X
    Categories: ทดลองอ่านมากกว่ารักหวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม

ทดลองอ่าน หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม เล่ม 10 บทที่ 765-766

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 765

“ฮูหยิน ฮูหยิน…”

เฉียวเจาดึงความคิดคืนมา นางปั้นหน้าขรึม “อื้อ”

“ฮูหยิน ท่านว่าเรื่องนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ” เฉินกวงย่อมมีความคิดเล่นงานคุณชายเล็กของจวนเสนาบดีศาลยุติธรรมเป็นร้อยวิธี แต่เจ้านายยังไม่ออกคำสั่ง เขาจะตัดสินใจโดยพลการย่อมไม่เป็นการดี

หญิงสาวขบคิดเล็กน้อยแล้วไต่ถาม “พวกเจ้าเจอที่ใด”

“ที่เรือนชาวบ้านในตรอกหนึ่งไม่ไกลจากจวนท่านเสนาบดีศาลยุติธรรมขอรับ”

“เรื่องนี้ไม่ยาก เจ้าให้คนจับตาดูไว้อย่าให้คลาดสายตา รอคุณชายผู้นั้นลอบนัดพบกับ…บุรุษอีกก็ส่งคนไปตะโกนร้องจับขโมย บอกว่าขโมยเข้าไปในเรือนหลังนั้นแล้วถีบประตูเข้าไปเลย จับพวกเขาให้ได้คาหนังคาเขาเท่านั้นเป็นพอ ถึงเวลาก็ต้องมีเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงได้ยินเสียงเอะอะแล้วมาช่วยกันจับขโมยตามเข้าไปเอง” เฉียวเจาสั่งกำชับเสียงราบเรียบ

เฉินกวงมองนางด้วยสายตาสับสนปนเปอยู่สักหน่อย เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฮูหยินจะคิดไปในทางเดียวกับตน เขายังนึกว่าสตรีคงทำเรื่องใจร้ายเช่นนี้ไม่ลงคอ…ประเดี๋ยวก่อน จะเอาฮูหยินไปเปรียบกับสตรีพวกนี้มิได้ เขาลืมไปได้อย่างไรกัน ครั้งนั้นฮูหยินเป็นคนให้เขาปลอมเป็นผีไปหลอกคนมาแล้ว

เฉียวเจาคาดเดาความคิดของเฉินกวงได้หลายส่วน นางจึงคลายยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

คนอื่นวางอุบายเล่นงานนางแล้ว หรือว่านางยังต้องใจดีและคิดคำนึงถึงอีกฝ่ายอย่างเห็นอกเห็นใจด้วย

ท่านปู่เคยสอนนางไว้ว่า ‘ใช้ความดีตอบแทนความแค้นมิใช่นักบุญ แต่เป็นคนโฉดเขลา’

อีกประการหนึ่งฮูหยินของเสนาบดีศาลยุติธรรมตั้งหน้าตั้งตาเสาะหาหมอมารักษาอาการมีบุตรยากให้ลูกสะใภ้คนเล็ก เห็นได้ว่าบุตรชายของนางปิดบังเรื่องนี้ไว้อย่างมิดชิด หลายปีมานี้ลูกสะใภ้ไม่ได้รับความเอ็นดูทะนุถนอมจากสามี ยังต้องทนรับแรงบีบคั้นจากมารดาของสามีอีก ชีวิตของนางจะลำเค็ญเพียงใดก็สุดรู้

เมื่อนางเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ดีไม่ดียังสามารถช่วยสตรีที่เป็นผู้บริสุทธิ์ให้พ้นจากห้วงทุกข์อีกด้วย

“จริงสิ รอเมื่องานสำเร็จแล้ว อย่าลืมทำให้ฮูหยินของเสนาบดีศาลยุติธรรมเข้าใจด้วยว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”

ชำระแค้นโดยไม่บอกนามไม่ต่างอันใดกับสวมเสื้อแพรท่องราตรี หาใช่วิสัยของเฉียวเจาไม่

“ฮูหยินไว้ใจได้เลย มอบเป็นหน้าที่ข้าเอง รับรองว่าจะจัดการให้ท่านอย่างเรียบร้อยขอรับ”

เฉียวเจาแย้มยิ้ม นางเห็นเฉินกวงยังไม่ออกไปก็มองเขาอย่างฉงนใจ “ยังมีเรื่องใดอีกหรือ”

วงหน้าคมคายของเฉินกวงค่อยๆ แดงขึ้น “ฮูหยิน อันที่จริงข้าอายุน้อยกว่าท่านแม่ทัพเพียงสองปีเองขอรับ”

“หือ?” เฉียวเจามองเขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

มิใช่ง่ายๆ กว่าจะพูดเกริ่นนำได้ เฉินกวงรวบรวมความกล้าบอกออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว “ฮูหยินหาภรรยาให้ข้าสักคนเถอะขอรับ”

นางหรี่ตาลงถามด้วยรอยยิ้มพราย “เจ้าเห็นว่าสือหลิวเป็นอย่างไร”

“สือหลิว?” เฉินกวงทำหน้างงงัน “นี่เป็นพี่สาวท่านใดหรือขอรับ”

“อ๋อ ก็คนที่กวาดลานเรือนผู้นั้นอย่างไรเล่า”

เรือนกายสูงใหญ่อวบหนาผุดขึ้นในหัวเฉินกวงในพริบตา เขาทำหน้าม่อยอย่างสุดระงับ “ฮูหยิน ข้ารู้สึกว่าตนยังอายุน้อย หรือไม่รอไปอีกสักหน่อยดีกว่าขอรับ”

กล่าวคำนี้จบเฉินกวงก็เผ่นหนีแทบไม่ทัน

พอรู้ตัวคนกุข่าวลือและมีวิธีรับมือแล้ว เฉียวเจาก็อารมณ์ดีขึ้นพอดู จึงเรียกปิงลวี่เข้ามาแล้วบอกยิ้มๆ “วันนี้เฉินกวงขอให้ข้าหาภรรยาให้เขา”

“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ปิงลวี่กระดากกระเดื่องอยู่บ้าง แต่แสร้งทำท่าราวกับไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น

ประเดี๋ยวฮูหยินบอกว่าเฉินกวงอยากแต่งงานกับข้า ข้าจะตอบตกลงหรือว่าปฏิเสธดีนะ โอ๊ย…ยุ่งยากใจจริงๆ

“ข้าเห็นว่าสือหลิวไม่เลวเลย”

ปิงลวี่เบิกตากว้างทันใด “คุณหนู ท่านอย่าล้อเล่นสิเจ้าคะ เอวของสือหลิวยังหนากว่าเฉินกวงเสียอีก”

อาจูฟังแล้วเม้มปากอย่างขบขันตลอด

เมื่อครู่ยังทำเป็นไม่สนใจอยู่เลยนะ ตอนนี้ถึงกับลืมเรียก ‘ฮูหยิน’ ด้วยซ้ำไป

“เอวหนาจะเป็นอะไรไป ว่ากันว่าสตรีลักษณะนี้ลูกดก” เฉียวเจาจงใจเย้าแหย่สาวใช้น้อย

ปิงลวี่กลับร้อนใจจริงๆ “ฮูหยิน ท่านอย่าจับคู่สุ่มสี่สุ่มห้าเป็นอันขาด เฉินกวงไม่ชอบสือหลิวแน่นอนเจ้าค่ะ”

เฉียวเจาแย้มยิ้มกว้าง

ปิงลวี่ถึงคิดตามทันในตอนนี้ นางกระทืบเท้ากล่าวว่า “ฮูหยิน ไยท่านกระเซ้าข้าเล่า”

ข้ายังไม่หัวเราะเยาะที่เวลาท่านแม่ทัพอยู่เรือนฮูหยินลุกไม่ขึ้นบ่อยๆ แล้วตอนดึกๆ ยังขอน้ำตั้งหลายหนด้วยนะ!

เฉียวเจาหุบยิ้มแล้วเอ่ยถาม “ปิงลวี่ เจ้ากับอาจูต่างเป็นสาวใช้ที่ใกล้ชิดที่สุดของข้า อีกทั้งถึงวัยมีคู่ครองแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องอาย เจ้ารู้สึกว่าเฉินกวงเป็นอย่างไร”

ปิงลวี่ผู้ร่าเริงโผงผางเป็นนิจกลับหน้าแดงทันควัน นางเม้มปากไม่พูดไม่จา

“ถ้าเจ้าไม่มีความคิดนี้ ข้าก็จะถามไถ่สือหลิวแล้วนะ…”

“อย่านะ!” ปิงลวี่รีบเอ่ยปากพูด นางมองสบสายตาแฝงแววยิ้มๆ ของผู้เป็นนาย ก่อนพูดอย่างขัดเขินว่า “อย่างนั้นก็ได้เจ้าคะ”

“อย่างใดหรือ”

“โธ่ ก็อย่างนั้นน่ะสิเจ้าคะ ดีชั่วก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง” ปิงลวี่พูดจบก็วิ่งออกไปอย่างลุกลี้ลุกลน

เฉียวเจาหัวเราะพลางมองไปทางอาจู

แม้อาจูจะหน้าแดง แต่น้ำเสียงสงบนิ่ง “ข้ายังอยากปรนนิบัติฮูหยินอีกสองปีเจ้าค่ะ”

เฉียวเจาไม่ได้ชื่นชอบเป็นแม่สื่อแม่ชัก นางยินดีที่ได้เห็นคนสมหวังในรัก แต่ถ้าไร้ใจนางก็ไม่คิดจะหาคู่ให้สาวใช้ข้างกายตามชอบใจ จึงพยักหน้ากล่าวว่า “อย่างนั้นถ้าวันหน้าได้เจอคนที่ถูกใจก็บอกข้า ขอเพียงคนผู้นั้นประพฤติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม ข้าจะไม่ขัดขวางเลย”

“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ” อาจูรีบกล่าวขอบคุณอย่างตื้นตันใจเต็มเปี่ยม

ในฐานะสาวใช้ผู้หนึ่งมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของตนเองได้ส่วนหนึ่ง นี่นับเป็นบุญวาสนาสูงส่งแล้ว

เฉินกวงส่งคนไปปักหลักเฝ้าดู ไม่นานนักคุณชายเล็กของจวนเสนาบดีศาลยุติธรรมก็ลักลอบออกไปพบปะคู่รักอีกครั้ง

เรือนชาวบ้านหลังนั้นไม่โดดเด่นสะดุดตาเลยสักนิด ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นถ้าไม่ใช่ขุนนางชั้นผู้น้อยก็เป็นพ่อค้าขายของเล็กๆ น้อยๆ

เมื่อได้ข่าวว่าชายสองคนในเรือนเริ่มนัวเนียกันให้วุ่น ตรงปากตรอกพลันมีเสียงตะโกนดังขึ้นทันที

“จับขโมยๆ…”

ขอเพียงเรื่องที่ประสบพบเจอเป็นการจับขโมยหรือไฟไหม้พรรค์นี้ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่ได้ยินเสียงดังเอะอะล้วนจะออกมาช่วยเหลือ เหนือสิ่งอื่นใดขณะนี้ยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ ชั่วเวลาสั้นๆ ก็มีคนออกมาดูเหตุการณ์ไม่น้อย พอเห็นคนทำท่าลับๆ ล่อๆ วิ่งอยู่ข้างหน้า ส่วนคนที่ไล่กวดตามหลังคือเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่ตั้งแผงขายอาหารเช้าตรงปากตรอกก็พากันเข้าร่วมขบวนจับขโมยทันที

“เร็วเข้า! เจ้าหัวขโมยนั่นเข้าไปในเรือนหลังนี้แล้ว ปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้ มันลักขโมยกระทั่งเงินซื้อโลงศพของข้าไป” คนที่วิ่งตามมาตะเบ็งเสียงบอกดังลั่น

เพื่อนบ้านทั้งหลายได้ยินเช่นนี้แล้วก็เหลือจะทน มีคนอารมณ์ร้อนยกเท้าถีบประตูเรือนเปิดออกทันที จากนั้นทุกคนวิ่งกรูกันเข้าไปในพริบตา

เพลานี้เป็นจังหวะที่คุณชายเล็กของจวนท่านเสนาบดีศาลยุติธรรมกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับคู่รักหนุ่มอยู่ ทันใดนั้นประตูก็เปิดผลัวะออกฉับพลัน มีคนยืนออกันแน่นอยู่หน้าประตู ทั้งหมดต่างมองจนปากอ้าตาค้าง

รอบด้านเงียบสนิทไปชั่วอึดใจก่อนเสียงร้องอุทานจะดังขึ้นเป็นทอดๆ

“ตายจริง! บุรุษหนุ่มทั้งแท่งสองคน บัดสีบัดเถลิงยิ่งนัก!”

“ไฉนมีคนเยี่ยงนี้เป็นเพื่อนบ้านได้ จะไม่ทำให้ฮวงจุ้ยเสียหายหรอกหรือ ไม่ได้ เอาตัวพวกเขาไปส่งทางการ ผิดจารีตประเพณีสิ้นดี”

น่าเวทนาคุณชายเล็กของเสนาบดีศาลยุติธรรมนัก เขาแอบเช่าเรือนหลังนี้ไว้ลับๆ จึงไม่มีใครล่วงรู้ฐานะ เขาถูกคนหลายคนจับมัดเอาไว้อย่างรวดเร็วแล้วจะลากตัวไปส่งทางการ

เมื่อได้ยินว่าต้องไปที่ทำการคุณชายจางตกใจจนขวัญหนีดีหาย ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่กล้าบอกว่าตนเป็นคนตระกูลใดเองเด็ดขาด ได้แต่ดิ้นขัดขืนตะโกนบอกว่าให้ปล่อยไม่หยุด

ตอนนี้เองมีคนอ้าปากพูดขึ้นกะทันหัน “เอ๊ะ! นี่คุณชายเล็กของจวนท่านเสนาบดีศาลยุติธรรมมิใช่หรือ ข้าเคยเห็นหน้าครั้งหนึ่งตอนไปที่ดื่มสุราที่ร้านไป่เว่ย”

คุณชายจางได้ยินว่าฐานะของตนเปิดเผยแล้วก็ทั้งอับอายทั้งร้อนใจจนหน้ามืดสิ้นสติไป

บทที่ 766

วันนี้หวังซื่อฮูหยินเสนาบดีศาลยุติธรรมชักชวนฮูหยินหลายท่านมาดื่มน้ำชาที่จวนพอดี เหล่าฮูหยินสนทนาถึงข่าวซุบซิบที่ลือกระฉ่อนที่สุดในเมืองหลวงช่วงนี้กันอยู่

ในยามนี้เองสาวใช้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนและกระซิบบอกที่ข้างหูหวังซื่อ “ฮูหยิน ไม่ได้การแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”

หวังฮูหยินขึงตาใส่สาวใช้ พวกไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่ดูเสียบ้างว่าตรงนี้เป็นสถานที่อะไร กลับวิ่งเข้ามาพูดจาส่งเดชเฉกกระต่ายตื่นตูม เสียทีที่ปกตินางไว้วางใจ

สาวใช้ไม่นำพาสายตาตำหนิของผู้เป็นนาย ลดสุ้มเสียงลงกล่าวว่า “ฮูหยิน คุณชายเล็กถูกคนจับได้ว่ามีชู้แล้วเป็นลมไป ถูกส่งตัวมาที่จวนเราแล้วเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ!” หวังฮูหยินลุกพรวดขึ้นยืน ครั้นมองสบสายตาประหลาดใจของฮูหยินทั้งหลายก็ยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน “ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการก่อน พวกท่านนั่งกันตามสบาย”

พอเห็นหวังฮูหยินผลุนผลันออกไป พวกฮูหยินสบตากันแวบหนึ่งแล้วต่างส่งสายตาบอกบ่าวไพร่คนสนิทของตน พวกนางก็แอบออกไปสืบข่าวอย่างว่องไว

ไม่นานนักสาวใช้หลายคนที่ออกไปทยอยกันกลับมา แต่ละคนมีสีหน้าชอบกล

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ฮูหยินท่านหนึ่งออกปากถาม

พวกสาวใช้พากันหน้าแดงไม่กล่าววาจา จนมีคนหนึ่งกระแอมให้คอโล่งก่อนกล่าวตอบ “เรียนฮูหยิน ด้านนอกกำลังวุ่นวายมีคนมากันมากมาย บอกว่าคุณชายเล็กของสกุลจางลอบพบกับชู้รัก เมื่อถูกคนจับได้เลยตกใจจนหมดสติ โดนพากลับมาส่งทั้งที่ยังเปลือยกายอยู่ด้วยเจ้าค่ะ”

“เอ๊ะ! มีเรื่องพรรค์นี้ด้วยหรือ” ดวงตาของฮูหยินทั้งหลายเปล่งประกายด้วยความสอดรู้สอดเห็นทันใด หากแต่สีหน้ากลับแสดงความห่วงใย

“คุณชายเล็กของสกุลจางไม่เป็นอะไรกระมัง แล้วสตรีที่ลักลอบเป็นชู้กับเขาคือใครหรือ”

ในบรรดานี้มีฮูหยินท่านหนึ่งเป็นพี่สะใภ้จากสกุลเดิมของหวังซื่อพอดี นางฟังถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอายขายหน้าไปกับน้องสาวสามีด้วย แต่ในเวลาเดียวกันก็อดเห็นว่าเป็นโชคดีไม่ได้

เมื่อครั้งที่บุตรสาวคนเล็กของนางถึงวัยต้องพูดคุยทาบทามเรื่องแต่งงาน ท่านแม่สามีเคยมีความคิดจะให้บุตรสาวของนางออกเรือนมาที่ตระกูลของน้องสาวสามี บัดนี้คิดไปแล้วช่างโชคดีจริงๆ

หากท่านแม่สามีรู้ข่าวนี้เข้าน่าจะขอบคุณนางที่ไม่เห็นด้วยในตอนนั้น

พอนึกถึงเรื่องนี้นางกลับไม่มีความคิดจะห้ามมิให้ฮูหยินเหล่านี้รอชมเรื่องสนุกแต่อย่างใด

บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วเปรียบดั่งน้ำที่สาดออกไป น้องสาวสามีไม่อบรมเลี้ยงดูบุตรชายให้ดีจะโยนความผิดให้สกุลหวังไม่ได้

“ว่าอย่างไร ยังไม่รู้ความเป็นมาของหญิงชู้หรือ” ฮูหยินที่ไต่ถามมีท่าทางเสียดายอยู่สักหน่อย

สาวใช้ทำสีหน้าปั้นยากในพริบตา “คนที่คบชู้กับคุณชายเล็กของสกุลจางไม่ใช่สตรี แต่เป็น…บุรุษผู้หนึ่ง” นางพูดถึงตรงนี้แล้วตวัดสายตามองฮูหยินสกุลหวังท่านนั้นปราดหนึ่ง

ฮูหยินหลายคนตะลึงงันไปกับข่าวพิสดารนี้โดยพลัน พวกนางอ้าปากหุบปากซ้ำๆ ถึงมีคนหาเสียงของตนเจอแล้วเอ่ยถามขึ้น “บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน”

สาวใช้สองจิตสองใจเล็กน้อยถึงพูดตอบ “เป็น…เป็นบุตรชายของฮูหยินรองหัวหน้ากอง…”

ใบหน้าของฮูหยินสกุลหวังนิ่งขึงไป สามีของนางเป็นรองหัวหน้ากองพระราชพิธี

สาวใช้ผู้นี้มองนางแล้วพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร

จวบจนพวกฮูหยินมองมาเป็นตาเดียวกัน ฮูหยินสกุลหวังถึงเพิ่งคิดตามทันภายหลัง

หรือว่าคนที่ทำเรื่องเหลวไหลกับบุตรชายของน้องสาวสามีคือบุตรชายนาง

ก่อนหน้านี้ฮูหยินทั้งหลายส่งบ่าวไพร่ไปสืบข่าว แต่นางเป็นลูกสะใภ้ในสกุลเดิมของหวังซื่อจะทำตามคนอื่นก็ไม่เป็นการดี ตอนนี้กลายเป็นถูกปิดหูปิดตาไว้

“เป็นไปไม่ได้!” ฮูหยินสกุลหวังลุกพรวดขึ้นออกไปถามไถ่น้องสาวสามีให้รู้เรื่อง ไม่แยแสว่าจะขายหน้าหรือไม่อีกต่อไป

ฮูหยินที่เหลืออยู่มองหน้ากันไปมา จากนั้นไล่ตามไปกันหมด

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” หวังซื่อฮูหยินของเสนาบดีศาลยุติธรรมเห็นบุตรชายหมดสติอยู่ ส่วนหลานชายในสกุลเดิมก็คลุมเสื้อของใครก็ไม่รู้ไว้บนตัวอย่างลวกๆ นางรู้สึกหน้ามืดเป็นระลอกพลางดึงตัวหลานชายมาตะคอกถาม

“ท่านอาหญิง ให้ข้าสวมอาภรณ์ให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากันเถอะ”

“เจิ้นเอ๋อร์ เจ้าอยู่กับญาติผู้น้องได้อย่างไร” ฮูหยินสกุลหวังรุดมาถึงก็เอ่ยถามทันที

หวังซื่อหันหน้าไปเห็นฮูหยินหลายคนที่ตามออกมาแล้วอยากจะหมดสติไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

วันนี้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เกียรติยศหน้าตาล้วนเสื่อมเสียหมดสิ้นไม่เหลือหลอแล้วจริงๆ

“ฮูหยินทั้งหลาย วันนี้คงไม่อาจรับรองพวกท่านได้แล้ว” หวังซื่อฝืนทำกระฉับกระเฉงออกไปส่งแขก จากนั้นจับตัวบุตรชายที่ฟื้นสติแล้วกับหลานชายมาด่าว่าอย่างรุนแรง

ฮูหยินสกุลหวังได้ยินน้องสาวสามีพูดว่าบุตรชายตนชักพาให้ญาติผู้น้องเสียคนทั้งทางตรงทางอ้อมแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างขุ่นเคือง “เจ้าพูดอย่างนี้ไม่ถูกนะ เด็กสองคนทำผิดก็อบรมสั่งสอนให้ดีๆ ไฉนโยนความผิดให้เจิ้นเอ๋อร์ทั้งหมดเล่า”

หวังซื่อยิ้มเยาะ “พี่สะใภ้กล่าวคำนี้ได้ไม่ละอายแก่ใจเลย เจิ้นเอ๋อร์ไม่ได้ผิดปกติเช่นนี้มาเพียงวันสองวัน จะให้ร้ายใครก็แล้วแต่ ไยถึงให้ร้ายญาติผู้น้องแท้ๆ ได้เล่า”

ฮูหยินสกุลหวังฟังแล้วยิ่งโกรธเกรี้ยว “นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า เจิ้นเอ๋อร์ตบแต่งภรรยามีบุตรได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาแค่ออกนอกลู่นอกทางบ้างเป็นบางครั้ง คุณชายของตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองหลวงพวกนั้นล้วนเคยทำตัวเหลวไหลกันไม่น้อยตอนยังไม่รู้ความ แต่ภายหลังก็เป็นฝั่งเป็นฝาก้าวหน้าในหน้าที่การงานอยู่ดีมิใช่หรือ”

เมื่อคิดถึงตรงนี้รอยดูแคลนจุดวาบขึ้นในดวงตานางทันใด

นางยังฉงนใจอยู่ว่าบุตรชายคนเล็กของน้องสาวสามีแต่งงานมาหลายปีแล้วเหตุใดถึงไม่มีข่าวดีเสียที ที่แท้ไม่เห็นตนเองเป็นบุรุษนั่นเอง

“พี่สะใภ้อย่าพูดเช่นนี้เลย ถ้าเรื่องยังไม่เปิดเผยออกไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ แต่ตอนนี้เรื่องฉาวโฉ่ของพวกเขาสองคนรู้กันไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ท่านเห็นว่าจะทำอย่างไรกันดีเถอะ”

ขณะที่คุยกันอยู่ผู้ดูแลผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน ยื่นสารฉบับหนึ่งให้หวังซื่อ “ฮูหยิน มีคนนำสิ่งนี้มามอบให้ท่านขอรับ”

หวังซื่อรับสารไว้ด้วยสีหน้าเฉยชาแล้วหยิบออกมาอ่าน เห็นบนแผ่นสารมีอักษรตัวใหญ่เขียนไว้สั้นๆ ว่า

 

‘ไม่สนองคืนย่อมเป็นการเสียมารยาท’

 

“นี่หมายความว่าอะไร” ฮูหยินสกุลหวังยื่นหน้ามาอ่านแล้วถามอย่างงุนงง

หวังซื่อราวกับโดนฟ้าผ่า นางกล่าวเสียงหลง “บุตรชายข้าโดนปรักปรำ เขาโดนปรักปรำ!”

“ใครปรักปรำหรือ”

“ฮูหยินของกวนจวินโหว”

“เหตุใดเจ้าบอกว่าเป็นฮูหยินของกวนจวินโหวเล่า”

หวังซื่อได้สติฉับพลัน นางรู้ตัวว่าพลั้งปากไปแล้วก็ทำท่าอึกๆ อักๆ พูดไม่ออก

ภายในเวลาสั้นๆ เรื่องฉาวโฉ่ของจวนเสนาบดีศาลยุติธรรมกับจวนรองหัวหน้ากองพระราชพิธีก็เล่าลือกันอื้ออึงจนกลบข่าวซุบซิบของจวนกวนจวินโหวไปแล้ว

ถึงอย่างไรข่าวลือที่ว่าฮูหยินของกวนจวินโหวกับคุณชายเฉียวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันนั้นก็ยังไม่มีพยานหลักฐานจริงๆ ไหนเลยจะสร้างความฮือฮาเทียบได้กับบุรุษสองคนเปลือยกายอยู่ในห้องแล้วถูกคนโขยงหนึ่งจับได้คาหนังคาเขา มิหนำซ้ำทั้งสองคนยังเป็นคุณชายของตระกูลสูงศักดิ์และเป็นญาติผู้พี่ผู้น้องกันด้วย

ชั่วขณะเดียวคนในจวนเสนาบดีศาลยุติธรรมตั้งแต่เจ้านายไปจนถึงบ่าวไพร่ล้วนไม่มีหน้าออกไปที่ใด

ทว่าเรื่องยังไม่จบลงเท่านี้ ไม่นานนักสกุลเดิมของลูกสะใภ้คนเล็กก็บุกมาเยือนถึงที่

“ไม่ว่าอย่างไรวันนี้จวนของท่านก็ต้องให้คำอธิบายกับพวกข้าสักอย่าง ข้าเลี้ยงดูบุตรสาวจนเติบใหญ่ดุจดั่งแก้วตาดวงใจ นางออกเรือนมาที่ตระกูลพวกท่านสามสี่ปี แต่เพราะไม่มีบุตรเสียทีจึงต้องทนฟังวาจาเหน็บแนมถากถางของพวกท่านมามากเท่าไรก็สุดรู้ ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าบุตรชายท่านต่างหากที่ไม่เต็มใจเป็นบุรุษ ถ่วงรั้งบุตรสาวข้าต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ตั้งหลายปี”

เดิมทีเพราะบุตรสาวไม่มีบุตรเรื่อยมา นางในฐานะแม่ยายมักต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้หวังซื่อเสมอ ด้วยเหตุนี้นางจึงอยากกระโจนเข้าไปกัดอีกฝ่ายให้เนื้อหลุดใจจะขาด

มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าบุตรสาวของนางต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดเพราะไม่มีบุตร ที่แท้ความจริงเป็นเช่นนี้นี่เอง!

ถึงใช้ดาบสังหารเจ้าลูกเต่าบัดซบผู้นั้นจริงๆ ก็ยังไม่หายแค้น!

สองตระกูลทะเลาะเบาะแว้งกันนานหลายวัน สุดท้ายปิดฉากลงที่สองฝ่ายตกลงหย่าร้างกัน

ต่อมาไม่นานพวกผู้ตรวจการต่างถวายฎีการ้องเรียนเสนาบดีศาลยุติธรรมว่าตระกูลเขาประพฤติตนผิดทำนองคลองธรรม ไม่กวดขันบุตรหลาน ฮ่องเต้หมิงคังซึ่งกำลังหงุดหงิดใจอยู่จึงสั่งพักราชการให้เขาปิดประตูจวนทบทวนความผิด

เสนาบดีศาลยุติธรรมอยู่ในราชสำนักมาครึ่งค่อนชีวิต ถูกสั่งพักราชการทบทวนความผิดโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้เขาย่อมเดือดดาลเจียนคลั่ง ครั้นซักไซ้ไล่เลียงจนรู้ตัวการก่อเหตุ เขาตบหน้าหวังซื่อจนล้มคว่ำกับพื้นแล้วเขียนหนังสือหย่าโดยไม่รอช้า

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 .. 65 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: