X
    Categories: LOVEทดลองอ่านวีรปริยา

ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 5 ครอบครัวสุขสันต์

เนื่องจากรู้ตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินแน่นอนแล้ว คราวนี้ปริยากรจึงขับรถมาเองโดยนัดเจอกับวีรากรที่เขาใหญ่เลย ปรากฏว่าตอนมาถึงเธอเจอรถของชายหนุ่มจอดอยู่ก่อนแล้ว พอลงจากรถก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว แถมคนที่อยู่ด้วยคือพ่อของเขาอีกต่างหาก

“โอ๊ะ คุณพ่อพี่วีเหรอคะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ชายร่างใหญ่อย่างรวดเร็วหลังจากได้รับการแนะนำ “ปินเคยพูดถึงคุณลุงให้ฟังค่ะ บอกว่าคุณลุงใจดีมาก ปีย่ายังนึกอยู่เลยว่าอยากเจอคุณลุง”

“หนูปินก็เคยเล่าถึงหนูให้ลุงฟังเหมือนกัน” ทรงพลรับไหว้ยิ้มแย้ม “ไม่นึกเลยว่าไปๆ มาๆ หนูจะกลายมาเป็นลูกค้าของวี”

“จริงด้วยค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก “แล้วคุณลุงขึ้นมาเขาใหญ่วันนี้มาเที่ยวเหรอคะ”

“เปล่าหรอก มาดูที่ทางเกี่ยวกับงานนิดหน่อยน่ะ”

ปริยากรมองใบหน้ากร้านของทรงพล ก่อนจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะไถ่ถามต่อให้มากความและเบี่ยงประเด็นสนทนาไปอีกทาง

“แล้วคุณลุงจะค้างหรือเปล่าคะ ถ้าค้างพักที่นี่ก็ได้นะ เพียงแต่มันอาจไม่สะดวกสบายเท่าไหร่”

“พี่กำลังจะขอน้องปีย่าให้พ่อพี่ค้างที่นี่ด้วยอีกคน…อยู่ที่บ้านพี่นี่แหละครับ รับรองว่าไม่รบกวน” วีรากรส่งเสียงหลังจากเงียบมานาน

“ไม่เห็นต้องขอเลยค่ะ คุณลุงตามสบายเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ” เธอส่งยิ้มให้สองพ่อลูก ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “จริงสิ แล้วนี่กินมื้อเที่ยงกันหรือยังคะ ปีย่าแวะเอาของมาเก็บแล้วว่าจะออกไปกินข้างนอก ถ้ายังไปด้วยกันไหม”

“ตอนแรกลุงก็ชวนวีกินข้าวก่อนเข้ามานะ แต่วีเขารอเจอหนูปีย่าก่อนจะได้ดูว่าหนูกินมาหรือยัง”

“พี่วีใจดีตลอดเลย ขอบคุณนะคะ” ปริยากรหันไปส่งรอยยิ้มสดใสให้ชายหนุ่ม “งั้นเดี๋ยวปีย่ารีบเอาของไปเก็บ แป๊บเดียวค่ะ”

“ของเยอะไหม ลุงช่วยดีกว่า”

“ไม่เยอะค่ะ ปีย่าเอาพวกของใช้อย่างจานชามมา”

“อ้อ แต่ยังไงให้ลุงช่วยนั่นแหละ” ทรงพลยืนยันเจตนารมณ์

วีรากรยกสองแขนขึ้นกอดอก มองพ่อที่เดินตามหญิงสาวไปยังรถคันเล็กของเธอ ซ้ำทั้งสองยังสนทนาปราศรัยกันไม่หยุดประหนึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าควรจะงุนงงหรือทึ่งดี

แต่เอาเถอะ สองคนนี้เข้ากันได้ดีก็ถือว่าดีแล้วล่ะมั้ง…

 

ทรงพลกับปริยากรคุยกันถูกคอมาก ทั้งสองคุยกันตลอดทางไปร้านอาหาร แถมยังยาวไปถึงกระทั่งตอนกินข้าว วีรากรซึ่งรับหน้าที่พลขับได้แต่นั่งฟังพ่อเผาตัวเองกับอาชวินให้เธอฟังแบบปลงๆ หลังกินข้าวเสร็จหญิงสาวขอแวะร้านขายขนมกับของที่ระลึกใกล้ๆ ทรงพลเลยขอรออยู่ที่ร้านอาหารเพราะจะเรียกลูกน้องซึ่งอยู่แถวนี้มาคุยงาน แล้วค่อยให้ลูกชายแวะมารับตอนขากลับ

“พี่วี…”

ร้านขายของแห่งนี้เป็นร้านแบบเปิดโล่ง ยกสูงจากพื้นถนน ชายหนุ่มปล่อยให้เธอเดินซื้อของ ขณะที่เขายืนกอดอกทิ้งเอวพิงราวระเบียงรอ สีหน้าท่าทางของเขาดูเหม่อลอยแบบที่หญิงสาวไม่เคยเห็น และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะตอนที่เธอเดินไปเรียกทีแรกเขาไม่มีทีท่าว่าได้ยิน กระทั่งเธอต้องเดินเข้าไปใกล้ขึ้น

“พี่วีคะ พี่วี…”

“ครับ?” เขากะพริบตา

“พี่วีเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ง่วงๆ นิดหน่อยน่ะ เมื่อคืนพี่ทำงานดึก” วีรากรมองดวงหน้าสวย

อันที่จริงมันก็เป็นงานบ้านของปริยากรนั่นแหละ เดิมทีงานที่บริษัทก็ค่อนข้างแน่นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องหอบงานของเธอซึ่งถือเป็นงานพิเศษกลับมาทำที่บ้าน หลายปีหลังมานี้เขาเลิกเอางานกลับมาทำที่บ้านเพื่อรักษาสมดุลชีวิต เพราะช่วงเปิดบริษัทใหม่ๆ เขาโหมทำงานจนแทบไม่ได้ใช้ชีวิตในแง่มุมอื่น ทว่าหนนี้ก็ต้องยอมแหกกฎของตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่มีงานมาคุย…อีกทั้งเขายังต้องพยายามดึงเธอออกจากกรุงเทพฯ ให้มากที่สุดระหว่างที่ทรงพลกับบันลือควานหาตัวคนที่ปองร้ายเธอเสียด้วย

“อ้าว งั้นเดี๋ยวปีย่าขับรถให้ดีไหม แล้วบ่ายนี้พี่วีก็พักสักหน่อย ไม่ต้องรีบคุยงานหรอก”

“พี่ไม่ได้อดนอนขนาดนั้นหรอก แต่ลมดีแบบนี้มันชวนง่วงด้วย” เขายิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง “น้องปีย่ามาเรียกพี่มีอะไรหรือเปล่า”

“อ้อ จริงด้วย…ปีย่าจะถามว่าคุณลุงชอบกินขนมอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวปีย่าจะซื้อไปฝาก ตอบแทนที่คุณลุงอุตส่าห์เลี้ยงข้าวด้วย”

วีรากรมองหญิงสาวอย่างชั่งใจ…พ่อของเขาเลี้ยงมื้อเที่ยงเธอโดยให้เหตุผลว่าเพื่อตอบแทนที่เธอให้ที่พัก แต่นี่เธอจะซื้อขนมกลับไปให้ทรงพลอีก เดี๋ยวคงได้ตอบแทนกันไปมาไม่รู้จบ ครั้นจะห้ามไม่ให้ซื้อก็คงไม่ได้อีก

เอาเถอะ…

“พ่อพี่ชอบขนมไข่ แบบที่น้องปีย่าเคยซื้อไปฝากที่ออฟฟิศนั่นแหละ อันที่จริงขนมหวานก็ชอบหมด แต่อายุเยอะแล้วต้องเพลาๆ ลงบ้าง ถึงโดยทั่วไปพ่อพี่จะแข็งแรงเพราะออกกำลังกายตลอดก็เถอะ”

“นั่นสิ ต้องระวังพวกน้ำตาลด้วย งั้นเอาเหมือนที่ปีย่าจะซื้อไปฝากคุณพ่อแล้วกัน” ปริยากรก้มลงมองของในตะกร้าช็อปปิ้ง

“พี่ช่วยน้องปีย่าถือของแล้วกันจะได้หายง่วง” วีรากรยื่นมือออกไปเป็นเชิงขอ เธอสบตากับเขาท่าทางประหลาดใจ ก่อนจะยื่นตะกร้าในมือส่งให้

หญิงสาวหันกลับไปเดินซื้อของต่อ ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อมูลโภชนาการบนกล่องขนม ไม่ได้ใส่ใจร่างสูงใหญ่ที่เดินตามอยู่ด้านหลังนัก บางครั้งจึงค่อยหันไปถามความเห็นเขาสักที กระทั่งนึกขึ้นได้

“จริงสิ แล้วพี่วีชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวปีย่าซื้อทิ้งไว้ที่บ้านพัก เผื่อพี่วีขึ้นมาจะได้มีของกิน”

“พี่กินได้หมด แต่ปกติพี่ไม่ค่อยได้กินขนมหรอก”

“งั้นปีย่าจะเอาขนมวางทิ้งไว้ตรงห้องกลาง ถ้าพี่วีหิวก็หยิบกินได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” ปริยากรสรุป แต่ไม่ทันออกเดินต่อก็มีเสียงทักลอยมา

“ปีย่า…”

หญิงสาวหันไปมอง สตรีสูงวัยในชุดขาวตั้งแต่หัวจดเท้าผู้หนึ่งกำลังเดินตรงมาหา สีหน้าแสดงถึงความแปลกใจ

“หลานปีย่าจริงๆ ด้วย ป้านึกว่าดูผิดเสียอีก มาเที่ยวเขาใหญ่เหรอ”

“มาดูที่ดินค่ะ คุณป้าล่ะ มาปฏิบัติธรรมแถวนี้เหรอ” ปริยากรยกมือไหว้แล้วถามไปด้วย

“จ้ะ นี่กำลังจะกลับกรุงเทพฯ คณะเขาเลยแวะซื้อของฝากกัน” สกาวเดือนเหลือบมองบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังหลานสาว

“นี่พี่วีค่ะ พี่เขาเป็นสถาปนิกเลยมาช่วยดูที่ดิน” หญิงสาวแนะนำ “พี่วีคะ นี่คุณป้าสกาวเดือน คุณป้าแท้ๆ ของปีย่าเอง”

“สวัสดีครับ” สถาปนิกหนุ่มค้อมศีรษะทักทายเนื่องจากมือกำลังถือตะกร้าที่มีของอยู่เต็ม

“สวัสดีจ้ะ…แล้วนี่มากันสองคนเหรอ”

“พี่วีมากับคุณพ่อเขาค่ะ เขารอคุณพ่อทำงานอยู่เลยมากับปีย่าก่อน” ปริยากรอธิบายไหลลื่นทั้งรอยยิ้ม

“แบบนี้เอง” สกาวเดือนมองชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบต้นแขนของหลานสาว “เอาล่ะ ยังไงก็ระวังๆ หน่อยนะ คนรู้จักปีย่าเยอะ คนรู้จักของพ่อเรายิ่งเยอะกว่า”

“ปีย่ารู้ค่ะ คุณพ่อเองก็รู้เหมือนกันว่าพี่วีจะมาช่วยดูที่ดินให้ คุณป้าไม่ต้องห่วง”

“งั้นก็ดีแล้ว…เอาล่ะ ป้าไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเอาไว้ว่างๆ ป้าจะไปกินข้าวด้วยที่บ้าน” ผู้เป็นป้ามีทีท่าพอใจขึ้น “ดีใจที่ได้รู้จักนะคะคุณสถาปนิก”

“เช่นกันครับ” ชายหนุ่มตอบรับทั้งรอยยิ้มสุภาพ

“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณป้า ไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ” ปริยากรโน้มตัวไปกอดหญิงสูงวัยนิดหนึ่ง ก่อนจะยืดตัวยืนตรงแล้วยกมือไหว้

สกาวเดือนส่งยิ้มให้วีรากรอีกครั้ง ก่อนจะหมุนกายผละไปทางด้านหลังอันเป็นที่ตั้งของห้องน้ำ…พอป้าเดินพ้นไปจากรัศมีการได้ยินแล้วหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปส่งยิ้มให้วีรากร

“พี่วีนี่ดวงสมพงศ์กับครอบครัวของปีย่าดีจัง แป๊บเดียวเจอญาติใกล้ชิดของปีย่าครบเลย” เธอหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะอธิบายต่อ “คุณป้าสกาวเดือนเป็นพี่สาวคุณพ่อปีย่าค่ะ ท่านปฏิบัติธรรมเป็นอาชีพหลัก ปกติท่านไม่มายุ่งกับเรื่องธุรกิจ แต่เอาไว้ค่อยให้ท่านรู้เรื่องสร้างหมู่บ้านทีหลังน่าจะดีกว่า คือคุณป้าเป็นพวกขี้กังวลน่ะค่ะ ท่านจะกังวลไปล้านแปดแล้วก็ออกความเห็นอีกล้านแปด”

“พี่เข้าใจครับ ตราบใดที่อำนาจตัดสินใจอยู่แค่ที่คุณบันลือกับน้องปีย่าก็ไม่มีปัญหา จากประสบการณ์ของพี่มันจะมีปัญหาก็ต่อเมื่อเจ้าของโครงการไขว้เขวไปกับความเห็นหรือข้อแนะนำของคนรอบตัวนี่แหละ” วีรากรบอกเสียงเรียบเรื่อย

“พี่วีสบายใจได้เลยค่ะ ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน” ปริยากรให้คำมั่นหนักแน่น

“ถ้ามีเรื่องอะไรอยากเตี๊ยมก็บอกได้นะครับ ถือเป็นบริการพิเศษของพี่ก็ได้”

ดวงตาคู่สวยคมมองใบหน้าหล่อเหลา เขาพูดหน้าตาย แถมพอได้สบตากันเขายังเลิกคิ้วคล้ายส่งคำถามกลับมาเสียอีก จนเธอต้องหัวเราะออกมา

“เป็นบริการเสริมที่เลิศสุดๆ เลยค่ะ…อันที่จริงคุณน้าฉัตรกับคุณป้าเดือนรักและดีกับปีย่ามากแหละค่ะ ส่วนใหญ่ปีย่าทำอะไรก็ไม่ขัดหรอก เพียงแต่บางทีเหมือนว่าต้องขอออกความเห็นสักนิดหน่อยก่อนอะไรแบบนั้น ปีย่าเลยอยากตัดไฟแต่ต้นลม ให้โครงการดำเนินไปสักพักจนถึงจุดที่ต่อให้ใครพูดอะไรก็ไม่มีผลแล้วแบบนั้นน่าจะดีกว่า เพราะถ้าพูดแล้วไม่ฟังเดี๋ยวก็บัวช้ำน้ำขุ่นเปล่าๆ”

วีรากรพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจ ขณะที่หญิงสาวก้มลงกลับไปมองข้าวของในตะกร้า

“โห ของเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ปีย่าไม่ได้ถือตะกร้าก็หยิบใส่เพลินเลย เราไปจ่ายเงินกันดีกว่าค่ะ”

ชายหนุ่มเดินตามปริยากรไปโดยไม่โต้แย้ง ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอไปด้วย…แม้จะมีทีท่าเหนื่อยหน่ายญาติผู้ใหญ่อยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงดูเหมือนเธอจะรักใคร่ทั้งสองคนดี ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ ตามครอบครัวทั่วไป

อย่างไรก็ตามมันยังชวนให้คิดถึงปัญหาที่ทำให้เขากับพ่อถูกจ้างพ่วงกันในเวลานี้ด้วย แม้ปริยากรจะบอกว่าทั้งฉัตรชัยและสกาวเดือนดีกับเธอ และยังมีรายชื่อคนใกล้ชิดน่าสงสัยอื่นในลิสต์ที่บันลือให้มาอีก แต่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่สองคนนี้คิดจะทำลายหลานสาว คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เขาเห็นมามาก…ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใคร อย่างน้อยขอให้เป็นคนที่หญิงสาวรักน้อยที่สุดแล้วกัน อย่างน้อยเธอจะได้ไม่ต้องเสียใจมาก

อ้าว…

ปริยากรชะงักเท้าเมื่อเปิดประตูเข้าสู่บ้านซึ่งใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ตอนกลับมาถึงที่ดินแดดกำลังแรง บวกกับเธอยังมีงานของบริษัทที่ต้องจัดการ หญิงสาวเลยขอผัดการคุยงานออกไป เธอบอกกับเขาว่าขอให้ความอบอ้าวลดน้อยถอยลงสักนิดก่อน ซึ่งวีรากรเองก็เห็นดีด้วย เขาบอกจะนั่งเล่นรอในห้องกลาง เธอเลยแวบไปนั่งตอบอีเมลในบ้านของตัวเองเพราะอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันทำงาน แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว อากาศด้านนอกยังร้อนอยู่แต่แดดร่มลงเยอะแล้วเนื่องจากมีเมฆ เธอจึงกลับมาหาชายหนุ่ม แต่นึกไม่ถึงว่าจะเจอเขานอนเหยียดยาวหลับอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่กินพื้นที่ครึ่งค่อนห้อง

หญิงสาวมองร่างบนโซฟาอย่างลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม่มีพนักเข้าชุดกัน จำได้ว่าเมื่อคืนเขานอนน้อย ดังนั้นปล่อยให้เขานอนต่ออีกสักหน่อยคงไม่เสียหาย…ดวงหน้าสวยหันมองไปรอบตัว คราวก่อนที่มาที่นี่มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นกว่านี้ บันลือบอกว่าให้ใช้งบประมาณซื้อข้าวของได้เต็มที่ เนื่องจากอย่างไรเธอก็คงต้องวนเวียนมาพำนักที่นี่หลายเดือนหรืออาจเป็นปี แต่เธอไม่อยากสิ้นเปลือง วีรากรเลยเสนอว่าจะหาเฟอร์นิเจอร์มือสองสภาพดีมาให้ ปริยากรวางใจให้เขาจัดการ ซึ่งปรากฏว่าผลออกมาไม่เลวเลย โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าเพิ่งผ่านมาแค่สัปดาห์เดียว แถมเท่าที่เห็นตัวเลขก็อยู่ในเรตที่รับได้ด้วย

แล้วไหนจะเรื่องที่วีรากรดูยุ่งมากอีก…ปริยากรหันกลับมามองคนหลับ ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ว่ามีอะไรบ้างไหมที่เขาทำไม่ได้ แล้วที่โกงแบบสุดๆ ก็คือเขาหล่อด้วยนี่สิ

อืม แต่หน้าตาตอนหลับดูเด็กกว่าตอนตื่นแฮะ…ว่าแต่ทั้งหล่อ เก่ง นิสัยเท่าที่รู้จักกันก็ออกจะดี ทำไมยังโสดมาถึงป่านนี้ได้ล่ะเนี่ย จะว่าไปก็ใช่ว่าไม่มีผู้หญิงสนใจเขา จิรวดีนั่นก็คนหนึ่งแล้ว พูดตามตรงอีกฝ่ายโพรไฟล์ดีมากด้วย ทว่าเขากลับไม่มีทีท่าสนใจสักนิด

หรือว่าเขาจะมีความหลังฝังใจที่ไม่ดีเกี่ยวกับความรัก…

หญิงสาวนั่งเท้าคางเอียงคอพินิจวีรากรด้วยความสงสัย กระทั่งรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ใกล้ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อพบทรงพลยืนลูบคางอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเขามายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาชายสูงวัยจับจ้องอยู่ที่ลูกชายคล้ายกำลังครุ่นคิด แล้วจู่ๆ เขาก็หันขวับหันมาฉีกยิ้มถาม

“กำลังคิดว่าจะเล่นงานเจ้าวียังไงดีเหรอ”

“เอ๊ะ” ทีแรกปริยากรงงกับคำถาม แต่พอสมองเรียบเรียงตีความให้เรียบร้อยแล้วก็รีบส่ายหน้าหวือ “ไม่ใช่ค่ะ คือ…ปีย่านัดพี่วีไว้ แต่มาเจอว่าพี่วีหลับอยู่”

“ถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์ได้นะ”

หญิงสาวอ้าปากหวอ ขณะที่ทรงพลหัวเราะร่า เธอทั้งมึนทั้งตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ตอนคนบนโซฟาขยับตัว

“พ่อเสียงดังอีกแล้ว” ในกระแสเสียงของชายหนุ่มเจือไว้ด้วยแววรำคาญ

“ไม่ดังแล้วแกจะตื่นเรอะ หนูปีย่ามานั่งรอตั้งนานแล้ว”

“อ้าว” วีรากรตะแคงศีรษะไปมองสาวสวยทันใด “อ้อ จริงด้วย พี่เผลอหลับไป โทษทีนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ ปีย่าก็เพิ่งมาไม่นาน…” เธอรีบโบกมือ

“วันหลังปลุกเจ้าวีเลยก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ทรงพลบอก

“อืม วันหลังปลุกพี่ได้เลย” สถาปนิกหนุ่มยันตัวขึ้นมานั่ง มือใหญ่เสยผมแรงๆ สองสามทีแล้วตามด้วยการปิดปากหาวอีกวอด

“ถ้าพี่วียังง่วงจะงีบต่ออีกนิดก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไร พี่ตื่นแล้ว” ชายหนุ่มผินหน้าออกไปมองด้านนอกบ้าน “แดดร่มแล้วด้วย ถ้าเสร็จงานวันนี้พรุ่งนี้ก็จะตื่นสายได้…ขอพี่ไปล้างหน้าล้างตาแป๊บเดียว”

ปริยากรไม่คัดค้านอีก เธอเพียงนั่งมองวีรากรลุกเดินไปยังห้องน้ำ กระทั่งประตูปิดลงแล้วหันกลับมาเธอก็ต้องสะดุ้งอีกรอบด้วยพบสายตาของทรงพลกำลังจ้องมา พอได้สบตากันอีกฝ่ายก็ฉีกยิ้มส่งมาให้

“เย็นนี้หนูอยากกินอะไร ตอนนี้ว่างๆ เดี๋ยวลุงขับรถออกไปซื้อให้เอง…ตอนแรกก็ลืมซื้อมาตั้งแต่เมื่อกลางวันนะ”

“เอ้อ ปีย่าเอาของสดมาด้วยค่ะ กะว่าจะทำอาหารง่ายๆ กิน”

“หืม หนูจะทำมื้อเย็นเองเหรอ” ทรงพลเลิกคิ้ว ท่าทางประหลาดใจ

“ตั้งใจไว้อย่างนั้นค่ะ เพราะเห็นที่นี่อยู่ไกล…ไม่รู้จะคุยงานเสร็จกี่โมง แต่ถึงไม่มีเวลาก็น่าจะพอทำอาหารง่ายๆ อย่างข้าวผัดหรือผัดกะเพราได้” หญิงสาวหยุดนิดหนึ่งแล้วทำท่านึกขึ้นได้ “แต่ถ้าคุณลุงจะออกไปซื้ออาหาร เดี๋ยวปีย่ากินกับคุณลุงได้ค่ะ”

“โอ๊ย ลุงกินได้ ไข่เจียวไข่ดาวฟองเดียวก็กินได้ ไม่มีปัญหา” พ่อของวีรากรโบกไม้โบกมือ “เจ้าวีก็เหมือนกัน พวกเรากินง่ายอยู่ง่าย ตอนแรกลุงเสนอเพราะกลัวว่าจะไม่มีอะไรกินเท่านั้นแหละ ถ้าเป็นแบบนี้ก็วานหนูปีย่าหน่อยแล้วกันนะ”

“ได้ค่ะ ยังไงขอดูเวลาก่อน ถ้ากลับมาเร็วปีย่าจะพยายามทำอะไรที่สิ้นคิดน้อยกว่าข้าวผัดหรือผัดกะเพราให้”

ทรงพลมองรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าสวยแล้วส่งยิ้มตอบกลับไป ก่อนที่เขาจะเหลือบมองลูกชายซึ่งเพิ่งเดินออกจากห้องน้ำในสภาพผมเผ้าเปียกชื้น วีรากรส่งสายตาสงสัยมา แต่ผู้เป็นพ่อก็เพียงส่งรอยยิ้มกวนๆ กลับไปให้

คิดถูกจริงๆ ที่อาทิตย์นี้ตามมาด้วย…

ปริยากรเดินวนไปมาในบ้านพักของตัวเอง ดวงตาสอดส่ายมองหาโทรศัพท์มือถือคู่ใจไปทั่ว แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งเธอเลยเปิดประตูเดินกลับไปยังบ้านหลังกลาง ปรากฏว่าได้เจอร่างสูงของวีรากรยืนอยู่หน้าอ่างล้างจานตรงครัว เขารับรู้ถึงการมาของเธออย่างรวดเร็ว ครั้นได้สบตากันเขาก็เลิกคิ้ว

“น้องปีย่าจะเอาอะไรหรือเปล่า”

“กำลังตามหามือถือน่ะค่ะ เจอพี่วีก็ดีเลย วานพี่วีโทรเข้าเครื่องปีย่าหน่อยได้ไหม”

“มือถือ…” ใบหน้าหล่อเหลาผินไปทางชุดโซฟา จากนั้นก็พยักพเยิดไป “เครื่องที่วางอยู่ข้างเครื่องพี่ใช่ไหม”

หญิงสาวหันมองตาม จากนั้นก็ทำตาโต ถลาไปหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองทันที

“โอ๊ย ปีย่าวางไว้ตั้งแต่ก่อนกินข้าวแน่เลย มิน่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน”

“ตอนแรกพี่เห็นผ่านๆ นึกว่าพ่อพี่วางไว้ ไม่งั้นคงเอาไปให้น้องปีย่าแล้ว” วีรากรวางจานลงบนตะแกรงพักจาน จากนั้นเขาก็หันไปฉวยผ้ามาเช็ดคราบน้ำที่กระเด็นจากตอนล้างจาน

“พี่วีดูโปรด้านล้างจานจริงๆ ด้วย” ปริยากรอดกระเซ้าไม่ได้

เมื่อเย็นนี้พอกลับจากการไปดูที่ดินและคุยงานกับชายหนุ่ม เธอก็มาทำมื้อเย็นตามที่ลั่นวาจาไว้ สถาปนิกหนุ่มแปลกใจมากทีเดียว ตอนแรกเขาจะมาช่วยเธอด้วย แต่พอได้คุยกันแล้วรู้ว่าเธอเกลียดการเก็บล้าง เขาเลยบอกว่าจะล้างถ้วยโถโอชามทั้งหมดให้เองเพราะตอนอยู่บ้านก็รับหน้าที่นี้มาแต่ไหนแต่ไร เป็นอันว่าตกลงแบ่งหน้าที่กันได้ลงตัว

“ขอบคุณอีกทีที่อุตส่าห์ทำมื้อเย็นให้พวกพี่กินนะ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันด้วย”

“ถ้าพรุ่งนี้เช้าพี่วียังล้างจานได้ เดี๋ยวปีย่าทำมื้อเช้าให้อีกก็ได้นะ…อเมริกันเบรกฟาสต์ได้ไหมคะ หรืออยากกินอะไรอย่างอื่น ถ้าไม่ยากและมีวัตถุดิบพอ ปีย่าน่าจะทำให้ได้”

“เอาที่น้องปีย่าสะดวกเลยครับ พี่กับพ่อกินได้หมดแหละ” มุมปากของชายหนุ่มยกเป็นรอยยิ้มกับท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่าย เธอเล่าว่าบันลือชอบให้ทำอาหารให้กิน นัยว่าเป็นกิจกรรมในครอบครัว แต่ใครจะไปนึกว่าเธอจะมาทำอาหารให้เขากับทรงพลกินด้วย “จริงสิ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว น้องปีย่าพอจะมีเวลาสักนิดไหม พี่อยากชวนออกไปดูข้างนอกด้วยกันหน่อย”

“ข้างนอก? ตอนนี้เหรอคะ” ปริยากรมองคนถามแบบงงๆ เพราะตอนนี้ข้างนอกนั่นยังแทบไม่มีอะไรเลย พื้นที่ซึ่งจะสร้างบ้านพักตากอากาศของเธออยู่ไกลออกไป ซ้ำกลางป่าเขาแบบนี้มันก็มืดมากเสียด้วย

“ครับ แค่ข้างหน้าบ้านพักนี่แหละ”

ครั้นได้ยินอย่างนั้นสาวสวยก็พยักหน้ารับแม้จะยังไม่เข้าใจนัก จากนั้นเธอก็ก้าวตามร่างสูงออกไปด้านนอก…บ้านสำเร็จรูปทุกหลังที่สั่งมามีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด ด้านหน้าของทุกหลังเป็นเฉลียง เมื่อนำบ้านมาตั้งเรียงจึงกลายเป็นทางเดินยาวเชื่อมต่อกัน อากาศด้านนอกร้อนอ้าวแต่ก็มีลมพัดอยู่บ้างทำให้ไม่แย่นัก ปริยากรหันมองไปรอบตัว แต่ไม่พบอะไรนอกจากความมืด มีจุดแสงขนาดเล็กอยู่ไกลๆ ซึ่งคงเป็นแสงไฟจากแคมป์คนงานก่อสร้าง

“ดูบนท้องฟ้าสิ” วีรากรบุ้ยใบ้ไปด้านบน เธอเลยเงยหน้ามองตามก่อนจะร้องออกมา

“โห วันนี้ดาวสวยจัง”

“วันนี้ฟ้าเปิด พี่เลยอยากให้น้องปีย่ามาดูดาวสักหน่อยน่ะ ตรงนี้ยังไม่ค่อยมีแสงอื่นรบกวน ต่อไปถ้าสร้างหมู่บ้านแล้วอาจไม่ได้เห็นดาวชัดขนาดนี้ก็ได้” เขาอธิบายเสียงเรียบเรื่อย สองแขนยกขึ้นกอดอกขณะทิ้งน้ำหนักพิงเสาเหล็กของเฉลียง

“มิน่าเมื่อเย็นพี่วีถึงถามปีย่าว่าอยากทำศาลาบนเนินสูงไว้ดูดาวไหม”

“มีท้องฟ้าแบบนี้ น่าเสียดายนะถ้าไม่มีที่เหมาะๆ ไว้ชื่นชมมัน”

“ปีย่าโชคดีที่ได้พี่วีมาเป็นสถาปนิกให้ พี่วีใส่ใจรายละเอียดตลอดเลย” ปริยากรหันไปส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “ยังไงพี่วีลุยได้เต็มที่เลยนะคะ ปีย่าเชื่อใจพี่วี”

“ขอบคุณครับ ต้องขอบคุณทางน้องปีย่าด้วยที่ช่วยให้พี่ทำงานง่ายมาก” สถาปนิกหนุ่มผินหน้ากลับไปส่งยิ้มตอบกลับ…นอกจากหญิงสาวจะเป็นลูกค้าที่คุยง่ายและไม่เรื่องมากแล้ว เธอยังดูแลให้คนของเธอทำวิจัยเกี่ยวกับตลาดหมู่บ้านแถบเขาใหญ่ไว้ชัดเจนครบถ้วน ที่สำคัญคือสามารถส่งข้อมูลมาให้เขาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังกำชับฝ่ายประสานงานให้คอยติดต่อกับเขา นั่นทำให้การพัฒนาแบบบ้านที่จะสร้างขายเป็นไปอย่างราบรื่น

“ปีย่าไม่อยากเป็นภาระของพี่วี เพราะตอนเริ่มงานคุณพ่อก็โยนโครงการนี้ใส่ ปีย่าแทบไม่รู้อะไรเลย จนถึงตอนนี้ปีย่ายังงงๆ ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ไง” เธอหัวเราะน้อยๆ

วีรากรมองหญิงสาวซึ่งเวลานี้อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นแค่เข่า เป็นธรรมดาที่เธอจะยังติดใจกับความแปลกประหลาดของโครงการนี้ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อเป็นบัญชาของบันลือเธอก็ต้องทำตาม ความสงสัยต่างๆ กลายเป็นเรื่องรอง ทว่ามันคงไม่เลือนหายไปเฉยๆ แน่ ซึ่งเขาก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เธอต้องยกความสงสัยกลับมาเป็นเรื่องหลัก

แมลงบินโฉบไปมาอยู่เหนือศีรษะของปริยากร ชายหนุ่มเห็นแล้วก็อดยื่นมือไปปัดไล่มันไม่ได้ เธอช้อนสายตาขึ้นมามองคล้ายจะถาม

“อยู่ในป่าแบบนี้แมลงเยอะ อาจจะมียุงด้วยก็ได้ พี่ได้ยินพวกคนงานบ่นว่ายุงที่นี่ดุ ยังไงน้องปีย่าเข้าบ้านก่อนดีกว่า”

“จริงด้วย…” หญิงสาวพึมพำ จากนั้นก็หมุนกายกลับเข้าไปยังบ้านพักของตนเองอย่างรวดเร็ว

วีรากรมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วหันกลับไปยังบ้านหลังกลาง ตั้งใจว่าจะไปเก็บข้าวของปิดไฟ ทว่าขณะที่กำลังเดินวนเช็กความเรียบร้อยภายในบ้านอยู่นั้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอีกหน

“ปีย่าเอาสเปรย์กันแมลงมาด้วย กะว่าจะเอามาทิ้งไว้ที่นี่ วันนี้ปีย่าลืมเอาให้พี่วี”

“ขอบคุณครับ”  เขารับสเปรย์มา ทว่าดวงตายังจับจ้องใบหน้าสวย…เธอทำให้เขาแปลกใจได้ไม่หยุดจริงๆ “เดี๋ยวพี่ทิ้งสเปรย์ไว้ในบ้านกลางแล้วกัน ทุกคนจะได้ใช้ได้”

“ดีเหมือนกันค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก “เอ้อ เดี๋ยวปีย่าปิดบ้านให้ก็ได้นะ พี่วีจะได้ไปพัก”

“ไม่เป็นไร พี่แค่กำลังเช็กพวกล็อกหน้าต่าง น้องปีย่าไปได้เลย…ถ้าตอนกลางคืนมีอะไรก็เรียกพี่ได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“โอเคค่ะ งั้นก็กู๊ดไนต์ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า” ปริยากรยกมือขึ้นโบกบ๊ายบาย

“กู๊ดไนต์ครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะผละไป เขารอกระทั่งประตูปิดลงแล้วจึงหันกลับไปหาที่วางกระป๋องสเปรย์ หลังจากตรวจสอบทุกอย่างเขาก็ปิดไฟแล้วเดินออกจากบ้านพัก ดวงตาคมเหลือบไปมองบ้านของปริยากรก่อน ผ้าม่านถูกปิดไว้ทว่ายังเห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมา มุมปากของเขายกเป็นรอยยิ้มอัตโนมัติ ก่อนที่เขาจะเดินเลี้ยวไปอีกทางเพื่อกลับเข้าบ้านตัวเอง

“เดินยิ้มมาเชียว มีอะไรดีๆ หรือไง” ทรงพลซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานเอ่ยทักเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้าบ้าน

“พ่อยังไม่นอนอีกเหรอ ทำอะไรอยู่” วีรากรเพิ่งตระหนักว่าตนเองยิ้มอยู่ จึงคลายริมฝีปากให้กลับสู่ภาวะปกติ

“บ๊ะ ยังไม่สองทุ่มด้วยซ้ำจะให้เข้านอน นี่นั่งดูข่าวอยู่” เขาพยักพเยิดไปทางหน้าจอแท็บเลตที่ใช้เปิดดูข่าวทางออนไลน์ เนื่องจากที่บ้านนี้ไม่มีโทรทัศน์

“ผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปด้านในบ้าน

“อ้าว เดี๋ยวสิ ตกลงแกอารมณ์ดีเรื่องอะไร”

ไม่มีเสียงตอบจากลูกชายนอกจากเสียงกุกกักจากการรื้อข้าวของ อึดใจถัดมาวีรากรก็เดินถือเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป ขณะที่ทรงพลหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด

จะว่าไปเมื่อกี้เหมือนจะได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ และแถวนี้ก็ไม่มีใครอื่นนอกจากปริยากรเสียด้วยสิ…

 

สองพ่อลูกตื่นเช้าตามปกติแม้จะเป็นวันหยุดและอยู่เขาใหญ่ ทั้งสองไปวิ่งออกกำลังด้วยกันอย่างที่พักหลังไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก ใช้เวลาแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการวางตัวคนดูแลปริยากร รวมถึงการพยายามดึงเธอเอาไว้ที่เขาใหญ่หลังจากนี้ ซึ่งทั้งสองเห็นตรงกันว่าคนที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นบันลือ

ทั้งสองกลับมาถึงบ้านพักตอนที่สายหมอกสลายตัวไปแล้ว เปิดทางให้แสงแดดของยามเช้าสาดส่องลงมาทาบทาผืนดินเบื้องล่างอย่างเต็มที่ ตอนแรกทั้งคู่จะเข้าบ้านของตัวเอง แต่ทรงพลเหลือบไปเห็นว่าผ้าม่านของบ้านหลังกลางถูกรวบเปิดเอาไว้เขาเลยเลี้ยวไปดู ครั้นเห็นร่างโปร่งระหงกำลังยืนอยู่ตรงครัวเขาจึงเปิดประตูเข้าไปส่งเสียงทักทาย

“ไงหนูปีย่า ตื่นเช้าเชียว”

“มอร์นิ่งค่ะคุณลุง พี่วี” ปริยากรหันกลับมาทักทายเสียงใส “วิ่งกันเสร็จแล้วเหรอ นี่แสดงว่าปีย่ากะเวลาเก่งเหมือนกันนะเนี่ย เดี๋ยวอาบน้ำกันเสร็จน่าจะพอดีกับข้าวเช้านะ”

“กะเวลา? อย่าบอกนะว่าตื่นเช้าขนาดนี้เพื่อมาทำมื้อเช้าให้พวกเรา” ทรงพลร้อง

“บางทีวันหยุดปีย่าก็ตื่นมาทำข้าวเช้าให้คุณพ่อกินอยู่แล้วค่ะ อีกอย่างเมื่อคืนปีย่านอนเร็วด้วยแหละ เช้านี้ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกอีก” เธอรีบพูด “แต่ตอนปีย่าแต่งตัวออกจากบ้านมาก็เจอคุณลุงกับพี่วีวิ่งกันแล้ว เดี๋ยวเอาไว้คราวหน้าขอปีย่าวิ่งด้วยนะ ปกติปีย่าออกกำลังกายแค่วันธรรมดาแล้วก็อยู่แค่ในยิม แต่ที่นี่อากาศดี น่าวิ่งจัง”

“ต้องบอกเจ้าวีแล้วล่ะ คราวหน้าลุงไม่น่าจะได้มาด้วยนะ”

มันเป็นจริงตามที่ทรงพลพูด เพียงแต่ปริยากรลืมไปสนิท และเมื่อคิดว่าเธอเพิ่งขอวิ่งยามเช้ากับวีรากรก็ฟังดูแปลกๆ ชอบกล ดังนั้นเธอจึงเพียงส่งยิ้มให้ชายหนุ่มก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง

“เช้านี้ปีย่าทำอเมริกันเบรกฟาสต์ตามที่บอกไว้ ชุดใหญ่เลย กลัวคุณลุงกับพี่วีไม่อิ่ม” หญิงสาวเอียงตัวให้ทั้งสองเห็นของบนเคาน์เตอร์ด้านหลัง “พอไหมคะ หรือเอาขนมปังปิ้งเพิ่มอีก”

“พอๆ ลุงกินไม่เยอะหรอก มีแต่เจ้าวีนี่แหละที่กินล้างกินผลาญ นี่น่ากินมากเลย ขอบใจจริงๆ ลุงโชคดีที่มาเจอหนู ถ้าอยู่กับเจ้าวีแค่สองคนเช้านี้มีหวังลุงต้องกินมาม่า”

“ที่ผ่านมาก็ผมนะที่ทำมื้อเช้าให้พ่อตลอด” สถาปนิกหนุ่มเหล่มองพ่อ ก่อนจะตวัดแขนโอบรอบไหล่รั้งให้อีกฝ่ายย้อนกลับไปทางประตู “ไปอาบน้ำ…พ่ออาบที่บ้านนู้นแล้วกัน เดี๋ยวผมมาใช้ห้องน้ำที่นี่”

“แค่นี้ขวางพ่อไม่ให้แฉความจริงเกี่ยวกับแกให้หนูปีย่าฟังไม่ได้หรอกว่ะ”

“ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอก น้องปีย่ามีวิจารณญาณมากพอ”

ปริยากรฟังสองพ่อลูกคุยกันแล้วก็อดขำไม่ได้ เธอหันไปเอาไส้กรอกลงกระทะโดยที่มุมปากยกเป็นรอยยิ้ม ไม่รู้เลยว่าพอทรงพลเดินพ้นจากหน้าบ้านไปแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กระทั่งคนเป็นลูกชายยังต้องหันไปมอง

“พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า”

“กลับเข้าบ้านมาแล้วเจอหนูปีย่าอยู่ในครัวทำอาหารให้แบบนี้…นึกถึงตอนแม่แกยังอยู่เลยนะ”

วีรากรนิ่งไปอึดใจแล้วก็ได้แต่พยักหน้ารับ…แม่ของเขาอาจไม่ได้สดใสร่าเริงเท่าปริยากร ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบรรยากาศเมื่อครู่มีอะไรบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงท่านมากจริงๆ

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน มีนาคม 65)

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: