X
    Categories: With Loveทดลองอ่านวายร้ายสายเปย์

ทดลองอ่าน วายร้ายสายเปย์ บทที่ 7

หน้าที่แล้ว1 of 6

บทที่ 7 คุณชายจ่ายตลาด

“เป็นผู้ชายได้ไง ทำไมขี่จักรยานไม่เป็น”

“ตรรกะอะไรของคุณเนี่ย เป็นผู้ชายกับขี่จักรยาน มันเกี่ยวกันตรงไหน”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว แค่ขี่จักรยานยังทำไม่ได้ แล้วจะทำอะไรเป็น”

ชายหนุ่มมองคนพูดตาคว่ำ

ยายแคระตกวิชา Gat/Pat เชื่อมโยงชัวร์

“เยอะแยะ บางทีผมอาจนั่งเสลี่ยงมาตั้งแต่เกิด ถนัดชี้นิ้วสั่งงาน หน้าตาผิวพรรณแบบนี้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแน่ๆ”

ยิ่งฟังยิ่งหมั่นไส้ เกิดมาเนตรอัปสรไม่เคยเจอใครมั่นหน้าขนาดนี้มาก่อน

“ถ้าคุณรวยขนาดนั้น ทำไมไม่มีใครตามหาคุณ ในข่าวก็ไม่มี เดี๋ยวนี้แค่จะหาคนง่ายยังกะอะไร ถ้าไม่ออกข่าวทีวีก็ฝากเพจที่มียอดฟอลโลเวอร์สูงๆ ช่วยตามหา นักสืบโซเชียลเยอะแยะ”

“บางทีทางบ้านอาจไม่อยากให้เอิกเกริก เพราะกลัวผมเป็นอันตราย”

“หรือไม่ก็อยากให้คุณตายๆ ไปซะ”

คำตอบของเธอทำเอาจอมกวนประสาทเม้มปาก คนพูดเลยรู้สึกผิดเสียเอง

“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

แต่จอมกวนประสาทยังคงนั่งซ้อนอยู่หลังจักรยาน ไม่ยอมต่อปากต่อคำ เธอไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรเลยตัดบทด้วยการออกแรงถีบจักรยานไปข้างหน้า แต่เพราะคนซ้อนตัวใหญ่ แถมจู่ๆ ก็ยกแขนขึ้นเกาะเอวตนไว้ เล่นเอาหญิงสาวเบิกตาโพลง หยุดถีบจักรยานกะทันหัน

“ปล่อยเอวฉันนะ!”

“เก๊าะ…ผมกลัวล้ม”

“กลัวนักก็เดินตามมา”

“มันร้อนแล้วก็ไกลด้วย ผมเป็นคนป่วยนะคุณ สภาพยังไม่สมประกอบ ไม่สงสารบ้างรึไง”

เนตรอัปสรเบะปาก กลอกตามองบน พูดออกมาได้ ตรงไหนเรียกป่วย แค่เดินเหินไม่คล่องอย่างเดียว แต่ปากนี่สับคนหัวแบะได้เลยด้วยซ้ำ

“ถ้างั้นก็นั่งเฉยๆ อย่ามาเกาะเอวฉัน เกาะราวจับด้านหลังแทนสิ”

“หวงตัวไปได้ ตัวก็สั้นเอวก็หนา ผมไม่คิดไรด้วยสักหน่อย”

คนถูกเหน็บหันมาค้อนขวับ “บูลลี่ฉันเหรอ”

“ไม่ได้บูลลี่ แค่บอกเฉยๆ ว่าไม่ต้องคิดมาก ผมเกาะเอวเพราะกลัวตก ไม่ได้แต๊ะอั๋ง”

“ถึงงั้นก็เถอะ ห้ามแตะ ฉันจั๊กกะจี๋”

“ไม่แตะก็ได้” เขาอ้อมมือข้างหนึ่งไปเกาะราวด้านหลังพลางเร่งคนขี่ “เร็วๆ หน่อยสิ ช้าเป็นเต่าไปได้”

เนตรอัปสรบึนปากด้วยความหมั่นไส้ เวรกรรมอะไรนะ ถึงต้องมารับเลี้ยงเด็กโค่งแบบอีตานี่

 

ตลาด ‘มงลง’ กินพื้นที่เกือบสิบไร่ ตัวอาคารเปิดโล่ง ยกเพดานสูง มองเห็นโครงเหล็กที่มีสนิมเขรอะบนเพดาน บนพื้นมีเศษขยะให้เห็นเป็นหย่อมๆ ตามท่อมีกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียนลอยอวลขึ้นมาจนคนเจ้าสำอางต้องยกมือขึ้นบีบจมูก กำลังจะชักชวนสาวหน้าหวานเดินไปที่อื่น แต่อีกฝ่ายกลับเดินนำลิ่วเข้าตลาดไปก่อน เขาเลยจำใจเดินตามเข้าไปอย่างเสียไม่ได้

สภาพภายในตลาดค่อนข้างเฉอะแฉะ บางจุดมีน้ำเจิ่งนองจนชายหนุ่มต้องสับขาหลีก กระนั้นความซวยก็ยังไม่วายเล่นงานยามมีมนุษย์ป้าย่ำเท้าผ่านตนไปอย่างรวดเร็ว น้ำสีดำกระเซ็นมาเปื้อนข้อเท้า ทำเอาเจ้าของร่างสูงผิวขาวผ่องเบะปากด้วยความขยะแขยง

“มีทิชชูไหมคุณ”

“อยากเข้าห้องน้ำเหรอ”

“เปล่า น้ำกระเด็น ดูสิคุณ ขาผมเปื้อนหมด”

เนตรอัปสรก้มลงมองรอยน้ำสีดำเปรอะข้อเท้าจนเจ้าตัวปั้นหน้าแหยง ทีแรกคิดจะเอื้อเฟื้อทิชชูให้ แต่พอนึกถึงฝีปากร้ายกาจของหมอนี่เลยส่ายหน้าแทน

“ไม่มี แค่เปียกนิดหน่อย จะเป็นไรไป”

“เก๊าะมันเหนอะหนะ ทำไมต้องมาตลาดนี้ด้วย สกปรกจะตาย เหม็นด้วยนะคุณ ไปที่อื่นไม่ได้เหรอ”

“ซื้อของสด ไม่ซื้อในตลาดแล้วจะให้ซื้อที่ไหน”

“ซูเปอร์มาร์เก็ตไงคุณ”

“ฉันเป็นพนักงานกินเงินเดือนนะ ต้องยืนขายของเช้าจรดเย็น เมื่อยขาจะตาย ถามหน่อยฉันจะเอาเงินถุงเงินถังที่ไหนมาซื้อของในซูเปอร์ฯ บ่อยๆ”

“บอกแล้วไง ผมจำได้เมื่อไรจะคืนเงินคุณหลายเท่าเลย”

คนรักความสะอาดชักสีหน้าใส่ความชื้นแฉะ เสียงโหวกเหวกข้ามหัวไปมาของพ่อค้าแม่ค้า และกลิ่นเหม็นตุที่บรรจุอยู่ในสถานที่แห่งนี้

“แล้วถ้าคุณจำไม่ได้ หรือไม่มีใครมาตามหาคุณเลยล่ะ”

“คุณก็เลี้ยงผมต่อสิ ผมกินไม่จุหรอก”

กล้าพูด!!! อะไรคือกินไม่จุ แต่ข้าวหมดหม้อ ไข่หมดแผง

“ผมว่าจะควบคุมน้ำหนักหน่อย รู้สึกอยู่บ้านคุณแล้วกินเก่งชะมัด ต้องหาอะไรลีนๆ กระแทกปากหน่อย ขอเงินหน่อยสิคุณ สักสองพันก็ได้”

เนตรอัปสรอยากทึ้งผมตัวเองนัก เจ้ากรรมนายเวรของตนคงมาผุดมาเกิดในรูปของตายักษ์ปักหลั่นกระมัง เธอถึงโดนไถไม่หยุด บ่นในใจแล้วก็ควักแบงก์สีแดงแปะลงบนฝ่ามือหนา

“สามร้อยเนี่ยนะ”

“ค่าแรงขั้นต่ำไง เมื่อเช้าคุณแค่เอาเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้า งานบ้านอื่นๆ ยังไม่ได้แตะ ฉันให้ค่าแรงเต็มก็ดีแค่ไหนแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันหน้าตลาด อยากจะกินอะไรก็ไปเลือกแล้วกัน”

ชายหนุ่มกำแบงก์ร้อยสามใบในมือ ก่อนจ้องแผ่นหลังบอบบางที่เดินผ่านหน้าไปด้วยรอยยิ้มเต็มดวงหน้าคมคาย

 

แยกกันได้ครึ่งชั่วโมงเนตรอัปสรก็พบเบอร์โทรศัพท์ของคุณยายผุดขึ้นบนหน้าจอมือถือ อารามตกใจจึงรีบส่งเงินให้แม่ค้าขายขนมหวานแล้วกดรับสาย

“คุณยายเป็นอะไรรึเปล่าคะ”

“ผมเองคุณ”

“คุณเอามือถือคุณยายมาจากไหน”

“คุณยายให้ผมไว้ สงสัยกลัวคุณทอดทิ้งผมแน่เลย”

เนตรอัปสรขบฟันกรอด ทำผิดครั้งเดียวต้องขุดมาเหน็บแนมยันชั่วลูกชั่วหลานเลยไหมตาบ้า

“โทรมามีอะไร”

“คุณอยู่ไหน มาช่วยผมหน่อยสิ”

“เกิดอะไรขึ้น”

“เหอะน่า มาช่วยผมหน่อย ผมอยู่แผงปลาเบอร์เอยี่สิบ รีบมานะคุณ”

“รู้แล้วล่ะน่า”

หญิงสาวกดตัดสาย ก่อนจะเดินจ้ำผ่านแผงขายของจิปาถะพร้อมหอบของพะรุงพะรังเต็มสองมือด้วยกลัวจะเกิดอันตรายกับคนบวมๆ ทว่าทันทีที่มาถึงหน้าแผงปลา เธอก็อยากยกถุงข้าวสารหนึ่งกิโลฟาดหัวอีกฝ่ายนัก

ตรงไหนรีบพูด!

ยักษ์ปักหลั่นยืนอมยิ้มหน้าผ่อง มองเจ้าของแผงปลากำลังขอดเกล็ดปลาด้วยสีหน้าพออกพอใจก่อนกวักมือเรียกเธอ

“มานี่เร็วคุณ”

“เรียกฉันมาทำไม”

ชายหนุ่มยิ้มแป้นพลางชี้มือไปที่ปลาตัวอวบอ้วนซึ่งกำลังถูกควักไส้ควักพุงออกมากองบนเขียงไม้

“จ่ายให้หน่อยคุณ”

“แล้วเงินที่ฉันให้ไปล่ะ”

“หมดแล้ว”

“หมดแล้ว!!! ตั้งสามร้อย ใช้อะไรของคุณนักหนา”

เขายกมือขึ้นชูถุงลูกชิ้นปิ้งสี่ไม้ เนื้อไก่ ตบท้ายด้วยองุ่นสีแดงพวงโต

“ซื้อขนาดนี้เรียกไดเอ็ตเหรอ”

“ซื้อเผื่อพรุ่งนี้ไง แดดร้อน ผมขี้เกียจเดินมาตลาด ไหนๆ มาแล้วก็ซื้อเลยทีเดียว”

หญิงสาวขบฟันกรอด อยากกรี๊ดให้ลั่นตลาด ช่างขยันหาเรื่องมายั่วโมโหเธอนักเชียว

“แฟนเหรอเนตร”

แม่ค้าแผงปลาวัยกลางคนซึ่งเป็นแม่ของหวานใจมองหนุ่มร่างบึ้กสลับกับสาวหน้าหวานด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

“เปล่าจ้ะป้าหวานเย็น คนอาศัยน่ะ เนตรเก็บเขามาจากข้างทาง”

“ข้างทางไหนล่ะ บอกป้าบ้างสิ จะไปเก็บมาบ้าง”

เนตรอัปสรยิ้มขื่นๆ แต่คนขี้โอ่กลับยักคิ้วให้ตนราวกับภูมิใจนักหนาที่มีสาวใหญ่ปลื้ม

“ไม่ต้องเก็บหรอกจ้ะ ถ้าอยากได้เนตรยกให้ฟรีๆ”

“ผมไม่ใช่สิ่งของนะคุณ จะยกให้คนอื่นได้ไง ไม่รู้แหละ ไม่ไป จะเกาะคุณให้แน่นๆ เลย” ว่าพลางยกแขนข้างที่ไม่ได้สวมเฝือกอ่อนขึ้นโอบบ่าเล็กอย่างหวงแหน

“ตาบ้า ปล่อยนะ!”

“สัญญามาก่อนสิว่าจะไม่ทิ้งผมอีก”

“ก็ได้ๆ ปล่อยฉันสิ”

“ปล่อยก็ได้ โอบนิดโอบหน่อยก็ต้องดุด้วย”

ป้าหวานเย็นมองกิริยาหยอกล้อของสองหนุ่มสาวก็ลอบยิ้มพลางชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ มือขอดเกล็ดปลา เสร็จแล้วก็มัดปากถุงส่งปลาให้

“เสร็จแล้วจ้ะ”

“ทั้งหมดเท่าไรคะป้าหวานเย็น”

“สองพันห้า”

“สองพันห้า!” เจ้าของเงินเบิกตาโพลง จ้องปลาในถุงด้วยสีหน้าฉงน หันไปทางเจ้ากรรมนายเวรที่ยืนทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนหันกลับไปมองเจ้าของแผงปลา

“ทำไมปลามันแพงนักล่ะคะป้าหวานเย็น”

“แพงที่ไหนกัน เต๋าเต้ย กะพง แซลมอน กุ้งแชบ๊วยอีก แต่ละอย่างไม่ใช่ถูกๆ นะ”

เนตรอัปสรขบฟันกรอด เขม่นมองตายักษ์ปักหลั่นด้วยความขุ่นเคือง ก่อนหันกลับมายิ้มแห้งๆ ให้แม่ค้าปลา

“ขอคืนได้ไหมจ๊ะป้า”

“โอ๊ย ของซื้อของขายคืนได้ยังไง ป้าควักไส้ควักพุง ขอดเกล็ดให้หมดแล้ว น้ำแข็งก็โรยให้แล้ว ใครจะมาซื้อต่อล่ะ”

เอสเอสาวอยากร้องไห้ สองพันห้าเธอใช้ได้ทั้งอาทิตย์เลยนะ แต่หมอนี่กลับล่มแผนการเงินของเธอไม่เป็นท่า

“เอางี้ คนกันเองป้าคิดให้สองพันสี่ร้อยเลย นี่ลดสุดๆ แล้วนะ”

ในที่สุดแบงก์พันสองใบและแบงก์ร้อยสี่ใบก็หลุดลอยออกจากกระเป๋า หลังจากรับปลามาแล้วหญิงสาวก็ก้าวฉับๆ ออกจากตลาดโดยมี ‘ภาระ’ สับขาตามมาไม่ห่าง

“รอก่อนสิคุณ จะรีบไปไหน”

“ไม่ต้องมาพูด ฉันอารมณ์ไม่ดี แทนที่จะได้พักผ่อนอยู่บ้าน ต้องลากสังขารพาคุณมาเดินตลาด เมื่อยขาจะตาย”

“โธ่ อย่างอนสิคุณ ซื้อนิดหน่อยเอง ปลาพวกนี้มีโอเมก้าสาม กินแล้วฉลาดนะคุณ อย่างกหน่อยเลยน่า”

“ฉันต้องงกสิ แบงก์พันสมัยนี้มันหาง่ายเสียที่ไหน ปลาทูน่ะกินไม่เป็นรึไง มีโอเมก้าเหมือนกัน ดัดจริต!”

“ของแพงมันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วสิคุณ แล้วอีกอย่างปลาพวกนี้ผมไม่ได้กินคนเดียว คุณกับคุณยายก็กินด้วย เอางี้มื้อเย็นผมปรุงเอง ฝีมืออย่างผมรับรองว่าเชฟโรงแรมยังอาย”

เอาอะไรมามั่นหน้ามั่นโหนก ขอโทษสักคำน่ะมีไหม

“ฉันกับคุณยายไม่กินของแพงแบบนี้ แค่ปลาทู ปลานิลก็กลืนลงท้องได้เหมือนกัน”

“นานๆ กินที ให้รางวัลตัวเองไงคุณ”

ไม่ว่าหมอนี่จะแก้ตัวอะไร เธอก็ฟังไม่เข้าหู เพราะโกรธจนหูอื้อตาลายเสียแล้ว

“คุณอาศัยฉันอยู่ แบมือขอเงินฉันกิน สะกดคำว่า ‘เกรงใจ’ เป็นไหม”

“แรง!”

ชายหนุ่มแสร้งสูดปาก แต่น้ำเสียงและแววตายั่วล้อบ่งบอกว่าเขาไม่ได้สลดเลยสักนิด

“ผมก็บอกแล้วไงว่าจำได้เมื่อไร ผมคืนคุณสิบเท่า ไม่เอาๆ ยี่สิบเท่าเลยเอ้า”

“ฉันไม่อยากได้เงินคุณ แค่คุณไม่ก่อเรื่องสร้างความเดือดร้อนให้ฉันก็พอแล้ว”

พูดจบก็สะบัดหน้า เดินตึงตังจากไป ทิ้งให้เขามองตาม รอยขบขันเกลื่อนอยู่ในดวงตาคมกริบ

แกล้งยายแคระต่อดีไหมนะ

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ธันวาคม 64)

หน้าที่แล้ว1 of 6

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: