บทที่ 5
เรือสำรวจทางสมุทรศาสตร์เริ่มเคลื่อนออกจากท่าทันทีเมื่อเวลาเก้าโมงเช้า เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ชาคริยาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีขนาดใหญ่สักกี่แรงม้า…แล้วเขาวัดกันเป็นแรงม้าหรือเปล่า เธอก็ไม่รู้อีกนั่นล่ะ เรือเดินเครื่องเสียงดังอย่างเต็มที่จนผิวน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มพร่างพรายไปด้วยฟองคลื่นขาวที่เห็นเป็นทางยาวตามหลังเรือมาไม่ขาดสาย เรือแล่นห่างออกจากท่าได้นานเกือบสิบห้านาที อาจารย์ทามุระผู้คุมการออกเรือคราวนี้ก็เรียกประชุมในห้องพักผ่อนเล็กๆ ที่ใช้เป็นทั้งที่กินข้าวเช้า กลางวัน และเย็น รวมทั้งยังเป็นห้องสังสรรค์ดูทีวีอีกด้วย เด็กๆ นักศึกษาเกาะกลุ่มเดินตามไปเป็นพรวน ชาคริยามองสำรวจนักศึกษาผู้เป็นลูกเรือทั้งหมดคราวนี้ด้วยความสนใจ
…เด็กสาวๆ จากแล็บเธอสามคน รวมตัวเธอด้วยเป็นสี่คน ชายหนุ่มอีกสี่ ซึ่งนอกจากพ่อซามูไรตาฟ้าและหนุ่มที่แทบจะไร้เงาในสายตาของสามสาวเด็กๆ ของเธอ…ยามาดะ…อีกหนึ่งคน ก็ยังมีรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ปริญญาเอกของแล็บข้างๆ ที่อาจารย์ประจำแล็บสนิทกับอาจารย์ของเธอมาร่วมด้วยช่วยเป็นแรงงานในการเก็บตัวอย่างครั้งนี้อีกสองคน…ไซโต้และซาซากิ นัยว่าอาจารย์ไปล็อกตัวขอให้มาช่วย เพราะพอเห็นรูปร่างบอบบางของลูกศิษย์สาวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกด้วยความสงสาร เมื่อรวมอาจารย์ผู้คุมเรือ…ซึ่งคืออาจารย์ทามุระ ทริปการเก็บตัวอย่างครั้งนี้จึงมีสมาชิกทั้งหมดเก้าคนพอดิบพอดี
“อันนี้เป็นห้องน้ำนะชาจัง” เสียงแจ้วๆ ของมาริโกะอธิบายเมื่อเดินผ่านห้องน้ำที่มีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นห้องน้ำหญิงติดอยู่ข้างหน้า เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะกวาดสายตามองไปห้องข้างๆ ที่มีลักษณะเป็นห้องอาบน้ำ และในนั้นก็มีอ่างอาบน้ำแบบญี่ปุ่นตั้งอยู่ด้วย
“อันนั้นห้องอาบน้ำจ้ะ ปกติเขาจะให้อาบวันเว้นวันนะสำหรับพวกนักศึกษา แต่อาจารย์ได้อาบทุกวัน”
ทาเอโกะรับหน้าที่อธิบาย พร้อมกับชี้ให้ดูห้องอาบน้ำขนาดใหญ่กว่าห้องอาบน้ำนักศึกษาที่อยู่ถัดไปอีกห้อง
“นี่ห้องของพวกอาจารย์และเจ้าหน้าที่บนเรือล่ะ”
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าวันไหนอาบได้ วันไหนอาบไม่ได้” ชาคริยาถามอย่างสงสัย หนุ่มหน้าคมตาฟ้าที่เดินนำหน้าลอบยิ้มกับความช่างซักของสาวน้อยชาวต่างชาติคนนั้น
…ไม่ได้ตั้งใจฟังหรอกนะ แค่หูมันเผลอไปได้ยินก็แค่นั้นเอง
“เขาจะเขียนติดไว้ที่บอร์ดในห้องกินข้าวน่ะ หรือไม่ก็อาจจะมีป้ายมาแขวนติดไว้ที่หน้าห้องอาบน้ำ นี่ห้องล้างหน้ากับเครื่องซักผ้า ถ้าอยากซักผ้าก็เอามาซักได้นะ”
ห้องที่ได้รับการอธิบายเป็นห้องที่มีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าอย่างละสองเครื่องวางซ้อนกันแบบประหยัดพื้นที่ ด้านที่ติดกับประตูทางเข้ามีอ่างล้างหน้าสองอันพร้อมด้วยกระจกบานใสบริการไว้สะดวกพร้อม
…สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ
ชาคริยาอดคิดอย่างหมั่นไส้นิดๆ ไม่ได้ ประเทศพัฒนาแล้วอะไรๆ มันก็สะดวกอย่างนี้นี่เอง ขนาดไม่ใช่เรือสำรวจทางสมุทรศาสตร์ขนาดใหญ่นะนี่
“อันนี้ห้องครัว” ไกด์สาวจำเป็นอธิบายต่อ ชาคริยายื่นหน้าเข้าไปดูห้องสำคัญ เครื่องครัวขนาดใหญ่ยักษ์สำหรับทำอาหารให้คนจำนวนมากถูกล้างแขวนไว้อย่างสะอาดเรียบร้อยและเป็นระเบียบ กลิ่นอาหารหอมๆ ที่ตั้งอยู่บนเตาเริ่มโชยมาให้ท้องเธอร้อง แม้เวลาเพิ่งจะเก้าโมงกว่าและเธอเพิ่งจะยัดขนมปังสองก้อนตามด้วยนมหนึ่งกล่องเข้าท้องไปแล้วเมื่อตอนแปดโมงก็ตามที
“ส่วนนั่นห้องอาหารเจ้าหน้าที่บนเรือ”
โต๊ะตัวใหญ่หนึ่งตัวที่มีเก้าอี้หลายตัวรายล้อมตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่ ภาพละครตอนเช้าในโทรทัศน์ชัดราวกับอยู่บนฝั่ง ในห้องนั้นมีเจ้าหน้าที่ของเรือในชุดสีน้ำเงินเข้มนั่งจิบกาแฟดูทีวีอย่างสบายอารมณ์อยู่สองสามคน ห้องอาหารสำหรับนักศึกษาที่ถูกใช้เป็นห้องประชุมในตอนเช้านี้อยู่ด้านในสุดของทางเดิน ที่หากมองจากนอกตัวเรือก็จะตั้งอยู่ในส่วนของหัวเรือ ชาคริยาและพรรคพวกก้าวเข้าไปแล้วทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ยาวสีเขียวอ่อนบุเบาะบางนิ่มพอให้ไม่เจ็บก้นถ้าต้องนั่งนาน ส่วนโต๊ะด้านหน้าตัวที่ติดทีวีถูกจับจองด้วยสี่หนุ่มสี่สไตล์
“สวัสดีทุกคน” อาจารย์ทามุระร้องทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เสียงทักตอบสวัสดีตอนเช้าดังมาเบาๆ อาจารย์กวาดสายตามองหน้าเด็กทุกคนด้วยรอยยิ้ม
“ออกเรือคราวนี้แล็บของอาจารย์จะมีเก็บตัวอย่างแค่ที่นี่และที่นี่ อย่างละสามจุดเท่านั้น” อาจารย์ชี้ลงไปบนแผนที่ขนาดใหญ่ที่ถูกตรึงติดกับไวท์บอร์ดด้วยแม่เหล็กตัวเล็กๆ เป็นลวดลายการ์ตูนหน้ายิ้มสีเหลืองอยู่ตรงมุมทั้งสี่ด้าน “ส่วนตัวอย่างสัตว์พื้นทะเลเราจะเก็บแค่ที่นี่เท่านั้น”
จุดเก็บตัวอย่างสามจุดกลางทะเลที่ห่างออกจากชายฝั่งของเมืองเทชิโอะร่วมสามกิโลเมตรถูกชี้ และปลายปากกาที่ถูกใช้แทนไม้ชี้ก็เลื่อนไปเคาะอยู่ที่สถานีเก็บตัวอย่างที่ด้านเหนือสุดของเกาะเลยเมืองวักกะไนไปนิดหนึ่ง
“ส่วนที่นี่เก็บแค่ตัวอย่างน้ำเท่านั้น”
“มีงานแค่นี้เองหรือคะอาจารย์” เสียงใสของชาคริยาร้องถามขึ้น อาจารย์ส่ายหน้า
“มีอีกอย่างหนึ่ง เก็บตัวอย่างน้ำทุกสี่ชั่วโมงตลอดเวลาที่เรือวิ่ง ไปกำหนดผลัดเวรกันเองในระหว่างพวกคุณสี่คนนะ” อาจารย์สั่ง และสาวๆ ทั้งสี่ก็พยักหน้ารับ
“นอกจากนั้นก็จะมีการเก็บตัวอย่างหมึกทะเลของซากุระอิและยามาดะด้วย การเก็บตัวอย่างหมึกจะทำเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น” อาจารย์อธิบาย ทำให้เป้าสายตาของคนทั้งหมดเปลี่ยนไปมองที่ชายหนุ่มหน้าตาชวนมองที่นั่งทำหน้าเฉยอยู่
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากให้ออกมาช่วยอธิบายแผนการเก็บตัวอย่างของคุณหน่อยได้มั้ย ซากุระอิ” อาจารย์ทามุระถาม มาร์ครับคำเบาๆ ก่อนจะลุกแล้วเดินออกไปยืนแทนที่อาจารย์ทามุระที่ถอยกลับมานั่งรวมกลุ่มกับเด็กสาวในแล็บ
“การเก็บตัวอย่างของผมจะเก็บเฉพาะทะเลที่อยู่ในเขตเมืองฮาโกะดาเตะอย่างเดียวครับ เพราะผมทำการสำรวจเฉพาะหมึกในบริเวณนี้” นิ้วเรียวยาวกวาดลากไปรอบๆ พื้นที่ในทะเลบริเวณใกล้ๆ เมืองที่อาศัยบนแผนที่แผ่นนั้น “เพราะอย่างนั้นการเก็บตัวอย่างของผมจะเริ่มตั้งแต่คืนนี้และคืนพรุ่งนี้ ก่อนที่จะหยุดพักและเริ่มเก็บอีกครั้งตอนที่เรือแล่นวนกลับมาในตอนขากลับ ซึ่งจะมีเก็บอีกสองครั้งเช่นกัน”
“เก็บตัวอย่างหมึกมาทำอะไรบ้างคะ” มาริโกะถามเสียงหวานด้วยแววตาใส่ใจ มาร์คส่งยิ้มนิดๆ ไปให้
“วัดขนาดความยาวของตัว ความยาวของหนวด แล้วก็ชั่งน้ำหนักครับ พร้อมทั้งดูระยะการแพร่พันธุ์ด้วย งานวิจัยของผมพยายามจะหาแหล่งวางไข่และช่วงระยะเวลาแพร่พันธุ์ของหมึกน่ะครับ อย่างที่รู้กันว่าหมึกเป็นสินค้ามีชื่อของเมืองฮาโกะดาเตะ แต่การวิจัยในของการแพร่พันธุ์และแหล่งของมันยังมีไม่มากนัก รวมทั้งจากการสำรวจจากภาพถ่ายผ่านดาวเทียม เราพบว่าจุดสว่างในทะเลแถบฮาโกะดาเตะมีความสว่างมาก ซึ่งเราคาดเดาว่าน่าจะเป็นแสงสว่างจากเรือตกหมึกในทะเลครับ” ซามูไรตาฟ้าอธิบายเพลิน ยิ่งเห็นสาวๆ มีท่าทีตั้งใจฟัง รวมทั้งสาวนามิคลื่นเจ้าอารมณ์ลูกนั้นด้วย เขาก็ยิ่งพูดยาว
“ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยบอกได้เลยนะคะ ยินดีช่วยอย่างเต็มใจค่ะ” ทาเอโกะไม่ยอมน้อยหน้าเพื่อนสาวบอกเสียงหวานอีกคน โดยมีเสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆ อีกสองคนไม่ขาดปาก ยกเว้นชาคริยาที่เหมือนทำปากหล่นหายไปในทะเลตั้งแต่ที่เขาเริ่มพูด มาร์คยิ้ม พยายามไม่ใส่ใจคนที่มักจะดึงความสนใจเขาให้พุ่งตรงไปหาทุกครั้ง
“ช่วยดูดีกว่าครับ งานไม่มีอะไรมาก เจ้าหน้าที่บนเรือก็คอยช่วยอยู่แล้ว”
“ช่วยเป็นกำลังใจก็ดีครับ” ยามาดะคนที่ถูกลืมส่งเสียงหวานตาปรอยมาให้ แต่เสียงนั้นก็ลอยผ่านหูสาวๆ ไปเกือบหมดเหมือนเคย มาร์คจบการอธิบายของเขาด้วยการเดินกลับมานั่งที่ตามเดิม อาจารย์ทามุระลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมอธิบายกฎระเบียบต่างๆ บนเรือให้นักศึกษาทราบ
“ข้าวเช้าจะทานตอนเวลาเจ็ดโมงเช้า ข้าวกลางวันตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง และข้าวเย็นตอนเวลาห้าโมงเย็น จะมีเสียงเคาะระฆังบอกเมื่อถึงเวลาอาหาร ขอให้มาทานอย่างตรงเวลาด้วยนะทุกคน ถ้าใครไม่อยากทาน ทานไม่ลงเพราะเมาเรือหรืออิ่มแล้วหรืออะไรก็ตามที กรุณาเขียนชื่อบอกไว้ที่กระดานนี่ด้วย ทางเรือจะได้ไม่เตรียมส่วนของคนที่ไม่ทานไว้ ส่วนเวลาในการเก็บตัวอย่างครั้งต่อไปที่จะมาถึง ผมจะเขียนบอกไว้บนกระดานนี้เช่นกัน ยังไงก็ขอให้หมั่นมาดู”
อาจารย์สั่งเป็นชุด มีนักศึกษานั่งพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจกันเป็นแถว เมื่ออาจารย์กวาดสายตามาถึงหน้าใสของลูกศิษย์สาวชาวต่างชาติ ก็อดสั่งสำทับออกมาไม่ได้
“ตอนกลางคืนห้ามออกไปนอกตัวเรือคนเดียวเด็ดขาด ห้าม…เพราะไม่รู้ว่าคลื่นลูกโตจะโถมเข้ามาพัดพวกคุณหายไปตอนไหน หรือถ้าจำเป็นต้องออกไปจริงๆ ก็ต้องหาคนออกไปเป็นเพื่อน จำเอาไว้ให้ดีนะ”
เสียงเข้มๆ สำทับมาอีกทีและสายตาก็ทิ้งมาที่ลูกศิษย์ตัวดีราวกับบอกว่าจงใจจะสั่งใคร ชาคริยายิ้มกว้างทั้งยังทำท่าตะเบ๊ะรับคำ อาจารย์ส่ายหน้าอย่างระอา แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ มาร์คมองแล้วลอบยิ้มตาม
…ดูท่าอาจารย์ทามุระจะรู้ฤทธิ์ลูกศิษย์สาวของตัวเองดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังเสร็จจากการประชุม กลุ่มสาวๆ สี่คนก็ตกลงกันเรื่องเวรเก็บตัวอย่างน้ำทุกสี่ชั่วโมง เริ่มต้นด้วยมาริโกะ ตามด้วยทาเอโกะ อาเคมิ และสุดท้ายคือชาคริยา ตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็พากันยกขบวนไปล้อมรอบหน้าจอเรดาร์ที่บ่งบอกตำแหน่งของเรือที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแปดน็อตหรือแปดไมล์ทะเลต่อชั่วโมง มาริโกะชี้ตำแหน่งของจุดเก็บตัวอย่างจุดแรกที่จะเก็บซึ่งเป็นสถานีเก็บตัวอย่างของมาร์คให้ชาคริยาดู พร้อมกับสอนว่าตำแหน่งเก็บตัวอย่างจะถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ในจอเรดาร์เรียบร้อยหมดแล้ว อีกทั้งยังสามารถเช็กดูได้ตลอดเวลาว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าที่เรือจะแล่นไปถึงจุดเก็บตัวอย่างที่เป็นเป้าหมายล่าสุด สอนจนหมดไส้หมดพุงกับความรู้ที่สามสาวได้รับมาในการออกเรือครั้งแรก ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะยังมีเวลาอีกนานกว่าจะไปถึงจุดหมายแรก และยังมีเวลาอีกราวหนึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาอาหารกลางวันซึ่งเป็นอาหารมื้อแรกบนเรือ หลังอาหารกลางวันถึงจะเป็นเวลาเริ่มเก็บตัวอย่างน้ำทะเลครั้งแรกที่ทุกคนตกลงใจว่าจะเริ่มดูพร้อมๆ กันก่อนว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วค่อยผลัดเวรกันเก็บ
ชาคริยาและอาเคมิพร้อมใจกันลงไปนอนพักเอาแรงในห้องพักขนาดหกคนที่มีเตียงสองชั้นสามเตียงตั้งอยู่อย่างประหยัดเนื้อที่ในห้องนอนที่กว้างที่สุดในเรือ ห้องนอนของลูกเรือและนักศึกษาจะตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน…หรือที่จริงต้องเรียกว่าเป็นชั้นท้องเรือถึงจะถูกที่สุด ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องเครื่องกับห้องเย็นที่ใช้เก็บตัวอย่างและวัตถุดิบทำอาหารต่างๆ ที่นอกเหนือจากตู้เย็นขนาดใหญ่สองตู้ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ห้องครัวด้านบนด้วย ในขณะที่ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และห้องทำวิจัยจะอยู่ชั้นด้านบนของเรือ และชั้นบนสุดที่ต้องขึ้นบันไดไปจะเป็นห้องบังคับการเรือนั่นเอง
ส่วนสองสาวทาเอโกะและมาริโกะต่างตกลงใจไปนั่งดูทีวีในห้องสังสรรค์แทน เพราะว่าเป้าหมายที่จะทำให้เรือสำรวจลำนี้กลายเป็นสวรรค์กลางน้ำ กำลังนั่งเตรียมอุปกรณ์เก็บตัวอย่างคืนนี้ในห้องนั้นเช่นกัน
ชาคริยาไม่รู้ว่าตัวเองเคลิ้มหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าคนที่หลับไปก่อนคือสาวน้อยอาเคมิที่นอนอยู่เตียงล่าง เพราะหลังจากที่คุยเรื่องละครเมื่อคืนกันอย่างเมามันในความหล่อของพระเอกขวัญใจคนทั้งคู่…ทักกี้…หนุ่มน้อยหน้าใสวัยยี่สิบที่มีชื่อจริงว่าฮิเดอากิ ทาคิซาวะเสียงใสแกมเพ้อของอาเคมิหายไปก่อน และเมื่อเธอห้อยหัวลงไปดูจากเตียงข้างบน ก็เห็นสาวน้อยนอนตะแคงหลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว ชาคริยาเลยถอยกลับมานอนหลับตาบนเตียงของตัวเองตามเดิม
เสียงเคาะระฆังเรียกให้ไปกินข้าวกลางวันทำให้คนหลับสนิทลืมตาตื่น ชาคริยายกมือขึ้นเสยผมสองครั้งเป็นอันเสร็จพิธี แล้วกระโดดตุ้บลงมายืนบนพื้นด้านล่างอย่างสวยงาม แถมยังอดไม่ได้ที่จะโพสท่าโค้งคำนับอย่างงดงามราวกับนักยิมนาสติกที่มักจะทำยามกระโดดลงมาบนพื้นเรียบร้อยด้วยความเคยชินอย่างที่มักจะทำล้อเลียนอยู่กับเพื่อนๆ แต่เมื่อเหลือบมองออกไปนอกประตูที่เปิดอ้าเอาไว้ สายตาเธอก็ปะทะเข้ากับร่างสูงที่หยุดยืนนิ่งอยู่ แล้วเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นก็สบเข้าอย่างจังกับตาสีฟ้าที่ฉายแววขบขันอย่างปิดไม่มิดของคนที่เธอเริ่มอยากจะหาอะไรปาใส่หน้า ค่าที่มาเห็นเธอทำท่าอะไรบ๊องๆ เอาตอนนี้ มาร์คกลั้นหัวเราะสุดความสามารถ ทั้งที่อยากจะปล่อยเสียงหัวเราะออกไปให้ท้องแตกตาย แต่รู้ดีว่าถ้าขืนหัวเราะออกไป เขาคงไม่มีปากไว้ได้หัวเราะอีกแน่ๆ ก็ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นลุกวาวโรจน์อย่างเอาเรื่อง หน้าใสแดงก่ำแบบที่คงจะทั้งอายทั้งโกรธ เขาก้มหัวให้เธอนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาเรียบๆ พร้อมบังคับไม่ให้เสียงสั่นจากการกลั้นหัวเราะ
“ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วครับ”
“รู้แล้ว”
เธอแทบจะกัดฟันตอบ สะบัดหน้าพรืดไม่ยอมมองเขาอีกต่อไป มาร์คอมยิ้มแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที ร่างสูงยังไม่ทันลับหายไปจากสายตา เสียงหัวเราะก็ดังมาให้ได้ยิน ชาคริยานึกอยากจะฟาดมือลงกับอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นหน้าตาหล่อๆ ของนายซามูไรตาฟ้านั่นด้วยจะยิ่งดี…ดีที่สุดเลย เธอเหลือบตาไปมองเตียงล่าง อาเคมิยังนอนหลับอย่างสบายไม่มีท่าทีว่าจะได้ยินเสียงระฆังหรือเสียงพูดคุย ชาคริยามองอย่างเคืองนิดๆ
…ก็คนที่เสนอความคิดไม่ให้ปิดประตูก็สาวน้อยคนนี้นี่ล่ะ
‘เปิดไว้อากาศจะได้ถ่ายเทไงชาจัง’
…นั่นล่ะเหตุผลของเธอ
ชาคริยาหมายมั่นในใจ
…จะไม่มีการเปิดประตูห้องทิ้งไว้อีกแล้ว แม้จะต้องขาดอากาศหายใจตายก็ตาม
…และเธอจะไม่ทำท่าเคารพกรรมการของนักยิมนาสติกอีกแล้วเช่นกัน…ไม่มีทาง!
อาหารมื้อกลางวันผ่านไปอย่างเอร็ดอร่อย แต่ชาคริยาทานไม่คล่องคอเท่าไหร่นัก เพราะเพียงเผลอไปสบตาสีฟ้าสดของคนที่ชอบมองมายังเธอบ่อยครั้ง อาการร้อนๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวก็เกิดขึ้นทันที ถึงกระนั้นเธอก็ยังจัดการกวาดข้าวหน้าหมูทอดลงกระเพาะหมดเรียบร้อยไม่เหลือข้าวแม้สักเม็ดให้ละอายต่อเด็กที่ขาดแคลนอาหาร ก่อนจะเดินตามสามสาวไปยังห้องกรองน้ำเก็บตัวอย่าง
ช่วงเที่ยงลมพัดแรงมากกว่าตอนเช้าที่เรือเพิ่งเริ่มเคลื่อนออก อีกทั้งเรือยังแล่นห่างจากฝั่งมามากแล้ว ทะเลที่เคยสงบก็เลยมีคลื่นลูกโตมาโยกเรือเล่นให้เย็นใจ ชาคริยาเริ่มรู้สึกเหมือนข้าวกลางวันที่จัดการไปเมื่อครู่กำลังออกฤทธิ์ต่อสู้กันอยู่ในท้องยามที่ฟังทาเอโกะสาธิตวิธีเก็บน้ำทะเลที่ง่ายดายเพียงแค่เปิดก๊อกน้ำในอ่างล้างหน้าออกมา เพราะท่อนี้ต่อไว้กับเครื่องสูบน้ำใต้เรืออยู่แล้ว ฝืนใจฟังเสียงใสอธิบายวิธีกรองน้ำไปได้อีกนิด อาการหวิวๆ อยากจะคายสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปก็มาก่อกวนความรู้สึก ชาคริยากัดฟันสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“เดี๋ยวขอตัวไปนอนก่อนนะสาวๆ มันเริ่มแล้ว…” ไม่เพียงแต่คำพูดที่บอกสถานการณ์ของชาคริยาได้ดี หากดวงหน้าใสที่ซีดจัดก็บอกกับทุกคนได้ว่าเธอกำลังเป็นแล้ว ‘เมาเรือ’
“ให้ลงไปส่งมั้ยชาจัง” มาริโกะถามอย่างมีน้ำใจ ชาคริยาโบกมือห้าม ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองเดินโยกไปมาตามความโคลงของเรือลงไปยังห้องนอนด้านล่างโดยมีสายตาห่วงใยสามคู่มองตาม
เรือเริ่มโคลงหนักขึ้นเมื่อชาคริยาเหยียบเท้าลงไปบนบันไดแคบๆ ขั้นแรก และมันก็โยกแรงขึ้นไปอีกเมื่อเธอไต่บันไดลงมา มือทั้งสองข้างคอยแตะผนังพยุงร่างกายให้เดินอย่างมั่นคง หากวันนี้ไม่ใช่วันของชาคริยาเลยจริงๆ เพราะเหลือเพียงบันไดอีกแค่สามขั้นก็จะถึงพื้น แต่ร่างบางก็ดันถลาลงด้วยเพราะเหยียบขั้นบันไดแคบๆ นั่นพลาด หญิงสาวหลับตาแน่นกลั้นเสียงร้องอย่างตกใจไว้ในลำคอ เตรียมพร้อมที่จะรับความเจ็บปวดจากการกระแทกพื้นไว้แล้ว แต่สิ่งที่กระทบถูกกลับเป็นอะไรที่แข็งแต่นุ่ม ทั้งยังรับรู้ได้ถึงวงแขนที่กอดรัดรอบเอว ลมหายใจอุ่นๆ ซึ่งเป่ารดอยู่เหนือหัว และเสียงหัวใจเต้นรัวที่ข้างหู ชาคริยาลืมตาขึ้นทันควัน เพียงเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขนที่อบอุ่นจนร้อนรุ่มเธอก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ดวงตาสีฟ้าสดมองจ้องอยู่ก่อนแล้ว ในดวงตาคู่สวยฉายรอยห่วงใยอย่างชัดเจน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เขาถามด้วยน้ำเสียงกังวล ชั่วอึดใจ…หากกลับเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึกของชาคริยา กว่าที่เธอจะหาเสียงตัวเองเจอแล้วตอบออกไป
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
ว่าแล้วก็ดันตัวเองออกมาแล้วเดินผลุบหายเข้าไปในห้องนอนทันทีอย่างผิดวิสัยจอมโวยวาย ทั้งๆ ที่เรือโคลงออกขนาดนั้น หากชาคริยากลับไม่รู้สึกอะไรนอกจากอาการสั่นไหวของหัวใจ ร่างบางฝืนปีนขึ้นเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าอย่างหมดแรง คราวนี้…เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองหมดแรงเพราะอะไร
…เพราะเมาคลื่น หรือเพราะเมา…แววตา…และเสียงหัวใจ
…หยุดไม่ได้
เขาหยุดมันไม่ได้จริงๆ กับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าในตอนนี้…
ร่างสูงยืนพิงผนังเรือสีขาวอยู่ตรงหัวเรือ นัยน์ตาสีสวยทอดมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าที่เห็นเพียงเกลียวคลื่นขาวเป็นหย่อมๆ ทั่วพื้นทะเล หากภาพที่ปรากฏชัดในห้วงความคิดกลับเป็นดวงหน้าใสแดงก่ำของใครบางคน เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงมองมือตัวเอง ความรู้สึกนุ่มนวลเหมือนจะยังติดอยู่ที่ปลายนิ้วสัมผัส กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ไม่เหมือนกับน้ำหอมกลิ่นใดที่เขาเคยรู้จักก็เหมือนกับจะลอยกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูก
ไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาส แต่สถานการณ์มันบังคับจริงๆ เดินออกจากห้องพักของตัวเองก็พลันพบเข้ากับร่างบางที่กำลังลอยละลิ่วลงมาจากบันไดแคบๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัดสินใจพุ่งเข้าไปรับเธอตอนไหน เพราะเมื่อรู้ตัวอีกทีก็มีเธออยู่ในอ้อมกอดแล้ว
มาร์คอดไม่ได้ที่จะก้มมองมือตัวเองอีกครั้ง แล้วก็เผลอยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นเลื่อนแตะตรงตำแหน่งหัวใจ
…เมื่อครู่แก้มเธอแนบอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย
…ชาคริยา…นามิ…ทำไมวันนี้คลื่นลูกนั้นเข้ามาวิ่งพัดเบาๆ ในหัวใจเขาได้ก็ไม่รู้
ฟ้าเริ่มมืดแล้วยามเมื่อชาคริยาลืมตาตื่นแล้วเดินโผเผขึ้นมายังห้องอาหารชั้นบน สามสาวนั่งล้อมวงมีซามูไรตาฟ้าเป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง ในขณะที่ไข่แดงฟองอื่นๆ นั่งตัวลีบอยู่ตามมุมห้องโดยปราศจากไข่ขาวล้อมรอบแม้สักนิด
“ชาจัง เป็นไงบ้าง” อาเคมิร้องทักขึ้นมาก่อน ทำให้เป้าสายตาของคนทั้งหมดเปลี่ยนมาจับจ้องที่หน้าของหญิงสาวชาวต่างชาติ ชาคริยายิ้มกว้างไม่เหลือร่องรอยเมาเรืออีกแล้ว อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปก่อนหลับตานอน หรืออาจเป็นเพราะทะเลที่เริ่มสงบไร้คลื่นลมก็เป็นได้
…ไม่ใช่เพราะเสียงหัวใจใครบางคน
เธอบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นยามที่เผลอมองสบตาสีสวยคู่นั้น ชาคริยาเมินไม่มองหน้าคมเข้มของไข่แดงฟองโตแล้วทรุดลงนั่งข้างๆ ไข่แดงฟองอื่น
“ดีขึ้นแล้ว นี่กินข้าวกันหมดแล้วเหรอ” เธอถามเสียงอ่อยๆ เพราะกลัวอดข้าวเย็น เนื่องด้วยเลยเวลาสำหรับอาหารเย็นไปนานแล้ว ทาเอโกะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเลื่อนจานอาหารที่มีปลาซาบะทอดเคียงด้วยผักดองและสลัดผักมาให้
“ของชาจังเก็บไว้ให้แล้วไม่ต้องห่วงน้า ลงไปดูชาจังรอบหนึ่งแล้วล่ะ เห็นยังหลับสบายอยู่ก็เลยไม่ได้ปลุกให้ลุกมากินพร้อมกัน จะกินเลยหรือเปล่าชาจัง”
ชาคริยาพยักหน้ารับ หนึ่งสาวบรรจงดึงพลาสติกที่คลุมจานกับข้าวไว้ออก ส่วนอีกสาวตักข้าวใส่ถ้วยนำมาวางให้พร้อมตะเกียบ สาวคนสุดท้ายตักน้ำซุปหอยอาซาริที่รสชาติคล้ายๆ หอยลายเมืองไทยวางเคียง ชาคริยาเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนจะลงมือจัดการทันที โดยแกล้งทำเป็นไม่เห็นว่าไข่แดงท่ามกลางสาวๆ เลื่อนถ้วยน้ำชามาให้ด้วย
“อิตะดะคิมัส”
นั่งกินไปจนข้าวเกือบจะหมดถ้วย เธอถึงได้รับรู้ว่ามีสายตาหลายคู่มองจ้องอยู่ ชาคริยาจึงเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารที่กำลังเมามันในรสชาติขึ้นมอง คนเฝ้ามองยิ้มแหยส่งมาให้เมื่อเห็นแววตาสงสัยของคนถูกจ้อง
“เห็นชาจังกินแล้วน่าอร่อยจัง” มาริโกะว่ามาเสียงอ่อยๆ
“ใช่ เห็นแล้วหิวขึ้นมาทันทีเลย” ทาเอโกะสนับสนุน ชาคริยาหัวเราะเบาๆ ก้มมองปลาซาบะย่างที่เหลือแต่วิญญาณ
“งั้นกินข้าวสิ ข้าวยังมี ซุปก็ยังมีอยู่ เดี๋ยวแบ่งผักดองให้ชิ้นหนึ่ง” แกล้งทำเสียงตัดใจกับหัวไช้เท้าดองสีเหลืองสดที่คีบออกวางห่างจานตัวเอง สองสาวขว้างค้อนส่งมาให้อย่างหมั่นไส้
“ไม่เอา พวกเราไม่ใช่พวกกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนเหมือนชาจังนี่ ชาจังนี่ดีนะ กินตั้งเยอะแต่ไม่เห็นอ้วนเลย”
“ไม่เห็นดีเลย ทำไมกินตั้งเยอะถึงไม่อ้วนก็ไม่รู้ สงสัยพยาธิจะเยอะ” เธอว่าก่อนจะคีบข้าวคำสุดท้ายเข้าปากพร้อมๆ กับหัวไช้เท้าดองที่เมื่อกี้ทำท่าจะยกให้สองสาว แล้วตามด้วยยกถ้วยน้ำซุปขึ้นซดจนหมดเกลี้ยง
“โกจิโซซามะเดชิตะ”
ชาคริยาลุกยืนพร้อมกับยกจานชามเตรียมจะไปล้างในห้องครัว หากอาเคมิก็เรียกไว้ก่อน
“ชาจัง อีกประมาณชั่วโมงจะถึงสถานีเก็บตัวอย่างของมาร์คนะ”
ชาคริยาพยักหน้ารับแล้วก็ดันเผลอไปมองสบตาสีฟ้าสดนั่นเข้า เธอจึงแกล้งถลึงตาใส่เขาอย่างไร้เหตุผล
…ก็แค่หมั่นไส้น่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน เมษายน 64)
Comments
comments
No tags for this post.