X
    Categories: With Loveทดลองอ่านเจ้าสาวสโลว์ไลฟ์

ทดลองอ่าน เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์ บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 2

เด็กเลี้ยงแกะ

“ส่งคนไข้เข้ามาเลยครับพี่แมว”

“พักหน่อยไหมคะ หมออยู่เวรมาทั้งคืนแล้วนะคะ”

ปาลเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มประวัติคนไข้ สบตากับมาลัย พยาบาลวัยกลางคนซึ่งร่วมงานกับเขามาปีกว่า

“ไม่เป็นไรครับ”

“แต่อาการหมอปาลยังไม่หายดีเท่าไร หมอนพกับหมอพลก็อยู่ หมอไปพักเถอะค่ะ”

“ผมยังไหว มีหมอตรวจเพิ่มอีกคน คนไข้จะได้ไม่ต้องรอนานไงครับ”

ที่จริงเรื่องอยู่โยงเข้าเวรเป็นเรื่องปกติของแพทย์ใช้ทุนอยู่แล้ว เขาเคยอยู่โยงเข้าเวรนานสามสิบชั่วโมงมาก่อน แค่ทำงานสิบกว่าชั่วโมงไม่ทำให้เขาหมดแรงหรอก

“ผมไปพักก็นอนไม่หลับอยู่ดีครับ ออกตรวจคนไข้ดีกว่า”

ปาลสารภาพอย่างหมดท่า การสูญเสียคนไข้หนึ่งคนกับการเป็นต้นเหตุให้คนดีๆ คนหนึ่งเสียชีวิตในอุบัติเหตุทำให้เขาข่มตาไม่ลง ปิดเปลือกตาทีไรก็คอยแต่นึกถึงภาพเหล่านั้นทุกที

มาลัยมองสีหน้าหมองเศร้าของหมอหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดด้วยความเห็นใจ

หมอปาลเป็นหมอใช้ทุน ปีนี้เข้าปีที่สามแล้ว ปีแรกหมอปาลใช้ทุนที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ปีถัดมาจึงย้ายมาใช้ทุนที่โคกเสือเผ่น อำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสาน

โคกเสือเผ่นเป็นพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ ไม่มีห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อติดแอร์เย็นฉ่ำมีเพียงแห่งเดียว คนไข้ที่โคกเสือเผ่นส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านร้านตลาด และเป็นคนไข้จากประเทศเพื่อนบ้านที่ข้ามชายแดนมารักษาอาการเจ็บป่วย

มีแพทย์ประจำอยู่สองคน ที่เหลือเป็นแพทย์ใช้ทุน หากมีอาการป่วยรุนแรงหรือต้องรักษาเฉพาะทางก็ต้องส่งคนไข้ไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด

นอกจากรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา งานหัตถการและการวินิจฉัยอาการคนไข้ของหมอปาลก็แม่นราวกับจับวาง ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอสุดหล่อยังสุภาพเรียบร้อย ขยันทำงาน ไม่เคยลา ไม่เคยแลกเวร โทรตามเมื่อไรไม่เคยอิดออด หากเป็นไปได้มาลัยก็อยากให้หมอปาลประจำที่โคกเสือเผ่นเช่นนี้ตลอดไป ดังนั้นอะไรที่ทำให้คุณหมอสะดวกสบายขึ้น มาลัยจะไม่ลังเล

“ถ้างั้นวันนี้พี่ยกปิ่นโตของหนูเอ๋ยให้หมอเลยนะคะ”

รอยยิ้มเบ่งบานบนดวงหน้าหล่อเหลาโดยชายหนุ่มไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่มาลัยมองเห็น

การได้เป็นสมาชิกปิ่นโตรายเดือนของอิศยากลายเป็นเรื่องที่คุยโวข่มกันได้เสียแล้ว เพราะแค่มีเงินไม่พอ เด็กอินดี้อย่างอิศยาไม่เคยง้อใคร บอกปัดมานักต่อนัก หนึ่งในนั้นก็คือหมอปาลที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงหน้านี่เอง

“แล้วพี่แมวจะทานอะไรล่ะครับ”

“วันนี้ญาติพี่แวะมาค่ะ พี่ก็เลยจะแวบไปทานข้าวกับญาติๆ พี่ยกปิ่นโตให้หมอแล้วกันนะคะ”

“ถ้างั้นก็…ขอบคุณมากครับ”

“เดี๋ยวเที่ยงแล้วพี่บอกให้น้องพยาบาลหยิบปิ่นโตไปไว้ในห้องพักแพทย์นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมออกไปรับเองดีกว่า มีเรื่องจะคุยกับเอ๋ยด้วย ยังมีโอพีดีอีกไหมครับ ส่งเข้ามาได้เลย”

“เดี๋ยวพี่ไปดูให้นะคะ”

มาลัยรับคำแล้วเดินหายออกไป หลังจากนั้นปาลใช้เวลาตรวจคนไข้อยู่อีกพักใหญ่ มาลัยก็เยี่ยมหน้าเข้ามา

“คนไข้หมอปาลหมดแล้วค่ะ คงมาอีกทีช่วงบ่ายโน่นแหละ วันนี้มีงานทำบุญใหญ่ในตัวจังหวัด ชาวบ้านคงจะแห่ไปร่วมงาน คนไข้ก็เลยไม่แน่นอย่างที่คิด”

ปกติโรงพยาบาลโคกเสือเผ่นมีคนไข้แน่นแม้ในช่วงเที่ยง ทำให้ทีมแพทย์แทบไม่ได้หยุดพัก กว่าจะได้กินข้าวก็ราวบ่ายสองไปแล้ว แต่ก็กินได้ไม่เกินสิบห้านาทีเพราะมักมีเคสฉุกเฉินเข้ามาบ่อยครั้ง นานวันเข้าปาลเลยกลายเป็นคนทานเร็วไปโดยปริยาย

“ถ้างั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะ”

“ขอบคุณครับพี่แมว”

ชายหนุ่มเปิดเก๊ะหยิบมือถือขึ้นมาหลังจากมาลัยเดินลับไปแล้ว พบข้อความกับเบอร์ที่ไม่ได้รับนับสิบสายจาก ‘นุชนารถ’

 

‘นุชกลับจากอเมริกาแล้วนะคะ อยากเจอหมอจัง’

‘หมอจะขึ้นกรุงเทพฯ เมื่อไรคะ เราเจอกันหน่อยดีไหมคะ’

‘นุชคิดถึงหมอนะคะ’

‘นุชรู้แล้วว่าหมอดีกับนุชที่สุด’

‘ขอโอกาสนุชอีกสักครั้งได้ไหม รักหมอนะคะ’

 

เขาเพียงกดอ่านข้อความเหล่านั้น แต่ไม่ได้ตอบกลับไป

เมื่อก่อนใครๆ ก็พูดว่าเราสองคนคู่ควรกันราวกิ่งทองใบหยก เขาเป็นเดือน ส่วนเธอเป็นดาว เขาเรียนแพทย์ ส่วนเธอเรียนบริหาร ทั้งสองเจอกันเพราะปาลถูกขอร้องแกมบังคับให้เป็นตัวแทนของคณะร่วมงานประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย

เขาเรียนหนัก ไม่มีเวลาไปจีบผู้หญิง หน้าที่นี้จึงตกเป็นของนุชนารถ

ครอบครัวเราทั้งสองต่างมีหน้ามีตาในสังคมจึงไม่มีใครคัดค้านการคบหากัน เรารักๆ เลิกๆ กันหลายครั้งแล้ว ครั้งหลังสุดนานหน่อยคือหนึ่งปี และปาลตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป เพราะเขาไม่ใช่ของตายที่นุชนารถเบื่อเมื่อไรก็ทิ้งและกลับมาเมื่อไร้ทางไป

‘หมอเห็นคนไข้ดีกว่านุช แล้วนุชผิดตรงไหนที่อยากมีคนอื่นบ้าง หมอไม่เคยรักใคร หมอไม่เข้าใจหรอก’

ปาลรับฟังคำตัดพ้อเงียบๆ และจากมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชีวิตเขายุ่งเหยิงเกินกว่าจะเอาเวลาไปหมกมุ่นกับความรัก ทว่านับตั้งแต่ย้ายมาโคกเสือเผ่น เขาคิดว่าตนเองก็เริ่มรู้จักไอ้เจ้า ‘ความรัก’ นี้ขึ้นมาเหมือนกัน เพราะเด็กกะโปโลที่ชื่อ…อิศยา

เขาเจอเธอครั้งแรกที่หน้าโรงพยาบาล ร่างเล็กบอบบางกำลังแบกเด็กชายร่างใหญ่วัยไม่น่าเกินสิบขวบอยู่บนหลัง ศีรษะของเด็กชายคนนั้นแตก เลือดท่วมหน้าผาก

‘เกิดอะไรขึ้นครับ’

‘เอ๋ยผิดเอง เอ๋ยขว้างหินไปโดนหัวเด็กคนนี้ค่ะ’

