The Spanish Love Deception แผนลวงสู่ห้วงรักแบบฉบับสเปน
ทดลองอ่าน The Spanish Love Deception แผนลวงสู่ห้วงรักแบบฉบับสเปน บทที่ 2
ไอ้ผู้ชายเหงื่อชุ่มในเสื้อเชิ้ตคับๆ ที่ออกแบบมาสำหรับคนมีคลาสที่หมอนี่ไม่มีวันมีได้จะเหยียบย่ำทุกคนให้จมดินทุกครั้งที่มีโอกาส และจะยิ่งหนักข้อขึ้นถ้าคนคนนั้นบังเอิญเป็นผู้หญิง ฉันรู้ดี
“เจอรัลด์” ฉันทำเสียงนุ่มลงและบีบปากการุนแรงขึ้นพลางภาวนาให้มันไม่หักจนทุกคนรู้กันหมดว่าจริงๆ แล้วฉันของขึ้นขนาดไหน “จุดประสงค์ในการประชุมครั้งนี้ก็เพื่อถกปัญหาทำนองนี้กัน ดังนั้นฉันต้องขอโทษด้วยนะ แต่คุณจะต้องทนฟังฉันทำ…”
“ยาหยี” เจอรัลด์ขัดจังหวะฉัน รอยยิ้มเหยียดผุดขึ้นบนใบหน้า “คิดเสียว่ามันเป็นปาร์ตี้สิ ผู้หญิงรู้เรื่องพวกนั้นดีไม่ใช่หรือไง แค่เตรียมกิจกรรมนิดหน่อย ให้อาหารมาส่ง แต่งตัวสวยๆ แล้วก็เล่นมุกขำๆ คุณยังสาวและน่ารัก คุณไม่ต้องใช้สมองขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ คุณจะคุมพวกนั้นได้อยู่หมัดเลยล่ะ” เขาหัวเราะหึๆ “ผมแน่ใจว่าคุณรู้วิธีทำแบบนั้นใช่ไหมล่ะ”
ฉันสำลักคำพูดตัวเอง อากาศที่ควรเข้าออกในปอดของฉันไปค้างอยู่ตรงไหนสักแห่ง
ฉันไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้และรู้สึกได้ว่าขาของฉันเหยียดตรงพาร่างตัวเองลุกยืนขึ้น ฉับพลันเก้าอี้ไถลไปด้านหลังส่งเสียงดังเอี๊ยด ฉันฟาดมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ รู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่ววินาทีหนึ่งและเห็นแต่ภาพสีแดงเถือก ในช่วงเวลานั้นเองที่ฉันเข้าใจแล้วว่าคำกล่าวนั้นมีที่มาอย่างไร ฉันเห็นแต่สีแดงโคตรๆ ราวกับสวมแว่นเลนส์สีแดงเข้ม
ฉันได้ยินเสียงเฮคเตอร์พ่นลมหายใจออกอย่างแรงตรงไหนสักแห่งทางขวามือพลางกระซิบงึมงำ
จากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย เหลือเพียงเสียงหัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก
นั่นไงล่ะ ความจริง เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมฉันถึงถูกเลือกให้ทำงานบ้านี่จากคนอื่นๆ รวมถึงอีกสี่คนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ ฉันเป็นผู้หญิง…ผู้หญิงคนเดียวที่เป็นหัวหน้าทีมในแผนกและฉันก็มี ‘ของ’ ไม่ว่าส่วนเว้าส่วนโค้งของฉันจะเว้าโค้งแค่ไหนก็ตาม ฉันร่าเริงสดใส น่ารัก เป็นเพศหญิง เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวเลือกที่มีเสน่ห์ ฉันโดนจับเอาขึ้นแท่นโชว์ให้บรรดาลูกค้าดูในฐานะเหรียญทองที่พิสูจน์ว่าอินเทคไม่ได้ติดแหง็กอยู่ในอดีต
“ลิน่า” ฉันบังคับให้เสียงหนักแน่นและสุขุม และฉันเกลียดที่มันไม่เป็นไปตามนั้น ฉันเกลียดที่ฉันอยากกลับหลังหันและปล่อยให้ขาพาร่างฉันออกไปจากห้องนี้ “ไม่ใช่ ‘ยาหยี’ ฉันชื่อลิน่า” ฉันนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งอย่างเชื่องช้าพลางกระแอมและใช้เวลาควบคุมสติอีกอึดใจหนึ่ง
ฉันเอาอยู่ ฉันต้องเอาให้อยู่
“ครั้งหน้ากรุณาเรียกชื่อฉันด้วยนะคะ เรียกฉันด้วยความเคารพและเป็นมืออาชีพแบบที่คุณเรียกคนอื่นๆ ด้วย” เสียงของฉันดังมาเข้าหูตัวเองในแบบที่ฉันไม่ชอบเลยแม้แต่นิดเดียว มันทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงตัวตนของฉันในเวอร์ชั่นอ่อนแอแบบที่ไม่อยากเป็น แต่อย่างน้อยฉันก็สามารถพูดออกไปได้โดยไม่สติหลุดหรือวิ่งหนีไป “ขอบคุณ”
ฉันรู้สึกได้ว่าดวงตาเริ่มพร่ามัวด้วยโทสะและความคับข้องใจล้วนๆ จึงกะพริบตาสองสามที บังคับให้อารมณ์พวกนั้นและสิ่งอื่นทุกอย่างหายไปจากใบหน้า ภาวนาให้ก้อนที่จุกอยู่ในลำคอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความอับอายเลยสักนิดแม้มันจะเกี่ยวก็ตาม เพราะฉันจะไม่รู้สึกขายหน้าได้อย่างไรในเมื่อสติขาดผึงไปแบบนั้น แม้กระทั่งหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วนั่น ทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องรับมือกับเรื่องงี่เง่าพรรค์นี้ด้วยซ้ำ ฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าต้องทำอย่างไรงั้นหรือ
เจอรัลด์กลอกตา “อย่าคิดมากขนาดนั้นเลย ลิน่า” เขาส่งสายตาดูถูกดูแคลนให้ฉัน “ผมก็แค่พูดขำๆ จริงไหม พวกเรา”
เขามองไปยังเพื่อนร่วมงานของเรา มองหาเสียงสนับสนุนจากพวกเขาไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เจอ
ฉันมองดูเฮคเตอร์หงอยลงบนเก้าอี้จากทางหางตา
“เจอรัลด์…” เขาว่า ฟังดูอ่อนล้าและไร้แรงใจ “ไม่เอาน่า พวก”
ฉันจ้องเจอรัลด์ไม่วางตาและพยายามหยุดหน้าอกไม่ให้กระเพื่อมด้วยความรู้สึกอับจนหนทางที่ก่อตัวขึ้น ฉันไม่ยอมมองคาเบียร์และแอรอน ผู้ชายอีกสองคนที่ยังคงปิดปากเงียบ
พวกเขาอาจคิดว่าตัวเองไม่เข้าข้างฝ่ายไหน แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเลือกข้าง ความเงียบของพวกเขานั่นแหละที่กำลังเลือกให้
“โอ๊ย ไม่เอาน่าอะไรล่ะ” เจอรัลด์เย้ยหยัน “ไม่ใช่ว่าผมพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริงเสียหน่อย แม่สาวน้อยคนนี้ไม่จำเป็นต้องพยายามด้วยซ้ำ…”
และก่อนที่ฉันจะรวบรวมความกล้าเพื่อหยุดเขาเอาไว้ คนสุดท้ายในห้องที่ฉันคาดหวังว่าจะเปิดปากก็ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน
“เราประชุมกันจบแล้ว”
ฉันหันขวับไปทางเขาและเห็นเขามองเจอรัลด์ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่รุนแรงและเย็นสะท้านจนฉันแทบสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิในห้องลดลงไปราวสององศา
ฉันส่ายหน้าแล้วละสายตาจากแอรอน เขาจะพูดอะไรก็ได้ในช่วงเวลาสิบนาทีที่ผ่านมา แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูด ต่อให้เขาจะเงียบไปตลอดฉันก็ไม่สนหรอก
เก้าอี้ของเจอรัลด์ครูดพื้น เว้นที่ให้เขาลุกขึ้นยืน “ใช่ เราประชุมกันจบแล้ว” เขาบอกเสียงราบเรียบพลางรวบรวมข้าวของ “ผมก็ไม่มีเวลากับเรื่องนี้เหมือนกัน อย่างไรเสียเธอก็รู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง”
พอพ่นสวะออกมาเสร็จ เจอรัลด์ก็เดินไปทางประตูและออกจากห้องไป
หัวใจของฉันยังคงเต้นกระหน่ำอยู่ในอก ทุบตุ้บๆ อยู่ในขมับฉัน
คาเบียร์ตามไป เขายืนขึ้นและมองฉันอย่างขอโทษขอโพย “ผมไม่ได้เข้าข้างเขานะ โอเคไหม” สายตาเขาเลื่อนไปทางแอรอนเร็วๆ ก่อนจะเบนกลับมาหาฉันอย่างรวดเร็วพอกัน “ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเจฟฟ์ เขาอยากให้คุณทำงานนี้ อย่าคิดมากเลย ถือเสียว่าเป็นคำชมนะครับ”
ฉันมองเขาออกจากห้องไปโดยไม่เสียเวลาโต้ตอบ
ชายที่เกือบรับฉันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและปฏิบัติกับฉันราวกับเป็นสมาชิกตระกูลดิแอซอีกคนมองมาพร้อมกับส่ายหน้า เขาทำปากเป็นคำว่า ‘เคปันเดโฮ’* ซึ่งดึงรอยยิ้มบางๆ ของฉันให้ผุดขึ้นมาได้ เพราะต่อให้นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะพูดกันในสเปน ฉันก็รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
และเฮคเตอร์ก็พูดถูก เจอรัลด์เป็น ‘ไอ้งั่ง’ ขนานแท้
แล้วก็ยังมีแอรอน ผู้ที่ยังคงไม่สนใจจะมองฉันด้วยซ้ำ นิ้วเรียวยาวของเขากำลังเก็บข้าวของอย่างเป็นระบบระเบียบ และขาที่ยาวยิ่งกว่าก็ผลักเก้าอี้ไปข้างหลังให้เขามีพื้นที่ลุกขึ้นยืนตัวตรง
ระหว่างที่ฉันชำเลืองไปทางเขาและยังคงรู้สึกแย่จากทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่นั้น ฉันก็เห็นสายตาของเขาเลื่อนจากมือตัวเองมาทางฉัน ดวงตาที่ฉันมองออกว่ามันได้สติมากขึ้นและแปรเปลี่ยนกลับไปดูเย่อหยิ่งอีกครั้งจับจ้องฉันอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเมินฉันอย่างรวดเร็วพอกันเหมือนที่เขามักทำ
ฉันมองร่างสูงกำยำของเขาเดินผ่านประตูออกไปยังโถงทางเดิน เสียงโครมครามในอกฉันเร่งจังหวะและสงบลงพร้อมๆ กันอย่างน่าประหลาด
“ไปกันเถอะสาวน้อย” เฮคเตอร์เรียก ตอนนี้เขายืนขึ้นแล้วและกำลังก้มลงมองฉัน “ผมมีชิชาโรน** อยู่ในห้องถุงนึง ซิเมน่าแอบเอาใส่ไว้ในกระเป๋าแล็ปท็อปให้เมื่อวันก่อน แล้วผมก็เก็บไว้ตุน” ว่าแล้วเขาก็ขยิบตา
ฉันลุกขึ้นยืนบ้างพลางหัวเราะเบาๆ ครั้งต่อไปที่เจอกันฉันจะกอดลูกสาวตัวน้อยของเฮคเตอร์แน่นๆ เลย
“คุณต้องเพิ่มเงินค่าขนมรายสัปดาห์ให้แม่สาวน้อยคนนั้นแล้ว” ฉันเดินตามเขาออกไป พยายามอย่างยิ่งที่จะยิ้มตอบ
แม้ฉันจะอดสังเกตไม่ได้ว่าหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว มุมปากของฉันก็สั่นระริก เปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่างที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาของฉัน
* Buenos dias เป็นภาษาสเปน แปลว่าอรุณสวัสดิ์
** เซบิเช (Ceviche) อาหารประเภทยำชนิดหนึ่ง มีรสเปรี้ยว ประกอบด้วยเนื้อปลาหรืออาหารทะเลดิบแช่ในน้ำผลไม้สกุลส้มคลุกเครื่องเทศ มีต้นกำเนิดในแถบลาตินอเมริกา
* Qué pendejo เป็นภาษาสเปน แปลว่าไอ้งั่ง
** ชิชาโรน (Chicharrones) เป็นอาหารชนิดหนึ่ง มีต้นกำเนิดมาจากสเปน เป็นหมูสามชั้นหรือหนังหมูทอด คล้ายแคบหมู
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 ก.พ. 66 เวลา 12.00 น.