X
    Categories: everYทดลองอ่านผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 1-2 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม

ผู้เขียน : 裴笛 (Pei Di)

แปลโดย : qMondae

ผลงานเรื่อง : 超糊的我竟是冥界顶流 [ 娱乐圈 ]

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การบูลลี่

การกล่าวถึงเลือด งู และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 1

 

“มีข่าวร้ายอีกแล้วใช่ไหมครับ”

เนื้อเสียงแจ่มใสของฉยงเหรินเจือความแหบพร่าเล็กน้อย ทำให้คนฟังสบายใจเมื่อได้ยิน

ผู้จัดการหัวกลม ใบหน้าอวบอ้วน ศีรษะล้านเล็กน้อยนั่งผึ่งพุงกลมๆ อยู่หลังโต๊ะทำงาน ถอนหายใจพลางมองพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้า

ปีนี้ฉยงเหรินเพิ่งอายุได้ยี่สิบปี ศีรษะเล็กใบหน้าเล็ก เอวบางขาเรียวยาว ผิวสีแทนสะท้อนแสงดูสุขภาพดี มองแทบไม่เห็นรูขุมขน เนียนละเอียดจนน่าอิจฉา

ขนตาของเขาดกหนายาวเป็นแพ ริมฝีปากอมชมพู มีไฝหนึ่งเม็ดแต้มอยู่ใต้หางตา ตาลอยเล็กน้อย ขับให้ใบหน้าที่งดงามไร้พิษภัยแฝงด้วยความรู้สึกเยือกเย็นอันตรายเบาๆ

เป็นรูปโฉมที่ควรจะล่อใจแฟนคลับที่คลั่งไคล้ความหน้าตาดีมาได้นับไม่ถ้วน

อายุสิบหกก็คว้าแชมป์การแข่งขันสตรีตแดนซ์ระดับโลกมาได้ มีเนื้อเสียงจับใจคนฟัง เทคนิคการร้องยอดเยี่ยม เวลาร้องเต้นพร้อมกันเสียงก็นิ่งมั่นคงประหนึ่งว่าลิปซิงค์

รูปลักษณ์ภายนอกอันโดดเด่นกว่าใคร กอปรกับความสามารถระดับแนวหน้านี้ เป็นสิ่งที่คนในวงการต่างก็ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นดาวจื่อเวย* ร่วงลงมาจากฟ้า

ทว่าเขากลับแป้กอย่างไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน เดบิวต์ได้สามปี สิ่งที่ได้กลับมาก็ยังคงเป็นความนูกู*

จนถึงตอนนี้ยอดแฟนคลับในเวยป๋อ** ก็ยังไม่ถึงหลักหมื่น แต่ยอดไลค์ ยอดรีโพสต์ และคอมเมนต์เวยป๋อแค่โพสต์เดียวกลับไม่ใช่แค่หลักหน่วย นั่นเพราะ 0 ไม่นับเป็นเลขหลักหน่วยไงล่ะ

ผู้จัดการหน้าม่อย “นายเซ็นสัญญาสิบปีกับบริษัท ตอนนี้เพิ่งจะสามปี พวกเขาก็ไม่คิดจะให้นายเป็นศิลปินต่อแล้ว”

เมื่อคิดถึงการตัดสินใจของบริษัท ผู้จัดการก็แทบจะฝืนพูดต่อไม่ไหว

“ตอนนายเป็นเทรนนี นายก็ได้อยู่กลุ่ม A ตลอด ค่าเทรนของกลุ่ม A ก็แพงสุด รวมกันสี่ปีราวๆ ห้าล้านแปดแสนหยวน

ที่บริษัทจะบอกก็คือตราบใดที่นายยินยอมเปลี่ยนจากสัญญาศิลปินเป็นสัญญาฝึกสอน ไปเป็นครูฝึกให้เทรนนี ค่าเทรนของนายก็จะถือว่าเจ๊ากันได้ แต่ถ้านายไม่ยอมเปลี่ยนสถานะของนาย…พวกเขาเรียกร้องมาว่านายจะต้องจ่ายเงินก้อนนี้ภายในสามเดือน”

ฉยงเหรินรู้อยู่แก่ใจดี ข้อเสนอของค่ายเจินเฉิงคัลเจอร์ฟังดูเหมือนจะเป็นมิตร พวกเขายอมยกเงินค่าเทรนห้าล้านแปดแสนหยวนให้เพื่อรั้งตัวเขาไว้เป็นครูฝึกสอน ซ้ำยังพูดให้รู้สึกเหมือนชื่นชมความสามารถของเขามาก

แต่ความจริงแล้วไม่ได้มีเจตนาหวังดีเลยสักนิด

ปีที่แล้วผู้บริหารบริษัทเชิญต้าซือ* มาดูฮวงจุ้ยของบริษัทตามธรรมเนียม และถือโอกาสถามถึงสาเหตุที่ฉยงเหรินไม่ดังด้วย

ต้าซือกล่าวว่าฮวงจุ้ยของฉยงเหรินกับบริษัทขัดแย้งกัน ชะตาชื่อเสียงเด่นดังของเขาถูกโชคลาภของบริษัทกดทับ ซ้ำปาจื้อ*** ของเขายังปะทะกับฟู่จยาเจ๋อซึ่งเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบริษัท ณ ตอนนี้อีก เพราะอย่างนี้เขาถึงเข็นไม่ขึ้นสักที

ตราบใดที่ฉยงเหรินออกจากบริษัท เขาก็จะโด่งดังทะยานสู่ฟ้าทันที

ต้าซือแนะนำให้ผู้บริหารปล่อยปลาหลีฮื้อ* ในมือไป การช่วยเขาให้กลายเป็นมังกรก็นับเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง

ทว่าในใจผู้บริหารกลับมีความคิดที่ว่าหากเขาจะกลายเป็นมังกรก็ต้องเป็นมังกรของบริษัทนี้ หากเป็นมังกรที่บริษัทของตนไม่ได้ งั้นก็ยอมให้เขากลายเป็นปลาตายไปเสียดีกว่า

พวกเขากลัวว่าฉยงเหรินจะรั้นขอยกเลิกสัญญาแล้วไปกระโดดข้ามประตูมังกรข้างนอก ดังนั้นจึงคิดวิธีซ่อนเร้นด้วยความเจ้าเล่ห์นี้ออกมา

เอาการยกค่าฝึกที่แพงหูฉี่มาเป็นเหยื่อล่อ ให้ฉยงเหรินยอมแพ้กับการเป็นศิลปินด้วยตัวเอง ทำแบบนี้ก็ยังสามารถรีดมูลค่าที่เหลือของฉยงเหรินได้อย่างเต็มที่อีกด้วย พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากความสามารถของฉยงเหรินมาฝึกฝนเด็กฝึกมากมายที่โดดเด่นให้กับบริษัท

เพราะก็ฉยงเหรินนี่แหละ ที่เป็นคนจับมือฝึกฟู่จยาเจ๋อทีละท่าๆ จนผู้คนพากันกล่าวชื่นชมทักษะการแสดงบนเวทีของเขา

ห้าล้านแปดแสนหยวนสำหรับฉยงเหรินถือว่าเป็นสินทรัพย์มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในวงการนี้มันก็เป็นแค่ราคาเสนอค่าตัวสำหรับการแสดงเพียงเพลงเดียวของฟู่จยาเจ๋อเท่านั้น

ฉยงเหรินรู้ดีว่าบริษัทวางแผนอะไรไว้ เขารู้สึกขบขันเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าตัวเองแป้กมาสามปีแล้ว พวกนั้นจะยังให้ความสำคัญกับตนถึงขนาดนี้

“ผมเต็มใจสอนเด็กฝึกของค่าย พูดตามตรงหลายๆ ปีที่ผ่านมาผมก็สอนไปไม่น้อย แต่ความฝันของผมคือการแสดงบนเวที ไม่ใช่ครู”

ผู้จัดการถอนหายใจ

ถ้าฉยงเหรินเป็นลูกเศรษฐีก็คงดี ทางเลือกที่ดีที่สุดคือแค่รูดบัตรแล้วเชิดหน้าออกไปจากที่นี่ก็สิ้นเรื่อง แต่ว่าเขาเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง ถึงถูกกลั่นแกล้งรังแกก็ไม่มีแม้แต่คนในครอบครัวที่จะออกหน้าให้เขา

ผู้จัดการอดโมโหกับความอยุติธรรมนี้ไม่ได้ “เขาบอกจะเอางานของกลุ่ม A ให้นาย แต่จริงๆ งานพวกนั้นก็เอาไปประเคนให้ฟู่จยาเจ๋อหมด แล้วทำไมจะต้องมาขูดรีดเงินห้าล้านแปดนี้กับนายอีก

การเต้นของฟู่จยาเจ๋อให้ซอมบี้มาเต้นยังคล่องแคล่วกว่าอีก ครูสอนเต้นในค่ายก็สอนเขาไม่กระเตื้องเลยสักกะคน

ถ้าไม่ใช่เพราะนายมาจับมือปรับท่าให้เขาทีละท่า เขาจะมีวันนี้ได้เหรอ ถึงนายเดบิวต์แล้วไม่ดัง แต่มูลค่าที่นายสร้างให้บริษัทพอคำนวณดูแล้วก็ไม่ใช่แค่ห้าล้านแปดนี่”

ผู้จัดการกัดฟันกรอด “เมื่อเช้าฉันไปไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ** ให้นายแล้ว แล้วก็ตอนบ่ายนัดต้าซือมาคำนวณชะตาชีวิตนายไว้ด้วย พรุ่งนี้เราค่อยไปตระเวนจุดธูปไหว้บูชาทุกวัดทุกศาลเจ้าในเมืองให้หมด ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีเทพองค์ไหนคุ้มครองนายได้เลย”

ตั้งแต่เจอกับความแป้กด้วยเหตุผลที่ไม่วิทยาศาสตร์*** ของฉยงเหริน ผู้จัดการก็หมดศรัทธากับแนวคิดแบบวัตถุนิยม แล้วหันไปนับถือศาสตร์อภิปรัชญา**** แทน

เมื่อเขาใจเย็นลงได้บ้างก็เริ่มครุ่นคิดใคร่ครวญอย่างหนักว่าควรจะช่วยฉยงเหรินหาเงินห้าล้านแปดนี้มาคืนได้ยังไง

ฉยงเหรินไม่มีครอบครัว จึงมีแค่ตัวเขาที่เป็นที่พึ่งพาให้อีกฝ่ายได้

 

ซ่งตี้หวังคือผู้ปกครองมหานรกเฮยเสิง ตำหนักที่สาม หนึ่งในทศยมราชแห่งนรกภูมิ

เขาเพิ่งเลิกงาน ยังไม่ทันได้ถอดหมวกกวานกับฉลองพระองค์กุ่นฝู** สองมือก็ประคองเข็มขัดหยกที่เอวแล้วบุกเข้าไปยังตำหนักที่ห้าอันเป็นตำหนักของพญายมราชอย่างมุ่งมั่น คำรามลั่นใส่ท่านพญายม “ท่านเยี่ยนหมัวหลัวเสอ! ท่านนี่เจ้าแผนการนะ!”

พญายมซึ่งกำลังพิจารณาคำร้องขอไปเกิดใหม่ของวิญญาณที่รับโทษครบวาระวิบากผลขยับมือทำงานโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว คล้ายไม่ได้ยินคำพูดของซ่งตี้หวังเลยสักนิด

ซ่งตี้หวังล้วงหนังสือม้วนหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อตรงหน้าอก ชี้พลางกล่าว “ท่านมาดูเนื้อหาของ ‘กฎระเบียบสำหรับศิลปินคนเป็นที่ลงมาจัดแสดงในยมโลกตามข้อบังคับมาตรฐาน’ นี่สิ นี่มันเข้าท่าตรงไหนหรือ”

พญายมก้มหน้าก้มตาทำงาน

ซ่งตี้หวัง “ฉยงเหรินเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ระดับท็อปเลยนะ ซินล่างเวยป๋อเวอร์ชั่นยมโลกของเขามียอดแฟนคลับทะลุพันล้านเชียวนะ”

พญายมก้มหน้าก้มตาทำงาน

ซ่งตี้หวัง “แต่ท่านกลับกำหนดให้จ่ายค่าตัวของศิลปินคนเป็นที่เข้ามาแสดงในยมโลกครั้งแรกได้ไม่เกินหนึ่งแสน แค่หนึ่งแสน ค่ายพวกเขาจะยอมตกลงรับข้อเสนอหรือ”

พญายมก้มหน้าก้มตาทำงาน

ซ่งตี้หวัง “ท่านรู้หรือเปล่าว่าฉยงเหรินสูงส่งแค่ไหนในใจของเรา เขาคือบุตรแท้ๆ ของเรา ปัดเศษขึ้นแล้วก็นับว่าเป็นองค์รัชทายาทแห่งพระยมเลยนะ เราจะเอาเงินให้ลูกชาย ทำไมต้องขออนุญาตจากท่านด้วย”

“หากท่านยังคงไม่ยอมแก้กฎข้อนี้ พรุ่งนี้เราจะ…”

ฉับพลันนั้นพญายมราชก็เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่สูงเป็นภูเขาเลากา เผยดวงตาแดงชาดประดุจทะเลเลือดยามสงบไร้ระลอกคลื่น

“พรุ่งนี้ท่านคิดจะทำอะไรงั้นหรือ”

ซ่งตี้หวังสะดุ้งโหยงจากการถูกสายตานั้นจับจ้อง กลืนคำว่า ‘หยุดงานประท้วง’ กลับลงไปอย่างลำบาก

“พรุ่งนี้เราจะตั้งใจทำงานไม่ให้ท่านผิดหวังในตัวเราแน่นอน”

พญายมราชพยักหน้าเบาๆ

“ดีมาก เราจะเฝ้าดูการทำงานของท่านในวันพรุ่งนี้” เขาพูดด้วยเสียงเนิบช้า และน้ำเสียงก็อ่อนโยนเช่นกัน ทว่ากลับน่ากลัวจนซ่งตี้หวังขยับตัวไม่ได้ “ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม”

ซ่งตี้หวังส่ายหน้าอย่างอ่อนน้อม

ไม่มี ไม่กล้ามี

ซ่งตี้หวังเดินออกจากตำหนักของพญายมราช จ้ำเท้ากุมหัวใจที่เต้นตุ้บๆ กลับเขตแดนของตัวเองไป ให้ตายเถอะ ทำไมนับวันเยี่ยนหมัวหลัวเสอถึงได้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้นะ

เลขาฯ จินรอเขาอยู่ที่บ้าน “ท่านพญายมยอมให้แก้เรื่องมาตรฐานค่าตอบแทนในกฎระเบียบไหมครับ”

ซ่งตี้หวังส่ายหน้า ลมหนาวก่อตัว สายฝนขมปร่าโปรยปรายอยู่ในใจ

สามปีก่อนจู่ๆ แอ็กเคานต์เวยป๋อของฉยงเหรินไอดอลคนเป็นคนนี้ก็ปรากฏอยู่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของยมโลก ชั่วพริบตาฮอตเสิร์ชของเวยป๋อเวอร์ชั่นยมโลกก็ถล่มทลาย ซ้ำยังออกรายการข่าวด่วนประจำวันของนรกซึ่งเทียบได้กับ CCTV news*** ของมนุษยโลกด้วย

แฟนคลับเพิ่มขึ้นมาสิบล้านในเดือนเดียว แล้วเส้นทางสู่ไอดอลตัวท็อปแห่งยมโลกของเขาก็เริ่มขึ้นนับแต่นั้น

เดิมซ่งตี้หวังไม่ได้รู้สึกสนใจเขาสักกะนิด

แต่ซ่งตี้หวังคือยมราชของนรกตำหนักที่สาม ต้องรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยด้านระบบสารสนเทศของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วย เพราะหน้าที่รับผิดชอบที่มี อย่างไรเขาก็ต้องเข้ามาดูเวยป๋อของฉยงเหรินด้วยตัวเองสักครั้ง

‘จิ๊ หน้าตาดีก็จริง แต่ก็ไม่ถึงกับมีแฟนคลับเพิ่มมาถึงสิบล้านในเดือนเดียวได้นี่ ขนาดเรายังมีแฟนคลับแค่สองล้านเอง…อา อิจฉาจริงๆ’

‘ปล่อยเพลงใหม่แล้วหรือ ก็พอฟังได้’

‘อา เราฟังเพลงนั้นอีกสักรอบแล้วกัน’

‘ให้ตายเถอะ ทำไมเราถึงอยากฟังเพลงนั้นอีกแล้วเนี่ย งั้นฟังอีกแค่รอบเดียว แค่รอบเดียว’

‘รอบสุดท้ายแล้ว รอบสุดท้ายแล้วจริงๆ’

มันเป็นค่ำคืนที่เรียบง่ายธรรมดาคืนหนึ่ง หลังจากเขาเล่นเพลงนั้นวนซ้ำไปสองร้อยรอบ ซ่งตี้หวังก็ตัดสินใจไม่ดิ้นรนอีกต่อไป แล้วเผชิญหน้ากับใจจริงของตัวเองโดยตรง

เขาประหนึ่งบิดาผู้คิดถึงลูกชายที่ออกไปเรียนมหา’ลัยต่างเมือง เซฟรูปที่ฉยงเหรินโพสต์เก็บไว้ทุกรูป

ฉยงเหรินกลายเป็นบุคคลที่เขาตั้งค่าการติดตามเป็นพิเศษ และตั้งหมายเหตุไว้ว่า ‘องค์รัชทายาทหนึ่งเดียวของเจ้าตำหนักที่สาม’

บัดนี้ฉยงเหรินก็เหมือนเป็นไอดอลอันดับหนึ่งของยมโลก ยมบาลใต้ความดูแลของซ่งตี้หวังแทบทั้งหมดเป็นแฟนคลับของเขา

เนื่องจากข่าวสารของโลกคนตายและโลกคนเป็นไม่เชื่อมต่อกัน ซ่งตี้หวังจึงไม่ค่อยแน่ใจนักว่าในโลกมนุษย์ฉยงเหรินมีแฟนคลับมากแค่ไหน

แต่ฉยงเหรินสามารถโด่งดังในยมโลกได้ขนาดนี้ ในโลกคนเป็นก็ต้องเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวท็อปแบบที่โพสต์อะไรเรื่อยเปื่อยไร้แก่นสารโพสต์เดียวก็มียอดรีโพสต์ ยอดไลค์ ยอดคอมเมนต์เป็นล้านๆ และเป็นตัวท็อปในหมู่ตัวท็อปด้วยแน่นอน

และเพราะเหตุนี้ค่ายของฉยงเหรินจะยอมรับงานที่ให้ค่าตัวต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ได้ยังไง อย่างนี้จะไม่ทำให้ราคาตลาดผันผวนหรือ

อ่า…บ้านมีสินทรัพย์กองเป็นภูเขา แต่กลับเอาไปเปย์ให้ลูกน้อยของตัวเองไม่ได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานเหลือเกิน แค่อยากให้เงินลูกอยากเจอหน้าลูกทำไมถึงได้ยากลำบากขนาดนี้นะ

ท่านพ่อซ่งตี้หวังน้ำตาตกใน

เมื่อเห็นผู้เป็นนายของตนซึมกะทือ เลขาฯ จินก็เสนอแนะ “พวกเราลองส่งคำเชิญไปก่อนไหมครับ ไม่สำเร็จเราค่อยคิดหาทางอื่นกัน”

ซ่งตี้หวังพยักหน้าอย่างไม่คาดหวัง “เอาสิ นายไปจัดการเลย ค่าตัวก็ให้ตามลิมิตที่ท่านพญายมเขากำหนดไว้ หนึ่งแสนนั่นน่ะ”

 

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นขัดความคิดของผู้จัดการ

หน้าเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ขึ้นแจ้งเตือนอีเมลใหม่ ผู้จัดการกดเปิดเข้าไป กวาดสายตาอ่านเนื้อหาคร่าวๆ แล้วใบหน้าอ้วนๆ ก็ต้องตะลึงค้าง!

“นายถูกเชิญให้ไปออกงานแสดงแล้ว…มีบริษัทที่ชื่อว่าเฮยเสิงอันเดอร์กราวนด์คัลเจอร์จำกัดเชิญนายไปแสดง เสนอค่าตัวหนึ่งแสน!

ฉยงเหรินของเราได้งานแล้ว ตั้งหนึ่งแสนแน่ะ” ผู้จัดการเอ่ยงึมงำอย่างเหม่อลอย “หรือว่าที่ฉันขอเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะไปจะได้ผลแล้ว?”

เขาโคลงศีรษะกลมๆ “นายแป้กจนขนาดค่าสถานที่จัดแสดงยังต้องยอมเข้าเนื้อตัวเอง ใครกันนะที่ยอมจ่ายตั้งหนึ่งแสนเพื่อเชิญนายไปแสดง เฮยเสิงอันเดอร์กราวนด์คัลเจอร์อะไรนี่คงไม่ใช่วิธีเรียกพวกบริษัทผิดกฎหมายแบบคลุมเครือหรอกใช่ไหม”

ฉยงเหรินเห็นเขามีท่าทีเหมือนจิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงก็เข้ามาอ่านอีเมลด้วยตัวเองเสียเลย

เขาอ่านพลางออกเสียง “เราขอเรียนเชิญคุณฉยงเหริน เข้าร่วมทำการแสดงงานประจำปี ณ บริษัทเฮยเสิงอันเดอร์กราวนด์คัลเจอร์จำกัด ด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง รายละเอียด ร้องเพลงและเต้น เพลง ‘ผู้คว้าแสง’ ค่าตอบแทน หนึ่งแสนหยวน หากคุณมีความประสงค์ร่วมงาน โปรดติดต่อมาที่เบอร์ 13444444444 หลังเวลาเที่ยงคืน”

ฉยงเหรินหัวใจกระตุก

เลขสี่เรียงกันมาเป็นขบวนขนาดนี้ นี่ไม่ใช่เบอร์มงคลที่อยู่ในหนังผีโดยเฉพาะจริงๆ เหรอ

อดีตดาวจื่อเวยจากฟากฟ้า และไอดอลชายที่แป้กที่สุดของค่ายเจินเฉิงคัลเจอร์ในตอนนี้มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง

เขากลัวผี

กลัวมากๆ ด้วย

 

* ดาวจื่อเวย เรียกอีกอย่างคือดาวจักรพรรดิ เป็นดาวที่คนจีนใช้ดูดวง ซึ่งเป็นดวงดาวที่สื่อถึงตัวจักรพรรดิ

* นูกู เป็นภาษาเกาหลี แปลว่าใคร ถูกนำมาใช้ในวงการแฟนคลับ โดยใช้เรียกศิลปินที่ไม่มีชื่อเสียงและยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

** เวยป๋อ คือแอพพลิเคชั่นโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยมของจีน มีชื่อเต็มว่าซินล่างเวยป๋อ

* ต้าซือ เป็นคำเรียกอาจารย์หรือยอดฝีมือในศิลปการแขนงต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้เรียกขานภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ และใช้กับนักบวชผู้เป็นที่เคารพนับถือ

*** ปาจื้อ เป็นศาสตร์การคำนวณดวงชะตาแขนงหนึ่งของจีน

* ปลาหลีฮื้อในที่นี้มาจากสำนวน ‘ปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร’ ซึ่งหมายถึงการมีความพยายามแล้วจะประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับปลาหลีหรือปลาคาร์พที่ว่ายทวนน้ำกระโดดข้ามประตูมังกรจนกลายเป็นมังกรได้สำเร็จ

** ไฉ่ซิงเอี๊ยะ คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือไฉเสิน

*** ไม่วิทยาศาสตร์ เป็นศัพท์สแลงทางอินเตอร์เน็ต หมายถึงสิ่งที่ขัดต่อสามัญสำนึกทั่วไป ไม่มีเหตุผลรองรับ มักใช้พูดในเชิงแซะ

**** อภิปรัชญา เป็นศาสตร์จักรวาลวิทยาของจีนและวิทยาศาสตร์โบราณโดยครอบคลุมความเชื่อที่เป็นนามธรรม ซึ่งรวมไว้ 5 ศาสตร์ด้วยกัน คือ ศาสตร์ดูแลสุขภาพ (ครอบคลุมทั้งด้านศิลปะป้องกันตัวและเวทมนตร์คาถา พิธีกรรมต่างๆ) ศาสตร์การแพทย์แผนจีน โหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์ และนรลักษณ์ศาสตร์

** กุ่นฝู คือชุดคลุมของจักรพรรดิ

*** CCTV news คือสำนักข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

บทที่ 2

 

หลังเที่ยงคืน

ผู้จัดการหยิบโทรศัพท์ที่แบตฯ เต็มเปี่ยมออกมาด้วยใจศรัทธา

ตัวเขาสั่นเล็กน้อย แต่นี่เป็นงานแรกที่ฉยงเหรินได้รับเชิญหลังจากเดบิวต์มาได้สามปีเลยนะ เขากลัวว่าหากตนพูดผิดออกไปนิดเดียวก็จะทำงานนี้หลุดมือ

ผู้จัดการกดโทรออกด้วยมือที่สั่นเทิ้มจนแทบถือโทรศัพท์ไม่อยู่ ก่อนจะรีบยัดใส่มือฉยงเหริน

ฉยงเหริน “…”

“สวัสดี คุณคือคุณหยางผู้จัดการของฉยงเหรินใช่หรือเปล่าครับ”

ต่อสายติดแล้ว อีกฝ่ายเป็นเสียงของผู้ชาย น้ำเสียงน่าฟัง เสียแต่ปลายเสียงฟังดูล่องลอยเล็กน้อย ทำให้คนฟังอดรู้สึกระแวงไม่ได้

ฉยงเหรินชำเลืองมองผู้จัดการร่างท้วนที่สั่นงันงก กดเสียงต่ำลง พยายามสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเป็นชายวัยกลางคนที่มีความมั่นใจและสงบนิ่ง “สวัสดีครับ ผมคือผู้จัดการของฉยงเหริน ไม่ทราบว่าจะให้เรียกคุณว่ายังไงดีครับ”

“เรียกผมว่าเลขาฯ จินก็ได้ครับ”

“เป็นชื่อที่ดีครับ แค่ได้ยินก็รู้ว่าคุณต้องหล่อมากแน่ๆ” ฉยงเหรินเอ่ยชมคำสองคำอย่างไม่ใส่ใจนัก “เรายินดีตอบรับคำเชิญจากบริษัทของคุณ ไม่ทราบว่าสัญญานี้…”

อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความไม่แน่ใจ “คุณยินดีรับงานนี้จริงๆ หรือครับ”

ฉยงเหริน “ทำไมต้องไม่รับด้วยล่ะครับ”

เขาอยากรับงานนี้จะตายอยู่แล้ว

อีกฝ่ายเงียบไปอีกครั้ง

ฉยงเหรินเอ่ยลองเชิง “หรือคุณคิดว่าค่าตอบแทนหนึ่งแสนไม่สมเหตุสมผล”

เขาลดให้ได้

จริงๆ นะ

ขอแค่เขาได้แสดงต่อหน้าคนตัวเป็นๆ แล้วก็ไม่ต้องเข้าเนื้อตัวเอง จะให้เขาแสดงฟรีก็ยังได้เลย!

เขากระหายที่จะยืนอยู่บนเวทีเหลือเกิน

“พวกเราก็ไม่อยากเสนอค่าตอบแทนแค่หนึ่งแสนหยวนให้คุณฉยงเหริน แต่ว่า…” เลขาฯ จินจากปลายสายไม่ได้พูดไปมากกว่านี้อีก “เอาเป็นว่าคุณยินดีรับคำเชิญของเราก็เป็นเรื่องดีมากเหลือเกินแล้ว”

ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้ เขายินดีรับงานนี้สุดๆ เลย!

“ทางเราจะวางค่ามัดจำที่เก้าหมื่นหยวน และเราจะจ่ายก้อนสุดท้ายให้หลังจากจบการแสดง ส่งเลขบัญชีและชื่อเต็มของผู้รับเงินมาให้ผมได้เลยครับ”

ฉยงเหริน “ค่ามัดจำเก้าสิบเปอร์เซ็นต์…” นี่ไม่ต่างอะไรกับจ่ายเต็มจำนวนเลยนะ

อีกฝ่ายเข้าใจความหมายของเขาผิดอย่างเห็นได้ชัด

“อันที่จริงแล้วทางเราอยากจ่ายเต็มจำนวนให้กับคุณ แต่นร…บริษัทของเรามีกฎระเบียบอยู่ สัญญาจ้างแสดงจะต้องใช้รูปแบบการวางมัดจำและจ่ายส่วนที่เหลือหลังจบงานเท่านั้น ต้องขออภัยคุณด้วย”

“เข้าใจได้ครับ อ่า ผมหมายถึงว่า…จะจ่ายด้วยวิธีไหนก็ไม่สำคัญหรอกครับ” ฉยงเหรินใจเต้นตึกตัก เรียวนิ้วจิ้มไปมาบนแป้นพิมพ์มือถือ ไม่นานก็พิมพ์เลขบัญชีและชื่อผู้รับในช่องข้อความเสร็จ

เมื่อกดปุ่มส่งข้อความ จู่ๆ เขาก็นึกถึงกลโกงในรายการ Legal Report* ขึ้นมาได้ ตำรวจในรายการพูดย้ำเตือนซ้ำๆ ว่าห้ามบอกข้อมูลบัญชีกับคนอื่นโดยไม่ตรวจสอบเด็ดขาด

ถ้าคนพวกนี้เป็นนักต้มตุ๋นขึ้นมา พวกเขาจะไม่เอาเงินในบัญชีที่ค่ายเปิดให้เขาไปหมดงั้นเหรอ

ฉยงเหรินขบคิด แล้วก็วางใจกลับมาไว้ในทรวงอกได้อย่างเดิม

ในเมื่อบัญชีเขาไม่มีเงินสักหน่อยนี่

“ได้รับข้อความแล้วครับ ทางเราโอนเงินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” เลขาฯ จินกล่าวเสียงผะแผ่ว “วันที่สิบกรกฎาคม เวลาสองทุ่มตรง พวกเราจะส่งรถไปรับพวกคุณที่ตึกบริษัท แล้วพบกันครับ”

เลขาฯ จินวางสาย

ติ๊ง

ติ๊ง

โทรศัพท์ของผู้จัดการได้รับข้อความใหม่สองข้อความ

 

มีเงินโอนจากบัญชีเลขท้าย 0003 (นร*เฮยเสิง) เข้าบัญชีเลขท้าย 2333 วันที่ 08/07 เวลา 00:05 (ค่าแสดง) เป็นเงิน RMB จำนวน 90000.00 หยวน จาก [ธนาคารเทียนตี้]’

‘บัญชีเลขท้าย 2333 ของคุณ วันที่ 08/07 00:05 ธนาคารกงซางได้รับ (ค่าแสดง) 90000.00 หยวน ยอดเงินที่ใช้ได้ 90010.13 หยวน [ธนาคารกงซาง]’

 

วันที่ 10 กรกฎาคม สองทุ่มตรง

ฉยงเหรินแต่งหน้าทำผมและสวมชุดแสดงเสร็จแล้ว เมื่อมายืนอยู่หน้ารถพี่เลี้ยงที่บริษัทเฮยเสิงส่งมารับเขา หัวใจก็เต้นระรัวอย่างควบคุมไม่อยู่

คนขับรถเป็นเด็กหนุ่มท่าทางกระตือรือร้น แต่ดันสวมแว่นกันแดดตอนกลางคืน เห็นแล้วฉยงเหรินก็กังวลเรื่องความปลอดภัยทางการจราจรสุดๆ

ทันทีที่เห็นฉยงเหริน เด็กหนุ่มก็จับมือเขาไม่ยอมปล่อย เอาแต่พูดว่าตนเป็นแฟนตัวยงของฉยงเหริน

แต่กระตือรือร้นก็ส่วนกระตือรือร้น น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มดูเหมือนเลือดปลายเส้นประสาทจะไหลเวียนได้ไม่ดีนัก หน้าร้อนจัดแบบนี้แต่มือกลับเย็นเฉียบ ฉยงเหรินจับมือเขาแล้วอย่างกับกำลังจับก้อนน้ำแข็งอยู่อย่างไรอย่างนั้นแหละ

ฉยงเหรินและผู้จัดการขึ้นไปนั่งบนรถพี่เลี้ยงตามลำดับ ผู้จัดการจอมซุ่มซ่ามสะดุดเล็กน้อย เขารู้สึกแสบร้อนผิวที่มือ ก้มลงมองก็พบว่าที่แท้มีธูปดอกหนึ่งปักอยู่ในรถ แล้วก็ถูกเขาปัดล้มไปแล้ว

ผู้จัดการกระวีกระวาดปักธูปกลับไป แต่ปลายธูปดับสนิทไปแล้ว

รถค่อยๆ เคลื่อนตัว ฉยงเหรินส่งวีแชต* หาผู้จัดการ

 

จนชะมัดเลย ถ้าเจอคุณพ่อเสาทองคำ** ขึ้นมา ผมควรจะทักทายยังไงดีครับ

ไดเอ็ตทรมานมาก รักษามารยาทและฉีกยิ้มเข้าไว้

จนชะมัดเลย จะว่าไปผมมีคำถามหนึ่งที่คิดไม่ตกมาหลายวันแล้ว ผมคุ้นชื่อธนาคารเทียนตี้มาก แต่ผมไม่เคยเห็นธนาคารนี้ที่ไหนมาก่อนเลย

ไดเอ็ตทรมานมาก อาจจะเป็นธนาคารของคุณพ่อเสาทองคำเองก็ได้

ไดเอ็ตทรมานมาก ห้ามเล่นโทรศัพท์บนรถ

ไดเอ็ตทรมานมาก ไม่ดีกับสายตา นายมีเงินทำเลสิกหรือไง

จนชะมัดเลย QAQ ไม่มี

 

ฉยงเหรินเก็บโทรศัพท์ทันที ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าคนขับรถยังสวมแว่นกันแดดอยู่ เขาหันไปมองท้องฟ้ามืดสนิทนอกหน้าต่าง อดคิดจนนึกกังวลไม่ได้ว่ากว่าจะถึงที่หมาย เขาจะยังเหลือขาให้เต้นอยู่หรือเปล่า

“สวมแว่นกันแดดตอนกลางคืนจะไม่กระทบกับการขับรถเหรอครับ” ฉยงเหรินถาม

คนขับรถหนุ่มหัวเราะฮี่ๆ ฉีกยิ้มเห็นฟันขาวใส

“วางใจได้เลยครับ ขับบนเส้นนี้ไม่ต้องใช้ตาด้วยซ้ำ”

ฉยงเหริน “…”

ตอนนี้เขาวางใจไม่ลงจริงๆ แล้วโว้ย!

ไม่นานรถพี่เลี้ยงก็แล่นออกจากตัวเมือง เส้นทางเริ่มคดเคี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงรถจะขับเร็วเหมือนติดปีก แต่ว่ากลับขับได้นิ่มสุดๆ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าความสามารถในการขับขี่ของคนขับอยู่ในทางบวก ฉยงเหรินถึงค่อยๆ โล่งใจ แล้วเสียงสนทนาระหว่างผู้จัดการกับคนขับรถก็เริ่มดังขึ้น

ผู้จัดการพูดว่าเด็กช่วงวัยรุ่นคุมยากมาก

คนขับรถหนุ่มเห็นด้วยสุดๆ “นั่นน่ะสิครับ ลูกสาวผมปีนี้อายุสิบเจ็ด ช่วงวัยต่อต้านนี้เหมือนไม่มีวันจบสิ้นเลย เขาเถียงแข่งกับแม่เก่งมาก”

ฉยงเหรินคิดด้วยสติพร่าเลือน คนขับดูอายุแค่ยี่สิบกว่าเอง จะไปมีลูกอายุสิบเจ็ดปีได้ไง หรือได้เป็นพ่อคนตั้งแต่อายุได้สามขวบ นี่มันปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ชัดๆ!

เขาไม่ทันได้คิดลงลึกไปมากกว่านี้ ไม่นานก็ผล็อยหลับไป

“ถึงแล้ว ลงรถเถอะ”

ฉยงเหรินได้ยินผู้จัดการเรียกก็ลืมตาตื่นด้วยความงัวเงีย อยากจะขยี้ตาเล็กน้อย เมื่อแตะโดนเปลือกตาก็ฉุกนึกขึ้นได้ว่าวันนี้แต่งหน้ามา เขารีบวางมือลงทันที พร้อมบ่นในใจว่า ‘เกือบไปแล้ว’

เขาตามหลังผู้จัดการ ตอนลงก็จับประตูรถเพื่อช่วยพยุงเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกว่าประตูรถทั้งบางทั้งหยาบเหมือนทำจากกระดาษที่ใช้ห่อช่อดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น

ฉยงเหรินรู้สึกแปลกๆ ในใจ แต่ไม่ทันได้สังเกตวัสดุของตัวรถโดยละเอียดก็โดนผู้จัดการลากตัวไปเสียก่อน

“ลงรถแล้วก็อย่ามัวลีลา คนอื่นจะคิดว่านายวางมาด”

ฉยงเหรินหัวเราะ “ผมมีมาดให้วางที่ไหน ศิลปินแป้กขนาดที่ว่าปลายแถวยังเทียบไม่ได้อย่างผมเนี่ย จะเรียกว่าศิลปินไร้แถวก็ยังได้เลย”

ภาพสถาปัตยกรรมแบบโบราณหลายชั้นพร้อมแสงไฟสว่างไสวสะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตาของเขา จัดงานเลี้ยงประจำปีในสถานที่แบบนี้ได้ ดูท่าบริษัทเฮยเสิงคงจะเป็นบริษัททุนหนามากจริงๆ อย่างที่คิดเลย

แต่ในเมื่อมีทุนหนาขนาดนี้ แล้วทำไมถึงต้องเชิญไอดอลโนเนมไร้แถวอย่างเขามาด้วยล่ะ หรือว่าเทียบความคุ้มค่ากับราคาค่าตัวของเขาแล้วนึกถูกใจงั้นเหรอ

คนขับรถหนุ่มช่วยเขาถือของ พร้อมกล่าว “เข้าไปพักก่อนเถอะครับ เที่ยงคืนตรงงานเลี้ยงประจำปีถึงจะเริ่ม”

หัวใจของฉยงเหรินบีบรัดแน่น เริ่มงานเลี้ยงตอนเที่ยงคืนนี่มันเป็นงานเลี้ยงแบบไหนกันเนี่ย

เขาอดนึกถึงประตูรถที่สัมผัสเหมือนกระดาษกงเต๊กไม่ได้ เมื่อลอบมองหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าสัญญาณเครือข่ายเต็มเปี่ยม

เยี่ยม หนังสยองขวัญสอนไว้ว่าโศกนาฏกรรมมักเริ่มจากการที่โทรหาใครไม่ติดนี่แหละ

ในเมื่อมีสัญญาณ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ด้านนอกภัตตาคารแบบจีนมีคนยืนรออยู่เกือบแตะร้อยคน พวกเขาแต่งตัวแตกต่างกันไป ด้วยความรู้ทั่วไปที่ฉยงเหรินมีอย่างตื้นเขิน เมื่อสังเกตดูดีๆ แล้ว อายุเสื้อผ้าอาภรณ์ที่คนเหล่านี้ใส่น่าจะครอบคลุมเกือบทุกยุคประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนแล้ว

มองผ่านๆ ก็ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่พอมองดูดีๆ ก็รู้สึกน่าสะพรึงเช่นกัน

ฉยงเหรินชมเปาะเสียงเบา “บริษัทพวกคุณแต่งตัวได้มีสไตล์เฉพาะตัวดีจังเลยนะครับ”

คนขับรถหนุ่มหัวเราะแห้งๆ

“วัฒนธรรมองค์กรเราค่อนข้างให้อิสระน่ะครับ”

ท่ามกลางกลุ่มคนที่มายืนออกันอยู่นี้ มีคนหนุ่มหน้าตาน่าคบหาคนหนึ่งยืนอยู่กลางวง เขาแต่งตัวอลังการสุดๆ อย่างกับจิ๋นซีฮ่องเต้หลุดมาจากหนังสือประวัติศาสตร์อย่างไรอย่างนั้น

ฉยงเหรินเริ่มเก็ต อีกฝ่ายกำลังคอสเพลย์เป็นฮ่องเต้อยู่นี่เอง

ทันทีที่ฝูงชนเกือบร้อยคนเห็นเขา ดวงตาก็เป็นประกายวิบวับขึ้นมาทันที

ฉยงเหริน “…”

เขาอาจจะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนว่ากลุ่มคนตรงนี้ล้วนเป็นแฟนคลับของเขาทั้งหมด! เขาเคยลอบสังเกตสายตาของแฟนคลับไอดอลคนอื่นๆ มันแทบไม่ต่างกับสายตาที่คนเหล่านี้มองเขาเลยล่ะ

ชายที่คอสเพลย์เป็นฮ่องเต้เดินก้าวฉับๆ ลงมาจากขั้นบันได ยื่นมือออกมาอย่างระริกระรี้ แต่ก็ดึงกลับไปเช็ดเอวก่อนจะยื่นออกมาจับมือกับฉยงเหริน

“เจ้าหนู ในที่สุดป๊ะป๋าก็ได้เจอลูก ป๊ะป๋ารักลูกนะ”

ฉยงเหรินเข้าใจทันที นี่ก็คือป๊ะป๋าแฟน* นับเป็นของแรร์สำหรับแฟนด้อม

เขาไหลตามน้ำด้วยความยินดี “ขอบคุณที่ชอบกันนะครับ”

สายตาที่คนหนุ่มมองเขารักใคร่เอ็นดูทั้งยังจริงใจ “ฉันคือซ่งตี้หวัง เธอจะเรียกฉันว่าพ่อก็ได้นะ”

ฉยงเหริน “…”

เลขาฯ จินขยับเข้าไปกระซิบเตือนซ่งตี้หวัง “ท่านจะพูดไปตรงๆ ว่าท่านคือซ่งตี้หวังไม่ได้ครับ แบบนี้เดี๋ยวก็โป๊ะแตกหรอกว่าท่านเป็นหนึ่งในทศยมราชแห่งนรกภูมิ! แล้วอีกอย่างท่านจะให้เขาเรียกท่านว่าพ่อได้ยังไง เดี๋ยวเขาก็คิดว่าท่านเป็นพวกวิปริตหรอก!”

ซ่งตี้หวังใจฝ่อฟีบ แต่ก็คิดหาคำแก้ตัวไม่ออก ได้แต่จับมือฉยงเหรินมาเขย่าต่อไปอย่างกระตือรือร้น

ฉยงเหรินยิ้มแกนๆ พยายามรักษามารยาทอย่างมุ่งมั่น มือของเขาถูกซ่งตี้หวังจับแน่น เขาจึงได้แต่ใช้เท้าเตะรองเท้าผู้จัดการไปหนหนึ่ง

ผู้จัดการรีบกล่าว “แค่ฟังก็รับรู้ถึงอำนาจแผ่ออกมาจากชื่อคุณซ่งเลยครับ”

ซ่งตี้หวัง “อำนาจหรือ เธอตาแหลมมาก แต่ฉันแซ่อวี๋ต่างหาก”

ชื่อซ่งตี้หวังแต่แซ่อวี๋ นี่มันหมายความว่าไงกันแน่ หรือว่าคุณพ่อเสาทองคำคนนี้จะชื่ออวี๋ซ่งตี้หวัง ชื่อแบบนี้มันออกจะดูมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินไปหรือเปล่า

เลขาฯ จินแค่นเสียงในลำคอพูดเตือนอีกครั้ง “ต้าหวัง* คนเป็นเขาไม่จับมือกันนานขนาดนี้ครับ”

ซ่งตี้หวังคลายมือทันที

ฉยงเหรินลอบบริหารข้อนิ้วที่ถูกบีบจนเจ็บไปหมด พยายามคิดหาคำพูดมาคุยต่อพอเป็นพิธีอย่างมุ่งมั่น

ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งเคยได้เผชิญหน้ากับแฟนคลับตัวเป็นๆ ครั้งแรก ตื่นเต้นจนสมองรวนไปหมด

“คุณซ่ง…คุณอวี๋เป็นคนมีความสามารถมาก รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณชื่นชอบผม” ฉยงเหรินพูดไปเรื่อยๆ น้ำเสียงก็เริ่มลื่นไหลขึ้น “พวกคุณเจาะจงให้ผมแสดงเพลง ‘นักล่าแสง’ โดยเฉพาะ นี่คงเป็นเพลงที่คุณชอบที่สุดในบรรดาเพลงของผมใช่ไหมครับ”

ซ่งตี้หวัง “ไม่ใช่หรอก เพราะเพลงนี้สั้นน่ะ”

ฉยงเหริน “หา?” หรือคุณพ่อเสาทองคำคิดว่าเพลงของผมไม่เพราะงั้นเหรอ สองนาทีห้าสิบเก้าวินาทีเป็นลิมิตที่เขาทนฟังได้หรือไง

เลขาฯ จิน “ข้อกำหนดบริษัทของเราคือค่าตอบแทนสำหรับศิลปินที่เข้ามาทำการแสดงที่บริษัทเราครั้งแรกต้องไม่เกินหนึ่งแสนหยวน พวกเราคิดว่าการแสดงของคุณมีค่าเกินกว่าหนึ่งแสนไปมาก เพื่อลดความเสียหายของคุณ ทางเราจึงเลือกเพลงที่สั้นที่สุดมาครับ”

ฉยงเหริน “!” แต่ผมยินดีร้องให้พวกคุณหลายๆ เพลงเลยนะ จะให้ร้องยาวสามชั่วโมงก็ยังได้!

ซ่งตี้หวัง “จริงๆ พวกเราอยากเสนอให้เธอสิบล้านหยวน แต่ท่านพญา…แค่กๆ ซูเปอร์สตาร์อย่างเธอเต็มใจรับงานแสดงที่ค่าตัวถูกขนาดนี้ ฉันซาบซึ้งเหลือเกินจริงๆ เธอวางใจเถอะ ครั้งหน้าฉันจะเพิ่มค่าตัวให้แน่นอน”

คุณพ่อเสาทองคำไม่เพียงแต่เป็นแฟนคลับของเขา แต่ยังเห็นถึงความสำคัญในมูลค่าทางการตลาดของเขาด้วยซ้ำ แถมยังให้สัญญาว่าครั้งหน้าจะเพิ่มค่าตัวให้เขาอีก!

นี่เทพเซียนองค์ไหนจุติลงมาเป็นแฟนคลับกันนะ!

ฉยงเหรินขอบตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก่อนน้ำตาจะไหลลงมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรแหม่งๆ ตรงไหนสักที่…

หืม?

ซูเปอร์สตาร์?

เขาหมายถึงใครนะ?

ผมเหรอ???

 

ฉยงเหรินเข้าไปในภัตตาคารโออ่าอลังการนี้ท่ามกลางฝูงชนที่ห้อมล้อม

เขาทำเป็นเช็กข้อความวีแชต แล้วสลับมาค้นเว็บเชียนตู้* ว่ามีคนดังคนอื่นที่ชื่อว่าฉยงเหรินเหมือนกันหรือเปล่า แต่ผลลัพธ์การค้นหาบอกเขาว่าอย่าว่าแต่คนดังเลย ชื่อแบบนี้ทั้งประเทศมีอยู่หนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีใครชื่อซ้ำกับชื่อนี้

หรือว่าเขาจะดังโดยไม่รู้ตัว

ฉยงเหรินกดเปิดแอพฯ เวยป๋อในโทรศัพท์ หน้าหลักแอ็กเคานต์ของเขาเขียนไว้ว่าจำนวนแฟนคลับ 9998 คน จำนวนคนเข้าชมต่ำกว่า 1000 จำนวนเอ็นเกจเมนต์ 1

ไม่ใช่แค่ไม่ดัง หนำซ้ำแฟนคลับยังหายไปอีกหนึ่ง

คุณพ่อเสาทองคำพาเขามาส่งถึงห้องรับรองหลังเวที “เจ้าหนู ไม่สิ ฉยงเหริน ฉันไม่รบกวนเวลาพักผ่อนและเวลาซ้อมของเธอแล้ว ต้องการอะไรก็เรียกเลขาฯ จินได้ตลอด ฉันจะรอชมการแสดงของเธอนะ”

 

ฉยงเหรินและผู้จัดการปิดประตู ทั้งคู่ต่างหันมองหน้ากัน

ฉยงเหริน “เขาเรียกผมว่าซูเปอร์สตาร์…”

ผู้จัดการ “เขาอยากให้ค่าตัวนายสิบล้าน…”

ฉยงเหริน “พี่เห็นหรือเปล่า ทั้งคุณอวี๋ทั้งลูกน้องเขามีแต่คนมองผมด้วยแววตากระตือรือร้นสุดๆ พวกเขาทุกคนอย่างกับเป็นแฟนคลับของผมกันหมด”

ผู้จัดการ “เห็นแล้ว”

ฉยงเหริน “นี่ผมยังฝันอยู่บนรถหรือเปล่า…”

ผู้จัดการเริ่มร้องไห้กระซิกๆ “ในที่สุดฉยงเหรินของเราก็มีแฟนคลับแล้ว”

ฉยงเหรินดึงทิชชูออกมายื่นให้ผู้จัดการ

ผู้จัดการซับน้ำตา มองนาฬิกาข้อมือก่อนพูด “ตอนนี้สี่ทุ่มพอดี นายจะซ้อมก่อนหรือจะพักก่อน”

ฉยงเหริน “ซ้อมก่อนครับ การจัดไฟเวทีของเพลง ‘นักล่าแสง’ สำคัญมาก ถ้าไม่นัดกับคนจัดไฟให้ดีผมรู้สึกไม่มั่นใจ”

เขาจะได้แสดงต่อหน้าแฟนคลับตัวเป็นๆ ครั้งแรก ต่อให้เป็นเวทีในงานเลี้ยงประจำปีของบริษัทก็เถอะ สำหรับเขามันนับเป็นโอกาสที่ล้ำค่ามากเกินพอแล้ว

เขาไม่อาจนั่งสงบใจอยู่ในห้องรับรอง ต้องทำอะไรสักอย่างใจถึงจะสงบได้

 

ตัดมาที่เวที ฉยงเหรินสื่อสารกับสตาฟฟ์ของงานเงียบๆ ซ้อมคร่าวๆ ไปหนึ่งรอบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงความฝัน

ฉากหลังของเวทีทั้งหมดเซ็ตโดยอิงจากเนื้อหาของเพลง ‘นักล่าแสง’ การจัดแสงลงตัวอย่างยิ่ง คุณภาพเสียงก็ดีเยี่ยม พลอยทำให้คนเห็นอยากเดาเงินลงทุนในการจัดเวทีครั้งนี้กันอย่างอดไม่ได้

ฉยงเหรินซ้อมครั้งแรกจบก็ต้องตะลึงกับคุณภาพเสียงที่ได้รับ เขาอดไม่ได้จึงถามออกไปว่า “ภัตตาคารของพวกคุณต้องมีเงินเยอะขนาดไหนถึงเซ็ตเวทีระดับนี้ขึ้นมาได้ครับเนี่ย ผมเคยไปแสดงร่วมในงานเลี้ยงกลางคืนหลายงาน อุปกรณ์ของสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ๆ ยังดีได้ไม่เท่าอุปกรณ์ของพวกคุณเลย…”

สตาฟฟ์ “ท่านซ่งตี้หวังจัดซื้อมาเพื่อการแสดงของคุณโดยเฉพาะเลยครับ ในเมื่อเป็นของที่คุณต้องใช้ ทั้งหมดนี้ก็ต้องเป็นของคุณภาพเยี่ยมเท่านั้น”

ฉยงเหริน “…”

เขาหันไปกระซิบถามผู้จัดการ “ผมให้คุณพ่อเสาทองคำมาเป็นป๊ะป๋าของผมได้ไหม”

ผู้จัดการ “ตั้งสติหน่อย หน้าตาเขาดูแก่กว่านายกี่ปีเชียว”

ฉยงเหริน “แต่เขาเป็นป๊ะป๋าแฟนของผมนี่ พ่อแท้ๆ ทิ้งผมไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ป๊ะป๋าของผมจัดซื้ออุปกรณ์เป็นสิบล้านให้ผม ผมว่าป๊ะป๋าเหมือนพ่อแท้ๆ มากกว่าเขาคนนั้นอีก”

ใบหน้าอวบอ้วนของผู้จัดการโกรธเกรี้ยว “ยังไงก็ไม่ได้! คนอื่นจะเข้าใจผิดว่าพวกนายมีความสัมพันธ์ลับอะไรที่พูดไม่ได้”

ฉยงเหรินเสียดาย “ก็ได้ครับ”

เขาหันไปพูดกับสตาฟฟ์ “ลำบากพวกคุณแล้ว ช่วยซ้อมกับผมอีกหลายๆ รอบได้ไหมครับ ผมเพิ่งขึ้นเวทีแสดงผลงานของตัวเองครั้งแรก ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่”

 

00.00.00 นาฬิกา

ฉยงเหรินยืนอยู่ท่ามกลางความมืด รอคอยการเปิดตัวบนเวที นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตการเป็นไอดอลที่ฉยงเหรินได้ยืนอยู่บนเวทีและได้แสดงบทเพลงของตัวเอง

หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบคุยกันจากด้านล่างเวทีอยู่รางๆ

เขาสร้างความคิดเชิงบวกให้ตัวเองเงียบๆ

ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องลน นายคือนูกู นายไม่มีที่ให้ร่วงลงไปแล้ว แต่นายมีพื้นที่อีกมากให้บินสูงขึ้นไป คืนนี้ขอแค่ดึงดูดแฟนคลับตัวเป็นๆ ได้อีกสองคน ยอดแฟนคลับในเวยป๋อก็จะขึ้นเลขห้าหลักแล้ว!

ฉยงเหรินมือเย็นเฉียบ เหงื่อผุดพรายเต็มฝ่ามือ แต่เขาไม่กล้าเช็ดเพราะกลัวว่าการแสดงอาจจะเริ่มได้ทุกเมื่อ

เสียงแจ้งของสตาฟฟ์ดังขึ้นจากอินเอียร์มอนิเตอร์ “เตรียมพร้อม”

เขาตัวสั่น สูดหายใจเข้าลึก

“ห้า”

“สี่”

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

แสงไฟสว่างขึ้น สาดส่องให้เจิดจ้าไปทั่วทั้งเวที

 

* Legal Report รายการด้านกฎหมายของ CCTV เน้นเล่าถึงคดีความต่างๆ และให้ความรู้และแนวคิดทางด้านกฎหมาย

* วีแชต คือแอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียสำหรับส่งข้อความที่นิยมมากในประเทศจีน ฟังก์ชันใกล้เคียงกับไลน์

** คุณพ่อเสาทองคำ คือคำที่คนจีนมักใช้เรียกเจ้าของบริษัทหรือผู้มีเงินและคอยออกทุนสนับสนุนให้ศิลปิน

* ป๊ะป๋าแฟน หมายถึงแฟนคลับที่รักศิลปินเหมือนลูกและสถาปนาตัวเองเป็นพ่อของศิลปิน

* ต้าหวัง เป็นคำที่ใช้เรียกกษัตริย์หรือผู้มีความเป็นเลิศด้านใดด้านหนึ่ง

* เชียนตู้ เป็นการผันจากไป่ตู้ เสิร์ชเอ็นจิ้นยอดนิยมของคนจีน โดย ‘ไป่’ คือหนึ่งร้อย ‘เชียน’ คือหนึ่งพัน

 

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: