X
    Categories: With Loveทดลองอ่านเจ้าสาวสโลว์ไลฟ์

ทดลองอ่าน เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์ บทที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 3

หนี้ชีวิต

“สนิทกันรึไงถึงจะติดรถไปด้วย…ประสาท!”

อิศยาพึมพำขณะขี่รถเครื่องออกจากที่ว่าการอำเภอเพื่อกลับบ้าน

“เกลียดสิเอ๋ย ทำไมไม่เกลียดเล่า”

เธอย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมอปาลเป็นต้นเหตุให้พ่อเสียชีวิต ควรเป็นคนที่เธอหมายหัว แต่ความรู้สึกที่มีให้หมอปาลกลับแตะไม่ถึงความชิงชัง อาจจะอยู่ในระดับเหม็นขี้หน้ามากกว่า

แล้วเธอก็ปัดเรื่องของหมอปาลทิ้งไปเมื่อพบผู้เป็นป้านั่งรออยู่ที่เก้าอี้ม้าหินหน้าบ้าน อิศยาเลียบรถเครื่องจอดริมประตูพลางยกมือไหว้คนที่พ่อถมยาบอกว่าเป็นญาติห่างๆ

“ป้านงมานานแล้วเหรอคะ”

“ก็ใช่น่ะสิ แกหายไปไหนมา ฉันโทรหาก็ไม่รับ”

“เอ๋ยขี่รถอยู่ คงไม่ได้ยินมั้งคะ”

“ไปตะลอนเที่ยวไหนอีกล่ะ ถมยามันเพิ่งจะตายหลัดๆ ศพยังไม่ทันเผาก็แรดไปทั่วแล้ว”

อิศยาเบะปาก เห็นว่าเป็นญาติหรอกนะเลยไม่อยากถือสาหาความด้วย

“เอ๋ยไปส่งปิ่นโตค่ะ”

“แกจะทำงานงกๆ ไปถึงไหน ได้สักกี่บาทเชียว”

“ป้านงมาถึงนี่ มีอะไรเหรอคะ”

“ฉันมารอแกเหนื่อยๆ ไม่คิดจะเปิดบ้าน หยิบน้ำหยิบท่าให้ฉันกินเลยรึไง”

หญิงสาวลอบถอนหายใจ เดินไปปลดล็อกกุญแจก่อนดันประตูบานพับออกไปจนสุดทางทั้งสองด้านแล้วเชื้อเชิญผู้เป็นป้าให้เข้ามานั่งในบ้าน

“เดี๋ยวเอ๋ยไปหยิบน้ำมาให้ค่ะ”

อิศยาหายไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้ว นงพะงาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ก่อนเข้าประเด็น

“แกคิดจะเผาศพถมยาเมื่อไร”

“ครบเจ็ดวันก็เผาค่ะ แล้วค่อยไปลอยอังคาร”

“มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอก”

เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้น จ้องมองญาติห่างๆ อย่างไม่เชื่อสายตานัก เท่าที่เธอรู้จักนงพะงามา อีกฝ่ายไปมาหาสู่บ้านเธอนับครั้งได้ และหากไม่มีผลประโยชน์ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวันเอ่ยปากให้ความช่วยเหลือหรอก

“ขอบคุณค่ะ ป้านงมีเรื่องอะไรจะพูดอีกไหมคะ เอ๋ยต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปงานตอนเย็น”

“มีสิ ไม่งั้นฉันจะถ่อมาหาแกถึงนี่เหรอ”

นงพะงากระพือพัดในมือ ลมเย็นพัดจนเส้นผมหยักศกปลิวไสวไปมา

“จากนี้แกจะทำยังไง”

“ก็ไม่ทำยังไงค่ะ”

นงพะงาหุบพัด ถลึงตาใส่

“ฉันหมายถึงแกจะอยู่บ้านนี้ต่อไป ตะลอนๆ ไปทั่ว ไม่เรียนหนังสือ ไม่ทำงานทำการเนี่ยนะ”

“เอ๋ยเป็นแม่ค้าขายของค่ะ”

“ขายของมันจะได้สักกี่น้ำ อาจจะพอยาไส้ แต่พอใช้หนี้ฉันรึเปล่า แกคงไม่รู้สินะว่าพ่อแกติดหนี้ฉันอยู่”

“เอ๋ยไม่รู้ค่ะ”

ยังมีหนี้อยู่อีกก้อนเหรอ!

จำได้ว่าพ่อเคยทะเลาะกับแม่เรื่องหนี้ตั้งแต่เธอยังเล็กๆ

พ่อเป็นคนซื่อและใจอ่อน ใครมาขอร้องบีบน้ำตาหน่อยก็หลงเชื่อและให้ยืมเงินโดยง่าย หนักข้อสุดคือค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนเป็นเงินหลักแสน แต่พอเพื่อนหนีไปพ่อจึงต้องแบกหนี้ก้อนนั้นไว้จนมีปากเสียงกับแม่

ลำพังทำอู่ซ่อมรถก็ไม่พอใช้หนี้ แม่จึงทำข้าวแกงขาย สอนให้เธอรู้จักทำมาค้าขายและบริหารเงินให้งอกเงยตั้งแต่เล็ก หลังแม่จากไปเพราะโรคร้าย เธอจึงรับหน้าที่ดูแลพ่อและใช้หนี้ก้อนที่เหลือต่อจากแม่ไปโดยปริยาย ทว่าการที่พ่อแอบกู้เงินนงพะงาลับหลังอาจทำให้แผนการเงินที่เธอวางไว้นานนับปีพังพินาศ

“พ่อแกเอาบ้านมาค้ำประกันแล้วกู้เงินฉันไปซื้อเครื่องมือในอู่และเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพื่อนเก่า แกรู้รึเปล่า”

หญิงวัยกลางคนกรีดนิ้วหยิบเอกสารสัญญาในกระเป๋าขึ้นมาส่งให้หญิงสาวหน้าอ่อน อิศยากวาดตาอ่านคร่าวๆ ก็พบว่ามันคือลายมือของพ่อจริง

พ่อยืมเงินหลักแสนเมื่อสองปีก่อน ดอกเบี้ยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ไม่ต้องกดเครื่องคิดเลขเธอก็แทบลมจับ เงินในบัญชีของเธอไม่พอจ่ายด้วยซ้ำ

“พ่อติดหนี้ทั้งหมดเท่าไรคะ” หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“รวมดอกเบี้ยแล้วก็สามล้านกว่า”

“เอ๋ยมีเงินไม่พอหรอกค่ะ”

เธอเคยคิดว่าตนเองรวยแล้ว แต่ที่ไหนได้ เงินหนึ่งล้านบาทของหญิงสาววัยยี่สิบปีกลับเป็นแค่เศษเงินในสายตาของผู้ใหญ่วัยกลางคน

“ไม่มีก็หามาสิยะ เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย อย่าคิดจะเบี้ยวง่ายๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“เอ๋ยไม่ได้คิดจะเบี้ยวหนี้ค่ะ”

“ไม่เบี้ยวหนี้ แล้วแกคิดจะใช้หนี้ฉันยังไง”

“เอ๋ยจะปล่อยขายบ้านค่ะ”

“หึ แกคิดว่าบ้านกระจอกๆ หลังนี้มันพอใช้หนี้รึไง บ้านเก่าๆ โทรมๆ หลังนี้มากสุดก็ได้แค่สองล้าน แกยังเหลือหนี้ต้องจ่ายอีกล้านกว่าบาท ลำพังเด็กอย่างแกจะไปหาเงินมาจากไหน”

อิศยาเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง รู้สึกเหมือนกำลังถูกนงพะงาไล่ต้อนให้จนมุม จะมีหลืบไหนที่พอให้เธอซุกกายซ่อนตัวจากป้าใจร้ายไหมนะ

“เอ๋ยอยากขอเวลาป้านงหน่อยค่ะ เอ๋ยจะหาเงินมาใช้คืนให้เร็วที่สุด”

“ฉันต้องรีบใช้เงิน ให้เวลาแกได้มากสุดก็สามอาทิตย์”

“สามอาทิตย์ไม่น้อยไปเหรอคะป้านง หนี้ตั้งเยอะขนาดนั้น”

สีหน้ายุ่งยากใจของหลานสาวจุดรอยยิ้มหยันขึ้นบนดวงหน้าคล้ามแดดของผู้เป็นป้า เสียดายที่อีกฝ่ายไม่ทันเห็น

“ฉันรู้ว่าแกยังเด็ก เรื่องหนี้มันเรื่องของผู้ใหญ่ แต่แกเป็นลูกสาวคนเดียวของถมยา หนี้พ่อก็คือหนี้ลูก มันหนีกันไม่พ้นหรอก”

“เอ๋ยเข้าใจค่ะ เอ๋ยไม่ได้คิดจะเบี้ยวหนี้ แค่ขอเวลามากกว่านี้”

“ฉันบอกแล้วไงว่าให้เวลาแกได้มากสุดก็สามอาทิตย์ ก็อย่างว่าแหละนะ เด็กอย่างแกจะไปหาเงินสามล้านกว่ามาคืนฉันได้ไง เอาอย่างนี้สิ ฉันรู้มาว่ามีผู้ใหญ่ใจดีอยากใช้หนี้ให้ แกโอเคไหมล่ะ”

อุตส่าห์ชักแม่น้ำร้อยสาย สุดท้ายก็เข้าประเด็นแล้วสินะ

“ใครเหรอคะ”

“แกจำเสี่ยซ้งได้ไหม งานสวดศพพ่อแกเมื่อวันก่อนโน้นเสี่ยก็มางานนะ”

ใครบ้างไม่รู้จักเสี่ยซ้ง เจ้าของโรงสีใหญ่ประจำโคกเสือเผ่น แต่คนหน้าเลือดแบบนั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนแปลกหน้า มีหรือจะไม่ต้องการผลตอบแทน

“อ๋อ จำได้แล้วค่ะ เสี่ยซ้งเป็นพ่อของรุ่นพี่ที่โรงเรียน เสี่ยซ้งนี่ใจดีนะคะ อุตส่าห์เห็นแก่รุ่นน้องของลูกสาว ยอมใช้หนี้ให้เอ๋ยด้วย”

เธอแสร้งพูดไปคนละทาง ทั้งที่พอจะอ่านเกมของผู้เป็นป้าออก

“นี่แหละนะไม่ยอมเรียนหนังสือถึงได้โง่ดักดาน เสี่ยเมตตาแกมากนะเอ๋ยถึงอยากช่วยให้แกสบาย”

“แลกกับตัวเอ๋ยเหรอคะ”

“แกก็ไม่โง่นี่นา ของพรรค์นี้มันบุบสลายที่ไหนล่ะ แค่เอาใจเสี่ยหน่อยก็ปลดหนี้ได้แล้ว เผลอๆ ถ้าเสี่ยถูกใจ แกได้นั่งนับเงินในห้องแอร์ ไม่ต้องตากแดดลำบากส่งของด้วย โอกาสงามแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ”

“ฝากขอบคุณเสี่ยซ้งด้วยนะคะ แต่เอ๋ยยังพอมีลู่ทางค่ะ”

“ลู่ทางอะไรของแก คงไม่ได้คิดจะหนีหรอกนะ”

“บ้านเอ๋ยอยู่นี่ เอ๋ยจะไปไหนได้ล่ะป้านง”

กระนั้นนงพะงาก็ยังไม่ไว้ใจ คิดจะวางตัวลูกน้องสักสองสามคนมาเฝ้านังเด็กหน้าอ่อนไว้ก่อนดีกว่า

“แล้วแกจะหาเงินมาใช้หนี้ยังไง เงินไม่ใช่น้อยๆ”

อิศยาก็ยังมืดแปดด้าน เพียงแต่บอกปัดเรื่องเสี่ยซ้งไปก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ถ้าไปค้นในตู้เสื้อผ้าหรือในเก๊ะทำงานพ่ออาจจะมีสมุดบัญชีธนาคารหรือเอกสารประกันชีวิตก็ได้ เธอยังไม่อยากหมดหวังเสียทีเดียว

“ไว้อีกสามอาทิตย์ป้านงค่อยมาเอาคำตอบแล้วกันค่ะ มีธุระแค่นี้ใช่ไหมคะ เอ๋ยต้องเตรียมตัวไปวัดแล้ว”

นงพะงาฮึดฮัดที่ยังไม่ได้คำตอบจึงผุดลุกขึ้นยืน สีหน้าบึ้งตึง

“อีกสามอาทิตย์ฉันจะมาเอาคำตอบ แล้วอย่าคิดหนีล่ะ เพราะคนของฉันเฝ้าแกอยู่”

อิศยาเดินไปส่งนงพะงาที่หน้าบ้าน แต่เธอกลับต้องชะงักเพราะผู้ชายร่างสูงใส่แว่นกรอบบางกำลังยืนหน้าตายอยู่ริมประตูบ้าน

“อ้าว หมอปาลมาทำไมล่ะ”

นงพะงาถามพลางเหลือบไปทางหลานสาวด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็น ถมยาตายไปแล้ว หนุ่มสาวอยู่ใกล้กันก็เหมือนน้ำมันใกล้ไฟ ถ้าไม่อยากชวดเงินของเสี่ยซ้ง ตนคงนิ่งนอนใจไม่ได้

“ผมมารับรถที่ซ่อมไว้ครับ”

สีหน้าของนงพะงาดีขึ้นเล็กน้อย “อ๋อเหรอ ถ้างั้นฉันไปก่อนล่ะ อย่าลืมที่คุยกันนะเอ๋ย”

“ค่ะ”

หลังจากนงพะงาขึ้นรถจากไปแล้ว อิศยาก็หันมาจ้องชายหนุ่มเขม็ง

“รถยังซ่อมไม่เสร็จนะคะหมอปาล อะไหล่มาแล้ว แต่เอ๋ยซ่อมไม่เป็น”

“ฉันรู้!”

เขาตอบหน้าตาย สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด มีเพียงดวงตาดำขลับคู่นั้นที่สะท้อนประกายเห็นใจระคนห่วงใย ทำเอาดวงหน้าใสเห่อร้อน แล้วหัวใจก็ดันเต้นแรงอีกแน่ะ

“เอ๋ยจะโทรหาช่างซ่อมรถในเมืองให้ เขารู้จักพ่อ น่าจะช่วยดูรถให้หมอปาลได้”

“ฉันไม่ได้มาหาเธอเพราะเรื่องรถ”

“ถ้างั้นเรื่องอะไรล่ะคะ”

“ฉันจะติดรถไปงานกับเธอด้วย”

อิศยาหน้าเหวอ เขาถ่อจากโรงพยาบาลเพื่อนั่งรถไปงานศพของพ่อเธอเนี่ยนะ จากโรงพยาบาลไปวัดยังใกล้กว่าเสียอีก

“นี่มันบ่ายสามกว่า หมอปาลไม่ต้องตรวจคนไข้เหรอคะ”

“วันนี้คนไข้น้อย มีหมออีกสองคนอยู่เวร ฉันเลยได้พัก”

“หมอปาลก็กลับไปพักสิคะ จะไปงานกับเอ๋ยทำไม” อิศยาขมวดคิ้ว พยายามคิดหัวแทบแตกว่าหมอปาลต้องการอะไรกันแน่ ยั่วโมโหกันรึไง “ถามจริงๆ นะ หมอปาลต้องการอะไรจากเอ๋ยกันแน่”

“ฉันอยากชดใช้ให้เธอ”

“ชดใช้เรื่องอะไร”

“หนี้ก้อนนั้น”

อิศยาเม้มปาก เขาคงมาถึงนานแล้วจึงได้ยินเรื่องหนี้ก้อนโต เธอรู้สึกขอบคุณ แต่อีกใจก็รู้สึกอับอายที่พ่อของเธอโง่เขลา ก่อหนี้ไม่หยุดไม่หย่อน

“มันไม่ใช่เรื่องของหมอ เอ๋ยจัดการได้”

“แต่เธอมีเงินไม่พอ” หญิงสาวเม้มปากแทนคำตอบ “เธอจะใช้หนี้ยังไง เวลาแค่สามอาทิตย์ เด็กอย่างเธอจะไปหาเงินตั้งมากมายมาจากไหน”

“เอ๋ยก็ยังไม่รู้”

“ถ้าหาเงินไม่ทัน เธอจะยอมเป็นเมียเสี่ยคนนั้นเหรอ”

อิศยาส่ายหน้า แววตาสลดหดหู่จนปาลรู้สึกผิดขึ้นมาอีกเท่าตัว

“ให้ฉันช่วยเถอะเอ๋ย ฉันผิดต่อเธอและพ่อของเธอมาก”

“หมอปาลมาใช้ทุนไม่ใช่เหรอ เงินเดือนหมอไม่กี่บาท หมอปาลจะเอาเงินล้านพวกนั้นมาจากไหน”

“เรื่องนั้นฉันจัดการเอง ขอแค่เธอตกลง ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

เป็นผู้ใหญ่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง พูดถึงเงินล้านราวกับเป็นเงินสิบยี่สิบบาท โตขึ้นเธอจะหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วเอามาปูนอนแทนฟูกเลยเชียว

“หมอปาลช่วยเอ๋ย แล้วเอ๋ยต้องจ่ายอะไรตอบแทนหมอปาลรึเปล่าคะ”

เขามองเธอด้วยสายตาลึกล้ำ ลึกมากเหมือนเดินอยู่ในหลุมดำที่เธอมองหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ แล้วเด็กอย่างเธอก็อ่านความคิดผู้ใหญ่อย่างเขาไม่ออกเสียด้วย

“คงมีสินะ เราไม่ได้สนิทกันสักหน่อย หมอปาลจะมาช่วยเอ๋ยฟรีๆ ทำไม”

“เธอวางใจได้ ฉันไม่เคยคิดร้ายกับเธอนะเอ๋ย”

แค่คำพูด ใครจะไปเชื่อ เธอไม่ได้ซื่อเหมือนพ่อสักหน่อย

“เอ๋ยขอบคุณที่หมอปาลอยากช่วย แต่เอ๋ยขอหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนดีกว่าค่ะ” เธอพูดจบก็ผายมือเข้าไปในบ้าน “ถ้าหมอปาลจะไปที่วัด เข้ามานั่งรอในบ้านก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวเอ๋ยไปหยิบน้ำเย็นมาให้”

ปาลเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย แม้เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงหน้าไม่ได้สดใสเหมือนที่เคยเห็น แต่ก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนวันก่อนโน้น

“เอ๋ยต้มน้ำมะตูมไว้ หมอปาลกินเป็นรึเปล่าคะ”

เขาพยักหน้า เธอจึงเดินหายเข้าไปในครัวครู่หนึ่งแล้วกลับมาพร้อมน้ำมะตูมเย็นชื่นใจ มันหวานปลายลิ้นและซ่านลึกลงไปถึงกลางหัวใจ เขายิ้มบางๆ แต่ไม่ได้รับรอยยิ้มตอบกลับ

“หมอปาลนั่งดูทีวีไปก่อนนะคะ เอ๋ยขอไปแต่งตัวก่อน”

อิศยาไม่ได้รอให้เขาตอบรับก็ผลุนผลันจากไป เขาไม่ได้เปิดทีวี แต่หยิบตำราแพทย์ซึ่งติดกระเป๋าเป็นประจำขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา

มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เธอกระแอมกระไอ เรียกสายตาเขาให้ช้อนขึ้นมอง

อิศยาสวมชุดกระโปรงสีดำเข้ารูป รูปร่างเล็กกะทัดรัดสมตัว ผิวของเธอเป็นสีมะปราง นัยน์ตากลมโตซ่อนอยู่ใต้แพขนตางอนยาว ไม่ได้หวานซึ้ง แต่เปล่งประกายคมกล้า

เธอไม่ได้สวยหวานบอบบางราวกับตุ๊กตาเคลือบชั้นดี แต่มีบุคลิกเชื่อมั่นและแววตาคมกล้าเป็นเสน่ห์ที่ยากจะถอนสายตา เสียดายที่เธอไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง

 

ติดตามบทที่ 4-6 วันที่ 5 เม.ย. 64

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: