X
    Categories: LOVEทดลองอ่านสะดุดรักร้อยโล

ทดลองอ่าน สะดุดรักร้อยโล บทที่ 1

หน้าที่แล้ว1 of 7

บทที่ 1

ไร้เซ็กซ์แอพพีล

 ‘เทพบุตร ปกรณ์เกียรติ’ ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ผิวพรรณของเขาขาวเหลือง เครื่องหน้าออกจีน มีส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้า แต่ทว่าน้ำหนักตัวมากถึงหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลกรัมกำลังนอนซมจมทะเลน้ำตาอยู่ภายในห้องส่วนตัวที่ตั้งอยู่ชั้นสองของคฤหาสน์ปกรณ์เกียรติ ลูกตาดำของคนอกหักลอยคว้างเหม่อมองไปยังฝ้าเพดานยิปซัมสีขาว เขาปิดการรับรู้ทุกประสาทสัมผัสโดยไม่สนใจว่าเข็มนาฬิกาได้เดินผ่านไปเนินนานเท่าไหร่แล้ว

คิดถึง

ไม่ว่าชายหนุ่มจะหลับตาหรือลืมตา ภาพใบหน้า ‘เรียวหนาม มาหยา’ คนรักเก่ายังคอยผุดฉายวนเวียนและชัดเจนอยู่ในหัวสมองของเขาคล้ายกับอาการแฟลชแบ็ก ความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับเธอคนนั้นตีย้อนกลับมาตัดสลับกับเรื่องราวความเป็นจริงในปัจจุบันที่เขาไม่มีเธออีกแล้ว

เทพบุตรพลิกใบหน้าหันมองไปยังเหล่าข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องนอนตัวเองที่ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์เนมจากเมืองนอกซึ่งมีราคาสูงลิบลิ่ว แน่นอนว่ามันบ่งบอกถึงสถานภาพความเป็นอยู่ของเจ้าของได้เป็นอย่างดี แต่ความร่ำรวยไม่อาจช่วยให้มนุษย์เจอรักแท้ได้เลย มันไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด หรือบางที…ดวงชะตาชีวิตของเขาอาจจะถูกกำหนดมาแล้วว่าให้เป็นคนอาภัพรัก

คนหัวใจสลายจัดการกับอารมณ์เศร้าของตัวเองไม่ถูก เพราะเจ้าตัวเพิ่งเริ่มทำความรู้จักกับเรื่องรักแบบหนุ่มสาวเอาตอนอายุย่างเข้ายี่สิบห้าปีนี่เอง การเป็นเด็กเนิร์ดตัวอ้วนใส่แว่นหนาเตอะที่เอาแต่ท่องตำราเรียน ไม่สนใจดูแลหน้าตาและรูปร่างของตัวเอง ไม่ตื่นตัวกับเพศตรงข้าม ทำให้เขาจีบสาวไม่เป็น เรียกว่าไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยในชีวิต ทว่าหลังจากศึกษาจบปริญญาโท สาขาการบริหารธุรกิจจากประเทศอังกฤษกลับมาเมืองไทยและได้มีโอกาสไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสมัยเรียน ทำให้เขาเจอกับเธอคนนั้น ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้จักกับความรักแบบเสน่หาเป็นครั้งแรก

ด้วยความที่เห็นเพื่อนสมัยเรียนเริ่มทยอยแต่งงานมีครอบครัวกันแล้ว ทำให้เทพบุตรนึกย้อนดูตัวเองว่ามันคงถึงเวลาที่เขาจะต้องมองหาใครสักคนมาร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน อายุเขาสมควรจะมีคู่แล้วจริงๆ เจ้าตัวจึงไม่ปฏิเสธที่จะทำความรู้จักกับเรียวหนาม มาหยาผ่านการแนะนำของเพื่อนสมัยเรียนภายในงาน เธอทำอาชีพเป็นดาราและพิธีกรที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่ในวงการระดับหนึ่ง เขากับเธอทำความรู้จักกันอยู่ประมาณสองสัปดาห์กว่า ก่อนจะตัดสินใจขยับสถานะเป็นคนพิเศษของกันและกัน ชายหนุ่มมอบความรักและตามใจเรียวหนามหมดทุกอย่าง ไม่ว่าเธอจะเอ่ยปากขออะไร ราคาสูงลิบลิ่วแค่ไหน ถ้าเพื่อความสุขของคนรักแล้วเขาเต็มใจจ่ายให้เธออย่างไม่อิดออด ความสัมพันธ์ของคนสองคนดำเนินเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดแปดเดือนเต็ม ถึงขั้นที่ว่าเทพบุตรเริ่มมีความคิดอยากจะคุกเข่าขอหญิงสาวแต่งงาน

ทว่า…มันดันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมาเสียก่อนนี่แหละ

พวกมือที่สาม!

“ทำไม”

เทพบุตรเค้นน้ำเสียงย้ำความคิดในหัวของตนลอดผ่านไรฟันที่เจ้าตัวขบกัดกันจนแน่น

ใช่ เขากำลังโกรธผู้ชายคนนั้น มันแย่งเรียวหนามของเขาไป แต่เหนือความต้องการอื่นใด เขาอยากได้ผู้หญิงของเขาคืนมา ทว่าพอเจ้าตัวคิดถึงใบหน้าแฟนเก่า ไฟแค้นที่สุมตัวลุกโชนอยู่ในอกก็ค่อยๆ ดับมอดลง หลงเหลือเพียงความเศร้าระคนหดหู่

‘คุณมันอ้วน ไร้เซ็กซ์แอพพีล เรียวรักคุณไม่ลงหรอกค่ะ’

คำพูดสุดท้ายของเรียวหนามก่อนที่เจ้าหล่อนจะจากไปยังคงดังก้องกังวานอยู่ในหูของคนที่เธอจงใจด่าตอกหน้าให้หงาย มันหลอกหลอนผู้ฟังยิ่งกว่าเพลงฮิต เจ็บจี๊ดยิ่งกว่าถูกประตูหนีบนิ้ว

แค่เพราะเขาอ้วนเขาก็ไม่สมควรจะได้รับความรักจากผู้หญิงคนไหนเลยใช่ไหม

แล้วความรักที่เขาทุ่มเทมอบให้เรียวหนามไปล่ะ มันไม่มีค่าเลยงั้นเหรอ

และเหมือนดั่งที่หนังสือเล่มหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า…

‘คำพูดคืออาวุธราคาถูกที่สามารถฆ่ามนุษย์ให้ตายได้’

คนจิตตกอย่างหนักกล่าวตัดพ้อสารรูปภายนอกของตัวเองวนเวียนในหัว โดยที่เจ้าตัวไม่รับรู้เลยว่าตนมาหยุดยืนอยู่หน้าระเบียงรับลมนอกห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ มือเจ้าเนื้อคว้าจับราวเหล็กแล้วลองชะโงกหน้ามองลงไปข้างล่าง กระแสลมเย็นวูบหนึ่งพัดตีเข้าหาใบหน้ากลม ภาพที่เขาเห็นคือสนามหญ้าสีเขียวทึบเพราะไร้แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่อง มีต้นไม้ดัดจัดเป็นระเบียบอย่างสวยงาม ถัดเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายหินธรรมชาติ และพลันนั้นเองความคิดอ่อนแอจึงบังเกิดขึ้นในจิตใจของคนอ่อนไหว

ถ้าหากเขาพลัดตกลงไปเจ็บหนักจนต้องหามตัวส่งโรงพยาบาล เรียวหนามจะมาเยี่ยมเขาหรือเปล่า

และเชื่อเถอะว่า…พิษจากความรักสามารถทำให้คนมีความคิดกลายเป็นคนสิ้นคิดได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งความอ่อนไหวของจิตใจดูเหมือนจะเป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดีของพฤติกรรมพิสดาร มืออูมจับกระชับท่อนเหล็กตรงหน้าเอาไว้จนมันแน่นเพียงพอที่จะพยุงร่างน้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัมของเขาให้ไต่ขึ้นไปนั่งบนราวระเบียงได้สำเร็จ คนต้องการเรียกร้องความสนใจจากแฟนเก่าทิ้งปลายเท้าทั้งสองข้างลู่ลงพื้นดินราวกับพระเอกเอ็มวีเพลงเศร้ากำลังประชดชีวิตรัก ชายหนุ่มวัยเบญจเพสนั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวแรกเริ่มในวันที่เขาเริ่มรักจวบจนวันที่ความรักของตนหมดค่าลง เขาปลดปล่อยอารมณ์มืดหม่นผ่านพระพายเย็นพัดแผ่วไปสักพักหนึ่ง

เพียงชั่วครู่คนสติหลุดลอยไปในอากาศจึงเริ่มรู้สึกตัว

นี่เขาคิดจะทำบ้าอะไรอยู่

เทพบุตรเหลือบมองต่ำลงไปยังพื้นด้านล่างอัตโนมัติ ก่อนที่ขาทั้งสองข้างของเจ้าตัวจะเย็บวาบตามมาด้วยอาการสั่นระริกจากระดับความสูงที่กะระยะทางสายตาแล้วว่าถ้าเกิดพลัดตกลงไปมีหวังกระดูกรยางค์สักท่อนในร่างกายเขาต้องร้าวหรือหัก เจ็บหนักอย่างที่ตนตั้งใจเอาไว้แต่แรกแน่นอน

มันไม่คุ้มกันเลย

ความสูงระหว่างราวระเบียงกับพื้นหญ้าทำให้ความหวาดกลัวเริ่มทะยานเข้ามาครอบงำจิตใจของชายหนุ่ม ปลุกจิตวิญญาณความรักตัวกลัวตายของเขาให้ตื่นขึ้นมา

คนอยากจะเจ็บตัวประชดชีวิตรักเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่จังหวะที่เขาวาดขาเตรียมจะหมุนกายและดันร่างน้ำหนักร้อยยี่สิบกิโลกรัมของตัวเองกลับลงมาจากราวระเบียงเหล็กนั้นมันแสนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน

เทพบุตรพยายามอย่างมากที่จะไม่สั่นเทาไปกับระดับความสูงและภาพจินตนาการสุดหวาดเสียวที่กำลังโลดแล่นอยู่ในสมองของเขา ทว่านี่คือชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย

“เฮ้ย!”

คนเสียหลักสมดุลลื่นถลาหล่นตุ้บมาลอยต่องแต่งอยู่กลางชั้นอากาศ ดีหน่อยที่เจ้าตัวคว้าจับท่อนเหล็กเอาไว้ได้ทันการณ์ แต่รู้สึกเหมือนมันจะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย เพราะน้ำหนักของตัวเขามันมากเกินกว่าที่แขนอวบอ้วนไร้กล้ามเนื้อจะต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลกไหว และแน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้วร่างอ้วนร้อยยี่สิบกิโลกรัมจึงร่วงตกลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์ปกรณ์เกียรติอย่างรวดเร็ว

ตุ้บ!

“โอ๊ย!”

เทพบุตรถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อแผ่นหลังที่มีก้อนไขมันอัดกันอยู่จนแน่นของตนกระแทกเข้ากับพื้นโลกอย่างรุนแรง ความเจ็บแปล๊บกระจายไปทั่วทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถขยับเขยื้อนอวัยวะส่วนใดได้เลย และเมื่อระบบผิวหนังเริ่มรับสัมผัสได้ว่าบริเวณโดยรอบตัวมีความเปียกแฉะ บวกกับระบบความคิดในหัวที่คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องเจ็บมากแน่นอน ทำให้ในสมองของเจ้าตัวจินตนาการภาพตัวเองกำลังนอนจมกองเลือดสีแดงชาดอยู่

เขากำลังเสียเลือดมาก กำลังจะตายในไม่ช้า

ทว่า…ใบหน้าอวบอ้วนกลับต้องยับยู่เมื่อได้กลิ่นฉุนคุ้นๆ โชยเข้ามาในท่อทางเดินหายใจ ส่งผลให้จมูกกลมขยับฟุดฟิดไปมา

เอ…จะว่าไปเขาก็ไม่ใช่คนกินผัก แต่ทำไมกลิ่นเลือดมันถึงได้เหม็นเขียวชอบกล

มือของคนเจ้าเนื้อค่อยๆ ลูบคลำสำรวจพื้นที่รอบกาย เรียกว่าแน่ใจจนสรุปกับตัวเองได้แล้วเจ้าตัวจึงลืมตาพรึบ

สนามหญ้า

คนเฉียดตายรีบพลิกหน้าขวับ หันมองไปทางพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายที่อยู่ห่างออกไปในระยะไม่ถึงหนึ่งเมตรเลยด้วยซ้ำพลางเป่าลมหายใจผ่านช่องปากด้วยความรู้สึกโล่งยาวเหยียด เพราะอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียวที่เขาอาจจะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต หรือบางทีอาจถึงตายไปเลยก็ได้

และแม้ว่าเทพบุตรจะไม่ได้เจ็บจนถึงขั้นต้องหามกันไปส่งโรงพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นนิวตันเคยกล่าวเอาไว้ว่า ‘แอ็กชั่น เท่ากับรีแอ็กชั่น’ แรงกระแทกจึงทำโทษร่างกายของคนขาดสติจนปวดระบมตุบๆ ไปทุกสัดส่วน เขามั่นใจเลยว่าในวันพรุ่งนี้ตัวเองจะต้องเห็นรอยช้ำสีเขียวม่วงบนกายสักแห่งเป็นหลักฐานสะกิดใจไปอีกหลายอาทิตย์แน่นอน

เทพบุตรใช้มือเท้าพื้นหญ้าเพื่อพยุงเรือนร่างรวดร้าวของตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มตัวสูง เขารู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณหัวเข่าจนทรุดตัวลงเล็กน้อยพลางหันซ้ายแลขวาเพราะกลัวว่าพวกคนงานจะมาเห็นเข้า พอแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่เจ้าตัวจึงรีบเดินกะเผลกๆ เข้าประตูคฤหาสน์ทันที

ชายหนุ่มผ่านทางโถงกว้าง แหงนหน้ามองบนเพดานมีแชนเดอเลียเพชรห้อยระย้าอยู่อย่างสวยงาม ด้านซ้ายเป็นห้องพักผ่อนสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว คนเริ่มสำนึกได้มองทะลุวงกบเข้าไปภายในห้องนั้น เขาเห็นภาพบิดากำลังป้อนลูกพลับในจานให้กับมารดาพลางดูโทรทัศน์จอขนาดมหึมาอยู่ด้วยกัน

เทพบุตรหยุดฝีเท้ายืนมองคู่รักชายหญิงวัยใกล้ชราด้วยประกายตาสำนึกผิด พ่อกับแม่คือคนที่รักเขามากที่สุดในโลก กับอีแค่ถูกคนรักทิ้งเขาถึงกับคิดสั้นทำร้ายตัวเอง นี่ถ้าพวกท่านรู้เข้าคงจะเสียใจไม่น้อยเลยทีเดียว ทำไมนะทำไม ทำไมเขาถึงไม่รักตัวเองได้มากขนาดนั้น คนหนุ่มกล่าวตัดพ้อในใจตามประสาคนรู้สำนึก ก่อนจะคิดย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มันเป็นเหตุการณ์ที่ผลักดันให้เขาคิดสั้น ตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ลงไป

 

‘ไม่ ผมไม่เลิก’

ใบหน้าอวบกลมขึ้งเคียดหลังจากกล่าวคำคัดค้านนั้นออกมาเสียงเครือ ความกลัวผลักดันให้เจ้าตัวรีบคว้ามือทั้งสองข้างของคนรักเอาไว้ โดยไม่คิดที่จะกลั้นน้ำตาและสนใจสูดน้ำมูกที่กำลังไหลย้อยลงมาหมิ่นเหม่อยู่แถวเนินขอบปากตัวเองเลยแม้แต่น้อย ณ เวลานี้เทพบุตรรับรู้เพียงแต่ว่า…

เขาไม่อยากสูญเสียเธอไป

ชายหนุ่มส่งสายตาวิงวอนร้องขอให้คนตรงหน้าที่เอาแต่ยืนเงียบเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิดที่จะไปจากเขา น้ำตาลูกผู้ชายหยดติ๋งลงบนหลังมือสีขาวซีดแผ่เป็นวงชื้นเล็กๆ

‘เรียวต้องการอะไร บอกผมสิผมจะให้’

‘เราเลิกกันเถอะ’ คำพูดสั้นๆ ที่ดังออกมาจากปากของเรียวหนามเหมือนมีดคมที่กรีดแทงเข้ามาในหัวใจชายหนุ่ม ภาพจินตนาการในหัวที่เขาวาดฝันเอาไว้กลับตาลปัตรเมื่อสาวสวยผู้แสนดีในจอทีวี แต่นอกจอไม่ใช่ ชักสีหน้าแสดงความรำคาญอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เทพบุตรสบสายตาแน่วแน่ไม่มีลังเลของผู้หญิงที่ตนรัก คนรักษาสัจจะยิ่งชีพถึงกับยืนนิ่งงันไม่ยอมพูด เหตุเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันทำให้ได้

เขารักเรียวหนามมากเกินกว่าที่เธอจะรับรู้ แต่ดูเหมือนว่าความรักของเขาจะไม่สามารถรั้งตัวและหัวใจของหญิงสาวเอาไว้ได้เลย คนหมดหวังกระชับมือเย็นในอุ้งมือตัวเองเพื่ออ้อนวอนเธอจนวินาทีสุดท้าย

‘ปล่อยมือเรียวซะที’

เทพบุตรออกแรงรั้งมือเย็นของแฟนสาวไว้สุดแรงเกิด และดูเหมือนว่าเรียวหนามก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เลยกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างยื้อยุดฉุดกระชากมือกันไปมาอยู่สักพักใหญ่

‘เป็นเมนส์เหรอเรียว ทำไมไม่มีเหตุผลเลย’ พอได้ยินคำถามแบบนั้นจากแฟนหนุ่มเรียวหนามจึงค่อยๆ ลดอาการต่อต้านลงเล็กน้อย เหตุผลคือหนึ่งเพราะตระหนักได้ว่าแรงผู้หญิงไม่มีทางสู้แรงผู้ชายได้ และสองเจ้าตัวจำต้องรักษาภาพลักษณ์ความเป็นเรียวหนาม มาหยาเอาไว้ โดยการพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจช้าๆ เพื่อระงับอารมณ์ด้านมืดของตัวเองให้ดับลง

‘เปล่าค่ะ เรียวปกติดี’

‘ถ้าอย่างงั้นเรียวเป็นอะไร จู่ๆ บุ่มบ่ามมาขอเลิกกับผมทำไม’

เมื่อถามแล้วคนตรงหน้าเอาแต่ยืนเงียบ เขาจึงเร่งเอาคำตอบโดยการเขย่ามือเย็นเรียกสติอีกฝ่าย จนร่างเพรียวขยับเซตามแรง

‘ทำไมล่ะ ทำไมๆๆ!’

‘โอ๊ย! น่ารำคาญ’

มือหนาชะงักกึก คนผวาวาบกะพริบตาปริบๆ มองหญิงสาวที่เพิ่งระเบิดเสียงแหลมสิบแปดหลอดตวาดแว้ดใส่ตัวเองด้วยความสะเทือนจิต เรียกว่าตั้งแต่คบหาดูใจกันมาเรียวหนามไม่เคยสักครั้งที่จะส่งเสียงดังใส่เขาแบบนี้ แม้แต่ตอนทะเลาะกันก็ตามที

นี่เป็นครั้งแรก

‘จะปล่อยได้รึยัง เรียวเจ็บ!’

คำว่า ‘เจ็บ’ เหมือนเป็นตัวปลดล็อกกุญแจมือยี่ห้อเทพบุตรให้หลุดออกอัตโนมัติ ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานด้วยสายตาตัดพ้อ ความจริงแล้วเขาก็พอจะระแคะระคายเรื่องที่แฟนตัวเองกำลังแอบปันใจไปให้ผู้ชายคนอื่นอยู่บ้าง เพียงแต่เขาเลือกที่จะเชื่อใจคนของตัวเอง และได้แต่เฝ้าภาวนาในใจขออย่าให้ต้นเหตุรักร้าวครั้งนี้มาจากข่าวบันเทิงร้อนเมื่อสามวันก่อนเลย

‘เราจบกันด้วยดีเถอะนะคะเทพ เรียวไม่อยากใจร้ายกับคุณ’

‘ไม่!’

‘อย่าบังคับให้เราต้องเกลียดกันนะเทพ’

‘ผมไม่เลิก! ได้ยินไหมว่าผมไม่เลิก!’ เทพบุตรสวนกลับทันควัน

เรียวหนามที่สุดจะทนจึงตวาดลั่นออกมาจนคนรับใช้ที่แอบซุ่มดูสถานการณ์ของเจ้านายอยู่หลังกำแพงสะดุ้งโหยงกันเป็นแถบ

‘แต่เรียวจะเลิก!!!’

‘เพราะผู้ชายที่ชื่อฤทธิ์ตินัยใช่ไหม’

เทพบุตรจงใจพูดพาดพิงถึงจุดไต้ตำตอของปัญหาที่เกิดขึ้น เขาจดจ้องลึกเข้าไปในรูม่านตาของคนรักที่มันขยายกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยาของเธอเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนเวลาตกใจกับเรื่องอะไรสักอย่าง เพราะสำหรับดารามากฝีมืออย่างเรียวหนาม ถ้าคิดจะจับผิดคงจะต้องสังเกตจากนัยน์ตาของเธอที่แม้จะแสดงเก่งกาจมากแค่ไหนก็ไม่อาจหนีปฏิกิริยาทางร่างกายตามธรรมชาติไปได้

‘ไม่เกี่ยว’ เรียวหนามปฏิเสธเสียงเข้ม แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่คนอย่างเธอหรือจะยอมแพ้ ถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมากพอ ไม่มีทางที่เธอจะยอมรับผิดหรอก ‘เอ๊ะ นี่เทพกำลังกล่าวหาว่าเรียวนอกใจคุณอยู่นะ’

เทพบุตรเลือกที่จะส่งยิ้มเย็นให้กับแฟนสาวที่กำลังยืนกอดอกปั้นหน้าเอาเรื่องเขาอยู่ ความจริงจากคำพูดของเขามันชัดเจนจนเธอน่าจะตระหนักได้แล้วว่าคนที่รู้แต่ไม่พูด กับคนที่ไม่รู้เลยไม่พูดมันต่างกัน

‘ฮึ ผมยังไม่ได้บอกสักคำว่าเรียวนอกใจ’

เทพบุตรจดจ้องเข้าในนัยน์ตาของคนรักเพื่อสื่อให้เธอรู้เสียทีว่าเขาไม่ได้โง่ ไม่ได้ซื่อบื้อจนถึงขั้นจะหลอกอะไรก็เชื่อไปหมด แต่เพราะเขารักเธอมาก เขาถึงเลือกที่จะเงียบ เลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่งไว้ ทว่าบางทีมันอาจจะเป็นการเลือกที่ผิดถนัด

‘มันไม่มีอะไร’ เรียวหนามพูดพลางหันหลังเดินไปทางโซฟาหลุยส์สีทองอร่าม แล้วหย่อนสะโพกลงนั่งบนเบาะจนยวบ ก่อนจะยกขามาไขว่ห้างตามนิสัยของหล่อน

‘ครับ ผมเชื่อ’ เทพบุตรขานรับเสียงเรียบ เขาเห็นเรียวหนามมองตอบกลับมาด้วยสายตาไม่ยี่หระ พานให้คนรู้ความจริงอยู่เต็มอกเกิดความหมั่นไส้จนต้องพูดอะไรบางอย่างให้เธอเลิกทำเป็นเนียนได้แล้ว

เรียวหนามควรจะรู้สึกผิดและสำนึกเสียบ้าง

‘ผมรู้ว่าข่าวบันเทิงใครจะนั่งเทียนเขียนยังไงก็ได้ หรือแม้แต่ตัดต่อรูปใครไปนั่งกินข้าวกับใครบนรูฟท็อปก็ได้ด้วย’

‘…’

เรียวหนามทำเป็นเชิดหน้าตีเนียนต่อ เธอยังคงใช้ความเงียบเข้าสู้ความจริงแม้ว่าขนทั่วร่างกายจะลุกซู่กับวาจาทำนองว่ารู้ทันหรอกนะ แต่เขาแค่เลือกที่จะไม่พูดมันออกมาเท่านั้น แต่ก็บอกไปแล้วไง ถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมากพอ ไม่มีทางที่เธอจะสารภาพก่อนแน่นอน

‘ค่ะ’

เรียวหนามประสานสายตากับคนจ้องจับผิดตัวเองอย่างไม่นึกเกรงกลัว พอมาลองคิดดูเธอเองก็เสียดายเทพบุตรอยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าเธอไม่เคยรักคนอ้วนฉุเลยแม้แต่น้อย ที่ยอมคบด้วยเป็นเพราะความร่ำรวยของเขาทำให้ชีวิตเธอสบาย ทว่าความสุขของเธอไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้น

เรียวหนาม มาหยาไม่ได้ต้องการเป็นคุณนายใช้เงินมือเติบ หรือเป็นเพียงนักแสดงสมทบดีเด่นเหมือนปัจจุบัน ทว่าความใฝ่ฝันและปรารถนาสูงสุดในชีวิตเธอคือการเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยต่างหาก เพราะฉะนั้นตราบใดที่เธอยังไม่สมหวัง ไม่ว่าจะต้องทำวิธีการไหนเพื่อแลกมันมาเธอก็จะทำ

นี่ถ้าไม่ติดว่าเทพบุตรมีนิสัยหึงหวงและหัวโบราณจ๋าจนมันส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานเธอล่ะก็ เธอไม่มีวันยอมทิ้งบ่อเงินบ่อทองของตัวเองไปไหนหรอก

และถ้าให้เลือกระหว่างความฝันในวัยเด็กที่กำลังจะเป็นจริงเพราะผู้ชายคนใหม่ กับผู้ชายคนเก่าที่มีดีแค่ความรวย เธอขอเลือกช้อยส์แรก

บรรยากาศภายในห้องรับแขกเงียบสงัดเมื่อต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครยอมพูดอะไรมา เรียวหนามที่มีนัดทานดินเนอร์กับฤทธิ์ตินัยต่อจึงแสร้งทำเป็นถอนลมหายใจออกมาเสียงดังเฮ้อพลางยันกายยืนเต็มตัวสูง

‘ถ้าเทพหายสงสัยแล้ว เรียวขอตัวกลับก่อนนะคะ’

‘เดี๋ยว’ เทพบุตรคว้าแขนคนที่ตั้งท่าจะเดินจากไปเสียให้ได้หมับ ‘ผมไม่มีทางยอมเลิกกับคุณ’

‘ก็ได้ ในเมื่อพูดดีๆ ด้วยแล้วเทพไม่เข้าใจ เรียวจะถือว่าคุณบังคับให้เรียวใจร้ายเองนะ’

มือของเทพบุตรถูกมือเรียวหนามปัดออกอย่างรุนแรง แล้วฝ่ายนั้นก็หันกลับมายืนประจันหน้ากันกับเขาอีกครั้ง แต่สายตาที่เธอใช้จับจ้องมองมาได้เปลี่ยนแปลงไป มันดูเย็นชาจนน่ากลัว

‘เทพคิดว่าที่ผ่านมาเรียวรักคุณจริงๆ งั้นเหรอคะ’

คนพุงกลมรู้สึกช็อกไปไม่น้อยเลยกับประโยคที่ตัวเองได้ยิน เขามองใบหน้าแฟนสาวอย่างไม่เข้าใจความนัยมากนัก หรือบางทีเขาอาจจะเข้าใจมันแล้ว แต่ว่ายังฝืนหลอกตัวเองอยู่

‘เรียวหมายความว่ายังไง’

‘ก็หมายความว่าคุณมันอ้วน ไร้เซ็กซ์แอพพีล เรียวรักคุณไม่ลงหรอกค่ะ’

แก่นสมองกับหัวใจของเทพบุตร ปกรณ์เกียรติสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงกับคำพูดนั้น หัวสมองชายหนุ่มประมวลช้าลงจนแยกไม่ออกแล้วว่าสิ่งที่แฟนสาวพ่นออกมามันเป็นความจริง หรือแค่ต้องการให้เขาเลิกตอแยเธอเสียที แต่ทว่าวาจานั้นมันทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดลงมากลางกบาล คนเป็นใบ้แดกไปชั่วขณะเริ่มคืนสติและรู้สึกตัวอีกครั้ง จึงรีบรุดตามอีกร่างออกไปนอกบ้านทันที

เจ้าบ้านวิ่งถลาออกมาจากตัวตึกคฤหาสน์ด้วยความรวดเร็ว ร่างพุ่งกระเพื่อมหยุดยืนหอบแฮกๆ กางแขนขาขวางหน้ากระโปรงรถของเรียวหนามที่ตัวเขาเป็นคนควักเงินซื้อให้เองเมื่อเดือนก่อนอย่างไม่กลัวความตาย

ปี๊นๆ

คนในรถกดแตรเพื่อส่งสัญญาณขอทาง ทว่าพอเห็นเขายังยืนขวางอยู่ไม่ยอมขยับไปไหนจึงกดแตรลากเสียงยาวเป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งสุดท้าย ก่อนฝ่ายนั้นจะตัดสินใจเข้าเกียร์เดินหน้าแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งยานพาหนะสี่ล้อเข้าหาร่างเขาแบบไม่มีแววเลยว่าจะเหยียบเบรก

เมื่อเทพบุตรตระหนักได้แล้วว่าเรียวหนามเอาจริงแน่ แม้หัวใจเขาจะสู้ไม่ถอย แต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับพุ่งหลบเข้าข้างทางอย่างอัตโนมัติ ส่งผลให้ร่างท้วมเกลือกกลิ้งหลุนๆ มาหยุดนอนแผ่หลากับพื้นคอนกรีตลายหินธรรมชาติ

นัยน์ตาเศร้าสะท้อนภาพรถยนต์คันงามแล่นฉิวออกไปนอกรั้วคฤหาสน์ปกรณ์เกียรติ แล้วยิ่งพอสมองประมวลผลได้ว่าแฟนสาวไม่แม้แต่จะชะลอความเร็วเครื่องยนต์ลงเลยสักนิด ทำให้ความสะเทือนใจโลดแล่นเข้ามาจับจิตคนถูกหักอกอย่างสุดจะบรรยาย

เขาถูกทิ้งแล้วจริงๆ

 

“เจ้าเทพ”

‘ปุริม’ หันมาเห็นลูกชายยืนมองตัวเขากับภรรยาอยู่นอกห้องพอดี แปลกใจว่าทำไมลูกถึงไม่ยอมเดินเข้ามาจึงกล่าวทัก ส่งผลให้คนถูกเรียกขานสะดุ้งตัวโหยงหลุดออกมาจากภวังค์ทันที

“ครับคุณพ่อ”

“ตั้งแต่กลับมาฉันไม่เห็นแม้แต่เงาแกเดินลงมาจากบันได แกออกไปข้างนอกทางไหน”

คำถามของปุริมผู้เป็นประมุขของคฤหาสน์ทำให้เทพบุตรผงะ เขามองเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของบิดาและมารดาด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เหนือความรู้สึกอื่นเลยคือเขาไม่อยากโกหกพวกท่าน แต่จะให้บอกความจริงว่าเขาอกหักเลยคิดสั้นถึงขั้นตัดสินใจกระโดดระเบียงลงมาจากชั้นสองก็ไม่กล้า

“เอ่อ…” เทพบุตรพยายามนึกหาคำแก้ตัวที่ดีที่สุดแบบที่ไม่บิดเบือนความจริงไปมากนัก แต่ดูเหมือนว่าการที่กะโหลกศีรษะกระแทกกับพื้นสนามหญ้าเมื่อสักครู่ส่งผลให้สมองของเขาแบลงก์ เลยกลายเป็นว่าเจ้าตัวยืนอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมตอบเสียทีจนมารดาที่พอจะดูอาการลูกชายออกเสมอช่วยดึงความสนใจของบิดาไป

“คุณปุกำลังถึงช่วงไคลแม็กซ์แล้วค่ะ เราก็เข้ามานั่งดูด้วยกันสิตาเทพ พ่อกับแม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดีนะ ลุคเธอดูเหมาะกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของแฟตบอมบ์ด้วย”

‘แฟตบอมบ์ (Fat Bomb)’ บริษัทเครื่องดื่มทางเลือกชื่อดังแห่งยุค เนื่องจากปัจจุบันกระแสรักสุขภาพในประเทศไทยกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ทำให้ฟังก์ชันนัลดริ๊งก์บูมขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ ส่งผลให้แฟตบอมบ์สามารถเข้าควบส่วนแบ่งของตลาดเครื่องดื่มได้มากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ กอบโกยกำไรมหาศาลทุกไตรมาส ผลักให้ตระกูลปกรณ์เกียรติก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีลำดับต้นๆ ของเมืองไทย เป็นที่จับตามองของสื่อมวลชนทุกสำนัก แต่กว่าจะมีอย่างวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนายปุริมและ ‘นางปุรี’ สองสามีภรรยาผู้ก่อตั้งต้องต่อสู้กับมรสุมชีวิตเป็นเวลากว่าหกปี และมีแผนจะส่งมอบอาณาจักรเครื่องดื่มพันล้านให้กับทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลสืบสานต่อในไม่ช้า

“ครับ คุณแม่” เทพบุตรรับคำอย่างว่าง่าย แม้ว่าในใจเจ้าตัวอยากจะกลับห้องนอนตนมากกว่าก็ตาม แต่โดยนิสัยปกติแล้ว หากพูดถึงเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเวลาไหนรองประธานบริษัทอย่างเขาไม่เคยปฏิเสธในการร่วมปรึกษาหารือเลยสักครั้ง

คนปวดแปลบที่บริเวณหัวเข่าข้างขวากัดฟันเดินเป็นปกติเข้ามาจับจองที่นั่งบนโซฟาหลุยส์สีทองอร่าม โดยหารู้ตัวไม่ว่าคนเป็นพ่อกับแม่ต่างสะดุดตากับเศษหญ้าแห้งและรอยดำเป็นปื้นบนหลังเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเอง

ทว่าปุริมกับปุรีก็เลือกที่จะเงียบไม่ถามอะไรลูกชายทั้งนั้น พวกเขาทำเพียงสบสายตากันและกันแวบหนึ่ง ก่อนจะนึกย้อนไปถึงคำพูดของเมดในคฤหาสน์เมื่อตอนเย็นแล้วพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวกันได้

ปุรีตัดสินใจลุกจากสามีแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ บุตรชายพร้อมกับใช้แขนโอบรอบหัวไหล่อวบอ้วนเอาไว้ มือของผู้เป็นมารดาลูบและโน้มศีรษะลูกชายให้มาซบอิงกับศีรษะของตน เพื่อสื่อให้คนอ่อนแอรับรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่บนโลกเพียงลำพัง แต่ยังมีแม่อยู่เคียงข้างเสมอ

“แม่กับพ่อรักเทพนะลูก”

เทพบุตรเกิดอาการงวยงงเล็กน้อย แต่พอจะเดาได้ว่าบิดากับมารดาน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดจากเมดในคฤหาสน์ตั้งแต่เย็นแล้ว เขาพยักหน้ารับทราบพร้อมกับเข้าสวมกอดรับไออุ่นจากมารดา พลันนั้นน้ำตาคนสำนึกผิดมันทำท่าจะไหลออกมาเสียให้ได้ ดีหน่อยที่เขาฮึบมันเอาไว้ทัน

“ผมก็รักแม่กับพ่อครับ”

ปุรีส่งยิ้มให้กับสามีที่นั่งคอยให้กำลังใจบุตรชายอยู่ห่างๆ สมาชิกครอบครัวปกรณ์เกียรติกลับมามีรอยยิ้มกันอีกครั้ง ก่อนคนเป็นแม่จะถอนอ้อมกอดออกเปลี่ยนมาใช้แขนโอบบ่าอวบเอาไว้ พลางตบหัวไหล่ลูกเบาๆ สองสามทีแล้วพูดติดตลก

“แม่ว่านะ หนูคนนั้นแจ่มกว่าแฟนเก่าเราตั้งเยอะ” พูดจบเจ้าตัวก็หันไปถามความเห็นสามีด้วยใบหน้ารู้กันเป็นนัย “ว่าไหมคะคุณปุ”

“อืม” คนมีมาดทำเพียงครางในลำคอตอบรับคำภรรยาเท่านั้น ขณะที่ยังจับจ้องหน้าจอทีวีอยู่ไม่วางตา

“คุณพ่อคุณแม่ครับ”

เทพบุตรขมวดคิ้วมุ่นกับมุกรับส่งของบิดาและมารดาเล็กน้อย ก่อนจะหันมองตามสายตาท่านไปทางจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายให้เขาเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง

โห

เสียงรำพึงในใจครั้งแรกยามเทพบุตรได้เห็นหญิงสาวในจอทีวี มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เจ้าตัวเพิ่งเคยได้สัมผัสจนมิอาจนิยามเป็นคำพูดใดๆ ออกมาได้ เนื้อกายหนุ่มเริ่มร้อนวูบวาบ แถมหัวใจยังเพิ่มอัตราการเต้นถี่รัวอย่างน่าประหลาด ผิดจากตอนเจอเรียวหนามครั้งแรกที่เขามองว่าหล่อนหน้าตาสวยและมีมารยาทดีเพียงเท่านั้น

เทพบุตรจับจ้องโครงหน้างดงามแสนหวาน ทว่าดูไปดูมาชักคล้ายกับตุ๊กตาสาวญี่ปุ่น เขาเลื่อนไหลโฟกัสมายังสรีระทรงนาฬิกาทรายที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกแข็งแรงมากกว่าความอ้อนแอ้น หุ่นทรงของเธอมันดึงดูดให้เขามิอาจละสายตาจากไปทางไหนได้เลย คนช้ำในรักเหมือนต้องมนตร์สะกดให้เผลอลืมความรู้สึกทุกอย่างไปในชั่วขณะ และในจังหวะที่กล้องแพลนให้เห็นหน้ากรรมการตัดสินงานประกวดแต่ละท่าน ชายหนุ่มจึงรีบเลื่อนสายตาลงมาอ่านชื่อและนามสกุลของผู้ชนะเลิศในการแข่งขันเสียงแผ่ว พอย้ำกับตัวเองให้จำได้

“นางสาวภาพฟ้า ลานดอกไม้”

 

(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 24 ต.ค. 62)

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: