X
    Categories: everYฉันชอบแฟนนายมานานแล้วทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฉันชอบแฟนนายมานานแล้ว บทที่ 3-4 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง ฉันชอบแฟนนายมานานแล้ว

ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)

แปลโดย : qMondae

ผลงานเรื่อง : 我喜欢你男朋友很久了 (Wo Xi Huan Ni Nan Peng You Hen jiu Le)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 03

หลัวชิงซานออกจากหอไปโดยไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ เมื่อเผยหรานนั่งลงหน้าคอมฯ จึงถือโอกาสกวาดมองทีหนึ่ง แถบทาสก์บาร์ยังคงมีเกมพับจีเปิดค้างไว้

หลัวชิงซานมีนิสัยเสียอย่างการขี้หลงขี้ลืมแบบนี้ตลอด ชนิดที่ว่าตอน ม.ปลาย ที่ทั้งคู่อยู่หอเดียวกัน การออกจากห้องทั้งที่ไม่ได้ปิดไฟได้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เผยหรานเลื่อนเคอร์เซอร์กดเข้าหน้าเกม คิดจะปิดคอมฯ ให้เขา

เมื่อเปิดหน้าต่างของเกมขึ้นมา เขาถึงพบว่าในล็อบบี้จับคู่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่หลัวชิงซานคนเดียว

ซูเนี่ยนเล่นตัวละครหญิง ทั้งคู่สวมชุดโจ๊กเกอร์ที่เพิ่งออกมาใหม่ กำลังยืนนิ่งเงียบอยู่ในเกม

“ดื่มน้ำสักหน่อยมั้ย”

เผยหรานปล่อยเม้าส์ทันที สะดุ้งอยู่เสี้ยววินาทีก่อนหันหน้ากลับไปมอง

เหยียนจุ่นหันหลังให้เขา กำลังเปิดโปรแกรมเกมบูสเตอร์** “ปากนายแห้งมาก”

เผยหรานเม้มแล้วเลียปาก ตอนขึ้นรถเขาลืมซื้อน้ำไว้ ตอนนี้เขาปากแห้งนิดหน่อยจริงๆ

เขาเหลือบมองแก้วของหลัวชิงซาน ถึงเขาจะคบกับหลัวชิงซานมาหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชอบใช้แก้วน้ำที่คนอื่นเคยใช้ไปแล้วอยู่ดี “ไม่ต้องหรอก…”

“ฉันมีแก้วกระดาษ” เหยียนจุ่นพูดขึ้น “แบบใช้แล้วทิ้ง”

ครึ่งนาทีต่อมา เผยหรานกุมแก้วกระดาษนั่งอยู่ข้างเหยียนจุ่น

“นั่งเฉยๆ แล้วเบื่อนิดหน่อย ขอดูนายเล่นเกมได้มั้ย”

เหยียนจุ่นกล่าว “ตามสบาย”

เวลาเหยียนจุ่นเล่นเกมก็เหมือนกับเวลาปกติทั่วไปของเขา หน้านิ่งสนิทไม่พูดไม่จา เล่นมาหลายตาแล้วเผยหรานก็ไม่เคยเห็นเขาเปิดไมค์ในเกมเลยสักครั้ง เห็นแต่ไอคอนไมค์ของเพื่อนร่วมทีมกะพริบอยู่ตลอด

เมื่อเห็นเหยียนจุ่นยิงผู้เล่นตายระหว่างที่เขากระโดดอยู่กลางอากาศ เผยหรานก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “นายเก่งจริงๆ”

เหยียนจุ่นชะงัก มองเขาอย่างไม่แน่ใจ จังหวะนั้นมีศัตรูอยู่ตรงมุมกำแพงพอดี เผยหรานจึงรีบคว้าเสื้อของเขาเป็นการเตือน “ทางขวามีคน!”

เหยียนจุ่นหันกลับไปมองหน้าจออีกครั้ง เขากลายเป็นกล่องไปแล้ว

เผยหรานมุ่นคิ้ว ปล่อยมือออก “ฉันมารบกวนนายหรือเปล่า”

“เปล่า” เหยียนจุ่นถอดหูฟังพลางกดออกไปหน้าล็อบบี้ “ฉันฟังเสียงเดินผิด เลยกะตำแหน่งผิดไปด้วย”

เมื่อเหยียนจุ่นถอดหูฟังออกก็ทำให้เผยหรานได้ยินเสียงเพลงแบ็กกราวนด์ของเกมด้วย

เห็นเขากดเริ่มเกมใหม่อีกครั้ง เผยหรานเลยถามว่า “ไม่ใส่หูฟังจะได้ยินเสียงเดินเหรอ”

“ได้ยิน ตานี้เกมบ่อปลา*” เหยียนจุ่นกล่าว “ใส่แล้วฟังนายพูดไม่ถนัด”

เผยหรานชะงัก “ฟังไม่ชัดก็ไม่เป็นไร”

เหยียนจุ่นเงียบไปสองวินาที “เมื่อกี้นายพูดกับฉันว่าอะไรนะ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่บอกว่านายเล่นเก่งมาก” เผยหรานกล่าว “ที่เล่นด้วยกันก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน…นายไปเป็นโปรเพลเยอร์ได้เลย”

เผยหรานพูดเสียงจริงจังมาก เขาเคยดูแข่งพับจีระดับประเทศเป็นเพื่อนหลัวชิงซานสองครั้ง เขาคิดว่าการเล่นของมือโปรหลายคนยังไม่สวยคมเท่าเหยียนจุ่นเลยด้วยซ้ำ

เหยียนจุ่นผินหน้าเหลือบมองเขา ไม่ถึงสองวินาทีก็ดึงสายตากลับพร้อมยกมุมปาก

“คุณสมบัติยังไม่ถึง เป็นโปรเพลเยอร์ไม่ได้หรอก” เหยียนจุ่นกล่าวครึ่งจริงครึ่งเท็จ “แค่พอจะระเบิดบ่อปลาได้เท่านั้นแหละ”

เผยหรานพยักหน้า “ระเบิดฉันไง”

“นายไม่ได้เป็นพวกปลาสักหน่อย” เหยียนจุ่นพูดน้ำเสียงจริงจัง “นายแค่ยังไม่ชำนาญเพราะยังเล่นไม่เยอะพอ ที่จริงนายก็เล่น LoL** เก่งไม่ใช่เหรอ”

เผยหรานแปลกใจเล็กน้อย “อืม…นายรู้ได้ไง”

เหยียนจุ่นเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เคยเห็นนายเล่นกับหลัวชิงซาน”

ในช่วงสุดท้ายของการสะสางเมืองปิดกั้นตัวเอง*** ในทีมมีพี่สาวคนหนึ่งถูกยิง เหยียนจุ่นยังคงทำเหมือนอย่างเคย นั่นคือจัดการศัตรูเรียบวุธโดยไม่พูดไม่จาสักคำเดียว หันไปดึงเพื่อนร่วมทีมข้างๆ ขึ้นมา แล้วทิ้งชุดปฐมพยาบาลและยาแก้ปวดไว้ให้ด้วย

“ขอบคุณค่ะพี่ชาย” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเขา “ตาหน้ามาเล่นด้วยกันเถอะนะ เดี๋ยวคืนยาให้สามอันเลย~”

เผยหรานนั่งรอครึ่งค่อนวันก็อดไม่ไหว ต้องจิ้มแขนเสื้อเขาแล้วเอ่ยเตือน “ดูเหมือนเพื่อนในทีมกำลังคุยกับนายอยู่นะ”

“รู้แล้ว แต่ฉันไม่อยากเล่นทีมเดียวกับพวกเธออีก” เหยียนจุ่นกล่าว

ทว่าบรรดาเพื่อนร่วมทีมทั้งหลายคล้ายจะไม่ยอมแพ้ เผยหรานคิดว่าพวกเธอน่าจะคุยกันส่วนตัวนอกเกมด้วย เพราะเปิดไมค์ทีไรก็เป็นการคุยกับเหยียนจุ่นทั้งนั้น

“เล่นด้วยกันเถอะ เบอร์สี่ร้องจะเอาวีแชตของเธอตลอดเลย” คนคนหนึ่งเอ่ยน้ำเสียงหยอกเย้า

ไม่นาน เสียงจากฝั่งนั้นก็ดังขึ้นมาหนึ่งประโยค “ยัยบ้า! อย่าเอาออกไปพูดสิ…”

เหยียนจุ่นกล่าวขึ้นว่า “เปลี่ยนเพศสิ แล้วฉันจะลองคิดดู”

ทางนั้นฟังไม่เข้าใจนัก “ฮะ?”

เหยียนจุ่นรีโหลดกระสุนพลางเอ่ย “ฉันชอบผู้ชาย”

เผยหราน “…”

กระทั่งคำว่า ‘Winner Winner Chicken Dinner’ เด้งขึ้นมา เผยหรานก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้

นี่เหยียนจุ่นเปิดตัวต่อหน้าเขาโดยไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัวอย่างนี้เลยเหรอ

เสียงเปิดประตูดังขึ้นขัดความคิดของเผยหราน

หลัวชิงซานผลักประตูเข้ามา เขาสวมหมวกแก๊ป ปีกหมวกบดบังสายตาเล็กน้อย เขาปิดประตูแล้วหันกลับมา เมื่อสบสายตากับเผยหราน เป็นชั่วพริบตาที่สีหน้าของเขาเผยความตะลึงงัน

เผยหรานไม่ทันได้เห็น เขาก็เก็บสีหน้านั้นกลับไปเรียบร้อยแล้ว

“ที่รัก” หลัวชิงซานถอดหมวกออก “รอเบื่อหรือเปล่า”

เผยหรานลุกขึ้น “ไม่เลย ฉันดูเหยียนจุ่นเล่นเกมอยู่”

หลัวชิงซานกวาดสายตามองรูมเมตของตัวเอง ขณะที่เหยียนจุ่นกดเริ่มเกมใหม่อีกครั้งโดยไม่ได้ส่งสายตาใดๆ มาให้เขา

แต่เหยียนจุ่นก็นิสัยแบบนี้อยู่แล้ว หลัวชิงซานจึงไม่ถือสา เขาเอื้อมแขนโอบรอบเอวเผยหราน โน้มหน้าลงหมายจะจูบแต่กลับถูกเผยหรานใช้ฝ่ามือดันกลับไป

“บนตัวนายมีแต่เหงื่อ” เผยหรานกล่าวจบก็ถอยออกไปหนึ่งก้าว “นายไปอาบน้ำก่อนแล้วเราไปกินข้าวกันมั้ย”

หลัวชิงซานยู่ปากเบาๆ “ก็ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ รอก่อนนะ”

ระหว่างที่หลัวชิงซานอาบน้ำ โทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตฯ อยู่พลันดังขึ้น

เผยหรานก้มหน้าลงทันใด

 

[คุณได้รับข้อความใหม่]

 

หลัวชิงซานตั้งค่าโทรศัพท์ให้ไม่สามารถเห็นพรีวิวข้อความได้

ไม่กี่วันก่อนจะกลับบ้าน เขาเคยเอาโทรศัพท์ของหลัวชิงซานมาเล่นเกมเตตริส* และเขาจำได้ว่าตอนนั้นหลัวชิงซานยังไม่ได้ตั้งค่าแบบนี้

เมื่ออาบน้ำเสร็จหลัวชิงซานก็สวมหมวกอีกครั้ง “ไปกันเถอะที่รัก”

ขณะเผยหรานปิดประตูก็อดเหลือบมองคนที่กำลังเล่นเกมอยู่ไม่ได้

เหยียนจุ่นกลับไปใส่หูฟังอีกครั้ง

เผยหรานเดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก ในวินาทีที่เขากำลังละล้าละลังอยู่นั้นก็ถูกหลัวชิงซานกุมข้อมือหมับ

“เหม่ออะไรอยู่ ไปกัน เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง”

ประตูห้องพักปิดลง ตัวละครที่กำลังวิ่งสุดกำลังอยู่ในเกมก็หยุดวิ่ง เหยียนจุ่นผินหน้ามองทางที่ทั้งคู่จากไปด้วยสายตาลุ่มลึก

 

กว่าหลัวชิงซานจะกลับมาถึงหอก็ดึกมากแล้ว

ตอนที่กลับมานั้นเหยียนจุ่นยังคงเล่นเกมอยู่เหมือนเดิม ศัตรูถูกเขากราดยิงตายระนาวอย่างโหดเหี้ยมสุดๆ

หลัวชิงซานกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน “ฉันเพิ่งถึงหอ…มื้อเย็น? กินร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ข้างมอ ไม่อร่อย จืดสนิท วันหลังจะไม่ไปแล้ว…ฉันไม่ได้เป็นคนออกเกม เผยหรานน่าจะเห็นว่าฉันเปิดคอมฯ ทิ้งไว้เลยช่วยปิดให้”

หลังวางสาย หลัวชิงซานก็ปีนขึ้นเตียงห่มผ้าคลุมโปง ในหัวมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น

เย็นวันนี้ซูเนี่ยนสารภาพรักกับเขา

ซูเนี่ยนกับเผยหรานบุคลิกต่างกันอย่างชัดเจน ตอนที่ซูเนี่ยนสารภาพรักดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาคลอหน่วยจวนเจียนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ แม้แต่ปากก็ยังแดงจัด

“นึกว่าคืนนี้นายจะไม่กลับ”

ไม่คิดเลยว่าเหยียนจุ่นจะคุยกับเขาก่อน หลัวชิงซานอึ้งไป จากนั้นจึงเลิกผ้าห่มออก “จะเป็นไปได้ไงล่ะ อยู่วิทยาเขตต๊อกต๋อยแบบนี้ โรงแรมรอบๆ เผยหรานก็คิดว่าสกปรกหมด ไม่เคยยอมนอนโรงแรมเลย”

เหยียนจุ่นเพียงเดินไปอ่างล้างหน้าริมระเบียง ไม่เอ่ยอะไรอีก

แต่สมองของหลัวชิงซานในตอนนี้เละเทะวุ่นวายไปหมดจึงอยากหาคนคุยด้วย ดังนั้นหลังจากที่เหยียนจุ่นปิดไฟขึ้นเตียงนอนแล้ว ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ต้องพลิกตัวหันมาคุย

“เหยียนจุ่น วันนี้เผยหรานคุยอะไรกับนายเหรอ”

“ไม่ได้คุยอะไร”

“นายไม่ได้พูดอะไรถึงฉันเสียๆ หายๆ ใช่ป้ะ”

“เสียๆ หายๆ อะไร”

“อ่า ก็อย่างไม่ซักถุงเท้าอะไรทำนองนี้…” หลัวชิงซานเอาแขนหนุนท้ายทอย “จิ๊ ผู้ชายก็มีปัญหาแบบนี้เหมือนกันหมดไม่ใช่หรือไง ประเด็นคือเผยหรานนั่นแหละรักสะอาดเกินไปหน่อย”

“ไม่ได้พูด”

หลัวชิงซานถามเยอะมาก ไม่นึกว่าเหยียนจุ่นจะตอบทุกคำถาม แม้ว่าจะตอบสั้นมากก็ตาม

“งั้นนายว่าเผยหรานกับซูเนี่ยนคนไหนดีกว่ากัน”

เมื่อพูดจบประโยคทั้งห้องก็ตกสู่ความเงียบงัน

หลัวชิงซานเพิ่งมารู้ตัวทีหลังว่าตัวเองหลุดปากออกไปแล้ว จึงรีบเอ่ยว่า “ฉันแค่ถามไปงั้น…”

“เผยหราน”

“ฮะ?”

เหยียนจุ่นหลับตาลงในความมืด พูดย้ำ “เผยหราน”

ความร้อนใจและความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกพัวพันยุ่งเหยิงอยู่ในใจหลัวชิงซาน ในสายตาของเขาตัวตนของเหยียนจุ่นก็ไม่ต่างจากท่อนไม้ พูดไม่เก่ง ไม่ชอบพูดคุยและยิ่งไม่มีทางไปปากสว่างข้างนอกด้วย

ดังนั้นหลัวชิงซานจึงขาดความยั้งคิดไปมากเวลาพูดกับเขา

“ใช่มั้ยล่ะ เผยหรานเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาทั้งชีวิตแล้ว” หลัวชิงซานเอ่ยพึมพำ “นายไม่เคยเจอเขาตอน ม.ปลาย ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว หน้าตาดี มือก็สวย ขนาดลำคอยังดูดีเลย นายเห็นขาคู่นั้นของเขามั้ย ทั้งยาวทั้งเรียว ตอนเด็กเขาเคยเรียนเต้นด้วย หุ่นก็เลยสวยสุดๆ”

“อืม”

หลัวชิงซานจดจ่ออยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ได้ตระหนักรู้เลยว่าเหยียนจุ่นส่งเสียงตอบรับเขาด้วยน้ำเสียงเห็นด้วย

“แล้วก็สะอาดมาก สะอาดสะอ้านไปทั้งตัว…เพราะงั้นตอนฉันรู้ว่าเขาชอบผู้ชาย ฉันก็เข้าไปจีบเขาเลยแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น”

เผยหรานจีบยากมาก เป็นคนแบบที่จะหลอกล่อยังไงก็ไม่เล่นด้วยเลย สุดท้ายหลัวชิงซานไปต่อยตีกับคนที่ปากสว่างประกาศไปทั่วว่าเผยหรานชอบผู้ชาย ทำชะตาชีวิตตัวเองหล่นหายไปแล้วครึ่งหนึ่งกว่าจะจีบเผยหรานติด

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังแหลมขึ้นแทรกคำพูดของหลัวชิงซาน

เมื่อหลัวชิงซานตั้งสติกลับมาได้ก็กดรับสาย “ฮัลโหล ซูเนี่ยน?”

ตอนนี้ทั้งสมองเขายังคงมีแต่เรื่องเผยหราน น้ำเสียงในตอนแรกจึงเย็นชาอยู่มาก “ฉันกำลังจะนอน ช่างเถอะ…หา? เจ็บเท้าอีกแล้ว?”

คุยกันครู่ใหญ่ หลัวชิงซานก็เลิกผ้าห่มลุกขึ้น “ฉันจะไปดูที่ห้องนาย เปิดประตูรอไว้”

ในตอนที่หลัวชิงซานเปิดประตูห้องก็ได้ยินเสียงเรียบเฉยเย็นชาของคนด้านหลังดังขึ้นมาหนึ่งประโยค “ดึกดื่นป่านนี้จะไปดูแลเท้าให้เพื่อนเหรอ”

หลัวชิงซานหัวเราะ “เหอะ อย่ามาแหย่ฉันเลย ฉันแค่ไปดูห้องชั้นบน แง้มประตูไว้ให้ฉันด้วย”

หลังหลัวชิงซานออกไป เหยียนจุ่นลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะคว้าบุหรี่แล้วเดินไปที่ระเบียง

ในความมืด เหยียนจุ่นพ่นควันบุหรี่ออกมา ควันกลายเป็นผ้าโปร่งสีขาวบดบังพระจันทร์ ทำให้มันดูเลือนรางและห่างไกลยิ่งกว่าเคย

เนิ่นนานกว่าเหยียนจุ่นจะขยี้ดับไฟบุหรี่

เขาหลุบตาลง ซุกซ่อนความเศร้าระคนหงุดหงิดและความไม่ยอมที่ทะลักล้นอยู่ในใจ

“แม่งเอ๊ย…”

บทที่ 04

เมื่อเผยหรานกลับมาถึงหอ สิ่งแรกที่ทำคือการอาบน้ำ

อาหารร้านนั้นรสชาติจืดชืดแต่กลิ่นในร้านกลับแรงใช่เล่น ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกคือผมของตัวเองมีแต่กลิ่นเปรี้ยวของมันฝรั่งผัดน้ำส้มสายชูจานนั้น

หลังอาบน้ำเสร็จ เขาก็ยืนใช้มือข้างเดียวเช็ดผมตัวเองไปเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงหัวเตียง ในมือถือโทรศัพท์กดเปิดหน้าโมเมนต์ของซูเนี่ยนอีกครั้ง

เขากับซูเนี่ยนแอดวีแชตตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกแต่ไม่เคยคุยกันมาก่อน

เขาเลื่อนผ่านโมเมนต์โพสต์แรก สไลด์หน้าจอลงไปข้างล่าง

 

‘พริกร้านนี้อย่างเด็ด [รูปภาพ]’

 

วันนี้หลัวชิงซานพูดกับเขาว่าเจอร้านที่รสเผ็ดถึงใจร้านหนึ่ง แล้วยังพูดอีกว่าเสียดายที่เผยหรานไม่ชอบกินเผ็ด ไม่อย่างนั้นจะลองพาเขาไปชิมร้านนั้นแล้ว

 

‘การออกกำลังกายวันนี้ (1/1) [รูปภาพ]’

 

รูปที่ถ่ายคือสนามบาส เผยหรานเห็นเสื้อบาสของหลัวชิงซานอยู่ในรูป

 

‘หนึ่งวันในหอสมุด’

 

โมเมนต์ภายในสองเดือนนี้ของซูเนี่ยน ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับหลัวชิงซาน

เผยหรานขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนคลายออกอย่างรวดเร็ว

เผยหรานไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ตัวเองถึงมาส่องโมเมนต์ของซูเนี่ยน รูปพวกนี้จริงๆ แล้วเขาเคยเลื่อนผ่านตามาก่อน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจ ไม่แม้แต่จะกดเข้าไปดูรูปเต็มด้วยซ้ำ

ไม่…หรือบางทีเผยหรานอาจจะรู้อยู่แล้ว

เพียงแต่ความคิดของเขาออกจะไร้มารยาทเกินไป ซ้ำยังแฝงเจตนาไม่ดีไว้ด้วย เขาไม่ควรเดาเรื่องจากรูปไม่กี่รูป

สายตาของเขาหยุดอยู่ที่รูปหลายวินาที จากนั้นปิดวีแชตทิ้งไป

 

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ปฏิทินของเผยหรานเด้งแจ้งเตือนขึ้น มันเตือนเขาว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของหลัวชิงซาน

ตอนที่รับสายจากหลัวชิงซาน เขากำลังเลือกของขวัญอยู่ในร้าน

หลัวชิงซานกล่าว “คือว่า…ที่รัก ฉันมีเรื่องอย่างหนึ่งอยากจะขอร้องที่รักน่ะ”

“อะไรเหรอ”

“วันเกิดปีนี้ฉันอยากไปฉลองที่ KTV* ได้หรือเปล่า”

เผยหรานเอ่ย “วันเกิดของนาย นายก็ต้องเลือกเองได้สิ”

“ที่สำคัญคือนายต้องยอมมาด้วยนะ” หลัวชิงซานกล่าว “ที่รักเกลียดที่แบบนั้นที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ…ครั้งนี้ไอ้งี่เง่าพวกนั้นมายุฉัน แถมบอกว่ารู้จักกับคนใน มีบัตรส่วนลดค่าอาหาร ราคาถูกมาก แต่ถ้าที่รักไม่อยากไปฉันก็จะเปลี่ยนไปที่อื่น”

เผยหรานบอกเขาว่า “ถ้านายมีความสุขก็โอเค”

สุดท้ายเรื่องนี้ก็ตกลงกันได้เรียบร้อย

ค่ำวันต่อมา เผยหรานมองหน้ากากอนามัยบนโต๊ะ เขารู้สึกลังเลเล็กน้อย

เผยหรานไม่ชอบไป KTV จริงๆ อย่างที่เขาบอก มันหนวกหู วุ่นวาย และสกปรก กลิ่นของทุกคนผสมปนเปกันจนชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียน โดยเฉพาะกลิ่นบุหรี่ ทั้งห้องคาราโอเกะก็มีที่อยู่แค่นั้น…แค่เขาคิดก็อดหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้แล้ว

ใส่หน้ากากอนามัยบางทีอาจจะดีขึ้น เสียแต่อึดอัดนิดหน่อย

โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายจากหลัวชิงซาน วันนี้หลัวชิงซานกลับไปบ้าน จากนั้นก็ตรงจากบ้านไป KTV เลย ทั้งคู่จึงยังไม่ได้เจอหน้ากันเลยทั้งวัน

“ฉันจองห้องได้แล้ว ที่รักรู้ทางหรือเปล่า ให้ฉันไปรับมั้ย”

“ไม่ต้องหรอก” เผยหรานหยิบหน้ากากขึ้นมาแล้วยัดใส่ไปในตู้ เมื่ออยู่ในบาร์เหล้าใครๆ ก็เที่ยวเล่นกันอย่างเต็มเหนี่ยว ถ้าจู่ๆ มีคนใส่หน้ากากอนามัยเดินเข้าไป เกรงว่าจะทำให้คนอื่นๆ หมดอารมณ์กัน เขากล่าวต่อว่า “ฉันใช้จีพีเอส”

 

“นี่นายก็มาด้วยเหรอ”

เหยียนจุ่นเงยหน้าขึ้น คนที่มานั่งข้างเขาเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ชื่อหลินคัง ตอน ม.ปลาย หลินคังก็อยู่ห้องเดียวกันกับเขา แม้จะไม่ถึงกับสนิทสนมแต่อย่างไรก็นับว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง

หลินคังถอดแจ็กเก็ตตัวบางออกแล้วโยนทิ้งลงโซฟา “ไม่นึกว่าหลัวชิงซานจะเรียกให้นายมาฉลองด้วยได้”

“ว่างอยู่พอดี” เหยียนจุ่นพูด

“พูดอะไรของนายน่ะหลินคัง ฉันกับเหยียนจุ่นเป็นเพื่อนซี้กันเลยนะ เขามาฉลองวันเกิดฉันมีอะไรประหลาดตรงไหน” หลัวชิงซานกำลังถือไมโครโฟน พอได้ยินพวกเขาคุยกันก็พูดผ่านไมค์ทันที “พวกเรายังเคยพาทีมสี่คนกินไก่ด้วยกันอีกต่างหาก”

“ใช้คำพูดระวังหน่อย มีแต่เหยียนจุ่นต่างหากที่พานายกินไก่!” หลินคังเถียงกลับทันทีที่ได้ยิน

“เพ้อเจ้อ”

ทั้งคู่ต่างคนต่างพูดจาฉะใส่กัน เหยียนจุ่นฟังแค่สองประโยคก็ย้ายความสนใจกลับไปที่มือถือ

ซูเนี่ยนเงยหน้าขึ้นจากเครื่องเลือกเพลง เอ่ยแกมหัวเราะ “ใช่ พวกเราสองคนนอนรอกินไก่อย่างเดียว”

หลัวชิงซานพูดว่า “มีแต่นายนั่นแหละนอน ฉันเปล่าซะหน่อย”

“พอเหอะ…” หลินคังถามขึ้น “นายบอกว่าเล่นทีมสี่คนไม่ใช่เหรอ มีพวกนายสามคนแล้วอีกคนคือใคร”

หลัวชิงซานหัวเราะ “จะใครล่ะ ก็เมียฉันไง”

หลินคังถาม “เผยหรานก็เล่นพับจีกับเขาด้วยเหรอ”

“เล่นไม่กี่ครั้ง แค่มาเล่นเป็นเพื่อนฉันโดยเฉพาะ ผัวร้องสามีก็สนอง** เก็ตมั้ย”

เหยียนจุ่นชะงักไป มือหยิบไพ่ดีแต่ดันไปแตะโดน ‘ไม่ชิงเจ้าของที่ดิน’*

เขาเลยกดออกจากเกมทันที

หลัวชิงซานจองห้องคาราโอเกะห้องใหญ่ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่นั่งก็เต็มหมดแล้ว

หลัวชิงซานเป็นเด็กบ้านรวยที่ถือว่าโด่งดังในมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง บนโต๊ะมีเหล้าเกรดดีๆ วางอยู่เต็มไปหมด

“หลัวชิงซานใจป้ำจริง” หลินคังนั่งข้างเหยียนจุ่น เขาล้วงซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าก่อนจะส่งบุหรี่มวนหนึ่งให้เหยียนจุ่น “เอาป้ะ”

เหยียนจุ่นเอ่ย “ไม่สูบ ขอบใจ”

หลินคังอึ้งเล็กน้อย หมุนบุหรี่ไปมาบนนิ้วก่อนนำเข้าปากตัวเอง “ทำไมอะ เลิกแล้ว?”

“เปล่า” เหยียนจุ่นเอ่ยเสียงเรียบ “วันนี้ไม่สูบ”

หลินคังคาบบุหรี่เดินไปหน้าเครื่องเลือกเพลง เตะขาหลัวชิงซานเป็นเชิงบอกให้เขาหลีกทาง “ไม่เลือกเพลงก็ออกไป ฉันจะเลือก คนแบบไหนมายึดเครื่องเลือกเพลงไว้คนเดียวแล้วเล่นทายนิ้ว** กับคนอื่น”

หลัวชิงซานหัวเราะแล้วด่าไปหนึ่งประโยค “ช่วยดีกับเจ้าของวันเกิดหน่อยได้มั้ย มาๆๆ มานั่งดิ”

หลินคังนั่งลงเสร็จก็ถาม “เมียนายอยู่ไหนล่ะ ทำไมไม่ไปรับเขา”

“ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกันต้องไปรับด้วยเหรอ” ซูเนี่ยนเอ่ยแกมหัวเราะแทรก “พี่เผยหรานคงไม่หลงทางหรอกใช่มั้ย”

“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” หลัวชิงซานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ฉันบอกว่าจะไปรับเขาก็ไม่ยอม ฉันแชตไปถามแป๊บ…”

ประตูห้องคาราโอเกะถูกเปิดออก หลัวชิงซานเห็นหน้าผู้มาใหม่ชัดๆ ก็โยนกระบอกลูกเต๋าทิ้ง รีบก้าวฉับๆ เข้าไปหาทันที

เผยหรานแต่งตัวไม่ต่างจากตอนปกติ กางเกงยีนสีเข้มขับให้ขาของเขาเรียวยาว หลัวชิงซานโอบเอวเขาแล้วจุ๊บมุมปากเขาหนึ่งที “ทำไมช้าจังล่ะ ฉันจะออกไปรับอยู่แล้วเนี่ย”

ปากของหลัวชิงซานมีกลิ่นบุหรี่ เผยหรานอยากหลบ แต่เมื่อคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของหลัวชิงซานก็ฝืนอดกลั้นเอาไว้

เขาไม่ชินกับการแสดงความรักต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้ จึงเม้มปากแล้วพูด “ฉันเห็นว่าอยู่ใกล้ๆ เลยเดินมาแทนนั่งรถ”

“ไม่เห็นต้องประหยัดขนาดนี้เลยพี่เผยหราน” ซูเนี่ยนยกรอยยิ้ม “เดินมาเหมือนจะใช้เวลาตั้งสิบกว่านาทีแน่ะ พี่เบิกค่ารถกับพี่ชิงซานได้นะ”

ซูเนี่ยนยังอยากพูดอะไรอีก แต่เผยหรานตวัดสายตามองมาก่อน

ขนตาเผยหรานหนาเป็นแพ รูปตาเรียวยาว ทำให้เขาดูอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ในสายตานี้ปราศจากอารมณ์ใดๆ ทำเอาซูเนี่ยนหุบปากฉับทันทีที่เห็น

กระทั่งเผยหรานหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาแล้วเขาถึงตั้งสติได้

“สุขสันต์วันเกิดนะ” เผยหรานไม่ได้มองซูเนี่ยนที่นั่งอยู่ทางขวาอีก เขายื่นของขวัญให้หลัวชิงซาน “ฉันเห็นว่าโทรศัพท์นายจอแตก เปลี่ยนมาใช้อันนี้เถอะ”

หลัวชิงซานชะงัก รับของขวัญมาจากมือเขาก่อนขยับเข้าไปจูบอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “ที่รักของฉันดีจริงๆ เลย”

“โอ้โห นี่พวกนายรวยขนาดนี้เลยเหรอ” หลินคังที่อยู่ข้างๆ เห็นก็เอ่ยด้วยความฉงนสงสัย “มีแต่คนให้โทรศัพท์ นายจะใช้ทันเหรอหลัวชิงซาน ให้เพื่อนคนนี้ช่วยแบ่งเบาสักเครื่องเอามั้ย”

เผยหรานมองหลัวชิงซานด้วยความงุนงง

“อ่า ใช่ ฉันก็ให้โทรศัพท์เหมือนกัน” ซูเนี่ยนหัวเราะอย่างไม่คิดมาก ภายในห้อง KTV นั้นมีแสงน้อย บางทีก็มีแสงสาดส่องบนหน้าสะท้อนกับนัยน์ตาดำขลับของเขาบ้างเป็นครั้งคราว “รุ่นเดียวกันด้วย ฮ่าๆ บังเอิญจังเลยเนอะ”

เผยหรานยังไม่ทันรู้ตัว สีหน้าของหลัวชิงซานก็เปลี่ยนเล็กน้อย

“เดี๋ยวฉันคืนนายดีกว่าซูเนี่ยน” หลัวชิงซานกล่าว “ฉันใช้อันที่เผยหรานให้ก็พอแล้ว ใช้มือถือทีเดียวสองเครื่องมากไปหน่อย ฉันใช้ไม่ทันหรอก”

ซูเนี่ยนหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา กรอกใส่ปากอึกใหญ่ จากนั้นก็ไหวไหล่ “แล้วแต่”

“ที่รัก ร้องเพลงอะไรดี เดี๋ยวให้หลินคังกดเพลงให้” หลัวชิงซานก้มหน้าถาม

เผยหรานส่ายหน้า “ไม่ร้อง อย่าดื่มเยอะมากล่ะ”

หลัวชิงซานเอ่ย “วางใจได้ ฉันยอมให้นายแบกฉันกลับไม่ลงหรอกนะ”

ทั้งคู่คุยกันได้สองสามประโยคก็ถูกคนข้างๆ ขัดจังหวะ

“หลินคัง เราแลกที่กันเถอะ” ซูเนี่ยนกล่าว “ฉันจะสูบบุหรี่ กลัวพี่เผยหรานทนกลิ่นบุหรี่ไม่ได้”

หลินคังตอบกลับว่า “แป๊บนะ ฉันเลือกเพลงอยู่…”

“แลกกับฉัน”

ซูเนี่ยนหันหน้าไปทันใด เหยียนจุ่นเดินมาอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อีกฝ่ายหลุบตาลงมองตาเขา

ใบหน้าของเหยียนจุ่นทำให้คนใจสั่นได้ง่ายๆ ซูเนี่ยนใจเต้นเร็วขึ้นหลายจังหวะ ไม่นานก็กลับมาสงบเหมือนเดิม

เขาต่างจากหลัวชิงซานที่มาชอบผู้ชายด้วยกันทีหลัง เขาเป็นเกย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อยู่บนถนนเส้นนี้มานานกว่าหลัวชิงซานมาก ย่อมดูสีหน้าแยกสถานการณ์ได้เก่ง ผู้ชายนิสัยอย่างเหยียนจุ่นแค่มองก็พอแล้ว แตะต้องไม่ได้แล้วก็เอื้อมไม่ถึง

กระทั่งซูเนี่ยนไปนั่งที่เดิมของเหยียนจุ่นแล้ว เขาถึงฉุกนึกขึ้นได้อย่างฉับพลันว่า…เหยียนจุ่นก็สูบบุหรี่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ

หลัวชิงซานชอบขยับร่างกาย เขานั่งไม่นิ่ง คุยกับเผยหรานได้สองประโยคก็ไปนั่งจับไมค์แบบย้อนยุคร้องเพลงอยู่ข้างหน้าแล้ว

เผยหรานก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไรให้เล่นเลย เกมเล่นคนเดียวที่ดาวน์โหลดลงโทรศัพท์ไว้เขาก็เล่นผ่านด่านหมดแล้ว เขาก็แค่อยากเลี่ยงการคุยกับคนอื่นเท่านั้น ถึงจะรู้จักทุกคนในห้องคาราโอเกะนี้แต่คนส่วนใหญ่ก็เคยคุยผ่านหลัวชิงซานแค่สองสามคำเท่านั้น ไม่ได้สนิทสนมกัน

กระทั่งเล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดแพ้แล้ว เผยหรานถึงเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ เขาคอแห้งนิดหน่อย อยากจะดื่มน้ำสักแก้วแต่กลับพบว่าบนโต๊ะมีแต่เหล้าอย่างเดียว ไม่มีน้ำผลไม้และยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้ำเปล่า

เผยหรานลังเลครู่หนึ่ง ยื่นมือออกไปหมายจะหยิบแก้วที่มีเหล้าเทอยู่เต็ม ก็ถูกบางคนกระตุกชายเสื้อก่อน

เหยียนจุ่นนั่งข้างๆ ถึงจะไม่พูดอะไรเลยทว่าตัวตนของเขากลับเด่นชัดมาก เผยหรานถึงกับได้กลิ่นบนตัวเขาด้วยซ้ำ เป็นกลิ่นไม้สนสดชื่นจางๆ ไล่กลิ่นเหม็นรอบๆ ออกไปได้เล็กน้อย

เผยหรานเอนพิงไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว หันหน้าไปพลางเอ่ย “อะไรเหรอ”

เหยียนจุ่นยื่นมือหยิบน้ำแร่ขวดหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อด้านล่าง

“…”

“ซื้อมาระหว่างทาง ลืมดื่มเลยยังไม่ได้เปิดขวดเลย” เหยียนจุ่นถาม “ดื่มมั้ย”

แค่น้ำขวดเดียวเผยหรานจึงไม่เกรงใจ เขายื่นมือออกไปรับ “ขอบคุณ”

เหยียนจุ่นบิดฝาเปิดขวดก่อนส่งให้เขา

เผยหรานดื่มไปหนึ่งอึกก็รู้สึกเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาหันหน้าไปหมายจะเอ่ยขอบคุณอีกรอบ แต่กลับพบว่าเหยียนจุ่นกำลังจ้องเขาไม่ขยับไปไหน

พูดให้ถูกต้องคืออีกฝ่ายกำลังมองอวัยวะด้านล่างปลายจมูกของเขาอยู่

เผยหรานกะพริบตาปริบๆ ยกมือขึ้นเช็ดมุมปากของตัวเองโดยไม่รู้ตัว “ทำไม…มีอะไรติดงั้นเหรอ”

เหยียนจุ่นไม่ตอบ เขาเบี่ยงสายตาหลบเงียบๆ แล้วหันไปร่วมเกมทายนิ้วในวงเหล้าข้างๆ

ในใจเผยหรานรู้สึกพิลึกพิลั่นเล็กน้อย ยังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็ถูกใครบางคนโอบรอบคอ

หลัวชิงซานร้องเพลงหนำใจแล้วกลับจึงมาอยู่ข้างๆ เผยหราน และตั้งวงเล่นเกมทายนิ้วสี่คนกับพวกหลินคังด้วย

หลินคังเขย่าลูกเต๋า “กฎเดิมนะ แพ้หนึ่งครั้งดื่มหมดแก้วไม่เลี้ยงปลาทอง* ถึงเป็นเจ้าของวันเกิดก็ไม่มีอภิสิทธิ์อื่น! เผยหรานเล่นด้วยมั้ย”

“ไม่เล่น เขาไม่ดื่มเหล้า” หลัวชิงซานพูดจบถึงนึกขึ้นได้ เขารีบถามว่า “ที่รัก คอแห้งหรือเปล่า ฉันสั่งน้ำผลไม้ให้ดีมั้ย”

“ไม่ต้องหรอก ฉันมีน้ำแร่แล้ว” เผยหรานขยับหลุดจากวงแขนหลัวชิงซานอย่างเงียบๆ อยู่ในท่านี้เขาไม่สบายตัวเลย

หลัวชิงซานเป็นตัวหลักของงานเลี้ยงครั้งนี้จึงมักโดนจ้องเล่นงานในวงเกมทายนิ้วอยู่เสมอ ไม่ว่าเขาจะตะโกนเลขอะไรคนอื่นก็เล่นงานเขาตลอด

“แม่งเอ๊ย ตะโกนได้แค่ครั้งเดียวก็โดนเล่นงานอีกแล้ว หลินคัง นายเป็นบ้าอะไรวะ อยากแลกหมัดกันเหรอ” หลัวชิงซานโมโหจนแค่นหัวเราะ กล่าวพลางยกเหล้าขึ้นดื่ม

หลินคังพูด “ตอนวันเกิดฉันนายทำกับฉันยังไง ตอนนี้ฉันก็จะเอาคืนให้สาสม…”

เผยหรานพิงโซฟา มองหลัวชิงซานดื่มจนหน้าแดงขึ้นทุกทีๆ

กลับมามองที่อีกฝั่ง เหยียนจุ่นแทบจะไม่ได้แตะแก้วเหล้าเลย เขานั่งอ้าขาเปะปะอย่างสบายใจ ข้อศอกเท้ากับหัวเข่า มือที่กุมลูกเต๋าเรียวยาวสะอาดสะอ้าน ทำให้แม้แต่ท่าเขย่าลูกเต๋าของเขาก็ยังดูมีมาดกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า

“ไม่งั้นก็ให้เผยหรานมาช่วยนายเล่นสิ ฝีมือนายมันห่วยเกินไปแล้ว แบบนี้อยู่ไม่จบงานแน่ๆ” หลินคังหัวเราะเยาะเขา

หลัวชิงซานหัวเราะพร้อมด่าเขาไปอีกหลายคำ จู่ๆ โทรศัพท์บนโต๊ะก็สว่างวาบ แจ้งเตือนขึ้นว่าเขาได้รับข้อความใหม่

หลัวชิงซานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก หลังจากอ่านเนื้อหาบนนั้นชัดเจนแล้วรอยยิ้มมุมปากก็แข็งค้าง เบี่ยงหน้าจอโทรศัพท์เข้าหาตัวเองหลายเซนติเมตรอย่างเงียบเชียบ

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาก็วางโทรศัพท์ลงแล้วตอบหลินคัง “ไม่มีใคร…ไม่มีอะไร เล่นต่อเลย”

เขาเล่นต่ออีกหนึ่งรอบ หลัวชิงซานคว่ำกระบอกลูกเต๋าลงบนโต๊ะ

“รอเดี๋ยว ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”

หลินคังเอ่ย “ทำไม กลัวหรือไง คิดจะไปฉี่แล้วชิ่งเหรอ”

“ไสหัวไป ฉันจะไปปล่อยน้ำออก จะแวะไปสั่งน้ำผลไม้กับพนักงานด้วย” เขาใช้เท้าเตะหลินคัง “หลีกทางให้ฉันออกหน่อย”

หลัวชิงซานกระวีกระวาดออกจากห้องไป ส่วนหลินคังแค่นหัวเราะเยาะ “รีบเชียว เดินก้าวใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้อยากไปปล่อยน้ำแน่ๆ มันป๊อด!”

ทันทีที่หลินคังกลับไปนั่งที่ก็ถูกคนตบไหล่อีกครั้ง

เผยหรานพูดว่า “รบกวนขอทางหน่อย ฉันอยากออกไปคุยโทรศัพท์”

 

กลางโถงทางเดินของ KTV เผยหรานก้มหน้าลง ฝีเท้าก้าวเดินอย่างเชื่องช้า

วันนั้นหลังจากส่องโมเมนต์ของซูเนี่ยนเสร็จ เผยหรานก็กลับมาทบทวนตัวเองรอบหนึ่ง

อย่างแรก เขาไม่ควรแคลงใจแฟนหนุ่มของตัวเองด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ อย่างที่สอง เขาไม่ควรเดาสวดเรื่องอะไรไม่ดีเกี่ยวกับซูเนี่ยนเพียงเพราะพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

มีเพื่อนเพศเดียวกันที่สนิทสนมกันเป็นเรื่องที่ปกติมาก ระหว่างผู้หญิงด้วยกันเรียกเพื่อนสาว ระหว่างผู้ชายด้วยกันก็เรียกพี่น้อง เขาไม่สามารถหวงสิทธิ์ในการเลือกคบเพื่อนของหลัวชิงซานเพียงเพราะเขาชอบผู้ชายได้

ยิ่งไปกว่านั้นคนชอบเพศเดียวกันก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ

แต่เมื่อหลัวชิงซานลุกลี้ลุกลนออกจากห้องไป สิ่งแรกที่เผยหรานคิดก็คือเขาออกไปหาซูเนี่ยน และซูเนี่ยนเองก็ออกไปจากห้องคาราโอเกะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

เมื่อเผยหรานตั้งสติได้อีกครั้ง เขาก็เกือบไปถึงหน้าห้องน้ำแล้ว

เขานวดขมับ อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจะหันหลังกลับไป ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มมุมปากก็ถูกแช่แข็งทันที

ห่างออกไปไม่ไกล เขาเห็นหลัวชิงซาน

หลัวชิงซานยืนหลังตรงอยู่ริมโถงทางเดิน แขนสองข้างทิ้งลงข้างลำตัวในอากัปกิริยานิ่งเฉย

และซูเนี่ยนกำลังกอดเขา

มันเป็นกอดระหว่างคนรัก ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดสนิทกัน ซูเนี่ยนซบศีรษะกับบ่าของหลัวชิงซานคล้ายกำลังพูดอะไรอยู่

ผ่านไปสิบกว่าวินาที ซูเนี่ยนเงยหน้าขึ้นจูบคางของหลัวชิงซาน

เผยหรานยืนตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น ยังไม่ทันคิดอะไรออกตรงหน้าก็พลันมืดสนิท

มือใหญ่ๆ ข้างหนึ่งบดบังสายตาของเผยหราน กลิ่นสดชื่นของไม้สนพุ่งเข้าใส่ประสาทสัมผัสของเขาอย่างอุกอาจ

“อย่ามอง สกปรกลูกตา” เป็นเสียงของเหยียนจุ่น

 

** โปรแกรมเกมบูสเตอร์ คือโปรแกรมสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพของเกม

* เกมบ่อปลา เป็นสแลงจีน เปรียบผู้เล่นมือใหม่หรือผู้เล่นที่ยังแรงก์ต่ำเล่นไม่เก่งเป็นปลา โดยที่เกมบ่อปลาเป็นการอุปมาถึงเกมที่มีแต่ผู้เล่นประเภทนี้อยู่เป็นส่วนใหญ่

** LoL เป็นตัวย่อของเกม League of Legends ซึ่งเป็นเกมออนไลน์ประเภท MOBA โดยรูปแบบเกมจะแบ่งออกเป็นสองทีม แต่ละทีมมีฮีโร่ห้าตัว ต่อสู้กันเพื่อทำลายป้อมของฝ่ายตรงข้าม

*** เมืองปิดกั้นตัวเอง หรือ Bootcamp เป็นจุดกระโดดร่มยอดนิยมในแผนที่ SANHOK เนื่องจากบริเวณนี้สามารถเดินทะลุระหว่างตึก ทั้งยังมีตึกเล็กตึกใหญ่ ทำให้ผู้เล่นสามารถหามุมยิงหรือเดินหลบได้ และเป็นจุดที่สามารถหาอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายอีกด้วย

* เกมเตตริส (Tetris) คือเกมพัซเซิลที่ต้องจัดเรียงบล็อกที่หล่นลงมาให้ซ้อนกันเป็นแถว

* KTV คือร้านทีวีคาราโอเกะ

** ผัวร้องสามีก็สนอง มาจากสำนวนสามีร้องภรรยาสนอง สามีว่ายังไงภรรยาก็ทำตาม หรือจะสลับเป็นภรรยาร้องสามีสนองก็ได้

* ในเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดหรือไพ่สลาฟจีนจะมีการเลือกเจ้าของที่ดิน และผู้เล่นแต่ละคนจะมีโอกาสในการชิงเป็นเจ้าของที่ดินได้หนึ่งครั้งต่อเกมเท่านั้น ซึ่งตำแหน่งเจ้าของที่ดินจะได้ลงไพ่เป็นคนแรก

** เล่นทายนิ้ว คือการเล่นเป่ายิงฉุบแบบจีนซึ่งเป็นที่นิยมในวงเหล้า ผู้เล่นชูมือข้างหนึ่งออกไป สามารถชูได้ 1 ถึง 5 นิ้ว และทุกคนจะต้องขานเลขโดยสามารถขานได้ตั้งแต่ 0 ถึงจำนวนนิ้วสูงสุดของทั้งวง หากเลขที่ใครขานออกมาตรงกับจำนวนนิ้วที่ปรากฏในรอบนั้นก็จะถือว่าชนะ บางครั้งจะใช้การทอยลูกเต๋ามาประกอบการเล่นซึ่งวิธีก็จะแตกต่างออกไปได้อีกหลายแบบ

* เลี้ยงปลาทอง เป็นคำสแลง หมายถึงการดื่มไม่หมดแก้ว อุปมาว่าเหลือเหล้าในแก้วจนเลี้ยงปลาทองได้

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 26 มี.. 66

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: