่มกาแฟ ลงไปสั่งชั้นล่างได้ ร้านกาแฟเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวนะ…ป้าจะบอกว่าห้องแถวนี่เปิดเป็นร้านกาแฟด้วยเหรอคะ”
“ค่ะ นายหัวให้คนมาเช่าที่ด้านล่างทำเป็นร้านกาแฟ ส่วนชั้นสองทำเป็นที่พักอาศัยค่ะ”
ภูริตากลอกตาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง
“แล้วอย่างนี้จะส่วนตัวเหรอคะ เกิดมีใครก็ไม่รู้ขึ้นมาบนนี้ล่ะคะ”
“ประตูทางขึ้นล็อกไว้ค่ะ ปกติกลางวันนายหัวออกไปทำงาน กว่าจะกลับก็ค่ำ ร้านปิดเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณไปกินเถอะค่ะป้าเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว ส่วนจะดื่มกาแฟก็ค่อยลงไปสั่งเอาเอง”
พูดจบสาวใหญ่ก็เดินผ่านหน้าเธอไป ภูริตาไม่รู้จะออกฤทธิ์ออกเดชกับใครก็เลยจำยอมเดินไปตักข้าวต้มมานั่งรับประทานที่โต๊ะเงียบๆ กินเสร็จแล้วก็เตรียมสะบัดก้นเดินออกจากโต๊ะ แต่สาวใหญ่กลับเรียกเธอไว้ก่อน
“แล้วทำไมไม่นำไปวางไว้ในซิงก์ให้เรียบร้อยล่ะคะ”
“ป้าเป็นคนใช้ ป้าก็ทำเองสิคะ ทำไมแพมต้องทำด้วยล่ะ”
สาวใหญ่เม้มปาก ชักเหลืออดกับยายเด็กคนนี้เต็มที ไม่น่าใจอ่อนแต่แรกเลย
“ค่ะ ถึงไม่อยากล้างจาน อย่างน้อยก็น่าจะช่วยนำไปวางไว้ที่ซิงก์ล้างจาน ไม่ใช่วางเลอะเทอะอยู่บนโต๊ะแบบนี้”
ภูริตาเบ้หน้าเมื่อถูกเทศน์แต่เช้า “ก็แพมไม่เคยทำนี่คะ”
“ไม่เคยก็หัดไว้สิคะ”
“ทำไมต้องหัดล่ะคะ ไม่งั้นจะจ้างคนใช้ไว้ทำไม” หญิงสาวถามกลับด้วยความเคยชินตามประสาคุณหนูซึ่งถูกตามใจมาจนเคยตัว
“นิสัยแบบนี้ไงล่ะ นายหัวถึงสั่งให้คุณเก็บข้าวของออกไปทันทีที่ตื่น ไม่รั้งตัวไว้สักนิด”
ภูริตาเบิกตาแทบถลนด้วยไม่อยากเชื่อหูตนเอง
“ป้าต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ พี่เขมไม่มีวันสั่งแบบนั้นหรอกค่ะ แพมเป็น…”
“ป้าฟังไม่ผิดแน่นอน แล้วไม่ว่าคุณจะเคยเป็นอะไร นายหัวบอกว่าไม่สำคัญค่ะ”
ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันด้วยความน้อยใจ ‘อดีต’ ไม่ได้สำคัญกับเขาสักนิดเลยเหรอ
ไม่เลยเหรอ!
“พี่เขมอยู่ไหนคะ”
“นายหัวไปธุระค่ะ”
“ต่อโทรศัพท์ให้แพมหน่อยค่ะป้า แพมมีธุระ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ แค่ให้คุณกินข้าวเช้าด้วย ป้าก็ทำเกินคำสั่งแล้ว อ้อ แล้วก็จัดการล้างจานให้เรียบร้อยก่อนออกไปด้วยนะคะ”
สาวใหญ่ตีหน้าถมึงทึงพร้อมวางท่าขึงขัง ภูริตาจึงจำใจรวบจานชามวางซ้อนกันลวกๆ ก่อนหอบหิ้วขึ้นอ้อมแขนไปกระแทกลงในซิงก์ล้างจานอย่างเสียไม่ได้
เสียงจานชามกระทบกันทำให้ป้าหวายถอนหายใจพรืด พลางสาวเท้าตามไปดูหญิงสาวล้างจานแล้วถึงกับปรี๊ดแตก เพราะเศษอาหารหกกระจายเกลื่อนซิงก์ แล้วหญิงสาวก็ทำเพียงหมุนก๊อกน้ำให้น้ำประปาชำระเศษอาหารให้ไหลลงไปในรูระบายน้ำขนาดเล็ก
“ตายแล้วคุณ ใครให้ล้างจานแบบนี้ ทำไมไม่เก็บกวาดเศษอาหารให้เรียบร้อยก่อนคะ”
ภูริตาเงยหน้าขึ้น ยิ้มกวนๆ
“ก็แพมบอกแล้วไงคะว่าทำไม่เป็น ถ้าให้ทำ แพมก็จะทำแบบนี้แหละ”
“จะไปไหนก็ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าล้างเอง ขืนทำแบบนี้ท่อตันหมด”
หญิงสาวรีบล้างมือชำระคราบสกปรกออกจากฝ่ามือขาวผ่องก่อนสะบัดหน้าเดินออกมายืนรออยู่ตรงโต๊ะอาหาร แล้วทันทีที่สาวใหญ่ออกมาจากหลังครัว หญิงสาวก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปหา
“อะไรคะ”
“แพมขอยืมเงินหน่อยค่ะ จะลงไปสั่งกาแฟ”
“ป้าว่าป้าพูดชัดเจนแล้วนะคะ นายหัวให้คุณออกไปจาก…”
“แพมรู้แล้วค่ะ แพมต้องออกจากบ้านทันทีที่ตื่น แต่แพมง้วงง่วงอยากได้กาแฟสักแก้ว จะได้มีแรงเดินเหินไงคะ”
“ถ้าคุณจะรับกาแฟ มีกาแฟผงตรงโน้น คุณไปชงเองแล้วกัน จะได้ไม่ต้องเสียเงิน”
ป้าหวายบุ้ยใบ้ไปที่ครัวซึ่งมีอุปกรณ์ชงกาแฟวางอย่างเป็นระเบียบ
“แพมอยากดื่มกาแฟสดตามร้านกาแฟนี่ กาแฟชงมันเปรี้ยว ไม่เห็นอร่อยเลย”
“ป้าให้เงินคุณไม่ได้หรอกค่ะ ป้าไม่อยากขัดคำสั่งนายหัว”
“ถ้างั้นแพมลงไปสั่งแล้วลงบัญชีพี่เขมไว้ก็ได้ค่ะ”
ภูริตาสะบัดก้น เปิดประตูกระจกซึ่งเชื่อมระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างแล้วสาวเท้าลงไปยังไม่ทันพ้นสามก้าว สาวใหญ่ก็รีบกดล็อกประตูกระจกทันที ทำเอาหญิงสาวถลันขึ้นไปทุบประตูรัวๆ
“เปิดนะ ล็อกทำไมคะ!”
“คุณก้าวออกไปก็ถือว่าเป็นคนนอกแล้วค่ะ”
“แพมแค่จะลงไปสั่งกาแฟ เดี๋ยวก็ขึ้นมาแล้ว เปิดเดี๋ยวนี้นะคะป้า!”
“ไม่ได้ค่ะ ป้าไม่อยากขัดคำสั่งนายหัว”
หญิงสาวหัวดื้อยังคงไม่ละมือจากกระจก ต่อให้กระจกจะแตกก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ ในที่สุดสาวใหญ่จึงอดรนทนไม่ได้ ยอมคลายลูกบิดประตูเปิดล็อกให้
“ขอบคุณนะคะป้า”
ภูริตาคลี่ยิ้มหวานพลางเดินลอดช่องว่างประตูที่เปิดเพียงเล็กน้อยเข้าไปด้านใน ก่อนยึดโซฟาไว้เป็นฐานที่มั่น
“อ้าว ไม่ลงไปสั่งกาแฟแล้วเหรอคะคุณ”
“ไม่ล่ะค่ะ กาแฟชงก็ได้ ของแพมใส่กาแฟสองช้อน น้ำตาลขอเป็นอิควลนะคะ แล้วก็ไม่ใส่นมค่ะ”
ทว่าสาวใหญ่กลับทำหน้าเฉย
“อ้าว ไปสิคะป้า แพมง้วงง่วง ตาจะปิดแล้วค่ะ”
“เดินไปชงเองสิคะ อยู่แค่นั้นเอง”
หญิงสาวจำใจลุกไปชงกาแฟเพราะสาวใหญ่ไม่มีท่าทียอมทำตามง่ายๆ พอชงกาแฟเสร็จเธอก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาตามเดิม
“มีคุกกี้ไหมคะป้า ปกติแพมทานคุกกี้กับกาแฟค่ะ”
“ไม่มีค่ะ นายหัวไม่ทานพวกขนมนมเนย”
ภูริตาเลิกคิ้ว ลืมไปเสียสนิทว่าเขมไม่ชอบทานของหวานทุกชนิดอยู่แล้ว
“แล้วป้าล่ะคะ อย่าบอกนะคะว่าป้าก็ไม่ชอบ ดูจากขนาดตัวแล้วคงกินจุน่าดูถึงจ้ำม่ำแบบนี้”
สาวใหญ่หน้าแดงก่ำด้วยไม่เคยมีใครกล้าล้อเลียนหุ่นอวบอั๋นเจ้าเนื้อของตนซึ่งๆ หน้ามาก่อน
“รีบกินกาแฟเข้าเถอะค่ะ กินเสร็จแล้วจะได้รีบไป”
“ป้านี่ชอบไล่จัง แพมไม่ไปหรอกค่ะ แพมจะรอเจอพี่เขม”
“แต่นายหัวสั่ง…”
“ทราบค่ะ แต่ไม่ไป ถ้าจะไล่ก็ให้พี่เขมมาไล่แพมเอง แพมจะรอจนกว่าพี่เขมจะกลับ”
หญิงสาวลอยหน้าลอยตาพูด ปักหลักมั่นคงเหนียวแน่น ต่อให้ช้างทั้งโขลงมาขู่ไล่ก็อย่าหวังว่าจะยอมลุก
“นายหัวอาจจะไม่กลับมาค้างที่บ้านคืนนี้ก็ได้ค่ะ”
“ถ้าพี่เขมไม่กลับบ้านแล้วจะไปที่ไหนได้ล่ะคะ”
“นายหัวอาจกลับบ้านที่เกาะไม้เคี่ยมน่ะสิคะ”
“งั้นป้าโทรไปเช็กให้แพมหน่อยสิคะว่าคืนนี้พี่เขมจะกลับไหม ถ้าไม่กลับ แพมจะได้ไปเจอเขาที่ออฟฟิศ”
“คุณเข้าใจอะไรยากจัง นายหัวไม่อยากเจอคุณ ต่อให้คุณไปดักรอที่ออฟฟิศก็ไม่ได้เจอหรอกค่ะ”
“แล้วทำไมพี่เขมต้องหลบหน้าแพมด้วยล่ะคะ”
“ป้าไม่ทราบหรอกค่ะว่าระหว่างคุณกับนายหัวบาดหมางอะไรกัน แต่นายหัวสั่งแบบนี้ ป้าก็ต้องทำตาม แล้วคุณก็ควรจะรีบออกจากบ้านก่อนที่ป้าจะเรียกคนมาลากคุณออกไปนะคะ”
แทนที่จะกลัวคำขู่ ภูริตากลับกลอกตามองบน พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
“ไม่ต้องเสียเวลาไล่หรอกค่ะ เพราะแพมไม่ไปแน่นอน แพมจะรอเจอพี่เขม”
“ทำไมคุณถึงได้ดื้อนักนะ ผู้ชายเขาไม่สนใจก็ยังจะตามตื๊ออยู่ได้”
“แล้วป้าคิดว่าแพมอยากทำแบบนี้เหรอคะ แพมมาหาพี่เขมเพราะจำเป็นต่างหาก”
หญิงสาวแสร้งบีบเสียงอ่อน ปั้นหน้าหมองเหมือนตอนซ้อมการแสดงในคลาสเรียนของค่ายเพลงเพื่อเตรียมพร้อมรับบทนางเอกละครหลังซิงเกิลเปิดตัว แต่ที่ไหนได้ค่ายเพลงดันเจ๊งเสียก่อน
หยดน้ำตากลิ้งลงจากหางตา ภูริตาแสร้งยกมือเรียวบางขึ้นทาบหน้าท้องแบนราบ สีหน้าขมขื่นเกลื่อนอยู่บนดวงหน้าสวย ปล่อยให้จินตนาการของสาวใหญ่เริ่มทำงาน
“หรือว่า…คุณท้อง!”
“แพมไม่ได้อยากให้พี่เขมเดือดร้อน แต่…แต่เรื่องนี้พี่เขมก็มีส่วนรับผิดชอบไม่ใช่เหรอคะป้า”
“นายหัวไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย ทำผู้หญิงท้องแล้ว…”
สาวใหญ่มีสีหน้ายุ่งยากใจ เพราะนายหัวไม่เคยพูดถึงเรื่องราวความรักให้ใครฟังมาก่อน แล้วแม่หนูคนนี้ก็สวยน่ารักตาแป๋วแบบตุ๊กตา บอบบางอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม สเป็กผู้ชายส่วนใหญ่ชัดๆ นายหัวก็อาจเผลอไผลทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง
“แพมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ค่ะ แพมอยากคุยกับพี่เขมให้รู้เรื่อง ถ้าเขาอยากให้แพมเอาลูกออก แพมก็…”
“ว้าย ไม่ได้นะคะคุณ ทำแท้งบาปหนักเลยนะ”
ป้าหวายตาลีตาเหลือกร้องห้ามตามประสาคนเข้าวัดถือศีลเป็นประจำ
“แพมก็ไม่อยากทำค่ะ แต่แพม…แพมไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ ป้าอย่าไล่แพมไปเลยนะคะ”
ภูริตาพนมมือขอร้อง น้ำตาร่วงพรูอาบแก้ม
“แล้วนายหัวไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอคะ”
“ไม่ค่ะ เราจบกันไม่ค่อยดีนัก พอรู้ว่าท้องแพมก็ทำอะไรไม่ถูก คิดอย่างเดียวว่าควรปรึกษาพี่เขมก่อน เมื่อวานแพมไปหาพี่เขมที่ออฟฟิศ เขาก็ไม่ยอมพบ เช้านี้แพมฟื้นเขาก็ยังไล่แพมอีก ใจร้ายชะมัด”
“นายหัวก็ไม่ถึงกับใจร้ายนักหรอกค่ะ ไม่งั้นคงไม่อุ้มคุณกลับมาที่นี่ ให้ป้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ แล้วยังเรียกเพื่อนที่เป็นหมอมาดูอาการคุณอีก แต่แปลกทำไมคุณหมอไม่ยักบอกว่าคุณท้อง”
“หมออาจจะตรวจแค่เป็นไข้ตัวร้อนรึเปล่าคะ”
“อาจจะจริงของคุณ”
“ขอแพมคุยกับพี่เขมให้รู้เรื่องก่อนนะคะป้า ส่วนเขาตัดสินใจยังไงแพมก็จะเคารพค่ะ”
ป้าหวายระบายลมหายใจยาวยืดกับความใจเร็วด่วนได้ของหนุ่มสาวสมัยนี้
“นายหัวอยู่ที่กระชัง กว่าจะกลับก็คงเย็นๆ คุณกำลังท้องกำลังไส้แบบนี้อย่าคิดอะไรมากเลยค่ะ เดี๋ยวป้าโทรบอกคุณนายก่อน เผื่อจะช่วยกันคิดหาทางออก”
“คุณนาย? เมียพี่เขมเหรอคะ”
“คุณแม่ของนายหัวค่ะ”
“น้าเดือน!”
“คุณรู้จักคุณนายด้วยเหรอคะ”
“ค่ะ นานมาแล้ว”
เสียงนั้นช่างเบาหวิวและเจือความโศกสลดอยู่ลึกๆ เสียดายที่ป้าหวายไม่ทันสังเกต
“พี่เขมคง…ยังไม่มีแฟนใช่ไหมคะ เราห่างกันมาหลายเดือน แพมจะห้ามไม่ให้เขามีคนอื่นก็คงไม่ได้”
“ยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ แต่ถ้าสาวๆ น่ะแวะเวียนมาหาหัวกระไดไม่แห้งหรอกค่ะ”
แค่ได้ยินว่าผู้ชายที่เคยขโมยหัวใจเธอไปครองทั้งดวงยังไม่มีแฟน รอยยิ้มก็กว้างแทบจรดใบหู เธอเคยทำให้เขารักมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว จะยากอะไรกับการเอาชนะใจเขา…อีกสักครั้ง!
โปรดติดตามตอนต่อไป
Comments
comments
No tags for this post.