ตอนแรกเขาคิดว่าเธอเป็นเด็กเกเร นิสัยไม่ดี ภายหลังมารู้ต้นสายปลายเหตุจากมาลัยว่าเด็กชายร่างใหญ่กำลังรังแกเด็กในแก๊งอยู่ อิศยาผ่านมาเห็นเข้าจึงช่วยเหลือ แต่ดันพลั้งมือขว้างก้อนหินถูกศีรษะเด็กชายตัวใหญ่ เธอเลยต้องแบกเด็กคนนี้มาโรงพยาบาลและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด พร้อมแบกความผิดไว้ที่ตนเองฝ่ายเดียวจนชาวบ้านเก็บไปนินทาว่าเธอเป็นคนเกเร แต่หญิงสาวก็ไม่คิดแก้ตัว เพราะไม่เช่นนั้นเด็กโค่งคนนี้จะถูกพ่อขี้เมาทำร้ายได้

ความประทับใจเล็กๆ ก่อตัวขึ้นเหมือนเชื้อไฟที่พอจุดติดแล้วก็ลุกลามต่อไม่หยุดยั้ง

เขารับรู้เรื่องราวของอิศยาอีกหลายเรื่องจากมาลัย เพราะพยาบาลผู้นี้เป็นเพื่อนของแม่อิศยาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว บางเรื่องทำให้เขาชื่นชม แต่บางเรื่องก็ทำให้นึกฉงนใจ

‘เอ๋ยไม่เรียนหนังสือเหรอครับ ผมเห็นตระเวนขับรถส่งปิ่นโตทุกวัน’

‘เอ๋ยเรียนจบมัธยมแล้วค่ะหมอ แต่เห็นว่าอยากทำงาน ไม่อยากเรียนต่อแล้ว’

‘แล้วลุงถมไม่ว่าอะไรเหรอครับ’

‘ก็ไม่เห็นว่าอะไรนะคะหมอ’

ปาลย่นคิ้วกับเหตุผลที่ได้ยิน ดูเหมือนมาลัยจะอ่านความคิดของเขาออก

‘เห็นหนูเอ๋ยตะลอนไปทั่ว ไม่เรียนหนังสือต่อแบบนี้ แต่หนูเอ๋ยเป็นเด็กดีนะคะหมอ พี่เห็นมาตั้งแต่ตัวเล็กเท่าเมี่ยง เป็นเด็กขยันขันแข็ง สู้งาน กลับมาบ้านก็ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่เหมือนพวกเด็กสาวๆ แต่คอยหยิบจับช่วยงานแม่เขาตลอดค่ะ พอแม่เสียหนูเอ๋ยก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงค้าขายหาเงินมาช่วยผ่อนแรงถมยามัน หนูเอ๋ยไม่ใช่เด็กเกเรใจแตกอย่างที่ชาวบ้านพูดกันหรอกค่ะ เป็นเด็กใช้ได้ทีเดียวค่ะ’

ความประทับใจเริ่มบ่มเพาะลงในจิตใจ แต่มันยังไม่อาจแตกหน่อต่อได้เพราะอีกฝ่ายเมินเขาตลอด

‘เอ๋ยดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมนะครับ เจอหน้ากันทีไรก็หน้านิ่งตลอด ผมนึกว่าผมทำอะไรผิดเสียอีก’

‘เอ๋ยมันเป็นเด็กนิ่งๆ ไม่ใช่คนพูดเก่ง ช่างประจ๋อประแจ๋เหมือนสาวๆ ที่นี่หรอกค่ะ มันออกจะ…สมัยนี้เรียกอะไรนะ…ออกติสต์ๆ น่ะค่ะหมอ’

คำพูดของมาลัยทำให้เขาอยากรู้จักอิศยามากขึ้น บังเอิญรถมือสองที่เขาซื้อไว้เสียกลางทาง ลุงถมยาผ่านมาเห็นเข้าจึงลากไปที่อู่ เขาจึงพบเธอบ่อยขึ้นและบ่อยขึ้นจนตัดสินใจสมัครสมาชิกปิ่นโตดีลิเวอรี่ของเธอ

ปาลเคยชินกับการส่งข้อความลงในปิ่นโตเถาน้อย เขารู้ดีว่าข้อความเหล่านั้นไม่ได้รื่นหูนัก แต่ผู้ชายทื่อๆ จีบใครไม่เป็นนึกออกเพียงแค่นี้จริงๆ

การจีบ ‘เด็ก’ ยากกว่า ‘ผู้ใหญ่’ มากนัก โดยเฉพาะเด็กอินดี้ คาดเดาใจยากอย่างอิศยา

ความรักครั้งนี้ถูกบ่มเพาะมาสักระยะ เพียงแต่ไม่อาจเติบโตเบ่งบานออกดอกออกผลได้ เพราะจู่ๆ วันหนึ่งเธอก็บอกเลิกสมาชิกปิ่นโต เขาผิดหวังและเสียใจ ทว่าเขากลับปั้นหน้าตายเหมือนไม่รู้สึกรู้สา แสร้งยกเรื่องการเรียนของเธอขึ้นมาพูด

‘เธอควรคิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง เธอยังเด็กนะ’

‘ก็เอ๋ยสะดวกแบบนี้นี่คะ’

ปาลไม่มีวันได้รับคำตอบกวนประสาทแบบนี้จากสาวๆ ที่โคกเสือเผ่น สาวๆ หลายคนที่เข้ามาหาพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวาน บางคนถึงขั้นต่อคิวเป็นคนป่วยก็มีไม่น้อย

แต่ไม่ใช่อิศยา เธอเหมือนนกน้อยที่โผบินอย่างอิสรเสรี เธอคงไม่ชอบเด็กเรียนใส่แว่นที่ใช้ชีวิตกับตำรับตำรามากกว่าท้องทุ่งกว้าง เธอจึงไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง

ปาลกลับมาใช้ชีวิตแห้งเหี่ยวอยู่เป็นเดือนๆ หากไม่ใช่เพราะรถกระป๋องต้องเข้าอู่อีกครั้ง เขาคงไม่ได้เจอเธออีก คืนนั้นเขาดีใจที่ได้ลิ้มรสอาหารจากมือเธอ ทั้งอร่อยและดีต่อใจ

ทว่าหลังฟื้นจากอุบัติเหตุ เขากลับเสียใจที่ตนเองดึงดันจะไปหาลุงถมยาคืนนั้น เขาไม่น่ารีบร้อนออกจากโรงพยาบาล ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พรากชีวิตพ่อของอิศยา และไม่สูญเสียชีวิตคนไข้รายนั้นไป

“พี่แมวไปไหนคะ”

อิศยาถามหมอปาลหลังก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างซึ่งบรรจุปิ่นโตหลายสิบเถา เธอรับลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม แต่กลับคัดชื่อเขาออกจากสมาชิกเนี่ยนะ

หึ ยายเด็กเลี้ยงแกะ!

“พี่แมวไม่ว่าง ฉันเลยมารับปิ่นโตแทน วันนี้ทำอะไรกินบ้าง”

“ก็เมนูเดิมๆ แหละค่ะ”

เธอประหยัดถ้อยคำพลางส่งปิ่นโตให้เขา ก่อนละความสนใจไปยังสมาชิกรายอื่น แต่เขาไม่ได้ก้าวขาจากไปไหน เพียงแต่ยืนมองเธอกุลีกุจอหยิบปิ่นโตส่งให้สมาชิกรายอื่นกระทั่งครบจึงหันมาสบตาเขา

“หมอปาลมีอะไรจะพูดกับเอ๋ยรึเปล่าคะ”

“ลูกค้าเยอะขึ้นเหรอ”

“คงงั้นมั้งคะ”

“มีที่ว่างอีกที่ไหม”

เรียวคิ้วสวยของอิศยาเลิกขึ้นก่อนส่ายหน้า “เต็มแล้ว!”

เปล่าประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียง เธอคงไม่มีวันใส่ชื่อเขาลงไปในสมาชิกปิ่นโตอีกเป็นแน่

“รถกระบะคันนั้น…ฉันจะชดใช้ให้”

ดวงหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้น นัยน์ตากลมโตเปล่งประกายวาววับราวกับคำพูดของเขาไปจี้ใจดำเข้า

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”

“ฉันจะรับผิดชอบ…ทุกอย่าง!”

ปาลหมายถึงทุกอย่าง รวมถึงชีวิตของเธอด้วยหากหญิงสาวยินยอม แต่อิศยากลับเข้าใจไปอีกทาง

“ไว้เอ๋ยจะส่งบิลมาเบิกแล้วกันค่ะ”

ปาลพยักหน้า ไม่กี่ครั้งหรอกที่เราจะได้คุยกันยาวๆ และเขายังไม่อยากให้บทสนทนาจบลงแค่นี้

“เย็นนี้เธอมารับฉันไปที่งาน…ได้ไหม”

อิศยาย่นคิ้วเข้าหากัน จ้องดวงหน้าอิดโรยและสภาพไม่สมประกอบของหมอปาลอย่างเอาเรื่อง

“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นค่ะ เผื่อหมอปาลลืม”

 

ติดตามบทที่ 1-3 ได้แล้ววันนี้!

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: