บทนำ ห่างกันสักพักไม่เท่ากับเลิกรา
ภาพตรงหน้าพร่าเบลอด้วยหยดน้ำตาอุ่นร้อน ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงก่ำฝืนคลี่ยิ้มทั้งที่หัวใจปวดร้าว หญิงสาวตั้งคำถามในหัวเป็นร้อยครั้งเป็นพันหน
ว่าเพราะอะไร…ชีวิตของเธอถึงได้เดินทางมาถึงจุดนี้
…จุดที่มิอาจมีหนทางให้ถอยหลังกลับ
ขณะมองภาพสองหนุ่มสาวซึ่งตระกองกอดกันไว้แนบแน่น วัตถุหนักอึ้งในมือขวาถูกยกขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา หัวใจคล้ายถูกถ่วงด้วยตุ้มเหล็ก
“…ลาก่อน” เธอเอ่ยลาเขาด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ไม่ทันได้ฟังเสียงห้ามปรามจากใคร กระบอกปืนก็ถูกยกขึ้นมาแนบขมับ
ปัง!
เฮือก!
ร่างระหงในชุดนอนสีดำสะดุ้งพรวดลุกขึ้นนั่งหอบ สองมือชื้นเหงื่อปัดป่ายไปทั่วตัว พอสัมผัสได้ถึงหัวใจซึ่งกระแทกหนักหน่วงอยู่ในอกซ้าย หญิงสาวก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก เธอเลื่อนมือขึ้นเช็ดดวงหน้าที่ชุ่มน้ำตาก่อนจะโอบกอดตัวเองไว้แน่นๆ
“ฝันร้าย…แค่ฝันร้ายเท่านั้น” เธอกระซิบปลอบโยนตัวเองซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่รู้ดีว่า…มันไม่ใช่แค่ฝันร้ายอย่างที่พูด
ริมฝีปากรูปกระจับถูกขบแน่นพอๆ กับปลายนิ้วที่บีบรัดต้นแขนของตัวเองไว้ ร่างระหงได้สัดส่วนยังสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวถูกสะท้อนผ่านนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยเฉี่ยว
วันนี้มันยังเป็นแค่ความฝัน แต่วันหนึ่งในอนาคต…มันจะกลายเป็นความจริง
ความจริง…ที่เธอต้องพยายามหลีกเลี่ยงให้ได้
ก๊อกๆ
“คุณนีซคะ คุณนีซตื่นหรือยังคะ”
เสียงเคาะประตูพร้อมการเรียกขานของพี่เลี้ยงคนสนิททำให้ร่างระหงสะดุ้งโหยง ‘คุณนีซ’ หรือ ‘นิสรีน’ หันขวับไปจ้องประตูไม้สีน้ำตาลบานใหญ่ด้วยแววตาหวาดระแวง ครู่หนึ่งเธอก็ตั้งสติได้ หญิงสาวใช้ฝ่ามือถูใบหน้า ปรับอารมณ์และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติที่สุด
นั่นก็คือน้ำเสียงที่แข็งและห้วนจนฟังดูกระด้าง
“ว่า?”
อ่า…
นิสรีนกัดปลายลิ้นแทนการเตือนสติตัวเอง
ก็ว่าจะปรับนิสัยใหม่ไม่ใช่เหรอนีซ
พอคิดได้แบบนั้น หญิงสาวจึงเอ่ยเสริมไป
“ว่าไงพี่พิ”
แม้จะยังไม่มีหางเสียงแต่น้ำเสียงกลับทอดอ่อนลงจนสังเกตได้ ‘พิกุล’ ซึ่งยืนอยู่นอกประตูห้องถึงกับนิ่งงัน ทว่าพอรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากร่างสูงใหญ่ข้างๆ เลยต้องรีบส่งเสียงกลับไป
“คุณนีซตื่นหรือยังคะ พอดีว่า…คุณคุปต์มาค่ะ”
คุณคุปต์? พี่คุปต์…
หัวใจคนฟังกระตุกวูบ แวบแรกมันเต้นระรัวแรง ริมฝีปากคลี่ยิ้มอัตโนมัติอย่างที่เป็นมาตลอดสิบปี ทว่าเป็นอีกครั้งที่เธอเลือกจะกัดลิ้นเตือนสติตัวเอง ปลายเล็บยาวเคลือบเจลแต่งด้วยอะไหล่ชิ้นเล็กสวยงามจิกเข้ากลางอุ้งมือ ฉุดรั้งหัวใจตัวเองให้กลับคืนมา
ไม่ได้นีซ…
…รักพี่คุปต์…ไม่ได้อีกแล้ว
“พี่พิไปบอกพี่คุปต์ให้หน่อยว่านีซยังไม่ตื่น”
และถ้ารู้ว่าเธอยังไม่ตื่น ตามปกติ ‘อัตรคุปต์’ ผู้แสนเอาแต่ใจมักหงุดหงิดจนเลือกที่จะกลับไปก่อนเสมอ จนพอเธอตื่นขึ้นมารู้เข้าก็หงุดหงิดจนอารมณ์เสียใส่พี่เลี้ยงที่ไม่ยอมปลุกตัวเองให้ทันเขา
เพราะงั้น…แบบนี้น่ะดีแล้ว
…ปล่อยให้เขาหงุดหงิดกลับไปน่ะดีที่สุดแล้ว
“เอ่อ…แต่ว่า…”
พิกุลเหลือบมองสีหน้าดุดันของชายหนุ่มแล้วก็ได้แต่เลียริมฝีปาก
อัตรคุปต์หรี่ตา มือหนาเลื่อนไปจับลูกบิด พอรู้ว่ามันขยับได้ก็กระตุกยิ้ม เขาเหลือบมองคนที่แก่กว่าเกือบยี่สิบปีพลางเอ่ยไล่ด้วยระดับเสียงที่คนในห้องไม่ได้ยิน
“ไปเลย เดี๋ยวจัดการเอง”
“เอ่อ…ค่ะ…”
เพราะรู้ดีถึงอำนาจและความเอาแต่ใจของชายหนุ่มตระกูลมหัสวัต พิกุลจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วเดินจากมา
หล่อนรับหน้าที่เลี้ยงดูนิสรีนมาตั้งแต่เล็ก และมองเห็นความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวมาตั้งแต่แรกเริ่ม แม้จะมีสถานะเป็นคนรักซึ่งขยับเป็นคู่หมั้น แต่ ‘คุณหนู’ ของหล่อนมักจะเป็นฝ่ายไล่ตามผู้นำตระกูลมหัสวัตมาตลอด แล้วครึ่งเดือนมานี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมนิสรีนถึงได้ดูเป็นฝ่ายปฏิเสธอัตรคุปต์แบบนี้
ไม่รอให้พี่เลี้ยงของคู่หมั้นเดินลับไปด้วยซ้ำ อัตรคุปต์ก็ถือวิสาสะเปิดประตูออก หัวใจชายหนุ่มไหวยวบยามเห็นเงาร่างคล้ายจะแตกสลายบนเตียงกว้าง น้ำเสียงที่ใช้จึงทอดอ่อนลงกว่าปกติ
“ถ้ายังไม่ตื่นแล้วนี่ละเมอเหรอ”
ร่างระหงสะดุ้งไหว ดวงหน้าซีดขาวหันขวับมาจ้องผู้ที่เข้ามาใหม่ ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำสนิทเดินล้วงกระเป๋าก้าวตัดผ่านโซนห้องนั่งเล่นเข้ามาอย่างไร้ความลังเล
“พี่คุปต์” เธอหลุดปากเรียกชื่อเขา แวบแรกอีกเช่นกันที่ความยินดีเคลือบทับอยู่ในดวงตา ทว่าพอตั้งสติได้ก็รีบขยับกายนั่งหลังตรง ปรับสีหน้าให้แข็งกระด้างขึ้นเช่นเดียวกับน้ำเสียง “เข้ามาทำไม”
“ก็เข้ามาปลุกเด็กขี้โกหกไง” อัตรคุปต์ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ชิดขอบเตียง ร่างสูงโน้มตัวลงไปใกล้ หัวใจกระตุกเพราะร่องรอยความอ่อนล้าอิดโรยบนวงหน้างาม มือใหญ่เอื้อมไปแตะคางได้รูปอย่างเบามือ คิ้วเข้มขมวดมุ่น เผลอถามเสียงดุ “แล้วนี่อะไร หลายวันมานี้ไม่รับสาย ไม่ยอมเจอพี่เพราะอ้างว่าเหนื่อย อยากนอน นอนยังไงให้หน้าซีดเป็นศพแบบนี้ฮึ”
คนโดนหาว่าหน้าซีดเป็นศพกัดริมฝีปาก ปัดมือใหญ่ออกจากปลายคางพร้อมกระถดตัวไปอีกฟากของเตียง เห็นแหละว่าเขามีสีหน้าไม่พอใจ ทว่าเธอก็ทำเหมือนไม่สังเกตเห็นมัน
“แล้วพี่คุปต์มายุ่งอะไรกับนีซล่ะ อย่าลืมนะว่า…” นิสรีนสูดลมหายใจลึก มือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมสีไวน์กำแน่นขณะเชิดหน้าประกาศ “เราเลิกกันไปแล้ว”
“เลิก?” ชายหนุ่มแค่นเสียงเยาะ กรอบหน้าคมเอียงไปทางซ้าย ทำให้แสงนอกผ้าม่านสะท้อนเข้ากับห่วงสีเงินตรงใบหู “เราเลิกกันตอนไหน ใครอนุญาต”
“เลิกกันเมื่อครึ่งเดือนก่อนไง” เธอเม้มปาก “ที่นีซบอกเลิกพี่ในวันเกิด…”
ในวันเกิดปีที่ยี่สิบเก้าของเขา นิสรีนได้มอบอิสรภาพซึ่งเป็นของขวัญที่เขาปรารถนาที่สุดให้
“หึ” อัตรคุปต์ทำเสียงขึ้นจมูก “เธอใจร้ายมากนะที่บอกเลิกในวันเกิด กะให้ต่อจากนี้พอถึงวันเกิดพี่จะจำได้แต่เรื่องนี้หรือไง”
หัวใจของคนตั้งใจบอกเลิกเขาบีบรัดตัว นิสรีนหลุบตาลงต่ำ ริมฝีปากรูปกระจับเม้มแน่น
ใช่ เธอจงใจให้เป็นแบบนั้น
บอกเลิกเขาในวันเกิด อย่างน้อยเพื่อให้ทุกปีที่วันเกิดเวียนมาถึง เขาจะได้นึกถึงเธอขึ้นมาบ้าง ยังจดจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงชื่อนิสรีนเป็นคนรัก
หญิงสาวอยากให้อัตรคุปต์จดจำเธอในฐานะแฟนเก่าที่ยอมเลิกรากันแต่โดยดี ไม่ใช่นางร้ายที่ยื้อความสัมพันธ์จนกลายเป็นมารความรักระหว่างเขากับผู้หญิงอีกคน
เห็นท่าทางคล้ายยอมรับของคู่หมั้นแล้ว นัยน์ตาคมดุก็อัดแน่นไปด้วยความหงุดหงิด
“นีซบอกเลิก แล้วพี่บอกเหรอว่ายอมรับมัน” ดวงหน้าหล่อเหลาส่ายไปมา “ตลกน่ะ ตอนตกลงคบกันก็ตกลงกันสองคน แล้วทำไมพอจะเลิกกันนีซถึงมีสิทธิ์ตัดสินใจอยู่คนเดียว”
แม้สิ่งที่ชายหนุ่มพูดจะมีเหตุผล แต่นิสรีนก็ยังเงยหน้าเถียง
“ใครว่านีซตัดสินใจคนเดียว พี่คุปต์เองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนบอกให้เราห่างกันสักพัก”
คำพูดตอกกลับของคนรักทำให้อัตรคุปต์หน้าชา เขาขบกรามแน่น แต่กระนั้นก็ยังโต้กลับไป
“พี่เคยบอกให้ห่างกันสักพักก็จริง” ก่อนที่เขาจะค้นพบความจริงบางอย่าง ชายหนุ่มเคยพูดมันออกไป ทว่า… “แต่พี่บอกแค่ ‘ห่าง-กัน-สัก-พัก’ ไม่ใช่เลิกกันสักหน่อย”
แค่เว้นระยะห่างให้เขาได้มีเวลาขบคิดบางอย่างให้แน่ใจก็เท่านั้น
“แค่ห่างไม่ใช่เลิกกัน? เฮอะ” หญิงสาวแค่นหัวเราะบ้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยวาววับ “ลองไปถามคนทั้งประเทศดูสิ ห่างกันสักพักมันก็คือประโยคบอกเลิกนั่นแหละ”
“บอกเลิกของคนทั้งประเทศ แต่ไม่ใช่บอกเลิกของพี่นี่ นีซน่าจะรู้ว่าถ้าคนอย่างพี่คิดจะเลิก พี่บอกเธอตรงๆ แน่ ไม่มาอ้อมค้อมอยู่หรอก”
เพราะรู้นิสัยของอดีตคนรักดี นิสรีนจึงเมินหน้าหนีไปอีกทางพลางงึมงำเสียงเบา
“ต่อให้ไม่เลิกกันวันนี้ วันหน้าก็ต้องเลิกกันอยู่ดี”
“อะไรนะ” ผู้นำตระกูลมหัสวัตหรี่ตา เมื่อไม่พอใจกับระยะห่างที่คู่หมั้นสร้างขึ้น เขาก็ไม่รังเกียจที่จะก้าวขึ้นไปประชิดเธอถึงบนเตียง
“ว้าย พี่คุปต์! ทำบ้าอะไรเนี่ย!” หญิงสาวซึ่งยังอยู่ในชุดนอนตัวบางหวีดร้องเสียงหลง รีบยกผ้านวมผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่าง
“ทำเหมือนพี่ไม่เคยเห็น” ชายหนุ่มเบะปาก มือหนาดึงรั้งข้อมือบางไว้ไม่ให้เธอขยับหนีได้อีก “แล้วที่พูดเมื่อกี้คือยังไง เอาอะไรมาบอกว่าจะเลิกกัน พี่เคยพูดตอนไหน ก็บอกแล้วไงว่าไม่เลิก!”
“พี่คุปต์เลิกทำเป็นไม่รู้ได้มั้ย!”
ในเมื่ออัตรคุปต์ไม่ยอมจบง่ายๆ ยังจะคุยเรื่องนี้ต่อให้ได้ นิสรีนก็เลิกที่จะหนี หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เงยหน้าขึ้นสบตาคมดุด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็รู้อยู่แล้วว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้!”
“เอาอะไรมาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เรายังรักกันดีไม่ใช่รึไง”
“ไม่ใช่!” หญิงสาวกรีดร้องอย่างสุดจะกลั้น “พี่คุปต์ก็รู้ว่าเราไม่ได้ถูกลิขิตให้มาคู่กัน! นีซเป็นแค่นางร้าย! เป็นผีแฟนเก่า เป็นมารความรักที่คอยขัดขวางพระเอกอย่างพี่คุปต์กับนางเอกที่พี่รัก!” นิสรีนระเบิดความในใจออกมาด้วยแววตาเจ็บปวดระคนสับสน
‘นางร้าย’ ‘พระเอก’ และ ‘นางเอก’ มันไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย ทว่านั่นคือเรื่องจริง…คือชะตาชีวิตของพวกเธอที่ถูกใครบางคนลิขิตไว้
นัยน์ตาสีน้ำตาลวาวรื้นสบตาสีเข้ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
“พี่คุปต์ก็รู้…ว่าถ้านีซยังดื้อจะรักพี่คุปต์ต่อไป ผลสุดท้ายนีซก็เป็นได้แค่นางร้ายที่ต้องยิงตัวตายเท่านั้น”
เพราะนั่นคือโชคชะตาที่นางร้ายอย่างเธอถูกนักเขียนลิขิตไว้
บทที่ 1 เมื่อโลกนี้คือนิยายเรื่องหนึ่ง
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน…
เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่พาพวกเธอเดินทางกลับจากการไปฉลองครบรอบเจ็ดปีบนเกาะส่วนตัวของตระกูลมหัสวัตเกิดเหตุขัดข้อง เนื่องจากล้อหน้าไม่กางขณะเตรียมลงจอดจนต้องร่อนลงจอดฉุกเฉิน แม้สุดท้ายแล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิต ทว่าช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายกลับทำให้สองหนุ่มสาวซึ่งเป็น ‘ตัวละครหลัก’ ได้ค้นพบความจริงบางอย่าง
ความจริงที่ว่าตัวตนของพวกเธอ โลกใบนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสัมผัสมาตลอด…ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเชื่อมั่นว่าเป็น ‘ความจริง’ เป็นเพียงแค่เรื่องราวซึ่งถูกลิขิตด้วยปลายนิ้วของใครบางคน
ในโลกเบื้องนอกคนคนนั้นไม่ใช่พระเจ้า หล่อนเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาๆ ที่เรียกตัวเองว่า ‘นักเขียน’ ทว่าสำหรับโลกใบนี้…นิสรีนคิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ต่างอะไรกับพระเจ้าผู้มีอำนาจดลบันดาลทุกสิ่ง
แม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะดู ‘ไร้ความสมจริง’ จนน่าพิศวงก็เถอะ
ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย อัตรคุปต์และนิสรีนค้นพบว่าพวกเขาเป็นเพียงตัวละครหลักในนิยายเรื่อง ‘เกมกุหลาบ’ นิยายรักพล็อตสุดคลิเช่ที่เขียนเมื่อไรก็มักจะได้รับความนิยมอยู่เสมอ
ถ้าจะให้อธิบายเรื่องราวของ ‘เกมกุหลาบ’ สั้นๆ ก็เป็นเรื่องราวความรักของสองหญิงหนึ่งชาย เพราะคำขอร้องของผู้มีพระคุณ อัตรคุปต์ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องจึงต้องเลิกรากับคู่หมั้นที่คบหากันมายาวนานอย่างนิสรีนแล้วไปแต่งงานกับ ‘โรสลิน’ สาวน้อยที่อ่อนกว่ากันถึงสิบปีเต็มเพื่อดูแลปกป้องจนกว่าอีกฝ่ายจะบรรลุนิติภาวะ
ในความเป็นจริงแล้วผู้นำตระกูลมหัสวัตย่อมมีหนทางปฏิเสธคำขอนั้น ทว่าเพราะก่อนหน้าที่จะได้รับคำขอร้องจาก ‘ราเชน’ ผู้เป็นพ่อของโรสลินและลุงแท้ๆ ของนิสรีนที่เพิ่งจะตามหาลูกสาวนอกสมรสจนเจอ พระนางของเกมกุหลาบถูกลิขิตให้ได้พบและผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนมาด้วยกันตามแบบฉบับของนิยายรักยอดนิยม…หนึ่งราตรีที่ได้พรากความบริสุทธิ์มาจากสาวน้อยผู้อ่อนหวานบอบบาง ทำให้พระเอกหนุ่มผู้เย่อหยิ่งเย็นชากลายเป็นบุคคล ‘คลั่งรัก’ พลิกแผ่นฟ้าคว่ำแผ่นดินเพื่อตามหาเด็กสาวคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง เมินเฉยต่อคู่หมั้นอย่างไม่ไยดี ดังนั้นเมื่อได้รับ ‘โอกาส’ จากราเชน…อัตรคุปต์ย่อมไม่โง่ปฏิเสธ แถมยังฉลาดมากพอจะอ้างว่าทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ และหลอกให้คนรักซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตวางใจว่าเขาจะไม่หลงรักภรรยาจำเป็นเด็ดขาด
เพราะความรักเป็นเรื่องของคนสองคน เมื่อมีคนที่สามก้าวเข้ามา แถมยังได้อยู่ในตำแหน่งภรรยาตามกฎหมายของคนรักที่เธอหมายปองมาตลอด แน่นอนว่านิสรีนไม่มีทางยอมรับได้ สาวสวยที่มีนิสัยเสียอยู่เป็นทุนค่อยๆ ทวีความร้ายกาจมากขึ้น คอยตามรังควานและรังแกนางเอกผู้แสนดี ดวงตาที่มืดบอดเพราะพิษรักและเพลิงริษยาทำให้นิสรีนไม่รู้เลยว่ายิ่งเธอร้ายใส่นางเอกมากเท่าไร โรสลินยิ่งได้รับความรักและคะแนนความเห็นใจจากอัตรคุปต์มากเท่านั้น ท้ายที่สุดพระเอกอย่างเขาก็ออกตัวปกป้องภรรยาเด็กอย่างไม่คิดถึงเยื่อใยและคำสัญญาที่มีต่ออดีตคนรัก
ตอนจบของเกมกุหลาบก็ไม่ต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ พระนางที่ฝ่าฟันอุปสรรคมากมายได้ครองรักกันสมใจหวัง มีทายาทตัวน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ ส่วนนางร้ายอย่างนิสรีน…ก็แพ้ภัยตัวเอง ประสบชะตาชีวิตสุดแสนบัดซบก่อนจะยิงตัวตาย เป็นการเปิดทางให้พระนางของเรื่องได้รักกันอย่างถูกต้อง
แน่นอนว่าตอนแรกที่เนื้อหาในเรื่องย่อและทรีตเมนต์* ของเกมกุหลาบหลั่งไหลเข้ามาในหัว นิสรีนไม่ได้เชื่อในทันที
ก็ใครจะไปทำใจเชื่อได้ลงล่ะว่าโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว รวมถึงตัวเอง…ล้วนเป็นสิ่งสมมติที่ไม่มีอยู่จริง
ปฏิกิริยาแรกหลังความสับสนผ่านพ้นไปคือการปฏิเสธ
นิสรีนปฏิเสธที่จะเชื่อ เธอคิดว่ามันคือเอฟเฟ็กต์ที่หลงเหลือจากอุบัติเหตุ สมองของเธออาจจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติจนทำให้จินตนาการถึงข้อมูลพวกนั้นขึ้นมา
เป็นไปได้อย่างไรที่โลกใบนี้จะเป็นเพียงแค่นิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้น
ทว่ายิ่งผ่านวันเวลาและได้ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดมากเท่าไร หญิงสาวก็เริ่มทำใจยอมรับและมั่นใจว่านั่นคือความจริง โดยเฉพาะเมื่ออัตรคุปต์เองก็แสดงท่าทีให้รู้ว่าในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย เขาก็ได้ข้อมูลชุดนั้นมาเหมือนกัน
นั่งคิดนอนคิดอยู่ครึ่งเดือน ท้ายที่สุดแล้วนิสรีนก็ตัดสินใจจะลองหนีออกจากเส้นทางที่นักเขียนลิขิตไว้ เธอจะไม่ยอมกลายเป็นนางร้ายที่มีจุดจบอันเลวร้ายรออยู่ปลายทาง และหนทางเดียวที่อาจทำให้เธอหลุดพ้นจากโชคชะตานั้นได้…
…ก็คือการปล่อยมือจากความรักที่ยึดมั่นมานับสิบปี
จากการไปหานิยายแนวเกิดใหม่หรือแนวย้อนเวลาทั้งหลายซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมาศึกษา นิสรีนค้นพบว่าหนทางในการแก้ไขและหลีกหนีจากโชคชะตาที่ถูกลิขิตไว้แล้วคือการเลือกทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเส้นเรื่องเดิม ในเมื่อความรักและการยึดติดที่เธอมีต่ออัตรคุปต์คือตัวแปรหลักที่ทำให้เธอในเกมกุหลาบกลายเป็นนางร้ายผู้กระทำผิดซ้ำๆ จนนำพาตัวเองไปสู่จุดจบนั้น ถ้าหากเธอในเวลานี้กันตัวเองออกมาจากเขาและหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับพระนางของเกมกุหลาบให้ได้มากที่สุด…
…บางทีเธออาจจะรอด
ทว่าการปล่อยมือจากอัตรคุปต์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด นิสรีนรักเขามาสิบปี รักมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะตอบรับความรักนั้น แต่เมื่อรู้ว่านี่เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่งและเขาไม่ได้ถูกกำหนดไว้ให้เธอ สิ่งเดียวที่หญิงสาวทำได้ก็คือการปลดปล่อยทั้งเขาและเธอให้หลุดพ้นจากกันและกัน
ปล่อย…ให้อัตรคุปต์ได้มีอิสระที่จะรักกับนางเอกของเขา
แม้การไม่มีนางร้ายอย่างเธอเข้าไปข้องเกี่ยวอาจทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่ขาดสีสันไปบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่ได้คู่กัน
และปล่อย…ให้ตัวเองได้มีชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องมีจุดจบอันเลวร้ายรออยู่ปลายทาง
ทว่าเรื่องราวกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด หลังจากนิสรีนตัดสินใจมอบของขวัญวันเกิดที่คิดว่าเขาอยากได้ที่สุดให้ ชายหนุ่มกลับไม่ยอมรับมัน คนที่เคยเย็นชาในความสัมพันธ์มาตลอด คนที่ทำเหมือนการคบหากันเป็นเพียงหน้าที่ แถมระหว่างการเดินทางกลับจากทริปฉลองครบรอบเจ็ดปีเพียงไม่กี่นาทีก่อนประสบอุบัติเหตุยังเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอ ‘ห่างกันสักพัก’ และเขาคนเดียวกันนั้นกลับพยายามยื้อความรักครั้งนี้เอาไว้จนสุดตัว
‘พี่คุปต์กลัวว่าถ้าไม่มีนางร้ายอย่างนีซ เรื่องราวมันจะเปลี่ยนไปจนพี่ไม่ได้เจอกับนางเอกเหรอ’ เพราะความสับสนในอกทำให้นิสรีนโพล่งคำถามออกไปตามตรง และนั่นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มไปด้วยริ้วแห่งโทสะ ดวงตาคมดุสีเข้มจ้องมองเธออย่างเย็นชา…หรือเปล่านะ
แวบหนึ่งที่นิสรีนตั้งคำถามกับแววตาของคู่หมั้นที่เธอเพิ่งถอดแหวนคืนให้ เมื่อภายใต้ความเย็นชาซึ่งเห็นเป็นประจำนั้นคล้ายจะมีแววตัดพ้อปรากฏอยู่
‘นีซคิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นเหรอ’ ชายหนุ่มเค้นเสียงถามลอดไรฟัน นัยน์ตาคมดุยังคงจับจ้องทุกอากัปกิริยาท่าทางของคู่หมั้นผู้ซึ่งเขาไม่ยอมรับการเลิกรา
‘ถ้าไม่ใช่ นีซก็ไม่รู้แล้วว่าทำไมพี่คุปต์ถึงทำแบบนี้’ ความสับสนฉายชัดบนสีหน้าและแววตาของหญิงสาว กุหลาบขาวแห่งอัศมาลย์จ้องหน้าเขาด้วยดวงตาวาวรื้น ริมฝีปากที่อัตรคุปต์เคยจุมพิตคลอเคลียนับครั้งไม่ถ้วนสั่นระริก ‘นีซรู้ว่าพี่คุปต์ไม่เคยรักนีซจริงๆ ที่เราได้คบกัน ได้หมั้นกันก็เพราะคำสัญญาที่คุณพ่อพี่เคยทำไว้กับคุณลุง’
คำสัญญาที่อีกไม่นานเจ้าของตัวจริงจะกลับมาทวงคืน…ช่องว่างซึ่งนักเขียนวางไว้เพื่อให้ความรักของพระนางกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะนางร้ายอย่างเธอเป็นแค่ ‘ตัวแทน’ เท่านั้น
‘เพราะคำสัญญานั่น เพราะบ้านเราทำธุรกิจร่วมกัน ตลอดมาพี่คุปต์ถึงได้อดทนยอมคบกับนีซ’ นิสรีนระบายสิ่งที่เธอรู้แต่ไม่เคยยอมรับออกไปตามตรง ดวงหน้างดงามสมกับเป็นนางเอกละครชื่อดังเชิดขึ้น พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงหล่นแล้วสร้างความสมเพชให้กับเขาอีก ‘แต่อีกไม่นานพี่คุปต์ก็จะได้เจอกับคู่หมั้นตัวจริงของพี่ นางเอกตัวจริงที่พี่จะรักแล้ว’
และเมื่อนั้นข้างกายเขาก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับนางร้ายอย่างเธออีกต่อไป
‘นีซไม่อยากเป็นนางร้าย’ หญิงสาวสารภาพเสียงเครือ ‘นีซอาจไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่มีใครอยากเป็นนางร้ายหรอกนะ’ ดวงตาสวยเฉี่ยวเริ่มพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา ‘นีซรู้แล้วว่านีซเป็นคนที่พี่คุปต์รัก เป็นนางเอกของพี่คุปต์ไม่ได้จริงๆ เพราะงั้น…’ ทั้งที่พยายามสะกดกลั้นไว้เต็มที่ ทว่าการบอกลาและปล่อยมือจากความรักที่ไขว่คว้าและหวงแหนมานับสิบปีก็ทำให้เธอทรมานเหลือเกิน จนสุดท้ายหยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงบนผิวแก้ม
‘เพราะงั้นเราเลิกกันตั้งแต่ตอนนี้เถอะนะ’
เลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ ตั้งแต่ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ก้าวเข้ามา เธอจะได้หลุดพ้นจากชะตานางร้ายที่ถูกลิขิตไว้
เพราะม่านน้ำตาที่บดบังทัศนวิสัยทำให้นิสรีนมองไม่ชัดว่าคู่หมั้นหนุ่มมีสีหน้าอย่างไร แต่ที่เธอรู้คืออัตรคุปต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่นทำให้หัวใจซึ่งยังอัดแน่นไปด้วยความรักที่มีต่อเขาหดเกร็ง
อีกแล้ว…
พี่คุปต์รำคาญ เบื่อหน่ายจนถอนหายใจใส่กันอีกแล้ว
มือเรียวกำเข้าหากันแน่นจนเล็บยาวซึ่งได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีจิกเข้าผิวเนื้อ นิสรีนไม่รู้เลยว่าเธอเผลอทำสีหน้าเจ็บปวดขนาดไหน ทว่าคนมองอย่างอัตรคุปต์กลับเห็นมันอย่างชัดเจน…และพาให้ก้อนเนื้อในอกเขาบิดร้าวไปด้วย
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สายตายังจับจ้องวงหน้าเปื้อนน้ำตาของคู่หมั้น…ผู้หญิงที่รักเขามาสิบปี อัตรคุปต์เดินไปทิ้งตัวลงข้างเก้าอี้ของหญิงสาว มือใหญ่เอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนดวงหน้าสวยอย่างอ่อนโยนจนทำให้คนที่ได้รับสัมผัสนั้นถึงกับสะดุ้ง
‘หึ’
ชายหนุ่มแค่นยิ้มหยัน ดวงตาแห้งแล้งเย็นชากับความจริงบางอย่าง
ความจริงที่ว่าตลอดมาเขาต้องเย็นชาหมางเมินใส่กันมากแค่ไหน แค่สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ถึงกับทำให้นิสรีนตกใจได้มากขนาดนี้
ไอ้คุปต์ ไอ้โง่
หลังบริภาษตัวเอง อัตรคุปต์ก็ทอดมองคนรักด้วยแววตาอ่อนลง
‘ร้องไห้ทำไม’
‘…’
ไม่มีคำตอบจากคนที่ยังมองเขาด้วยแววตาตกตะลึง มือหนายังคงเช็ดน้ำตาที่หลั่งรินไม่หยุดด้วยความปวดใจ
ใครล่ะจะทนเห็นน้ำตาของคนที่ตัวเองรักไหว โดยเฉพาะเมื่อเธอร้องไห้เพราะเขา…เพราะอยากเลิกรากับเขา
เพียงแค่คิดถึงคำว่าเลิกราที่หลุดออกจากปากนิสรีน หัวคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่น น้ำเสียงที่อ่อนลงก็กลับมาแข็งกระด้างเย็นชา
‘พี่ไม่เลิก’
ชายหนุ่มประกาศความต้องการอย่างเอาแต่ใจ สองมือประคองวงหน้างดงามเอาไว้ ประทับจุมพิตลงบนกลีบปากที่เผยอขึ้นนิดๆ ลิ้มรสชาติหวานล้ำอันแสนคุ้นเคย จนเมื่อคนรักที่เขาไม่มีวันยอมให้กลายเป็นอดีตคล้ายจะหายใจไม่ทันจึงยอมผละออกพลางย้ำเสียงเข้ม
‘พี่ไม่เลิกกับนีซเด็ดขาด’
‘พี่คุปต์…’
หญิงสาวที่โดนขโมยจูบทำได้แค่เรียกชื่อเขาเบาๆ ด้วยความตกใจ
ไม่ มันไม่ใช่จูบแรกระหว่างเธอกับอัตรคุปต์
นิสรีนคบหากับอัตรคุปต์มาเจ็ดปีเต็ม อย่าว่าแต่จูบเลย…ขั้นสูงสุดของความสัมพันธ์ทางกายเธอก็ผ่านมันมากับเขา ทว่า…
นี่เป็นครั้งแรก…ที่เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจูบของเขาต่างจากเดิม
ปลายนิ้วด้านของชายหนุ่มลูบกลีบปากแดงระเรื่อ วงหน้าหล่อเหลาขยับชิดใกล้จนดวงตาสองคู่สบประสานกัน ขณะที่ดวงตาคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกปนสับสน ดวงตาอีกคู่กลับเต็มไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมาด
‘ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จำเอาไว้…พี่จะไม่เลิกกับนีซเด็ดขาด’
การยอมรับความจริงว่าโลกใบนี้คือนิยายเรื่องหนึ่ง และตัวเขาเป็นเพียงแค่ตัวละครที่ได้รับบทพระเอก สำหรับอัตรคุปต์มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก
ถ้าหากยังมีมนุษย์อีกนับล้านคนเชื่อว่าทั้งโลกใบนี้ ทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่ง รวมถึงโชคชะตาของผู้คนล้วนถูกสร้างและกำหนดโดยพระเจ้า เรื่องราวของเขาก็แค่เปลี่ยนผู้กำหนดโชคชะตาจาก ‘พระเจ้า’ มาเป็น ‘นักเขียน’ คนหนึ่งก็เท่านั้น
ว่ากันตามตรงอัตรคุปต์ไม่ได้รังเกียจการถูกกำหนดให้เป็นตัวละครผู้สมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างหน้าตา ความรู้ความสามารถ และฐานะชาติตระกูลเลยแม้แต่น้อย รวมถึงยังทำให้เขาเข้าใจในหลายๆ เรื่องที่เคยสงสัย…ทั้งการที่วันๆ เขาแทบจะไม่ต้องทำงานอะไร แค่เข้าไปเซ็นเอกสารแกร๊กสองแกร๊ก แต่ธุรกิจภายใต้การบริหารอย่างว่างเปล่าของเขากลับเติบโตขึ้นทุกปี หรือบางครั้งเวลาว่างที่ชายหนุ่มนัดไปแข่งรถกับแก๊งเพื่อนไฮโซ ฝีมือของเขากลับโดดเด่นโดยแทบไม่เคยพ่ายแพ้ให้ใครทั้งที่ไม่ได้ฝึกซ้อมจริงจังด้วยซ้ำ
ตั้งแต่จำความได้อัตรคุปต์แทบไม่เคยต้องใช้ความพยายามกับอะไรเลย ทุกอย่างที่ผ่านมือเขามักจะกลายเป็นผลสำเร็จอันงดงาม หลายคนเรียกว่า ‘พรสวรรค์’ หลายคนกล่าวอย่างชื่นชมปนอิจฉาว่าเขาเป็น ‘ลูกรักของพระเจ้า’ ทว่าวันที่รู้ความจริงทุกอย่าง…อัตรคุปต์กลับเหยียดยิ้มเพราะรู้ดีว่ามันไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็น ‘คุณสมบัติสูตรสำเร็จของพระเอกนิยาย’ ผู้ที่ต้องสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้า
ใช่ เมื่อเทียบดูแล้วชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจชีวิตที่นักเขียนคนนั้นลิขิตให้เขา แต่มีสิ่งหนึ่งที่อัตรคุปต์ทั้งชิงชังและไม่มีวันยอมรับมันได้…นั่นคือการที่นิสรีนไม่ใช่ ‘นางเอก’ ของเขา
ตลอดชีวิตที่รู้จักกันมาและอีกเจ็ดปีที่คบหากันในฐานะคนรักจนก้าวมาสู่การเป็นคู่หมั้น อัตรคุปต์อาจดูเย็นชาไม่ค่อยใส่ใจนิสรีนมากนัก จนทำให้ทั้งหญิงสาวและใครต่อใครพากันเข้าใจว่าการคบหาของพวกเขาเป็นเพียงแค่ ‘คู่รักทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ’ แต่หากมีใครพยายามทำความเข้าใจตัวตนของผู้นำคนปัจจุบันแห่งตระกูลมหัสวัตได้มากพอก็คงจะรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขามีใจให้นิสรีน ต่อให้กี่ร้อยคำมั่นสัญญาที่บิดาผู้ล่วงลับตกลงไว้กับคุณราเชน หรือความเป็นปึกแผ่นของ MA Property ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทั้งสองตระกูลร่วมกันก่อตั้งมากว่าสามสิบปีก็บังคับให้อัตรคุปต์พยักหน้ายอมรับความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่ได้
เขารักเธอ
อัตรคุปต์แน่ใจว่ามันเป็นแบบนั้น
แม้กุหลาบขาวแห่งอัศมาลย์จะเป็นคุณหนูไฮโซที่มีนิสัยเสียอยู่หลายข้อ ทั้งยังไม่ค่อยรักษาน้ำใจคนรอบกาย แต่กับเขาแล้วเธอทั้งน่ารัก ช่างเอาใจ และที่สำคัญคือดวงตาสวยเฉี่ยวคู่นั้นมักมองเขาด้วยแววตารักใคร่เทิดทูนอยู่เสมอ
อัตรคุปต์ไม่รู้หรอกว่าสรุปแล้วเขารักนิสรีนที่ความสวย ที่เธอรักเขามากและยอมเขาทุกอย่าง หรือเรื่องบนเตียงซึ่งเข้ากันได้ดี แต่สิ่งที่เขามั่นใจคือเขารักเธอมากจนเกือบสิบปีมานี้ไม่เคยใช้สายตาคู่นี้มองผู้หญิงคนไหนอีก
ทว่าลึกลงไป…กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถรักเธอได้อย่างเต็มหัวใจ รวมถึงไม่สามารถแสดงความรู้สึกผ่านการกระทำต่างๆ ให้นิสรีนได้รับรู้อย่างที่ควรจะเป็น
อัตรคุปต์นึกสงสัยมาตลอดว่ากำแพงที่ขวางกั้นระหว่างเขากับคนรักไว้คืออะไร อะไรที่ทำให้เขาหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับนิสรีนทั้งที่มั่นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาอยากจะแต่งงานด้วย
เขาไม่เคยคิดเลิกกับนิสรีน
แม้จะบ่ายเบี่ยงเรื่องการแต่งงานที่เธอทวงถามและเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอห่างกันสักพัก แต่ไม่มีสักวินาทีเดียวที่อัตรคุปต์คิดจะเลิกรากับนิสรีน เขาเพียงแค่ต้องการเวลาในการคิดทบทวนเรื่องราวระหว่างตัวเองกับคนรัก หาว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาชะงักค้างอยู่กลางทาง ไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้แบบนี้
จนอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างที่เขากับนิสรีนกำลังทะเลาะกันเพราะหญิงสาวไม่ยอมห่างกันอย่างที่ขอและยังหาว่าเขาบอกเลิกเธอ ชุดข้อมูลที่ไหลผ่านเข้ามาในหัวตอนนั้นทำให้อัตรคุปต์ได้รับคำตอบที่ตามหา
มันเกิดจากการที่นิสรีนไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาควรรัก เธอไม่ใช่นางเอกผู้ถูกลิขิตให้เป็นคู่ครองของเขา แต่เป็นเพียงนางร้ายผู้ก้าวเข้ามาคั่นเวลาระหว่างรอให้นางเอกตัวจริงปรากฏตัวขึ้น และจะกลายเป็นมารความรักระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้น
อาจฟังดูประหลาด เมื่อแทนที่ความรักของเขาซึ่งมีต่อนิสรีนจะดับมอดไปเพื่อรอวันมอบให้กับนางเอกตัวจริง แต่ยิ่งรู้อัตรคุปต์กลับยิ่งสามารถรักหญิงสาวได้อย่างหมดหัวใจโดยไม่หลงเหลือกำแพงใดขวางกั้นอีก
เขารักนิสรีน
รักยิ่งกว่าที่เคยรัก และมั่นใจว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอแม้ว่าจะถูกใครลิขิตมาแบบไหนก็ตาม
แต่ตลกร้ายที่สุดในความสัมพันธ์ของพวกเขาคือขณะที่อัตรคุปต์ตั้งใจจะจับมือคนรักและก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกัน ความจริงข้อนั้นกลับทำให้นิสรีนเลือกปล่อยมือจากเขา
อัตรคุปต์ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นพระเอกผู้สมบูรณ์แบบ คลั่งรัก และเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันยอมปล่อยให้ใครหรืออะไรมาทำให้ความรักของเขาต้องจบลง โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ดีว่านิสรีนเองก็ยังรักเขาอย่างสุดหัวใจ
ก็ถ้าเธอกลัวว่าการเป็นนางร้ายจะทำให้ไม่ได้ครองคู่กับพระเอกอย่างเขา อัตรคุปต์ก็ไม่ได้เสียดายเลยสักนิด…ที่จะสละทิ้งตำแหน่งพระเอกเพื่อไปครองคู่กับเธอ
ดวงตาคมหลุบมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนรัก มือข้างที่ไม่ได้จับข้อมือเล็กไว้เลื่อนขึ้นไปเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนโยน วงหน้าหล่อเหลาคมสันก้มลงไปจนแทบชิดวงหน้าสวยพลางประกาศกร้าวออกมา
“นีซจะไม่มีวันยิงตัวตาย”
เพราะเขาไม่มีวันยอมให้มันเป็นแบบนั้น
“ถ้ามีวันหนึ่งที่ทำให้นีซต้องหยิบปืนขึ้นมาเพื่อจบชีวิตใครสักคน…” นัยน์ตาคมสบลึกเข้าไปในแววตาสั่นไหวของเธอ “…ขอให้คนคนนั้นเป็นพี่”
“…พี่คุปต์”
“ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเราต้องจบลงด้วยความตาย นีซยิงพี่เถอะ อย่ายิงตัวเองเลย”
เพราะเขาทนไม่ได้…ถ้าต้องเห็นนิสรีนตายไปต่อหน้า
โลกที่ไม่มีนิสรีน ไม่ใช่โลกที่อัตรคุปต์อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
* ทรีตเมนต์ (Treatment) คือเรื่องย่ออย่างละเอียดโดยเน้นใจความสำคัญของแต่ละตอนย่อย คล้ายโครงร่างเพื่อให้นักเขียนทำงานได้ง่ายขึ้น ส่วนมากมักเขียนทรีตเมนต์เรียงตามลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ในที่นี้จึงทำให้ตัวนิสรีนและอัตรคุปต์รู้รายละเอียดบางอย่างของ ‘เกมกุหลาบ’ มากกว่าแค่เรื่องย่อ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.
Comments
comments
No tags for this post.