X
    Categories: LOVEทดลองอ่านใกล้เกินรัก ชุด สุดท้ายก็เธอ

ทดลองอ่าน ใกล้เกินรัก ชุด สุดท้ายก็เธอ บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 9

4

ภารกิจพิชิตคานทอง

 

“ไปไหนนะ”

พุฒซึ่งยังอยู่ในชุดเดิมตั้งแต่เมื่อวานถามพิรุณรักษ์ถึงแผนการของเธอในค่ำคืนวันศุกร์นี้ หลังจากที่เธอบอกเขาแล้วแต่เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป

“ไปผับแถวทองหล่อ”

“ไปทำไม”

“ฉันจะไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน”

“ไปด้วย”

“ไม่ได้” พิรุณรักษ์ไม่มีทางให้พุฒไปด้วยแน่ๆ เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอรู้จักกับเขา ไม่อยากจะตอบคำถามมากมายให้เหนื่อย

“ทำไม ฉันเลี้ยงก็ได้”

“ไม่!” เธอปฏิเสธเสียงแข็งแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าออกมาเตรียมตัว

พุฒยืนกอดอกพิงกรอบประตูมองเพื่อนอย่างใช้ความคิด

“นัดกับผู้ชายล่ะสิ”

พิรุณรักษ์หันมามองพุฒพร้อมยิ้มให้เป็นคำตอบ ซึ่งนั่นก็ทำให้พุฒหัวเราะออกมา

“นี่มาใจแตกตอนแก่เหรอเนี่ย”

“ไอ้พุฒ! หยาบคาย ผู้หญิงไม่ชอบคำว่า ‘แก่’ รู้มั้ย มันแสลง”

พิรุณรักษ์ทำหน้าเง้า เธอยิ่งเป็นกังวลเรื่องอายุที่เข้าใกล้เลขสามของตัวเองอยู่แล้วเป็นทุนเดิม พุฒยังมาตอกย้ำไปอีก

ใช่สิ! ผู้ชายวัยสามสิบอย่างพุฒคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เพราะสำหรับผู้ชายแล้วอายุเท่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในชีวิตเท่านั้น ยิ่งพวกเขาอายุมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเท่ากับว่าพวกเขาจะดูภูมิฐานและมีเสน่ห์ทางเพศมากขึ้นเท่านั้น

“อย่าพยายามเลย อะไรที่มันไม่ใช่ตัวเองน่ะ”

“มันใช่ นี่แหละตัวฉัน”

“เป็นผู้หญิงที่พยายามหาผัวน่ะเหรอ”

พิรุณรักษ์ถอนหายใจแล้วเท้าเอวมองหน้าเพื่อน “แกจะไปเข้าใจอะไรล่ะ ผู้ชายอย่างแกคงไม่คิดจะลงเอยกับใครง่ายๆ ไม่เคยคิดถึงครอบครัว ไม่เคยจินตนาการถึงสนามหญ้าหน้าบ้านที่มีเด็กวิ่งเล่น”

พุฒนิ่งมอง เขายิ้มน้อยๆ และมันทำให้พิรุณรักษ์เผลอหยุดมองอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล

“มองอะไร”

“เปล่า กำลังคิดตามไง ฉันว่าฉันเห็นภาพละ”

“ภาพของครอบครัวสุขสันต์เหรอ”

“เปล่า ภาพของสาวผมบลอนด์สุดเซ็กซี่ต่างหาก”

พิรุณรักษ์กลอกตาให้กับความชัดเจนของเพื่อน และทำได้เพียงระบายลมหายใจออกมาก่อนก้าวไปผลักเขาให้พ้นจากกรอบประตู

“แกออกไปเลย ฉันจะอาบน้ำแต่งตัว”

พิรุณรักษ์ก็เหมือนสาวๆ ทั่วไปที่มีประสบการณ์การเที่ยวกลางคืนมาพอประมาณ เธอดื่มเป็น แต่ไม่สูบบุหรี่ และไม่เคยไปต่อกับใคร

นี่คือสิ่งที่เธอเป็น

แต่หลังจากพ้นรั้วมหาวิทยาลัยมาแล้ว การสังสรรค์ของเธอก็เบาบางลง และเหมือนจะห่างหายไปเลย จนกระทั่งเมื่อเธอได้ลองคุยกับผู้ชายที่เจอในแอพฯ หาคู่

เขาชื่อคริสเตียน เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน แม่เป็นคนไทย เขาเกิดและเติบโตที่ไทย อายุยี่สิบเจ็ด อาชีพนักดนตรี

‘เด็กกว่ากรุบๆ’

ชลชาติทำหน้าทะเล้นหลังจากเธอเม้าท์มอยประวัติ ‘คนคุย’ ใหม่ให้ฟัง บนโต๊ะอาหารมีเธอ ชลชาติ และพีรวิทย์ ส่วนฐิติวรดาไปกับปุณชัยแฟนของเจ้าตัว

‘นักดนตรีไม่เหมาะกับฉันทุกประการ’ พิรุณรักษ์บ่นอย่างเสียดายนิดหน่อย เพราะดูจากรูปโพรไฟล์ของเขา เขาหล่อมากเลย

ให้ตายเถอะ! ทำไมเธอถึงได้มีจิตใจฝักใฝ่อยู่แต่กับผู้ชายหล่อกันนะ

‘เขาอยู่ผับแถวไหนอะ อยากลองไปดูให้เห็นกับตาว่าเป็นยังไง’ พีรวิทย์เสนอ ปกติเขาไม่ค่อยยุยงส่งเสริมพิรุณรักษ์เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ครั้งนี้ทุกคนจึงแปลกใจเป็นอย่างมาก ‘ทำไมล่ะ ไม่อยากไปดูกันเหรอ’

‘ก็แค่แปลกใจ ปกติแกไม่ค่อยจะออกความเห็นในภารกิจพิชิตคานทองของยายชะนีน้อยเท่าไหร่นี่นา’

‘ก็คนก่อนๆ เป็นผู้ชายทั่วไป ไม่นัดเจอก็เจอไม่ได้ แต่คนนี้อยู่ในที่แจ้งนะ เราไปแอบส่องเขา เขาก็ไม่รู้ตัวหรอก ถามเขาสิว่าเล่นคืนไหน จะได้ไปดูกัน’

บทสนาสั้นๆ บนโต๊ะอาหารกลางวันของวันนี้เองที่เป็นบทสรุปให้เธอมาอยู่ตรงนี้ในชุดเสื้อแขนกุดเอวลอยสีดำและกางเกงยีนขายาวพอดีตัว

แน่นอนว่ากระเป๋าชาแนลบรรณาการจากพุฒต้องได้ออกงานด้วย

 

“แหวนมาไม่ได้เหรอ”

พิรุณรักษ์ส่ายหน้าให้กับเพื่อนรุ่นพี่ทั้งสองที่มาจองโต๊ะให้ก่อนแล้ว ทำเลเหมาะ โต๊ะหน้าสุดเลยทีเดียว

“แฟนไม่ให้มา”

ชลชาติฟังแล้วกลอกตา “สรุปว่ามีแฟนนี่มัน ‘ดี’ หรือ ‘ไม่ดี’ วะเนี่ย”

“แล้วเจ๊ว่าดีมั้ยอะ หรือว่าไม่โสดแล้ว” พิรุณรักษ์หัวเราะแล้วถามกลับไป เพราะที่นั่งกันอยู่ตอนนี้ก็โสดหมดทุกคน แต่ดูเหมือนจะมีแค่สาวผู้กลัวมดลูกหมดอายุอย่างเธอนี่เองที่กระวนกระวายที่สุด

“โสด แต่ไม่สนิท”

“ใคร” พีรวิทย์ถามสั้นๆ เล่นเอาคนถูกถามงงกับคำถามไปเลย

“ใครอะไร”

“ก็ที่ไม่สนิทอะ คุยกับใคร ไม่เห็นบอกเลย”

ชลชาติไหวไหล่ แล้วยกเหล้าที่ผสมเรียบร้อยแล้วขึ้นดื่ม นัยน์ตาแพรวพราวบอกถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้กับ ‘คนคุย’ คนใหม่ว่าไปในทิศทางที่ดี

“เอาไว้แน่ใจเมื่อไหร่จะเล่าให้ฟังเองแหละน่า”

พีรวิทย์ยิ้มบาง พิรุณรักษ์เองก็ยิ้มตามก่อนจะกระแทกไหล่ตัวเองกับคนกำลังมีความรักเบาๆ แล้วหันไปมองนักดนตรีที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีตอนนี้ พบว่าเป็นวงดนตรีโฟล์กซองชายล้วนสามคนนั่งเล่นเพลงเบาๆ

“ยังไม่ใช่วงนี้หรอก ถามเด็กเสิร์ฟแล้วเห็นว่าขึ้นสามทุ่มอะ” พีรวิทย์ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม

พิรุณรักษ์ยิ้มน้อยๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากคริสเตียน เขาถ่ายภาพตัวเองระหว่างที่อยู่หลังเวทีส่งมาให้ โดยไม่รู้เลยว่าเธออยู่ที่นี่

แค่วันแรกนับว่าความสัมพันธ์ในฐานะคนคุยของเธอกับคริสเตียนพัฒนาไปได้ดี เขาส่งข้อความมาถามไถ่เธอ และตอบคำถามที่เธอถามเขาด้วยความเต็มใจ กระนั้นพิรุณรักษ์ก็แน่ใจว่าเขากำลังคุยอยู่กับผู้หญิงอีกหลายคนเหมือนๆ กับเธอที่ไม่ได้คุยกับเขาแค่คนเดียว ความสัมพันธ์ที่มีจุดเริ่มต้นจากแอพฯ หาคู่นั้นอย่าได้หวังความยั่งยืนตั้งแต่ตอนแรก

ทุกอย่างต้องใช้เวลา

“เขาอยู่หลังเวทีแล้ว” พิรุณรักษ์เปิดบทสนทนาของเธอกับหนุ่มนักดนตรีให้เพื่อนรุ่นพี่ดู

ชลชาติวี้ดว้ายแบบไม่ปิดบังอาการ “หล่อ! บอกได้คำเดียวว่าหล่อ…มาก”

พิรุณรักษ์เห็นด้วยในข้อนี้ เขาหล่อมากทีเดียว ถ้าไม่เทียบกับพุฒ แต่ว่า…เธอจะไปเปรียบเทียบกับไอ้ผู้ชายหื่นกามนั่นทำไมกัน หมอนั่นเป็นเพื่อนรักเธอก็จริง แต่เธอจัดให้เขาอยู่นอกวงโคจรของชีวิตโดยสิ้นเชิง เหมือนดาวคนละกาแล็กซี่นั่นแหละ

เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะผู้ชายอย่างพุฒนั้นเธอไม่มีวันเข้าใจอะไรเขาได้เลย เขาเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ใช่นักฟุตบอลทั่วไป แต่เป็นนักฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีก แน่นอนถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นเป็นเบอร์หนึ่งแต่ก็เป็นที่รู้จักในระดับโลก ซ้ำพื้นฐานชีวิตยังไม่ธรรมดาสามัญ เพราะเขาเป็นทายาทเจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้าเบอร์หนึ่งของประเทศ รวยเป็นพันๆ ล้าน หรืออาจจะระดับหมื่นล้านเลยด้วยซ้ำ

ส่วนเธอ แม้จะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะดี เป็นเจ้าของกิจการโรงแรมเล็กๆ ในต่างจังหวัด กระนั้นเธอก็ยังมีชีวิตใกล้เคียงกับสามัญชนทั่วไปอยู่มาก คนอย่างพุฒคงไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าการมีเงินจำกัดแค่พอใช้เดือนชนเดือนเป็นอย่างไร เขาไม่รู้แน่ๆ ว่าการกินอาหารมื้อละพันเกินห้าครั้งในหนึ่งเดือนจะกระทบต่อความสามารถในการชำระค่าผ่อนคอนโดฯ ขนาดไหน เธอกับเขามีเพียงอย่างเดียวที่เหมือนกัน นั่นคือเรียนโรงเรียนเดียวกันเท่านั้น

การสังสรรค์เล็กๆ ของเพื่อนร่วมงานดำเนินไปได้ครู่เดียว บนเวทีก็เกิดความครึกครื้นขึ้นมาเมื่อวงดนตรีที่ประกอบด้วยนักดนตรีแบบเต็มวงขึ้นเล่น เสียงกรี๊ดของนักท่องราตรีทำให้พิรุณรักษ์หันไปมองทันที วินาทีแรกที่เห็นคริสเตียนตัวเป็นๆ บนนั้น หัวใจของเธอเต้นรัวแรงโดยอัตโนมัติ

แสงไฟสาดส่องไปยังร่างในชุดเสื้อยืดสวมทับด้วยเสื้อยีนแขนยาวกับกางเกงยีนขาเดฟ และรองเท้าผ้าใบที่ให้ความรู้สึกของการเป็นนักดนตรีอย่างแท้จริง

“โอ้! หล่อตรงปก” ชลชาติลงความเห็น พีรวิทย์ยักคิ้วเชิงเห็นด้วย

ส่วนพิรุณรักษ์นั้น เธอรู้สึกเหมือนอกหักไปแล้วเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์

เขาไม่มีทางชอบเธอแน่นอน

“อกหักแล้วฉัน”

“ยังไม่ได้เริ่มเลย”

“ไม่ต้องเริ่มหรอกแบบนี้ เขาหล่อขนาดนี้ แค่สาวๆ ที่มาเที่ยวก็มีให้เลือกแบบไม่หวาดไม่ไหวแล้ว”

“ถ้าเขาคิดแบบนั้นก็คงไม่เล่นแอพฯ หาคู่จนมาเจอเธอหรอกค่ะชะนีน้อย สู้ๆ หน่อย”

ชลชาติเก่งอีกตามเคย เขามีความสามารถในการผลักดันจนเธออยากจะมอบโล่เกียรติยศสาขาฝ่ายสนับสนุนการมีคู่ให้เลย

“จริงอย่างที่ชลลี่พูด พี่ว่าเราลองดูไปก่อนก็ไม่เสียหาย ถ้า ‘ไม่ใช่’ ก็แยกย้าย แค่นั้นเอง” พีรวิทย์บอก น้ำเสียงเริ่มไม่ปกติบ่งบอกว่าดีกรีแอลกอฮอล์ได้เข้ากระแสเลือดแล้ว

“อีกอย่าง เราได้เปรียบตรงที่เราเห็นเขาก่อน”

พิรุณรักษ์ไม่คล้อยตามสักนิดเดียว เนื่องจากว่าเธอกับผู้ชายบนเวทีนั้นเพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงสิบแปดชั่วโมงด้วยซ้ำ บางทีพรุ่งนี้เขาอาจหายตัวไปเลยก็ได้

การคาดการณ์ถึงความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตดูเหมือนจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อสุดๆ

“แล้วถ้าเกิดว่าให้เขาเจอฝนวันนี้เลยล่ะ”

“ไม่นะคะพี่แพท เราจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด เดี๋ยวผู้ชายจะมองว่าฝนแรดเกินไป”

“ไม่หรอกน่า แค่ทำเป็นว่าบังเอิญ เรื่องบังเอิญมันเกิดขึ้นได้ทุกวันนั่นแหละ”

“บังเอิญแบบไหนกัน เขารู้ว่าน้องรู้ว่าเขาทำงานที่ไหน เพราะน้องถามเขาอะ”

“ก็แถไปสิ บอกว่ามีนัดกับเพื่อนที่นี่ ไม่คิดว่าจะเจอ แค่นี้ไม่เห็นจะยากตรงไหน”

แม้ว่าพีรวิทย์จะไม่ได้แสดงออกชัดว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายแท้ แต่เขาก็ไม่ได้ปิดบังรสนิยมทางเพศของตัวเอง พิรุณรักษ์รู้ดีว่าเขามีประสบการณ์ด้านความรักโชกโชนเป็นอย่างมาก และได้เห็นชัดเจนมากขึ้นในวันนี้

“แพรวพราวมากจ้าแพท ดูเหมือนเสือเตรียมล่าเหยื่อยังไงอย่างงั้นเลย” ชลชาติที่เริ่มกรึ่มๆ แล้วเหมือนกันพูดขึ้นแข่งกับเสียงเพลง

“นี่พี่ๆ ยังไงก็ตามนะ อย่าเมามากเกินไปรู้มั้ย น้องดูพี่ๆ ไม่ไหวหรอกนะ”

“ไม่เมาหรอก เอ้า! โชนนนนน”

พอชลชาติชูแก้วขึ้นพีรวิทย์ก็ส่งแก้วตัวเองไปชนด้วยทันที พิรุณรักษ์ระบายลมหายใจออกมาอย่างสุดเซ็ง ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เธอยอมมาทำอะไรบ้าๆ ในวันนี้

 

คริสเตียนเป็นนักร้องนำ เขามีเสน่ห์มากเวลาที่จับไมค์ร้องเพลง แถมเสียงก็เพราะมากๆ ด้วยจนทำเอาพิรุณรักษ์เคลิ้มไปเลย

“นี่คือหน้าตาของคนไม่คาดหวังอะไรในความสัมพันธ์ถูกมะ” ชลชาติเห็นก็อดแซวไม่ได้

ขนาดว่าคริสเตียนเดินหายเข้าไปหลังเวทีเพราะเป็นเวลาพักครึ่งสิบห้านาทีพิรุณรักษ์ก็ยังมองค้างอยู่อย่างนั้น

“ส่งข้อความไปบอกเขาสิ ว่าเขาร้องเพลงเพราะมาก” พีรวิทย์สะกิดพิรุณรักษ์ให้ตื่นจากภวังค์

“จะดีเหรอพี่แพท มันดูก๋ากั่นไปนะ”

“เชื่อพี่สิ แค่นี้ไม่ก๋ากั่นหรอก เขาไม่ได้ขอร้องให้เรามาเจอ แค่บอก แล้วคอยดูปฏิกิริยานะ ถ้าเขาออกมาหาก็เตรียมชุดเจ้าสาวได้เลย”

“บ้า!” พิรุณรักษ์ไม่ได้เชื่อแบบนั้น แต่ก็อดเขินไม่ได้

เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งอายุสิบสี่หยกๆ กำลังแตกเนื้อสาว ชลชาติก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม พยักพเยิดให้เธอทำตามคำแนะนำของพีรวิทย์

คนที่ดื่มไปเล็กน้อยเกิดความกล้าหาญขึ้นมาจึงกดส่งข้อความไป

 

คุณร้องเพลงเพราะมากค่ะ โดยเฉพาะเพลงสุดท้ายก่อนพักครึ่ง

พอพิมพ์เสร็จพิรุณรักษ์ก็รีบวางโทรศัพท์ทันที หัวใจของเธอเต้นรัวแรง ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนถูกครูเรียกให้ตอบคำถามเป็นร้อยเท่า ไม่แน่ใจว่ากี่วินาที แต่ระยะเวลามันสั้นมากๆ ข้อความจากอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา

 

คุณมาที่ผับเหรอ นั่งโต๊ะไหน

 

“กรี๊ด!”

พิรุณรักษ์กับชลชาติประสานเสียงกัน ขณะที่พีรวิทย์เองก็ตื่นเต้นไม่ต่างจากทั้งคู่

มาถึงขั้นนี้แล้วพิรุณรักษ์จึงพิมพ์เลขโต๊ะส่งกลับไป คิดว่าทุกอย่างจะจบเพียงแค่นั้น เขาเห็นเธอ…เธอเห็นเขา ได้เจอหน้ากันตัวเป็นๆ ในระยะไกล

แต่ไม่คิดเลย เพราะเพียงแค่ไม่กี่นาทีจากการสนทนาสั้นๆ คริสเตียนก็เดินมาถึงโต๊ะเธอโดยไม่ได้บอกกล่าวอะไร

“สวัสดีครับ”

การปรากฏตัวของชายหนุ่มทำให้ทุกคนอึ้งไป ต่างก็พูดอะไรไม่ออก คงมีเพียงพีรวิทย์ที่รู้สึกตัวขึ้นก่อนรีบกล่าวทักทายกลับไป

“สวัสดีครับ ตกใจหมดเลย”

“ตกใจผมเหรอ” เขากล่าวอย่างอารมณ์ดีพลางมองไปที่พิรุณรักษ์ซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามพอดี

สาบานเลยว่าเป็นครั้งแรกที่พิรุณรักษ์อยากจมหายไปในผืนธรณีจริงๆ เธออายจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร มันเขินจนบอกไม่ถูกเลย

“คุณฝน สวัสดีครับ”

“เอ่อ…”

“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ” เขายิ้มมีเสน่ห์

“อ้อ! เอ่อ…สวัสดีค่ะ ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่คิดว่าคุณจะมาที่โต๊ะ”

“มาสิครับ เราคุยกันแล้วนี่ ถือว่าเรารู้จักกันแล้ว”

“แค่วันเดียวเองนะคะ”

“แค่นาทีเดียวก็ถือว่ารู้จักครับ” เขายิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบ ดวงตายิบหยี

พิรุณรักษ์ประหม่าอย่างที่สุด ไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ตรงไหน ซ้ำขนยังลุกเกรียวไปทั้งตัวจนต้องยกมือลูบท้ายทอย ท่าทีของเธอดูไม่เจนจัดเป็นสาวใจกล้าอย่างที่คิดว่าจะเป็นเลย

น่าอายชะมัด…

“ผมต้องขึ้นเล่นอีกเบรกนึง ถ้าไม่รีบกลับ เดี๋ยวเสร็จจะลงมานั่งด้วยนะ”

“ไม่รีบเลยครับ” พีรวิทย์รีบตอบแทนเพื่อนรุ่นน้อง

นักร้องหนุ่มพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินหายไปข้างหลังเวที พิรุณรักษ์เห็นว่าทุกก้าวที่เขาเดินไปนั้นมีสายตาหลายคู่มองตามไปตลอดเวลา

เขามีออร่าพุ่งกระจายมากจริงๆ

“เจ๊!” เธอเขย่าแขนชลชาติ อยากจะกรี๊ดออกมาสักทีให้หายจากอาการที่เป็นอยู่ ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ ทั้งประหม่าปะปนกันไปหมด

“อะไรยะ”

“อยากจะกรี๊ด” พิรุณรักษ์บอกพลางซุกหน้ากับแขนของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ “เขาหล่อมากเลยเนาะ”

“เออ! หล่อ” ชลชาติตอบ ทว่าดวงตากลับจับจ้องไปยังโต๊ะซึ่งอยู่เกือบสุดทางเดิน “แต่ว่า…ฉันเจอใครบางคนที่หล่อมากกว่า”

คำบอกเล่านั้นทำให้พิรุณรักษ์ถอนหน้าออกมาจากไหล่ของคนพูด พีรวิทย์เองก็จ้องหน้าชลชาติอย่างสงสัยในสิ่งที่เขาพูด

“เวลานี้ต้องสนใจเรื่องของน้องฝนก่อนมั้ย ไม่ใช่ไปสอดส่องหาแต่ ‘ผู้’ คนใหม่”

“แต่คนนี้ไม่มองไม่ได้ เพราะดึงดูดสายตามาก”

“ดึงดูดอะไรกันเจ๊ชลลี่ นาทีนี้จะมีใครหล่อกว่าคริสอีกคะ” พิรุณรักษ์ไม่เชื่อคำพูดที่ดูเว่อร์วังของเพื่อนรุ่นพี่

เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก ต่อให้เป็นพระเอกละครชื่อดังมายืนอยู่ตรงหน้า เธอก็กล้าพูดได้ว่าเทียบคริสเตียนไม่ติดอย่างแน่นอน

เพราะเขาไม่ได้หล่ออย่างเดียว แต่มีเสน่ห์มาก แถมยังน่ารักมากด้วย

“มีสิ โน่นไง”

แค่ใช้สายตามองไม่ต้องชี้ให้เสียเวลา พิรุณรักษ์และพีรวิทย์ก็หันมองตาม

ท่ามกลางความมืดสลัวของสถานบันเทิง แต่ร่างสูงของชายผู้นั้นราวกับมีสปอตไลต์ส่องไปที่เขา แม้จะรายล้อมด้วยนักท่องราตรีจนเบียดกันแน่นขนัด เขาก็โดดเด่นจนไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ทันที

พิรุณรักษ์กัดริมฝีปากตัวเอง กำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์โมโหที่กำลังพลุ่งพล่าน

ไอ้พุฒ! ไอ้เพื่อนชั่ว

ดูเหมือนเพื่อนตัวดีจะเห็นเธอแล้วด้วย หลบก่อนดีกว่า หญิงสาวรีบเอาผมลงมาปิดหน้าตัวเอง เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่คิดว่าแค่ใช้ผมบังจะสามารถอำพรางใบหน้าจากใครสักคนได้

“นั่นมันพุฒนี่ ใช่หรือเปล่า” พีรวิทย์สันนิษฐาน

“ใช่สิ! เขาล่ะ” ชลชาติยืนยันมั่นใจ

“หล่อกว่าที่เห็นในทีวีอีกแฮะ ตัวสูงเด่นมาเลย” พีรวิทย์อดชื่นชมไม่ได้ “บ้านนี้มีพี่น้องสามคน หล่อทั้งบ้านเลยด้วย”

“ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ ระยะใกล้ๆ แบบนี้ คืนนี้ฉันต้องนอนเพ้อแน่เลย”

ดูเหมือนว่าทั้งชลชาติและพีรวิทย์จะลืมข่าวเสียหายของพุฒไปเสียสนิทถึงได้หลงชื่นชมเขาแบบนั้น ส่วนพิรุณรักษ์ได้แต่ภาวนาขอให้พุฒอย่าเดินเข้ามาทัก ใจหนึ่งก็คิดว่าเขามากับเพื่อนคงจะทำเป็นไม่รู้จักกัน สาบานได้เลยว่าถ้าเขาทำเป็นไม่รู้จักเธอ เธอจะไม่โกรธเลยสักนิด

แต่ก็นั่นแหละ คำอธิษฐานของเธอไม่เคยเป็นผลหรอก เพราะพุฒลุกจากโต๊ะของตัวเองซึ่งตอนนั้นมีเพื่อนผู้ชายร่วมโต๊ะด้วยอยู่สามสี่คน เดินตรงมายังโต๊ะของพิรุณรักษ์โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาหลบหน้าเขา

วงของคริสเตียนขึ้นเล่นต่อครึ่งหลังแล้ว แต่หญิงสาวไม่มีกะจิตกะใจจะดูเลยสักนิด

“ฝน”

เสียงนั้นทำให้พิรุณรักษ์ระบายลมหายใจออกมาอย่างสุดเซ็ง เธอเงยหน้าขึ้นและพบว่าพุฒมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว

ด้านชลชาติกับพีรวิทย์นั้นนิ่งอึ้งไปตั้งแต่ที่เขาลุกเดินตรงมาแล้ว ทั้งคู่ได้แต่เงยหน้ามองเจ้าของร่างสูงนั้นด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“อะไร”

“พูดกับพี่ดีๆ หน่อยสิครับ น้องฝนคนสวย”

“พุฒ แกอย่ามาเล่นละคร”

“ละครอะไร น้องฝนนั่นแหละ เห็นพี่แล้วยังไม่เดินไปทักอีก” พุฒทำตาพราวระยับใส่เพื่อนสาว แต่หญิงสาวกับส่งตาเขียวปั้ดใส่เขา

“กลับโต๊ะแกไปเลย” พิรุณรักษ์ทำปากขมุบขมิบพอให้ได้ยินกันแค่โต๊ะตัวเอง เพราะรู้สึกได้ว่าคนที่นี่เริ่มจำพุฒได้แล้วและกำลังมองมาที่เขา มีบางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพไว้แล้วด้วย

พุฒไม่ได้สนใจคำสั่งของพิรุณรักษ์ เขาหันไปปั้นยิ้มให้เพื่อนรุ่นพี่ทั้งสองคนของเธอ

“สวัสดีครับ ผมพุฒ พวกคุณเป็นเพื่อนฝนเหรอครับ”

“ชะ…ใช่ ใช่ค่ะ ชลลี่ กับแพท” ชลชาติตอบ จิ้มนิ้วที่ตัวเองตามด้วยพีรวิทย์ เป็นการแนะนำตัวที่สั้นกระชับได้ใจความ “แล้วคุณกับฝน เป็น…”

“ผมเป็น…” พุฒหยุดแค่นั้นแล้วปรายตามองพิรุณรักษ์ด้วยแววตามีความหมาย “คนพิเศษ…ใช่มั้ย”

“ใช่! เป็นคนที่ต้องอยู่ให้ห่างเป็นพิเศษน่ะ”

คำตอบของพิรุณรักษ์ทำให้รอยยิ้มอย่างผู้เหนือกว่าจางหายไป กระนั้นพุฒก็คือพุฒ เขาเกิดมาเพื่อต้อนพิรุณรักษ์ให้จนมุมอยู่แล้ว

“ทำแบบนี้อีกแล้วนะ” กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ

“ทำอะไร” พิรุณรักษ์มองเขาอย่างไม่ไว้วางใจ

“ก็หวง…เวลาที่ใครมาใกล้ฉัน เธอชอบไล่เขาไปไกลทุกที”

พิรุณรักษ์หาเสียงตัวเองไม่เจอเลยในตอนนั้น เธอขยับปากจะพูดแต่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมากล่าวกับอีกฝ่าย

พุฒไม่สนใจ เขายกนาฬิกาขึ้นดูเวลา

“จะเที่ยงคืนแล้ว ไปหาข้าวต้มกินแล้วกลับห้องกันดีกว่า” พุฒบอกกับหญิงสาวหนึ่งเดียวตรงนั้น

พิรุณรักษ์งุนงงกับการกระทำของเขาจนหัวคิ้วเคลื่อนมาผูกโบกันยับยุ่ง

“ไม่! แกกลับไปก่อนเลย”

“ไม่! กลับพร้อมกัน” พุฒไม่พูดเปล่า แต่เดินอ้อมมาดึงแขนพิรุณรักษ์ให้ลุกขึ้น

พอเห็นว่าพุฒเดินเข้ามาใกล้ พิรุณรักษ์ก็รีบหันไปหาตัวช่วย

“เจ๊ชลลี่ พี่แพท บอกเขาให้หน่อยว่าเราจะกลับพร้อมกัน”

คนถูกขอความช่วยเหลือแบบไม่ทันได้ตั้งตัวที่ยังมึนงงกับความสัมพันธ์ของเพื่อนรุ่นน้องกับคนดังอย่างพุฒอยู่นั้นต่างอึกอักกันทั้งคู่ แต่รังสีบางอย่างจากตัวนักฟุตบอลหนุ่มทำให้สุดท้ายพีรวิทย์ก็ตอบออกไปโดยไม่สนใจมิตรภาพของตนกับพิรุณรักษ์เลย

“ไม่เป็นไร ฝนกลับกับคุณพุฒเถอะ พวกพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”

“พี่แพท!”

พีรวิทย์ยกมือไหว้ทำหน้าเชิงว่าขอโทษ พิรุณรักษ์ได้แต่ฮึดฮัด

เธอมองหน้าพุฒอย่างขุ่นเคือง เป็นแบบนี้ทุกที ไม่ว่าพุฒจะพูดอะไร คนอื่นก็ต้องคล้อยตามเขาเสมอ เป็นเพราะถูกความหล่อเหลาของเขาครอบงำอย่างไรเล่า หมอนั่นชอบบริหารเสน่ห์

“กลับเถอะ เป็นห่วง”

เขาก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูของเธอ น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นทำให้อาการต่อต้านมลายหายไปสิ้น

โอเค! เธอก็อาจเป็นอีกคนหนึ่ง…ที่พ่ายแพ้ให้กับเขา หญิงสาวถอนหายใจแล้วหันไปบอกอีกฝ่ายอย่างจำยอม

“อือ!”

 

หลังจากกล่าวลาชลชาติและพีรวิทย์เป็นที่เรียบร้อย พิรุณรักษ์ก็มานั่งอยู่บนรถแท็กซี่กับพุฒด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าไม่พอใจสักเท่าใดนัก

“หน้าหงิกขนาดนี้ หิวล่ะสิ”

พิรุณรักษ์กลอกตาสามรอบให้กับความ ‘มึน’ ของเพื่อน

“โผล่มาได้จังหวะมากเลยนะ นี่ถามหน่อย แกไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง”

“ไปคุยงาน” เขาตอบสั้นๆ แต่นั่นยิ่งเป็นการเพิ่มความสงสัยให้กับพิรุณรักษ์

“คุยงานอะไรที่แบบนี้ นี่คิดจะทำอะไรอยู่ฮะ”

ใบหน้าหล่อเหลายังเรียบเฉย ริมฝีปากติดยิ้มน้อยๆ เขาหันมามองพิรุณรักษ์เต็มสองตา ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางมาอย่างดีนั้นดูแปลกตาสำหรับเขาเล็กน้อย

แต่ก็ดูสวยน่ารักไปอีกแบบ

“แล้วแกล่ะ คิดจะทำอะไร ฉันเห็นนะว่าแกไปนั่งอ่อยไอ้นักร้องถั่วงอกนั่น”

“เขาชื่อคริสเตียน ห้ามตั้งฉายาทุเรศๆ แบบนั้นให้เขาเป็นอันขาด!” เธอแว้ดใส่ แล้วยิ่งอารมณ์เสียหนักไปอีกเมื่อคิดได้ว่าตัวเองเพิ่งพลาดโอกาสใกล้ชิดกับคริสเตียนไป

เขาบอกว่าเสร็จงานแล้วจะลงมานั่งกับเธอที่โต๊ะ

แต่ตอนนี้เธอคงทำได้แค่ส่งข้อความไปขอโทษเขาเท่านั้น

“ยอมรับว่าไปนั่งอ่อยเขาจริงๆ?”

“มันเรื่องของฉัน ฉันจะอ่อย จะแรด จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองลงจากคานทอง เข้าใจมั้ย” พิรุณรักษ์กล่าวออกไปอย่างไม่ปิดบัง เธอกับพุฒเป็นเพื่อนกันและไม่มีความจำเป็นอะไรต้องปกปิดสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำ

ยินดีที่จะบอกออกไปด้วยซ้ำ เพราะครั้งต่อไปพุฒจะได้รู้ว่าควรช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้ ไม่ใช่พาตัวเองมาขัดจังหวะอย่างที่ทำอยู่

“ทำไมต้องรีบร้อน ของแบบนี้ถึงเวลาก็มาเองนั่นแหละ”

“ประโยคนี้มันโบราณมากๆ และไม่น่าเชื่อเลยนะว่ามันจะออกมาจากปากแกน่ะ ผู้ชายอย่างแกคงไม่เข้าใจการคบกับใครอย่างจริงจังสักคนหนึ่งเพื่อสร้างครอบครัวหรอก เพราะแกมันเลว”

“คุยไปคุยมาวกมาเรื่องฉันได้ยังไง”

“หรือไม่จริง”

“จริง…แค่บางเรื่อง” พุฒตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้านกับการค่อนแคะของเพื่อนรัก

แค่นั้น เขาพูดแค่นั้นจริงๆ

พิรุณรักษ์ทำหน้าคว่ำ พุฒมีความลับเสมอ ภายใต้ใบหน้ายิ้มระรื่นดูเปิดเผย เขาเก็บซ่อนบางอย่างไว้และอย่าได้พยายามที่จะเค้นมันออกมา เพราะถ้าเขาไม่พูดก็ไม่มีใครทำให้เขาพูดได้

บุคลิกเด่นชัดตั้งแต่เรียนมัธยมต้น

“ไปกินเบียร์ต่อกันมั้ย ร้านประจำ”

พิรุณรักษ์ยังไม่หายเสียดาย ‘ผู้ชาย’ ที่ผับเมื่อครู่ แต่เพราะตัดสินใจออกมากับพุฒแล้วจึงไม่อยากให้คืนนี้ผ่านไปอย่างเซ็งๆ

“แกเลี้ยงนะ”

“ไม่มีปัญหา”

 

ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 .

 

หน้าที่แล้ว1 of 9

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: