X
    Categories: ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักทดลองอ่านเก็บหัวใจไว้เพื่อรัก

ทดลองอ่าน เก็บหัวใจไว้เพื่อรัก บทที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 3

ภายในห้องประชุมเล็กต่างคนต่างทุ่มเทสมาธิอยู่กับหัวข้อสนทนาตรงหน้าจนลืมเลือนสิ่งรอบข้างไป มาสะดุ้งเอาพร้อมกันก็เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วคนเคาะก็ถือวิสาสะพาตัวเองเข้ามาในห้องโดยไม่รอคำอนุญาต

“บ่ายสองโมงแล้วนะคะ ไม่มีใครหิวกันเลยหรือไง”

เสียงใสๆ ดังเข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมานั่งข้างอาเดย์ ซึ่งตำแหน่งนั้นทำให้เธอนั่งตรงข้ามกับคนที่เพิ่งจะเกลียดขี้หน้าเพิ่มขึ้นเมื่อคืนเข้าพอดี

“จิน่า มองไม่เห็นหรือว่าพ่อ พี่ๆ แล้วก็ชารีฟกำลังคุยเรื่องงานกันอยู่” ผู้เป็นบิดาทำหน้าเคร่งมองบุตรสาวด้วยสายตาตำหนิ แต่แล้วก็คลายลงเมื่อได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่กะพริบอ่อนเชื่อมเหมือนเด็กน้อย…เขาและทุกคนในครอบครัวใจอ่อนให้ฮะจิน่าเหมือนกับที่เคยเป็นตั้งแต่เธอเกิดมานั่นกระมัง

“แหม…ก็จิน่าเป็นห่วงพ่อกับพี่ๆ นี่คะ เลยเวลาอาหารกลางวันมาตั้งนานแล้ว” ฮะจิน่าเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด ละเว้นชื่อใครอีกคนหนึ่งในห้องอย่างจงใจ

“ตัวเองหิวเองล่ะสิไม่ว่า” เรียอาร์ทว่าด้วยเสียงล้อเลียนพร้อมกับยักคิ้วให้

“เพิ่งกลับจากยิมมาหรือจิน่า” อาเดย์ถามเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองอยู่ในชุดกางเกงวอร์มขายาวสีเทาเข้มขลิบชมพู เสื้อยืดตัวเล็กสีขาวที่ยังคงชุ่มเหงื่อถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อวอร์มสีเดียวกันกับกางเกง

ฮะจิน่าหันไปค้อนพี่ชายคนรองก่อนจะหันไปตอบพี่ชายคนโต “ค่ะพี่ พอดีเดินสวนกับอาลิที่พ่อสั่งให้ไปเอาเอกสารเพิ่มเลยรู้ว่ายังประชุมกันไม่เสร็จก็เลยเดินตรงมาที่นี่ก่อน คนครัวเตรียมอาหารเอาไว้พร้อมแล้วนะคะ ไปทานอาหารกันก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวโรคกระเพาะกำเริบจะไม่คุ้มกัน” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปพูดกับบิดาเสียงหวาน

“ไม่ต้องมาอ้อนพ่อ ใครกันแน่ที่จะเป็นโรคกระเพาะ กินแต่ละทีเหมือนมดดม ผอมจนไม่รู้จะผอมไปถึงไหนแล้ว” คุณประฮิมว่าเบาๆ ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มที่นั่งเงียบตั้งแต่ฮะจิน่าก้าวเข้ามา

“ชารีฟหิวรึยังล่ะ ประชุมเพลินจนลืมเวลา เสียมารยาทเจ้าของบ้านเสียจริง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง”

“เอาเถอะ ยังไงก็ไปทานข้าวกันก่อนก็แล้วกัน ตอนสี่โมงลุงมีนัดเสียด้วย เอาเป็นว่าค่อยมาคุยกันอีกทีดีไหม”

“ครับ”

ฮะจิน่าทำปากยื่นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นบิดาเอาใจ ‘แขก’ คนนี้เสียเหลือเกิน แล้วก็ต้องตาโตเมื่อได้ยินคุณประฮิมชวนเขาต่อว่า

“เดี๋ยวชารีฟมาทานกลางวันด้วยกันก็แล้วกัน จะได้ลองชิมฝีมือพ่อครัวของโรงแรมเสียหน่อย”

“จิน่าสั่งเขาจัดโต๊ะสำหรับคนแค่สี่คนเท่านั้นเองนะคะ” เธอรีบแย้ง

“เหลวไหลน่าจิน่า ไปแน่ะ ไปสั่งให้เขาจัดสำรับเพิ่มอีกที่ แล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะให้เรียบร้อย เดี๋ยวพ่อคุยอะไรอีกนิดหน่อยแล้วจะตามไป”

คนถูกสั่งทำแก้มป่องลุกพรวดขึ้น ปรายตาไปมองชารีฟอย่างไม่เป็นมิตรก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป

เมื่อร่างเล็กๆ นั้นพ้นสายตาไปแล้วคุณประฮิมกับลูกชายทั้งสองก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ผมต้องขอโทษแทนจิน่าด้วยนะครับ โตจนป่านนี้แล้วยังเหลวไหลอยู่อีก”

ชารีฟยิ้มบางๆ อยู่ในใบหน้า ไม่พูดอะไรแต่ในใจคิดว่าก็เพราะมีพ่อและพี่ที่ตามใจอย่างนี้ไงเล่า

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นอาลิที่หอบเอกสารชุดใหญ่มาเต็มอ้อมแขน

“มาพอดีเลยอาลิ ของที่เอามาพวกนั้นวางเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน แล้วก็ช่วยเก็บของบนโต๊ะนี่ด้วย เดี๋ยวพวกเราจะไปทานอาหารกลางวันกันก่อน อาจจะประชุมกันอีกทีตอนเย็นๆ”

เมื่อเลขาฯ หนุ่มรับคำ คุณประฮิมก็ชวนบุตรชายทั้งสองกับชารีฟ “ไปทานอาหารกัน”

 

ห้องอาหารขนาดเล็กอยู่ติดกันกับห้องประชุมนั่นเอง ประตูที่เปิดไปอีกด้านเป็นครัวทันสมัยที่ย่อขนาดลงมาอย่างเหมาะสม กึ่งกลางของห้องมีโต๊ะอาหารขนาดนั่งได้แปดคนวางอยู่ สำรับถูกจัดเตรียมเอาไว้ห้าที่ กลิ่นอาหารหอมลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

ฮะจิน่าที่ยังอยู่ในชุดวอร์มเหมือนเดิมนั่งรออยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางเสจิบน้ำส้มเมื่อทั้งหมดเดินเข้ามา

“อ้าว…จิน่า ทำไมไม่ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนล่ะ” เรียอาร์ทเดินเข้าไปขยี้ศีรษะน้องสาวคนเล็กก่อนจะนั่งลงข้างๆ “ยี้…เหม็นเหงื่อจะแย่”

“เหม็นก็ไม่ต้องมานั่งข้างๆ จิน่า” หญิงสาวตอกกลับหน้ามุ่ยทำให้คนล้อรวบร่างบางมากอดเอาไว้เต็มอ้อมแขน แถมหอมแก้มแรงๆ อีกทีเป็นการเอาใจ

“ไปอารมณ์เสียมาจากไหนฮึเรา ทำตัวเป็นเด็กไปได้ เรียนจบมาตั้งปริญญาโทแล้ว” อาเดย์หันไปเลื่อนเก้าอี้ให้ชารีฟที่นั่งตรงข้ามกับเรียอาร์ทก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงตรงข้ามกับน้องสาว ส่วนคุณประฮิมนั่งเป็นประธานอยู่ที่หัวโต๊ะ

หญิงสาวไม่ตอบ หากเมื่อเห็นทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วก็ส่งสัญญาณให้บริกรหนุ่มของโรงแรมทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารซึ่งเป็นเนื้อเป็ดอบราดซอสสไตล์ฝรั่งเศส พร้อมด้วยสลัดผักที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม

พอทุกคนเริ่มลงมือรับประทานอาหารไปบ้างแล้วคุณประฮิมก็หันไปถามฮะจิน่าอีกครั้ง

“ลูกยังไม่ได้ตอบอาเดย์เลยว่าเป็นอะไรไป ไหนตอนแรกบอกกับพ่อว่าเรียนจบมาหลายเดือนแล้ว อยากจะเริ่มทำงานเสียทีไง ตอนการีมเสนอโครงการมาก็เห็นออกไอเดียอะไรเสียมากมาย มีประชุมกับชารีฟวันนี้กลับไม่เข้าไปคุยเอาเสียดื้อๆ อย่างนี้จะทำงานใหญ่ได้อย่างไรกันล่ะ”

คำสนทนานั้นทำให้ชารีฟหันไปมองหญิงสาวคนเดียวของห้องอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่าเธอร่วมทำโครงการนี้ด้วยตั้งแต่แรกวันนี้คงจะหนีเพราะว่าตัวเขาเองล่ะสินะ

“เดี๋ยวให้อาลิสรุปให้ฟังก็ได้นี่คะ” ฮะจิน่าเถียงออกมาไม่เต็มเสียงนัก

“มันจะไปเหมือนนั่งฟังอยู่ด้วยตัวเองได้ยังไง” คุณประฮิมบ่นก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“จิน่าสัญญาว่าจะเข้าร่วมประชุมในครั้งต่อไปก็แล้วกันค่ะพ่อ”

คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของบิดา “อย่างนั้นก็ดี เมื่อตะกี้เรายังพูดคุยกันไม่จบ เดี๋ยวเย็นๆ คงจะต้องประชุมกันอีกที…ชารีฟสะดวกรึเปล่าหลาน”

“ทางผมไม่มีปัญหาอะไรครับ”

“อาหารเป็นยังไงบ้าง”

“อร่อยมากครับ ฝีมือพ่อครัวของที่นี่ดีทีเดียว”

“อย่างนั้นลุงก็ขอเชิญมื้อเย็นด้วยเลย เอาสักหกโมงครึ่งเป็นไง เร็วหน่อย และพอทานอาหารเสร็จจะได้คุยกันให้จบๆ ไป จะได้ร่างโครงการให้เป็นรูปเป็นร่างเสียที”

“ก็ดีครับ” ชารีฟยังคงตอบสั้นๆ เหมือนเคย

“ลูกๆ ล่ะ อาเดย์ เรียอาร์ท จิน่า”

อาเดย์รับคำทันที เรียอาร์ทชะงักไปเล็กน้อยก่อนตอบตกลง เพราะว่าเขานัดพาสาวออกไปรับประทานอาหารข้างนอกแต่ช่างเถอะ ยังไงก็เลื่อนได้ไม่มีปัญหา

ส่วนฮะจิน่า…หญิงสาวทำหน้าเมื่อยอย่างเก็บไม่อยู่ หากก็พยักหน้ารับคำเป็นอย่างดี

 

เมื่อบริกรเดินเข้ามาเก็บจานของหวานและเริ่มเสิร์ฟกาแฟ อาเดย์ก็ถามชารีฟขึ้นว่า “บ่ายนี้จะทำอะไรล่ะชารีฟ”

“ผมคงจะไปเดินดูเมืองเสียหน่อยครับ ไม่เคยมามาร์ราเคชเลย”

ชายหนุ่มละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเขาอยากจะไปสำรวจตัวเมืองว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แม้จะรู้อยู่ว่ามาร์ราเคชเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของชาวยุโรป รายได้หลักของเมืองนี้จึงมาจากการท่องเที่ยวล้วนๆ ทำให้ทางการของโมร็อกโกสนับสนุนหนักหนาที่จะให้มีโรงแรมเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีมาตลอดปี ชารีฟอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าอะไรที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดของเมืองนี้

คุณประฮิมพยักหน้าอย่างพอใจในความรอบคอบของผู้ร่วมงานใหม่ “ดีแล้ว ลุงก็อยากให้ชารีฟไปสัมผัสเสน่ห์ของโมร็อกโกด้วยตัวเอง แล้วกะจะไปที่ไหนล่ะ”

“ผมยังไม่แน่ใจเลยครับ วันนี้ไม่มีเวลามากนักคงจะไปเดินดูแถวเจอมา เอฟ น่า เสียหน่อย แล้วอาจจะเดินในซูกต่อ” ชารีฟหมายถึงจัตุรัสที่อยู่ในเมดิน่าหรือส่วนเมืองเก่าและตลาดนัดขนาดใหญ่อันเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวที่มามาร์ราเคชต้องแวะชม

“จะไปให้ถึงที่นั่นมันก็ไม่ยากหรอก แต่จะเดินให้ทั่วน่ะมันไม่ง่ายนะ” เรียอาร์ทว่า

“นั่นสิ ชารีฟมีไกด์รึเปล่า” อาเดย์ถาม

“ผมมีแผนที่ครับ”

ได้ยินดังนั้นแทนที่จะจัดหาไกด์อาชีพให้ คุณประฮิมก็พยักหน้าไปทางบุตรสาว “งั้นจิน่าแน่ะ ไปเป็นเพื่อนชารีฟหน่อย”

ยังไม่ทันที่ชารีฟจะเอ่ยปากปฏิเสธแต่อย่างไร ฮะจิน่าก็เผลอตัวร้องออกมาก่อน “ไม่เอาค่ะ ทำไมต้องเป็นจิน่าด้วยล่ะคะ”

“อ้าว ก็บ่ายนี้ลูกอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่ แล้วก็เป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านที่จะต้องรับรองแขกด้วย” ผู้เป็นบิดาให้เหตุผล

“พี่อาเดย์คงจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดมั้งคะ” ฮะจิน่าโยนหน้าที่ไปให้พี่ชายคนโต

ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะ “พี่ต้องไปกับพ่อบ่ายนี้ ไปดูราคาอุปกรณ์ก่อสร้างไง”

“งั้นก็พี่เรียอาร์ทสิ” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ โยนกลองต่อไปที่พี่ชายคนรอง

“อ๊ะ พี่ก็ไม่ว่าง มีนัดแล้ว” เรียอาร์ทว่ายิ้มๆ

“นัดกับสาวน่ะสิคะ” ฮะจิน่าย้อนเข้าให้ “ไม่เห็นจะสำคัญ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเรียอาร์ทก็เลยได้ทีแหย่กลับไป “ก็ยังดีกว่าคนไม่มีนัดล่ะน่า”

ฮะจิน่าอยากนักที่จะขว้างถ้วยกาแฟในมือลอยไปปิดปากเจ้าพี่ชายตัวดี หากยั้งเอาไว้ ได้แต่มองเป็นเชิง

’ฝากไว้ก่อนเถอะ’

“แล้วอาลิล่ะคะ” คราวนี้เหยื่อเป็นเลขาฯ หนุ่มของบิดา

“อาลิก็ต้องไปกับพ่อสิ เขาเป็นเลขาฯ ของพ่อนี่”

“งั้นให้ใครไปก็ได้ ไม่เห็นต้องเป็นจิน่าเลย”

ชารีฟที่นั่งเงียบมองการโต้แย้งตรงหน้าอย่างไม่สบายใจเอ่ยแทรกขึ้นมาเบาๆ อย่างเกรงใจ “คุณลุงไม่ต้องให้คุณฮะจิน่าเธอลำบากหรอกครับ ผมไปไหนมาไหนคนเดียวได้สบายมากอยู่แล้ว”

หากคุณประฮิมยังคงยืนยันเจตนาเดิม “ไม่ต้องเกรงใจหรอกชารีฟ และอีกอย่างที่ลุงให้จิน่าไปด้วยเนี่ย ก็อยากจะรบกวนชารีฟด้วย”

“เรื่องอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ

“ก็อยากจะให้ช่วยบรีฟงานที่เราประชุมกันเช้านี้ให้จิน่าที เพราะตอนเย็นเราต้องประชุมกันอีก แล้วก็ไม่มีใครว่างจะบรีฟให้เธอฟังเสียด้วย” ตอบแล้วก็หันไปทางบุตรสาวที่นั่งหน้างออยู่ “ลูกบอกว่าจะเข้าประชุมเย็นนี้ จะเข้าประชุมทั้งๆ ที่ไม่รู้ความคืบหน้าอะไรได้ยังไง จริงไหมจิน่า”

เจอไม้นี้เข้าคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่น หลังจากนั่งคิดหนักอยู่เกือบนาทีเต็มแล้วหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ออก ฮะจิน่าก็เลยตกลงรับคำ

“ก็ได้ค่ะ ไปกันเลยไหมล่ะคะ” หญิงสาวหันไปถามลูกทัวร์จำเป็นของเธอด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับพร้อมกับลุกขึ้นไปคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กมาสะพายเอาไว้

 

ชารีฟมองคนที่จะมานำทางตลอดบ่ายนี้ด้วยความหนักใจหากสีหน้ายังคงเรียบเฉย กล่าวขึ้นเรียบๆ “ผมไม่รีบร้อนอะไรนี่ครับ บางทีคุณอาจจะอยากไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อยก่อน”

หากดวงหน้าใสนั้นเชิดไปอีกทาง “ฉันจะไปของฉันอย่างนี้ละค่ะ หรือว่าคุณรังเกียจ”

คนถูกถามเอ่ยปากขอตัวกับผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น ลุกขึ้นยืนเป็นคำตอบ พยักหน้าเป็นเชิงให้เธอนำทาง ก่อนจะพยักหน้าอีกครั้งให้เธอเดินนำไปโดยไม่พูดอะไรอีก

…รังเกียจน่ะไม่รังเกียจหรอก เพียงแต่เขาตั้งใจเตือนด้วยความหวังดีแท้ๆ อากาศข้างนอกค่อนข้างอุ่นและเวลาบ่ายแก่ๆ อย่างนี้ถ้าแดดจัดคงจะร้อนเชียวละ ไม่ได้มีแอร์เย็นฉ่ำเหมือนในนี้ ตัวเธอเองนั่นละที่จะคันยิบเพราะเหงื่อไคล แต่ก็ช่างปะไร…

 

เมื่อมั่นใจว่าสองหนุ่มสาวเดินลับไปแล้วอาเดย์ก็หันไปทางบิดา ถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ “พ่อมีแผนอะไรหรือครับ”

“เปล่าสักหน่อย” ผู้เป็นบิดาตอบก่อนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แววตาเป็นประกายขบขัน

“อย่าปิดกันเลยครับ ผมรู้ว่าพ่ออยากได้ชารีฟมาเป็นลูกเขย” เรียอาร์ทเสริมขึ้นมาบ้างพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย

“แล้วเราสองคนไม่อยากให้น้องแต่งงานกับคนดีๆ หรอกหรือไง อายุก็ตั้งยี่สิบสี่เข้าไปแล้ว”

ลูกชายคนโตหัวเราะ “บางทีผมยังนึกว่าน้องอายุสักสิบห้า”

“ก็นั่นละ มีแฟน แต่งงานเสียจะได้เป็นผู้ใหญ่เสียที แม่เขาก็เป็นห่วง…ว่าแต่ลูกสองคนเถอะจะสนับสนุนรึเปล่า”

“ผมไม่ค้านหรอกครับสำหรับชารีฟ” อาเดย์ตอบ

“ถ้าเขาจะรักจิน่าล่ะก็นะ” เรียอาร์ทเติม

“พ่อถึงอยากให้ลูกช่วยกันด้วยไงล่ะ”

เรียอาร์ทขยับตัวนั่งตรง เท้าคางมองบิดาตาใสอย่างนึกสนุกไปด้วย “จะให้ช่วยยังไงล่ะครับ ออกนอกหน้ามากไม่ได้แน่ ถ้าจิน่ารู้ตัวเธอจะยิ่งหนี ยิ่งเกเรเข้าไปใหญ่”

“นั่นสิ…จำคราวที่แล้วได้ไหมครับ จิน่าป่วนการดูตัวซะยุ่ง” อาเดย์ยิ้มขันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน

“ก็ต้องค่อยๆ ทำสิ ยังไงก็ดูสถานการณ์วันนี้ก่อน ลูกสองคนคอยร่วมมือก็แล้วกัน พยายามให้พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากๆ หน่อย ไหนๆ การีมก็ส่งลูกพี่มาให้ถึงที่แล้วนี่” คุณประฮิมตอบยิ้มๆ ภายในใจวาดหวัง

เรียอาร์ทหัวเราะออกมาเต็มที่จนลักยิ้มข้างซ้ายบุ๋ม พูดอย่างติดตลกว่า “งานนี้กามเทพคงจะเวียนหัวแน่นอน”

 

ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: