บทที่ 128
ไม่กี่วินาทีให้หลัง ประตูห้องที่ปิดสนิทตรงหน้าก็ถูกคนเปิดออกดัง ‘แอ๊ด’ จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังประตูที่เปิดแง้มไว้ ใบหน้าของเขาขาวซีด ขยี้ตาพลางถามอย่างง่วงงุน
“เกิดอะไรขึ้น โหวกเหวกโวยวายแต่เช้า ไม่ง่ายเลยนะกว่าผมจะหลับ…”
จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูใช้ไหล่ผลักประตู พอโจ้วชวนหันข้างเปิดทางให้โดยจิตใต้สำนึก เธอก็แทรกตัวเข้าไปในห้องเขาเหมือนกับปลาหนีชิว*…
เสียงเปิดผ้าม่านบังแสงตรงหน้าต่างดังพรืด ทำให้แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามาขับไล่ความมืด ทำให้ห้องที่มืดจนยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้าสว่างขึ้น
ชูหลี่ฉวยโอกาสกระชากถุงพลาสติกของซูเปอร์มาร์เก็ตที่หล่นกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมา เอาขยะในถังขยะที่เต็มจนแทบจะล้นออกมาเทใส่เข้าไปทั้งหมด ชั่วพริบตาเธอก็มัดขยะสามถุงตุงๆ แล้วโยนไปที่มุมห้อง
จากนั้นก็คีบกระป๋องเบียร์ ถ้วยบะหมี่ กล่องข้าวดีลิเวอรี่เปล่าที่อยู่ตรงหัวเตียงและหน้าคอมพิวเตอร์ยัดใส่เข้าไปในถุงที่ใหญ่ที่สุดใบที่สี่
ข้างหมอนและข้างเม้าส์มีซองบุหรี่ที่เปิดทิ้งเอาไว้ มวนบุหรี่ทั้งหมดถูกเอาออกมาสูบ จากนั้นก็หัก บี้ โยนทิ้ง โยนทิ้ง และโยนทิ้ง
เธอกระโดดขึ้นไปบนเตียง ตบหมอน เตรียมชุดผ้าปูที่นอนและปลอกผ้าห่มออกมาเปลี่ยน เมื่อเห็นว่าบนหมอนมีรูเล็กๆ รูหนึ่งที่ถูกบุหรี่จนไหม้ก็เงยหน้าถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่ยืนเหม่ออยู่ข้างประตูอย่างเกรี้ยวกราดแวบหนึ่ง…
โจ้วชวน “…”
คนที่ยืนสะบัดผ้าห่มอยู่บนเตียงเท้าเอว “ชีวิตมนุษย์ถ้ำควรสิ้นสุดลงได้แล้ว อาจารย์คะ ตั้งสติหน่อย!”
โจ้วชวนได้ยินดังนั้นก็พิงประตู ยิ้มเหมือนจอมวายร้าย “ผมมีสติตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่งั้นคุณลองมาจับดูสิ”
ทว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงก้นบึ้งดวงตา เสียงก็ทุ้มต่ำแหบพร่าเพราะนอนไม่พอ…ตอนที่เขายืนอยู่ตรงนั้น แสงแดดนอกหน้าต่างส่องกระทบใบหน้าเขา แต่ราวกับสาดเข้าไปไม่ถึงก้นบึ้งดวงตา ขับไล่ความมืดมนที่อยู่ในนั้นไม่ได้
ชูหลี่ขยับมือ เป็นครั้งแรกที่พบว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนซึ่งรูปร่างใหญ่กว่าลูกแมวลูกหมาสิบเท่า พอลุกขึ้นยืนกลับทำให้คนเอ็นดูได้เหมือนกัน…เธอรู้ว่าสิ่งที่โจ้วชวนไม่ต้องการมากที่สุดคือ ‘ความเห็นอกเห็นใจ’ ดังนั้นจึงเคลื่อนสายตาออกไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“เลิกทำหน้าระรื่นแบบนั้นได้แล้วค่ะ คุณเปิดคอมพิวเตอร์ดูข่าวใน CCTV สิ รายการ ‘ทอล์กโชว์’ ของวันนี้…อาจารย์โจ้วกู้เซวียนออกทีวีแล้ว ประณามเรื่องไซเบอร์บูลลี่และการเผยแพร่ข่าวเท็จ”
“…” โจ้วชวนไม่เชื่อ “ไปหลอกผีเถอะคุณ ก่อนหน้านี้เขาพูดยังไง ‘ให้พวกเขาด่าแกต่อไปนั่นแหละ’ คุณก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ”
ชูหลี่ลากโจ้วชวนเข้ามา กดเขานั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ และถือโอกาสก้มตัวเปิดคอมพิวเตอร์แทนเขา “ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าพวกคุณสองคนเป็นพ่อลูกแท้ๆ นิสัยปากแข็งใจอ่อนอะไรนั่นน่ะถนัดที่สุด…มองคุณแวบเดียวก็รู้แล้ว จุ๊ๆ กลิ่นในห้องของคุณนี่นะ ฝ้าเพดานรมควันจนเหลืองแล้วสินะ สัปดาห์นี้คุณสูบบุหรี่ไปเท่าไรแล้วเนี่ย”
ขณะที่โจ้วชวนคลิกเม้าส์เปิดเว็บไซต์ทางการของ CCTV ช้าๆ ชูหลี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กรีดนิ้วจับผมเขาขึ้นมาปอยหนึ่ง
“คุณไม่ได้สระผมมานานแค่ไหนแล้ว”
“…” เสียงคลิกเม้าส์ชะงัก โจ้วชวนกล่าว “คุณออกไปซะ”
ชูหลี่ปล่อยผมแล้วเช็ดมือบนไหล่ของเขา “ฉันรู้ว่าช่วงนี้คุณอารมณ์ไม่ดี แต่ดีร้ายยังไงก็…เอ่อ…ดีร้ายยังไงก็ควรใส่ใจภาพลักษณ์หน่อย…ฉันเป็นแฟนของคุณก็จริง แต่ยังไม่ใช่ภรรยาของคุณ แฟนสาวย่อมคาดหวังให้ภาพลักษณ์ของแฟนหนุ่มเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน…”
“ผมไม่เรียบร้อยสะอาดสะอ้านยังไง”
“คุณไม่ได้สระผมมากี่วันแล้วเนี่ย”
“…”
“อาบน้ำหรือยัง”
“กางเกงใน ผมเปลี่ยนกางเกงในทุกวันนะ”
“ไม่อาบน้ำแล้วเปลี่ยนกางเกงในจะมีประโยชน์อะไร”
“ผมต้องป้องกันไม่ให้เกิดอารมณ์วู่วามจนทำให้ตัวเองจมน้ำตายในอ่างอาบน้ำตลอดเวลา เพราะงั้นก็เลยอาบน้ำตามใจชอบไม่ได้ คุณดูสิว่าในห้องของผมแม้แต่สายเคเบิลก็ดึงออกหมดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเผลอแขวนคอตายบนเพดาน…แม้ผมเตรียมตัวจะเป็นขอทาน คุณก็ไม่ถือสาไม่ใช่หรือไง”
“…”
ฉันจำได้ว่าเมื่อนานมาแล้วตอนที่คุณพูดกับฉันถึงปณิธานของหงส์* อย่างการเป็น ‘ขอทานตามท้องถนน’ นี่น่ะ ฉันแสดงออกชัดเจนว่า ‘ปฏิเสธอย่างรังเกียจ’ ตอนนี้ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลายเป็น ‘ไม่ถือสา’ ไปซะแล้วล่ะ
ชูหลี่คิดจะโต้แย้งแต่ก็หุบปากลง ยืนอยู่ข้างหลังโจ้วชวน มองดูเขาคลิกเปิดตารางรายการช่องข่าว CCTV ด้วยความเร็วที่ช้ากว่าในยามปกติ ขณะที่เม้าส์เคลื่อนไปยังรายการ ‘ทอล์กโชว์’ ที่เพิ่งออกอากาศจบไปเมื่อครู่นี้…ชูหลี่ก็หมุนตัวไปเก็บกวาดห้องให้เขา…
เปิดหน้าต่าง
เปิดแอร์
เปิดเครื่องพ่นน้ำมันหอมระเหย
เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกผ้าห่มใหม่ เสื้อผ้าสกปรกๆ ที่ทิ้งเกลื่อนพื้นก็นำไปยัดใส่เครื่องซักผ้าทั้งหมด เดินวนอีกรอบหนึ่ง กลับมาถอดเสื้อผ้าทั้งชุดออกจากตัวโจ้วชวน เหลือกางเกงในไว้ให้เขาตัวหนึ่งและปล่อยให้เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เปิดฝาเครื่องซักผ้ายัดเสื้อผ้าของเขาลงไป
ประตูห้องที่โจ้วชวนเปิดแง้มเอาไว้ครึ่งหนึ่ง มีดนตรีเปิดรายการ ‘ทอล์กโชว์’ ดังลอดออกมา ชูหลี่เดินกลับไปที่ห้องอีกครั้ง ก้มเก็บถุงขยะสี่ใบที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมา
“อาจารย์คะ ดูจบก็อย่าลืมไปอาบน้ำด้วย คุณเหม็นเปรี้ยวหมดแล้ว”
คนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ไม่แม้แต่จะเงยหน้า เพียงแต่โบกมือไปทางประตู
คนที่ยืนหิ้วถุงขยะสี่ใบอยู่หน้าประตูมองห้องที่สะอาดเอี่ยมกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา และชายหนุ่มที่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่วางตา เธอยกมุมปากขึ้นแล้วหมุนตัวออกไปทิ้งขยะข้างนอก…
เพราะอยากให้เวลาโจ้วชวนได้ไตร่ตรองอย่างเงียบๆ ชูหลี่จึงจูงเอ้อร์โก่วที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานแล้วไปด้วย เล็บของเจ้าสุนัขยาวนิดหน่อย เมื่อย่ำบนถนนของหมู่บ้านจึงเกิดเสียงดัง ‘ต่อกแต่ก’…เอ้อร์โก่วกระโดดโลดเต้น วิ่งเหยาะๆ อยู่ข้างหน้า เมื่อวิ่งเร็วเกินไปก็หยุด อ้าปากแลบลิ้นพลางหันกลับมามองชูหลี่ พอเห็นชูหลี่ยิ้มให้ก็หันไปกระโจนใส่ผีเสื้อต่อ…
แม้แต่สุนัขยังรู้ว่า ‘การปล่อยใจ’ คือความรู้สึกแบบไหน
ชูหลี่พบกับคุณยายที่เก็บขยะเมื่อครั้งก่อนตรงจุดทิ้งขยะ ขณะส่งถุงพลาสติกที่ใส่กระป๋องเบียร์ในมือให้ หญิงสาวก็พูดขึ้น
“นี่คงเป็นถุงสุดท้ายแล้ว ขอบคุณนะคะ”
คุณยายเปิดถุงพลาสติก โยนกระป๋องเบียร์ที่อัดจนแบนแล้วใส่ไว้ในตะกร้า จากนั้นก็เงยหน้ามองชูหลี่ “วันนี้อากาศไม่เลวเลย ฤดูฝนลูกพลัม* มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะปลอดโปร่ง”
หญิงสาวที่จูงสุนัขได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น เหนือศีรษะคือท้องฟ้าสีครามและแสงแดดเจิดจ้า เธอยกมุมปาก
“นั่นสิคะ นับว่าปลอดโปร่งแล้วล่ะ”
“คนในบ้านยังสบายดีนะ”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ดีๆๆ…งั้นก็ดีแล้ว”
ชูหลี่โบกมือให้คุณยายแล้วหมุนตัวจากไป พาเอ้อร์โก่วไปซื้อไก่ย่างตัวหนึ่งที่ทางเข้าหมู่บ้าน สุนัขตัวใหญ่ที่กินจุและไม่ชอบขยับเดินเลยสักก้าวกำลังคาบถุงที่ใส่ไก่ย่างไว้ ดึงสายจูงวิ่งเผ่นตรงไปที่บ้าน
ตอนที่ใช้ลูกกุญแจไขเปิดประตูเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงให้หลัง
วินาทีแรกที่กลับถึงบ้าน เอ้อร์โก่วเช็ดอุ้งเท้าอย่างมีระเบียบ จากนั้นก็วางไก่ย่างในชามข้าวของตัวเอง ส่ายหางก่อนจะเริ่มกิน
ชูหลี่วางลูกกุญแจและสายจูง เงยหน้ามองห้องของโจ้วชวนตาปริบๆ ประตูห้องยังคงเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าข้างในจะไม่มีความเคลื่อนไหว
เธอเดินเข้าประตูไปด้วยความกระสับกระส่าย หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงน้ำไหลดังมาจากห้องอาบน้ำในห้อง…
“…” มุมปากหญิงสาวโค้งขึ้นเล็กน้อย ชูหลี่ที่ยืนอยู่นอกประตูห้องอาบน้ำตะโกนบอก “ฉันกลับมาแล้ว”
ท่ามกลางเสียงน้ำซู่ซ่าที่ดังอยู่ในห้องอาบน้ำ มีคนส่งเสียง “อืม” เป็นการตอบรับ…เธอจึงเท้ามือที่กรอบประตู
“ดูรายการ ‘ทอล์กโชว์’ จบหรือยังคะ”
“อืม”
“ดูเป็นผู้ให้กำเนิดแท้ๆ ไหมคะ”
“อืม”
“อีกเดี๋ยวจะโทรหาอาจารย์โจ้วกู้เซวียนใช่ไหมคะ วันนั้นที่แยกเขี้ยวยิงฟันใส่กันบนโต๊ะอาหาร พอเทียบอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้ความและก็เนรคุณมากใช่ไหมล่ะคะ การออกรายการครั้งนี้ดีร้ายยังไงก็น่าจะสร้างระยะสงบศึกได้สักครึ่งปีสินะ คุณป้าก็น่าจะวางใจแล้วเหมือนกัน ดูท่าทางปีนี้ครอบครัวของคุณน่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแล้วล่ะ…” ชูหลี่พิงอยู่ด้านข้างประตูห้องอาบน้ำพลางเลื่อนดูเวยป๋อ “บนเวยป๋อมีคนขอโทษคุณเยอะเลย โอ้โห แฟนคลับพวกนี้นี่น่ะ เรียกได้ว่าเป็นหญ้าบนกำแพง* จริงๆ เลยนะเนี่ย มีคนหนึ่งเมื่อวานยังโวยวายให้คุณออกมาขอโทษอยู่เลย วันนี้มาขอโทษซะแล้ว แถมยังถูกคนแคปไว้อีก น่าอายชะมัด…”
บ่นจุกจิกไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ประตูห้องอาบน้ำก็ถูกคนเปิดออกมาจากด้านใน
ชายหนุ่มชะโงกศีรษะที่มีน้ำหยดลงมาเปาะแปะแถมข้างบนยังมีฟองอยู่ด้วยออกมาอย่างหงุดหงิด “คุณให้ผมอาบน้ำดีๆ ได้หรือเปล่า”
ชูหลี่ที่ถือโทรศัพท์ยืนอยู่ข้างประตูตะลึงงันครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มตาหยีขึ้นมา ยกมือลูบใบหน้าของชายหนุ่มที่เปียกชุ่มจากช่องประตู
“ได้ค่ะ อาบให้สะอาดหน่อยล่ะ”
โจ้วชวนพึมพำอะไรสักอย่างที่ฟังไม่ค่อยชัด หดศีรษะกลับไป ปิดประตูแล้วลงกลอนดัง ‘แกร๊ก’…
ชูหลี่ยืนอยู่นอกประตูพึมพำด้วยรอยยิ้ม “ทำอย่างกับฉันอยากจะพังประตูเข้าไปอย่างนั้นแหละ” จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปที่ห้องรับแขก เวลานี้ถึงได้พบว่าเจ้าเอ้อร์โก่วที่ใช้เวลาสิบกว่าวินาทีกินไก่ย่างตัวหนึ่งเสร็จกำลังนอนอยู่บนโซฟา หางพวงใหญ่ลู่ลงมา กำลังใช้กระดาษสีขาวเช็ดปากอย่างรักความสะอาด…
“…”
เป็นสุนัขที่รักความสะอาดมากจริงๆ ต่างจากเจ้านายที่ซกมกของแกโดยสิ้นเชิง
กินไก่ย่างเสร็จ แถมยังรู้จักใช้กระดาษเช็ดปากซะด้วย เจ้านายของแกแม้แต่จะอาบน้ำดีๆ ก็ยังทำไม่เป็นเลย ถึงจะเป็นอย่างนี้แต่ก็ยังเป็นหมาโสด ส่วนเจ้านายของแกกลับได้แฟนสาวที่เหมือนนางฟ้าอย่างฉัน…
เอ๊ะ! ว่าแต่กระดาษมาจากไหน
ชูหลี่เดินเข้าไปแย่งกระดาษสีขาวที่เปื้อนมันจากไก่ย่างมาจากใต้อุ้งเท้าของเอ้อร์โก่ว จากนั้นก็เห็นลายมือที่งดงามบนนั้น…
‘ชายหนุ่มยกมือขึ้น นิ้วหัวแม่มืออันหยาบกร้านปัดผ่านอย่างรวดเร็วตรงมุมปากที่เม้มเป็นเส้นตรงเพราะตึงเครียด
ฮวาเหมียน “?????”
ฮวาเหมียน “!!!”
ใบหน้าเฉยเมยที่อยู่ตรงหน้าตกตะลึงจนมึนงงไปชั่วขณะ ชายหนุ่มพลิกมือมองคราบสีน้ำตาลที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือ เนื้อสัมผัสคล้ายถั่วแดงกวน…นี่ไม่ใช่เลือด’
“…”
ชื่อของนางเอกคนนี้เรียกได้ว่าคุ้นตามากๆ
หญิงสาวเค้นสมองพยายามคิดว่าสิ่งนี้คืออะไร ไม่กี่วินาทีให้หลังชูหลี่ที่ยืนอยู่ตรงโซฟาก็หน้าเปลี่ยนสี กดตัวเอ้อร์โก่วไว้ และชะโงกศีรษะข้ามพนักโซฟาไปมองดู จึงพบว่าด้านหลังโซฟา ตั้งแต่ขั้นที่สองนับจากขั้นบนสุดของบันไดห้องใต้หลังคาที่ขึ้นไปยังห้องเธอมีต้นฉบับเหมือนกับที่อยู่ในมือเธอตอนนี้ถูกสุนัขคาบไปมาจนเกลื่อนพื้น…
ชูหลี่กระโดดข้ามจากพนักพิงโซฟาอย่างเงอะงะแล้วพุ่งไปยังหน้าห้องใต้หลังคาทันที จากนั้นก็พบว่าขณะนี้เองบันไดขั้นที่สองตรงหน้าเธอมีต้นฉบับปึกหนึ่งที่ถูกสุนัขเหยียบจนเละเทะวางอยู่
เลือดลมพลันพลุ่งพล่านขึ้นสมอง ชูหลี่รีบก้มลงเก็บต้นฉบับขึ้นมาราวกับอุ้มเด็กทารก เก็บขึ้นมาได้ครึ่งเดียว สายตาพลันถูกน้ำตาบดบังจนพร่ามัว เธอยืนอยู่หน้าบันได ตื่นตระหนกจนมือสั่นระริก ชะโงกศีรษะร้องเรียกด้วยความตกใจ
“โจ้วชวน!!!”
เสียงหงุดหงิดของชายหนุ่มดังมาจากในห้องอาบน้ำ “อะไรอีก!”
ชูหลี่น้ำตาคลอหน่วย ยืนกอดต้นฉบับที่กระจัดกระจายไว้ในอ้อมอกอยู่ตรงบันได ยิ้มราวกับคนโง่…
ที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาไม่เคยพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ มาก่อน
ช่วงเวลาอันแสนยาวนานนั้น เขาเดินผ่านความมืดมิดโดยมีเธอคอยเคียงข้าง เขานิ่งเงียบ ทว่ามองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและจดจำเอาไว้ในใจ
สักวันหนึ่งแสงแดดที่เจือด้วยความอบอุ่นก็จะขับไล่เมฆหมอกออกไป…
เขาจะมอบทุกอย่างให้เธอ…
สิ่งที่เธอต้องการ และสิ่งที่เขาสามารถให้ได้
* ปลาหนีชิว เป็นชื่อปลาชนิดหนึ่ง ตัวกลมปลายหางแบน หลังสีดำท้องสีขาวหรือเทา หัวเล็กแหลม ปากมีหนวด มีเมือกหุ้มทั่วตัว ลำตัวจึงลื่นจนคว้าจับได้ยาก มักจะอยู่ในแม่น้ำ หนอง บึง ชอบซ่อนตัวอยู่ในดินเลน เนื้อรับประทานได้
* ปณิธานของหงส์ เปรียบกับคนที่มีอุดมคติกว้างไกลและมีความทะเยอทะยานอย่างยิ่งยวด
* ฤดูฝนลูกพลัม มักจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคมของทุกปี มีกระแสลมร้อนชื้นจากมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้พัดผ่านประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ทำให้มีเมฆมากและฝนตกติดต่อกันหลายวัน
* หญ้าบนกำแพง มาจากสำนวน ‘หญ้าบนกำแพงลู่ตามลม’ หมายถึงคนที่ไม่มีจุดยืน เปลี่ยนความคิดไปตามสถานการณ์
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 26 มี.ค. 66 เวลา 12.00 น.
Comments
comments
No tags for this post.