X
    Categories: everYทดลองอ่านผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 

ผู้เขียน : 裴笛 (Pei Di)

แปลโดย : qMondae

ผลงานเรื่อง : 超糊的我竟是冥界顶流 [ 娱乐圈 ]

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การบูลลี่

การกล่าวถึงเลือด งู และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 9

 

“เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะองค์นี้โคตรคุ้มค่าบูชา!” ผู้จัดการพร่ำพูดด้วยความตื่นเต้น

“ตอนนั้นฉันคิดว่างมงายก็งมงายสิวะ กะอีแค่จุดธูปก้มหัวคำนับไม่ทำให้ตายหรอก เสียก็แต่สั่งเทวรูปบนเน็ต พอของส่งมาถึงเทปก็กระจัดกระจายไปหมด ฉันล่ะโคตรโมโห อยากจะส่งคืนให้รู้แล้วรู้รอด

แต่พอเปิดดูเท่านั้นแหละ โว้ว! เทวรูปไฉ่ซิงเอี๊ยะองค์นี้หล่อเป็นบ้า ตาแดงผมแดงฝรั่งสุด ฉันก็เลยส่งคืนไม่ลง แล้วดูสิ โชคดีนะที่ไม่ได้ขอส่งคืนอะ นี่แค่บูชาไปครั้งเดียวเอง ดวงของนายก็พลิกกลับมาดีแล้ว! ศักดิ์สิทธิ์มาก!”

วันนี้เหล่าหยางเล่าเรื่องนี้เป็นรอบที่ห้าแล้ว แต่ฉยงเหรินก็ไม่คิดรำคาญ

ฉยงเหรินเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เขาถูกรับเลี้ยงตอนอายุสิบขวบ พออายุสิบสี่ปีก็ถูกยกเลิกการรับเลี้ยง และจนเขามีอายุมาถึงตอนนี้ คนที่ดูแลเขามากที่สุดก็คือครูใหญ่สถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้ากับหยางเฟิงซึ่งเป็นแฟนของครูใหญ่

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะล้มป่วยหนักกะทันหัน ตอนนี้เหล่าหยางก็คงยังเป็นหนุ่มหล่อวัยกลางคนผมดกดำอยู่

ระหว่างพวกเขาในนามคือเป็นผู้จัดการกับศิลปิน แต่จริงๆ แล้วผูกพันไม่ต่างจากครอบครัวจริงๆ

ฉยงเหรินรอจนเขาพร่ำรำพันเสร็จถึงเอ่ย “ไม่ง่ายกว่าผมจะได้ขึ้นฮอตเสิร์ช ถ้าไม่ตักตวงดึงกระแสของตัวเองตอนนี้ก็เสียเปล่า แต่ผมไม่อยากตักตวงแบบชัดเจนเกินไป เพราะฮอตเสิร์ชอันนี้มันออกจะ…พี่น่าจะเข้าใจ”

เหล่าหยางพยักหน้า

ฮอตเสิร์ชอันนี้มันน่าพิศวงจริงๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเจอกับตัวเองจังๆ ก็คงคิดว่าฮอตเสิร์ชอันนี้เป็นมีเดียเพลย์ที่บริษัทมาร์เก็ตติ้งทำขึ้นมา

ตอนนี้คำวิจารณ์ในแฮชแท็กยังนับว่าสงบปรองดองกันดี

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉยงเหรินหน้าตาดีมากจริงๆ ใครจิ้มเข้าแฮชแท็กฮอตเสิร์ชนี้มาก็สนใจเนื้อหาข่าวพิลึกๆ นี่ได้ไม่เกินสิบวินาที จากนั้นก็เข้าร่วมกองทัพบูชาหน้าตา เลียหน้าจอกันแผล็บๆๆๆ

แทบไม่มีเวลาให้ทันคิดถึงความสมเหตุสมผลของเนื้อหาในฮอตเสิร์ชเลย

แต่ถ้าพวกเขาดึงกระแสฮอตเสิร์ชที่มีเนื้อหางมงายแบบนี้ออกหน้าออกตา ก็เกรงว่าจะถูกคนตราหน้าว่าเขาใช้การตลาดทำให้คนเชื่องมงาย

ทั้งที่เขาขึ้นฮอตเสิร์ชด้วยความสามารถตัวเองแท้ๆ แต่กลับตักตวงกระแสของตัวเองให้หนำใจไม่ได้ คิดแล้วก็เจ็บปวดใจ

“ผมว่าจะอัดคลิปเต้น แล้วอัพลงคืนนี้”

ผู้จัดการ “ถ้านายอัพคืนนี้ ทีมงานเบื้องหลังจะทำทันเหรอ สภาพพวกเราตอนนี้ไม่มีตากล้องกับทีมงานตัดต่อมาช่วยพวกเราทำคลิปหรอกนะ”

ฉยงเหรินขึ้นฮอตเสิร์ชอันดับหนึ่ง ทว่าเจินเฉิงคัลเจอร์กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ถ้าเป็นศิลปินคนอื่น ป่านนี้ก็คงเรียกประชุมกันแล้วว่าจะใช้ประโยชน์จากกระแสตอนนี้ให้มากที่สุดยังไง

ความจริงเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเจินเฉิงคัลเจอร์แล้ว

“ไม่เป็นไร ผมเอามือถืออัดสักคลิปก็ได้แล้ว การเต้นที่ยอดเยี่ยมใช้แค่เทคนิคการถ่ายธรรมดาๆ ก็พอแล้วครับ”

ความมั่นใจของฉยงเหรินเผื่อแผ่มาถึงผู้จัดการ เขาพยักหน้า “ได้!”

ฉยงเหรินกลับบ้านมาเปลี่ยนชุดที่จะใส่ตอนเต้น เมื่อถอดเสื้อแล้วส่องกระจกดู เขาก็ต้องสูดลมหายใจเย็นวาบ

หน้าอกซ้ายเขาแดงเป็นแถบ แล้วยังเป็นแผลถลอกด้วย

เขาครุ่นคิด เป็นไปได้ว่าจะไปเสียดสีกับลายปักบนเสื้อยืดตอนที่อุ้มเพื่อนผู้ป่วยแล้วเปิดประตู

ขนาดเขาถลอกปอกเปิกแล้ว ใบหน้าของเพื่อนผู้ป่วยกลับยังคงขาวผ่อง ไม่มีแม้แต่รอยแดง นี่น่ะเหรอที่เขาว่าคนเราจะใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้ ผิวของเพื่อนผู้ป่วยคนนี้แข็งแรงทนทานต่อการเสียดสีจริงๆ

อิจฉาจริง

 

เวลาสองทุ่ม ฉยงเหรินเตรียมกดโพสต์คลิปเต้น

เขาใช้มือถือหนีบกับขาตั้งถ่ายคลิปนี้ ฉยงเหรินสวมเสื้อฮู้ดและกางเกงวอร์มสีพื้นเข้าชุดง่ายๆ สวมหมวกแก๊ป ดันปีกหมวกลงจนบังครึ่งหน้า โชว์แค่คางเรียวสวยและริมฝีปากแดงก่ำ

เพลงที่ใช้เต้นคือเพลงสากลที่กำลังติดกระแสในช่วงนี้ ชื่อว่า ‘Waste Myself’

เพลงต้นฉบับเปิดอินโทรมาด้วยเสียงกีตาร์ง่ายๆ ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มจังหวะกลองและเปียโน ควบคู่ไปกับการร้องที่นุ่มนวลละเอียดลออของนักร้องที่ถ่ายทอดความรู้สึกอันเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้งออกมา

ฉยงเหรินใช้เวอร์ชั่นรีมิกซ์ของเพลงนี้มาเต้น ทำนองของเพลงสบายๆ จังหวะดนตรีไม่ซับซ้อน

และท่าที่เขาออกแบบสำหรับเพลงนี้ก็ต้องรักษาสไตล์เพลงไว้ด้วย ไลน์สวยท่าชัด ดูเหมือนไม่มีท่าที่ยากเป็นพิเศษ แต่เก็บรายละเอียดทุกเม็ดและสลับสับเปลี่ยนท่าได้ว่องไวมาก

ท่อนดนตรีที่ไม่มีคนร้องเป็นแนวอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอนาคตสุดแฟนตาซีหน่อยๆ และเป็นท่อนที่ฉยงเหรินชอบที่สุด เขาจงใจออกแบบท่าที่ความยากไม่สูงมากนัก แต่ก็เป็นท่าเตะขาที่ล้างสมองได้ดีมากๆ ออกมาท่อนหนึ่ง

สรุปคือมันเป็นท่าที่ทำให้คนเห็นก็ต้องรู้สึกสนุกสนาน อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เพิ่งโพสต์คลิปออกไปได้ไม่นาน ช่องคอมเมนต์ก็ถูกเสียงกรีดร้อง ‘กรี๊ดดดดด’ เข้าครอบครอง มาถึงก็เรียกผัวเรียกเมียพี่ชายน้องสาวกันเละเทะวุ่นวายไปหมด

 

[ตอนแรกแค่เข้ามาหวีดหน้าตา ไม่นึกว่าจะเต้นได้ดีขนาดนี้! ฉันกรี๊ดเลย!]

[การคอนโทรลร่างกายแบบนี้ใครเห็นแล้วไม่พูดว่าสุดยอดบ้าง เพลงนี้เต้นยากสุดๆ โดยเฉพาะท่อน ดนตรีนั่นน่ะ ท่าเต้นเขาดูแปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ดูดีในแบบแปลกๆ แล้วยังโคตรจะล้างสมองเลย ถ้าฉันไปเต้นบ้างก็คงเหมือนหมีควายหักข้าวโพด]

[เมนต์บนรู้ความคิดฉันอย่างกับมาติดกล้องไว้ในบ้าน ไปเอากล้องออกเลย เข้าใจไหม ฉันนึกว่าในที่สุดก็มีท่าเต้นที่ฉันเต้นตามได้แล้ว แต่พอเต้นจริงๆ ตามไม่ทันเลยสักจังหวะ ที่แท้ฉันเองที่ไม่เหมาะกับมัน (แมวเหมียวน้ำตาไหล.jpg)]

 

#ฉยงเหริน ปังมาก# แฮชแท็กนี้พุ่งขึ้นฮอตเสิร์ชทันที ถึงไม่ได้มาแรงอย่างแฮชแท็กคราวก่อน แต่แป๊บเดียวก็ขึ้นไปถึงอันดับยี่สิบกว่าๆ แล้ว

เขาไม่ได้เฝ้าติดตามฮอตเสิร์ชของตัวเองอีก ‘โปเยโปโลเย’ กำลังรอให้เขาไปท้าทายอยู่ เขาไม่ใช่ไอดอลที่พอมีแฟนคลับในโลกมนุษย์แล้วจะลืมแฟนคลับในโลกหลังความตายหรอกนะ

ฉยงเหรินพลันรู้สึกเหมือนตัวเองเต็มไปด้วยความยึดมั่นแบบ ‘เจ้ายศเจ้าอย่างไม่ควรลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ’ แล้วก็กดไลค์ให้ตัวเองในใจอย่างอดไม่ได้

 

“Waste waste, waste myself on you”

เมิ่งเซินมองผู้เป็นนายตัวเองร้องไปเต้นไป บิดเอวบางๆ เต้นแร้งเต้นกา หน้าตาดีหุ่นก็ดี เสียแต่ท่าเต้นนี่…

เมิ่งเซินทนมองตรงๆ ไม่ไหว “เราจับคนขายแผ่นเถื่อนได้แล้วครับ”

เทพหลักเมืองแห่งเมืองหลงเฉิงเพิ่งนั่งตำแหน่งได้ไม่นาน เธอดูเหมือนอายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ใบหน้าสะสวย แต่งตัวทันสมัย แทบไม่ต่างอะไรจากคนเป็น

เทพหลักเมืองหยุดสเต็ปเท้า “ลำบากเธอแล้ว เดี๋ยวคนของท่านผิงเติ่งหวังจะมารับช่วงต่อเอง ปู่เธอจัดงานครบอายุปี** แต่เธอก็ถูกฉันเรียกมาทำโอที เขาไม่โกรธเธอใช่ไหม”

“ไม่มีทางหรอกครับ” ต่อให้โกรธจริงๆ เขาก็ไม่กล้ายอมรับหรอก “เมื่อก่อนท่านปู่ก็เคยเป็นยมทูตคนเป็น ท่านเข้าใจ งานสำคัญที่สุดนี่ครับ”

“ปู่เธอคือบุคลากรเก่าแก่ของศาลหลักเมืองหลงเฉิง เข้าใจอะไรได้ง่ายดีจริงๆ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะวาดรูปเหมือนของฉันให้รูปหนึ่ง เธอเอากลับไปให้ปู่เธอสิ ฉันยังประจำอยู่ที่หลงเฉิงอีกสามร้อยปี เรื่องอื่นฉันอาจช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังพอคุ้มครองเธอจากความอัปมงคลข้างนอกได้”

เมิ่งเซินได้รับสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปลื้มปริ่ม คิดในใจว่านายเหนือหัวของตนช่างใจกว้าง คุ้มค่าโอทีแล้ว

“เสี่ยวเมิ่ง ฉันอยากเอาท่าเต้นของฉยงเหรินมาปรับเป็นท่าออกกำลังกายระหว่างพักเบรก ทำงานในยมโลกไม่ง่ายเลย ทุกคนจำเป็นต้องพักผ่อนอย่างเหมาะสม เธอช่วยฉันดูทีสิว่าควรปรับยังไงดี”

นายเหนือหัวออกปากสั่ง เมิ่งเซินย่อมปฏิเสธไม่ได้ แต่เขาก็แอบบ่นกระปอดกระแปดอยู่ในใจ กะอีแค่ไอดอลคนหนึ่ง มีดีอะไรให้คนในยมโลกตั้งมากมายตามประจบเอาใจ

ก่อนเมิ่งเซินจะถูกยมโลกเลือกให้เป็นยมทูตคนเป็น เขาก็เคยอยู่ในวัยต่อต้านมาก่อน ทั้งเคยเข้าร่วมทีมเต้น เป็นแร็พเปอร์ใต้ดิน แล้วยังเคยตั้งวงดนตรีด้วย

ว่ากันด้วยความสามารถ ขนาดตัวเขายังเก่งกว่าไอดอลที่ทำงานอยู่หลายคน ตัวเขายังคิดเลยว่าตนเองไม่ดีพอจะเดบิวต์ไปกอบโกยเงินจากแฟนคลับ ไม่รู้ว่าไอดอลพวกนั้นมีหน้ามาอวยตัวเองว่าขยันนักหนาได้ยังไง

เมิ่งเซินวิจารณ์กระปอดกระแปดอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ายิ้มตาหยีรอชมการเต้นของฉยงเหริน

ก็คงเป็นพวกที่แค่จัดระเบียบร่างกายได้พอสมดุลนิดๆ หน่อยๆ ก็มีคนมาตะโกนหวีดฉันจะตายแล้วๆ เหมือนเคยนั่นแหละ

คลิปนี้ถ่ายที่ห้องซ้อม เมื่อท่อนอินโทรเริ่มขึ้น ฉยงเหรินก็วิ่งเข้ามาในกล้องทันเพลงเริ่มพอดิบพอดี

“เห? สเต็ปแบบนี้ ฟีลลิ่งจังหวะร่างกายแบบนี้” คนคนหนึ่งหากเต้นได้ดี ร่างกายก็จะมีจังหวะและสไตล์ของตัวเอง ฉยงเหรินเดินแค่ไม่กี่ก้าว เมิ่งเซินก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา

จนฉยงเหรินเริ่มเต้น เมิ่งเซินก็หลุดสบถอย่างกลั้นไม่อยู่ “เชี่ย…”

เทพหลักเมือง “เสี่ยวเมิ่ง?”

เมิ่งเซินนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดคำหยาบต่อหน้าผู้เป็นนาย “เขาความสามารถสูงมากจนผมตกใจ ผมเลยเผลอ…”

เทพหลักเมืองตาเป็นประกาย “ไม่เป็นไร ชมต่อสิ มตโตะๆ*

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง เมิ่งเซินก็กอดรูปเหมือนของท่านเทพหลักเมืองกลับบ้านไป

หลังจากคิดใคร่ครวญมาแล้ว เขาก็ตั้งใจจะให้รูปวาดนั้นกับเทวรูปพญายมราชองค์หนึ่งเป็นของขวัญอวยพรท่านปู่ด้วย แต่พอกลับถึงบ้าน เขากลับหาเทวรูปพญายมราชที่ตั้งใจบูชาไม่เจอ

เขาเห็นชิงเหิงเดินผ่านหน้าประตูห้องเขาไป ท่าทางลับๆ ล่อๆ จึงตะโกนเรียก “ชิงเหิง นายเห็นรูปสลักพญายมราชของฉันหรือเปล่า อันที่ท่านอู๋ต้าซือแกะสลักตามตัวจริงของท่านพญายมน่ะ”

ชิงเหิงคอหด เอ่ยเสียงงุบงิบในลำคอ “ไม่เห็น”

เมิ่งเซินขมวดคิ้ว ไม่ใช่เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะหล่อทองสักหน่อย จะมาขโมยรูปสลักท่านพญายมราชไปทำไมกัน

พญายมราชต่างจากเทพองค์อื่นๆ ตรงที่แทบไม่มีใครนับถือท่านจริงๆ เลย เพราะถ้าเป็นคุณ คุณจะขอให้เขาคุ้มครองเรื่องอะไรกัน ขอให้ไปยมโลกเร็วๆ หรือว่าจะขอให้ลงนรกเร็วๆ ล่ะ

ก็มีแต่ปู่ของเขาที่เชิดชูความยุติธรรมและเด็ดขาดของท่านสุดๆ เมิ่งเซินถึงตั้งใจไหว้วานปรมาจารย์แกะสลักที่ประจำอยู่ภายใต้บังคับบัญชาท่านหลุนจ้วนหวังให้มาแกะสลักท่านพญายมให้ตนเป็นพิเศษ

ภาพลักษณ์ท่านพญายมที่คนธรรมดารับรู้กับท่านพญายมตัวจริงแตกต่างกันคนละโยชน์ รูปสลักองค์นั้นเขาให้ต้าซือแกะสลักจากตัวจริงเชียวนะ คนธรรมดาที่ไหนจะมองออกว่านั่นคือพญายม…

“กู๊ดส์ที่ฉันต้องการนายซื้อมาหรือยัง ฉันโอนเงินเข้าบัญชีนายแล้ว ที่เหลือนายก็เก็บไว้เป็นค่าขนมแล้วกัน นายเพิ่งทำงาน กลัวว่าจะยังไม่มีเงินเท่าไหร่”

ชิงเหิงลอบกัดฟันกรอด เมิ่งเซินเหยียดหยามเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วยังคิดจะยกเรื่องเงินแค่ไม่กี่ล้านมาดูถูกเขาอีก

เมิ่งเซินพูดต่อ “ฉันดูคลิปเต้นที่ฉยงเหรินโพสต์เมื่อคืนแล้ว เขาเก่งมากจริงๆ ห่างชั้นกับนายเจ็ดล้านกว่าฟู่จยาเจ๋อได้ เอางี้…”

เมิ่งเซินพลันมีความคิดแผลงๆ “เดี๋ยวฉันออกเงินให้ จ้างเขามาสอนนายเต้นเป็นไง”

ชิงเหิงมองเขาอย่างเหลือเชื่อ

เมิ่งเซินไม่ได้รับรู้ถึงคลื่นความคิดวกวนร้อยพันตลบในใจลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลยสักนิด เขายังคงพ่นคำพูดวิเคราะห์การเต้นจนน้ำลายแฉะ แล้วยังถึงกับล้วงมือถือออกมาเปิดคลิปเต้นของฉยงเหรินอีก

เขาเปิดไปพลางอธิบาย

“ท่านี้ดูเหมือนจะง่ายนะ แต่จริงๆ ดีเทลเยอะไปหมด ออกแบบท่าได้ละเอียดมาก อยากจะเต้นให้ดูดีก็ต้องคอนโทรลร่างกายเก่งสุดๆ ตอนเปลี่ยนท่าด้วยความไวแบบนี้ก็ต้องรักษาความแม่นยำเฉียบคมถึงจะออกมาดูดีแบบนี้ได้”

“ท่อนที่เตะขาจะว่าง่ายก็ง่าย แต่จะว่ายากก็เป็นท่าที่ยากที่สุด ท่านี้มีแต่กับดักเต็มไปหมด ทำผิดแค่มิลเดียวก็ขัดตาจนน่าเกลียด ฉันกล้าพูดเลย คนโคฟเวอร์เพลงนี้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จะมาพังตรงท่าเตะขาที่ดูง่ายๆ นี่แหละ”

“จะว่าไป สไตล์การเต้นของเขาเหมือน PP ที่คว้าแชมป์โลกได้ตั้งแต่อายุสิบหกเลย”

เมิ่งเซินพูดแล้วก็ติดลม ล็อกอินเข้าเวยป๋อตัวเองแล้วเขียนวิทยานิพนธ์อวยยศฉยงเหรินอีกสองพันคำ เนื้อหาก็มีแต่เนื้อล้วนๆ ใจความหลักก็คือคนคนนี้เจ๋งโคตรๆ รักเลยๆ

แอ็กเคานต์ของเขาสร้างตอนที่ยังเรียนเต้นอยู่ คนติดตามในวงการนักเต้นเยอะมาก หนึ่งในนั้นมีคนไม่น้อยที่พอดูคลิปของฉยงเหรินที่เขาโพสต์แล้วก็รู้สึกเลื่อมใสกับการเต้นของฉยงเหริน พากันวิเคราะห์เทคนิคพร้อมเยินยออย่างตื่นเต้นไปอีกยกใหญ่

ชิงเหิงกลับมาที่ห้องของตัวเอง โกรธจนน้ำตาร่วงแหมะๆ ไม่หยุด เขาเลียนแบบท่าเตะขาของฉยงเหรินอยู่หน้ากระจกอย่างไม่ยอม

ยังไม่ทันเลียนแบบได้สักท่อน เขาก็ร้องไห้ฟูมฟายให้ตัวเองในกระจกยิ่งกว่าเดิม

 

โถงส่วนกลางของนรกภูมิ ยมราชทั้งสิบตำหนักมารวมตัวกันพักเบรกระหว่างทำงาน

“ยมบาลตำหนักเก้าที่ค้าแผ่นซีดีผิดกฎหมายถูกจับได้แล้ว จากคำบอกกล่าวของโฆษกท่านผิงเติ่งหวัง ท่านตัดสินใจเนรเทศนักโทษไปชดใช้ที่มหานรกหานปิง”

พญายมได้ฟังข่าวในทีวี สายตาก็ย้ายออกจากหน้าเว็บสั่งซื้ออัลบั้มของฉยงเหริน “นึกว่าแผ่นซีดีตกยุคไปแล้วซะอีก”

ซ่งตี้หวังทำขรึมอย่างหาได้ยาก “ยมบาลตนนี้ฉวยโอกาสตอนส่งมอบวิญญาณบาปเข้ามาดาวน์โหลดคลิปการแสดงของฉยงเหรินบนเครือข่ายอินทราเน็ต* ภายในตำหนักสามของเรา มันกลัวว่าหากขายไฟล์โดยตรงจะทำให้มีคนอื่นเอาไฟล์ไปขายต่อแล้วจะขัดผลประโยชน์ของตัวเอง ก็เลยไรต์ลงแผ่นซีดีที่ตั้งค่าให้อ่านไฟล์ได้อย่างเดียวมาขาย ตอนที่จับตัวได้มันก็ขายไปหนึ่งหมื่นแผ่นแล้ว จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีสูงเกินสองล้านเหรียญนรก

ไอ้คนบัดซบ หากินกับการขายแผ่นเถื่อนของลูกชายข้า!” ไอสังหารของซ่งตี้หวังพลุ่งพล่าน “ท่านผิงเติ่งหวัง ท่านจะแช่แข็งมันในมหานรกหานปิงนานแค่ไหน”

ผิงเติ่งหวังเป็นชายแก่เคราขาวอารมณ์ดี เขาลูบคางกล่าว “สามร้อยปี เพิกถอนสิทธิ์เกิดใหม่สามพันปี”

พญายมมองใบหน้าเบลอๆ ของฉยงเหรินในทีวี ก้มหน้าลงกดออเดอร์ในเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของฉยงเหรินต่อ

วันนั้นเขาไม่ควรพูดว่าเพลงของฉยงเหรินแย่ต่อหน้าเจ้าตัวเลยจริงๆ งั้นก็ซื้ออัลบั้มของอีกฝ่ายสักหน่อยเป็นการไถ่โทษแล้วกัน

นักโทษคนนั้นขายแผ่นซีดีเถื่อนสองร้อย แต่อัลบั้มของแท้ออฟฟิเชียลขายแค่แผ่นละห้าสิบแปดหยวน มันสมเหตุสมผลเหรอ ซีดีเถื่อนของนักโทษขายไปแล้วหนึ่งหมื่นแผ่น แต่ยอดขายสูงสุดของอัลบั้มถูกลิขสิทธิ์สูงแค่หลักพันเอง

พญายมคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย ฉยงเหรินควรได้เงินมากกว่านี้

งั้นซื้อสินค้าอย่างอื่นที่เกี่ยวกับฉยงเหรินไปด้วยสักหน่อยก็แล้วกัน น่าเสียดายที่ต่อให้ซื้อทุกอย่างแล้วยอดรวมทั้งหมดก็ไม่ถึงสองล้านอยู่ดี

พญายมมีความเสียดายอยู่เต็มอก ขมวดคิ้วพลางกดจ่ายเงิน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้จัดการที่เข้าไปเบิกอัลบั้มที่คลังเพื่องานแฟนไซน์ ชิงเหิงที่กดเข้าเว็บไซต์ออฟฟิเชียลเพื่อทำภารกิจที่ได้รับจากเมิ่งเซินให้เสร็จ คนทั่วไปที่ต้องซื้อกู๊ดส์ให้ครอบครัวที่เข้าฝันมาขอ รวมทั้งเหล่าแฟนคลับที่อยากซื้อของเกี่ยวกับฉยงเหรินเพราะตกหลุมรักฉยงเหรินพลันพบว่า…

สินค้าที่เกี่ยวกับฉยงเหรินบนเว็บไซต์ของเจินเฉิงคัลเจอร์จู่ๆ ก็โซลด์เอาต์หมดทุกอย่าง อัลบั้ม สโลแกน ปฏิทินตั้งโต๊ะ แท่งไฟออฟฟิเชียล ไม่เหลือเลยสักชิ้นเดียว

ผู้จัดการร้องกรี๊ด “ซวยแล้ว ฉยงเหรินของเราจัดแฟนไซน์ครั้งแรกแต่ไม่มีอัลบั้มเหลือให้ขายแล้ว ซวยแล้ว!!!”

ชิงเหิงมองหน้าเว็บที่สินค้าคงเหลือในสต็อกเป็นศูนย์ก็วิตก ทำไงดี ยมทูตคนเป็นอย่างเมิ่งเซินจะโมโหจนจะลากเขาลงนรกหรือเปล่า

 

** งานครบอายุปี หรืองานเจิ่งโซ่ว เป็นการจัดงานฉลองที่จะเริ่มจัดอย่างยิ่งใหญ่เมื่ออายุ 50 ปี และจะจัดอีกทุกๆ 10 ปี ถือเป็นพิธีต่ออายุอย่างหนึ่ง

* มตโตะ เป็นคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่าอีก เอาอีก

* อินทราเน็ต (Intranet) คือระบบเครือข่ายภายในองค์กร โดยเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เปิดให้ใช้เฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้น

บทที่ 10

 

ในห้องรับแขกอันเล็กแคบมืดสลัว หน้าจอมือถือเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวในห้อง บนหน้าจอเป็นรูปศาลาเหนือสายน้ำ ลมยามราตรีโชยพัดผ้าม่านโปร่งบางของศาลาปลิวไสว สาวน้อยชุดขาวบรรเลงพิณ

เรือนผมปรกใบหน้าสะสวยของเธอ

“ฮึกฮือออ!”

ฉยงเหรินกัดผ้าเช็ดหน้า เอื้อมมือไปคว้ากระต่ายขนปุยที่นั่งอยู่ข้างๆ มาดูเป็นเพื่อน เอาหัวทุยนุ่มฟูของกระต่ายน้อยมาเช็ดน้ำตา

“เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนน่ากลัวมากอะ” ฉยงเหรินกอดกระต่ายน้อยด้วยความกลัว “ได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่าเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเป็นเทพธิดาแสนสวย แต่ฉันไม่เคยมองหน้าเธอชัดๆ ได้เลยสักครั้ง ทำไมเธอถึงไม่ใช่คนนะ QAQ”

กระต่ายขนปุยไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง เพราะอย่างไรมันก็เป็นแค่ตุ๊กตากระต่ายขนฟูตัวหนึ่ง

หนังเล่นมาถึงตอนที่หนิงไฉ่เฉินกำลังเขียนบัญชีอยู่ในศาลเจ้าเก่าในตอนเช้า แต่ไม่รู้ตัวว่าชั้นล่างมีศพแห้งไต่คลานรอสูบเลือดสูบเนื้อเขาอยู่ ในตอนนั้นเองเสียงเรียกเข้าก็ดังลั่น

กระต่ายน้อยตกใจขดตัวกลม มุดหน้าลงไปซุกกับขาหน้า หางกลมปุ๊กลุกสั่นหงึกๆ

ฉยงเหรินอุ้มกระต่ายน้อยขี้กลัวขึ้นมา “ฮัลโหลครับ”

“เกิดปัญหากับอัลบั้มเราแล้ว” น้ำเสียงของผู้จัดการที่อยู่ปลายสายฟังดูเลื่อนลอย

ฉยงเหริน “อัลบั้มที่ขายไม่ออกของผมถูกคนจัดการคลังทำลายทิ้งไปหมดเพราะวางเกะกะพื้นที่มานานแล้ว?”

ผู้จัดการ “…ไม่ใช่อย่างนั้น มีคนซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับนายไปทั้งหมดเลยต่างหาก แล้วพอจ่ายเงินได้สามนาที รถบรรทุกก็มาขนของในคลังไปหมดแล้ว”

ฉยงเหรินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอุทานอย่างตะลึง “แค่ขึ้นฮอตเสิร์ชก็ได้ผลขนาดนี้เลยเหรอ”

ต้องรู้ก่อนว่าสมัยนี้แทบไม่มีคนซื้ออัลบั้มกันแล้ว ต่อให้ซื้อส่วนใหญ่ก็เอาไว้เก็บสะสม ไม่มีใครเอาแผ่นซีดีออกมาฟังจริงๆ เพราะอย่างไรขนาดเครื่องเล่นแผ่นซีดีก็ยังกลายเป็นของโบราณไปแล้ว

ผู้จัดการรู้สึกผิดมาก “ความผิดฉันเอง ต่อให้ผ่านมาสามปีแล้วอัลบั้มนายจะขายออกแค่สี่สิบเก้าแผ่น แต่ฉันก็ควรแจ้งให้ที่คลังล็อกจำนวนไว้ก่อน”

“ไม่ใช่ความผิดพี่หรอกน่า ผมขายไม่ออกขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าจะมีวันที่ขายหมดสต็อกด้วยล่ะครับ” ฉยงเหรินถอนหายใจ “คงมีแต่ต้องติดต่ออีกฝ่ายไป หวังว่าเขาจะคืนให้เราได้สักห้าร้อยแผ่นนะ”

ผู้จัดการ “แล้วถ้าเขาไม่ยอมล่ะ”

ฉยงเหรินไม่ได้ลนลาน “ร้องเพลงในอัลบั้มเลยแล้วกัน ทำงานแฟนไซน์เป็นงานคอนเสิร์ตแทน จัดการได้อยู่แล้วครับ”

ผู้จัดการรู้สึกหมดคำจะพูด อุตส่าห์พลิกดวงขึ้นมาได้ แต่ก็ยังมีหลุมบ่ออุปสรรคประหลาดๆ คอยขวางอยู่ตลอดๆ

“แล้วก็มีอีกเรื่อง”

ฉยงเหรินเดาตามความคิดที่มีอยู่แล้ว “ข่าวร้าย?”

ผู้จัดการกระแอม “ข่าวดี! นายพลิกดวงชะตาขึ้นมาได้แล้วน่า มั่นใจหน่อยสิ! รายการ ‘Let’s go, Buddy’ อยากเชิญนายไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษของตอนแรก ฉันแอบไปถามมาแล้ว ฟู่จยาเจ๋อพาเมิ่งชิงเหิงไป นายอยากไปหรือเปล่า”

ฉยงเหรินตอบแบบไม่คิด “ไม่เอาครับ ต้องเจอหน้าฟู่จยาเจ๋อทุกวันคลื่นไส้จะตาย”

ผู้จัดการ “ค่าตัวตอนละเก้าแสน”

ฉยงเหริน “แต่ได้ออกไปเที่ยวบ้างก็ดีครับ”

เก้าแสน กลิ่นเงินนี่มันหอมจริงๆ

 

ฉยงเหรินจัดเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก้าวขึ้นไปเหยียบบนเครื่องบินสู่เมืองไห่โจว

เวลาถ่ายทำของรายการ ‘Let’s go, Buddy’ ชนกับงานแฟนไซน์ ตอนแรกเขาคิดจะทิ้งโอกาสงานวาไรตี้ครั้งแรก

แต่ท่านซ่งตี้หวังบอกว่าถนนทุกเส้นเชื่อมตรงกับนรก ไม่ว่าฉยงเหรินจะอยู่ที่ไหน พวกเขาก็พาไปส่งที่งานแฟนไซน์ได้ และยังบอกให้เขากอบโกยเงินจากรายการวาไรตี้อย่างสบายใจ

ท่านซ่งตี้หวังพูดจบ ฉยงเหรินก็ได้ยินเสียงร้องโอ๊ยดังลั่นจากปลายสายทันที

ถึงจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าคุณซ่งตี้หวังโดนคุณเลขาฯ จินทุบอีกแล้ว คุณเลขาฯ จินเป็นเลขาฯ ที่เข้มงวดมากจริงๆ

เครื่องบินลงจอดในอีกสองชั่วโมงให้หลัง ทีมงานพาฉยงเหรินไปส่งที่ลานแคมปิ้งกลางป่าบนภูเขากันดารที่ยังไม่เปิดทำการให้คนนอกเข้าพัก ห้องของที่นี่แทบจะทั้งหมดเป็นบ้านไม้เรียงติดกัน นอกจากนี้ยังมีเต็นท์ของทีมงานที่กางเอาไว้วางจอมอนิเตอร์ด้วย

ฉยงเหรินเข้าไปยังบ้านไม้หลังใหญ่มากๆ หลังหนึ่งตามที่สตาฟฟ์คอยนำทาง ด้านในมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว

เฉินรุ่ยเจ๋อ อดีตไอดอลตัวท็อปรุ่นก่อนหน้าซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาเดินสายนักแสดงแล้ว ทักษะการแสดงของเขาไม่เลวเลย อีกทั้งเลือกบทได้เหมาะมาก ไม่เคยมีข่าวลือเสียๆ หายๆ

เฉินรุ่ยเจ๋อผิวค่อนข้างคล้ำ คงเพราะตากแดดตอนถ่ายละครมาไม่น้อย เขายื่นมือให้ฉยงเหริน “สวัสดี ฉันเฉินรุ่ยเจ๋อ ฉันเห็นที่นายโคฟเวอร์เพลง ‘Waste Myself’ แล้ว หล่อมาก ถ้ามีโอกาสช่วยสอนฉันทำท่าเตะขานั่นทีสิ ฉันเต้นแล้วดูแปลกๆ ทุกทีเลย”

ฉยงเหรินจับมือเขา สีหน้าจริงใจนอบน้อม “ผมไปดูเรื่อง ‘Along with wolves’ ของคุณในโรงมาสองรอบเลยครับ แสดงได้ดีมากๆ ฉากตอนบอกลาจ่าฝูง ทั้งแบ็กกราวนด์ที่มีดวงจันทร์สีขาวดวงใหญ่ด้านหลังกับใบหน้าด้านข้างของคุณ อารมณ์สับสนที่ทั้งอยากลาขาดจากฝูงหมาป่าแต่ก็อยากให้ฝูงหมาป่ารั้งตัวเองไว้ คุณแสดงทุกอย่างออกมาทางสายตาเลยครับ ตอนนั้นผมขนลุกซู่เลย”

เฉินรุ่ยเจ๋อตาเป็นประกาย “ตอนแรกตรงฉากนั้นต้อง…”

เขาลากฉยงเหรินมาฟังเขาพูดเล่าเป็นต่อยหอย

เฉินรุ่ยเจ๋อเป็นไกด์ประจำรายการ ‘Let’s go, Buddy’ แขกรับเชิญพิเศษอย่างฉยงเหรินจะมาเป็นผู้ช่วยไกด์ของด่านแรก

ในฐานะที่พวกเขาเป็นไกด์ พวกเขาต้องวางแผนกิจกรรมสามวันในแคมป์นี้ แน่นอนว่ากิจกรรมพวกนี้ล้วนมีสคริปต์ให้อยู่แล้ว

คืนนี้ทั้งคู่จะต้องนอนในแคมป์ ส่วนแขกรับเชิญที่เหลือจะมาถึงในวันพรุ่งนี้

หลังปิดกล้อง เฉินรุ่ยเจ๋อหาวหวอดอย่างเกียจคร้าน “บทเรื่องใหม่ที่ฉันจะแสดงจำเป็นต้องลดน้ำหนัก ฉันเลยไปกินข้าวกับนายไม่ได้ ฉันไม่ได้จะวางท่ากับนายนะ”

เขาบ่นหน้าบูด “ฉันล่ะเอียนอกไก่ ควินัว แล้วก็บร็อกโคลีจริงๆ”

ฉยงเหรินเห็นใจอย่างสุดซึ้ง

การกินข้าวคือความสุขอันดับหนึ่งของชีวิตคนเลยนะ ได้ยินว่าวันนี้ทีมงานมีหม้อไฟชาบูให้กิน ตอนนี้เขาถือตะเกียบรอแทบทนไม่ไหวแล้ว

ตอนบ่ายก็ถ่ายช่วงที่พวกเขาสองคนปรึกษากันเรื่องแผนการเที่ยวสองสามวันต่อ

หลังมื้อเย็น กลิ่นหม้อไฟอวลไปทั่วตัวฉยงเหริน เขาฮัมเพลงเดินกลับบ้านไม้หลังน้อยอย่างสุขใจ หม้อไฟอร่อยจริงๆ!

เขาพูดกับเจ้ากระต่ายปุกปุยที่นั่งอยู่ตรงหัวเตียง “พรุ่งนี้พอตั้งกล้องแล้วเราไปดูกันว่ากล้องมีมุมอับตรงไหนบ้าง ถึงตอนนั้นเธอก็ระวังเวลาขยับตัวด้วยล่ะ”

เจ้าต่ายพยักหน้าอย่างว่าง่าย

ฉยงเหรินกำชับเสร็จก็ดูว่ามีข้อความใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เขาส่งข้อความส่วนตัวไปหาคนที่เหมาสินค้าเขาผ่านแอพพลิเคชั่นของเจินเฉิงคัลเจอร์แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบ

หวังว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่นก่อนงานแฟนไซน์จะเริ่มนะ

 

พักนี้งานในนรกยุ่งเป็นพิเศษ แล้วท่านพญายมก็ยังไปที่โลกมนุษย์อีก ด้วยเหตุนี้งานเอกสารต่างๆ จึงไปกองอยู่ที่ตำหนักพญายมจนถึงเพดาน

พญายมอวตารร่างเป็นเจ็ดร่าง ทำงานลืมวันลืมคืนมาทั้งสัปดาห์ จนในที่สุดปริมาณเอกสารก็หายไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว

เขานวดคอที่อยู่ในท่าเดิมไม่ขยับนานเกินไป กดเปิดมือถือที่ลืมไปนานแสนนาน

แอพฯ เจินเฉิงคัลเจอร์แจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่

 

ฉยงเหริน สวัสดีครับ ผมฉยงเหรินเองครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะคุยกับคุณครับ อีกไม่กี่วันผมจะจัดงานแจกลายเซ็น แต่ว่าอัลบั้มถูกขายหมดไปแล้ว ไม่ทราบว่าทางคุณจะสามารถแบ่งมาให้ผมสักห้าร้อยแผ่นได้ไหมครับ ผมจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่งรวมทั้งชดใช้ค่าเสียหายให้คุณด้วยครับ

ฉยงเหริน ขออภัยอย่างยิ่งที่มารบกวนจริงๆ ครับ เป็นความผิดของทางเราเองที่ไม่ได้ล็อกจำนวนสินค้าเพื่อสต็อกไว้ก่อน หากผมออกอัลบั้มหน้าผมจะแถมให้คุณจำนวนห้าร้อยแผ่นแน่นอนครับ

 

ในดวงตาสีชาดของพญายมเปี่ยมไปด้วยความอักอ่วน การไถ่โทษของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นการสร้างเรื่องยุ่งยากแบบอื่นให้อีกฝ่ายแทน

 

. เธอจัดงานแจกลายเซ็นที่ไหน ฉันจะส่งไปที่นั่นโดยตรง ไม่จำเป็นต้องชดใช้

 

จู่ๆ ข้อความใหม่จากวีแชตก็เด้งขึ้นมา

 

เลขาฯ หนาน พรุ่งนี้ฉยงเหรินจะจัดงานแจกลายเซ็นที่มหานรกเฮยเสิง ฉันขอลางานครึ่งวันได้ไหมคะ

 

ที่แท้ก็จัดงานแจกลายเซ็นที่นรกงั้นหรือ เขาพิมพ์ตอบฉยงเหริน

 

. ฉันรู้สถานที่จัดแล้ว ฉันจะส่งอัลบั้มไปที่ตำหนักสาม ไม่ต้องกังวล

 

ฉยงเหรินลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่สุดจะแสลงหูอันเป็นเอกลักษณ์ของแอพฯ เจินเฉิงคัลเจอร์ คนที่ซื้ออัลบั้มของเขาไปในที่สุดก็ตอบกลับมาแล้ว อ่านคำตอบจากอีกฝ่ายจบ เขาก็กอดกระต่ายน้อยเงียบๆ แล้วโทรไปหาเหล่าหยาง

ฉยงเหริน “คือว่า…จัดการเรื่องอัลบั้มได้แล้วนะ”

เหล่าหยางปลื้มปริ่ม “งั้นก็ดีเลย ต้องไปรับของที่ไหน”

ฉยงเหริน “เอ่อ…ไม่ต้องไปรับครับ เขาบอกว่าเขาจะส่งไปให้ที่ตำหนักสามโดยตรง”

เหล่าหยาง “…แฟนคลับ ‘ตัวเป็นๆ’ ของนายมีกำลังซื้อไม่เบาเลยนะ”

ฉยงเหรินพยักหน้าเห็นด้วยเงียบๆ

หลังเขาวางสายก็ออกไปล้างหน้าแปรงฟันข้างนอก ถึงจะเป็นหน้าร้อน แต่บนภูเขาก็อากาศหนาวมาก เขาจึงไปล้างหน้าที่ก๊อกน้ำนอกบ้านไม้ ไล่ความง่วงที่มีอยู่เต็มหน่วยไปจนหมด

แขกรับเชิญคนอื่นๆ กว่าจะมาถึงก็บ่าย ฉยงเหรินเลยถือโอกาสตอนที่ยังไม่มีอะไรทำยัดบิสกิตง่ายๆ เข้าปากไปสองสามชิ้น แล้วเอากระดาษเงินกระดาษทองปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ เริ่มทำการพับเป็นก้อนเงินก้อนทอง

เขาเรียนรู้ทุกอย่างได้เร็วมาก ดูคลิปสอนพับรอบเดียวก็ทำคล่องมือ นิ้วเรียวร่ายรำไปมาระหว่างแผ่นกระดาษ ไม่นานก็พับก้อนตำลึงทองได้เต็มเตียง

ฉยงเหรินที่จมจ่อมอยู่แต่กับการพับก้อนเงินก้อนทองถูกเจ้ากระต่ายขนปุยเข้ามาคลอเคลียที่เอว เขาจึงหันหน้าไป “?”

กระต่ายน้อยชี้ไปที่ขาเตียง

นิ้วขาวซีดสองนิ้วกำลังแอบจับขอบๆ ก้อนทอง แล้วค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากเตียง กระทั่งก้อนทองร่วงลงจากขอบเตียง มือชั่วร้ายนั่นก็เล็งไปที่ก้อนที่สองต่อทันที

ฉยงเหรินช็อกมาก ไม่นึกว่ากลางป่ากลางเขาแบบนี้จะมีโจรขโมยของตอนกลางวันแสกๆ!

นี่มันก้อนทองที่เขาพับให้แฟนคลับเชียวนะ! ต่อให้เป็นเทพยดาวิเศษวิโสมาจากไหนก็ไม่อนุญาตให้เอาไป

ฉยงเหรินก้าวดุ่มๆ เข้าไปคว้านิ้วซีดๆ สองนิ้วนั่น ฉุดกระชากลากถูออกมา กลายเป็นว่าเขาจับตัวคนคนหนึ่งออกมาจากอากาศ

คนคนนั้นเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้ก็ดิ้นเร่าเอาเป็นเอาตาย อุ้งมือของฉยงเหรินคว้าจับมือที่โบกไปมาของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะบิดเบาๆ เท่านั้นก็จับกุมอีกฝ่ายได้สำเร็จ

“ขโมยของต้องติดคุกนะ ไม่รู้เหรอ ผมจะแจ้งความ”

พอเห็นเต็มตาก็พบว่าหัวขโมยที่ถูกกดลงกับพื้นเป็นชายชราอายุราวหกสิบกว่าปีคนหนึ่ง ผิวซีดเผือด ผมดำ สวมชุดผ้าแพรสีขาวทั้งตัว หลังถูกพลิกตัวจับไว้ได้ก็ร้องโวยวายทันที “ผมยอมรับแล้ว ผมสารภาพ ท่านยมทูตโปรดละเว้นโทษหนักเถิด”

ท่าน…ยมทูต?

ทันใดนั้นเองก็มีคนคนหนึ่งเข้ามาทางหน้าต่าง หน้าต่างนั้นสูงจากพื้นหนึ่งเมตร แต่เขากลับลอยกลางอากาศเดินเข้ามา

คนคนนี้สวมชุดดำทั้งตัว มีโซ่ตรวนคล้องรอบเอว สวมหมวกทรงสูง บนหมวกมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘ร่มเย็นทั่วหล้า’

หน้าตาดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก ทว่าจากสไตล์การแต่งตัวแบบนี้ มีหรือฉยงเหรินจะมองไม่ออก นี่ก็คือยมทูตดำ* ในตำนานยังไงล่ะ

ฉยงเหรินค่อยๆ หันไปมองชายชราที่กำลังร้องขอชีวิตทีละนิด ทีละนิด น้ำตาคลอหน่วยอย่างอดไม่ได้

เขาควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว คนเป็นๆ ที่ไหนจะมาขโมยก้อนกระดาษเงินกระดาษทอง กินก็ไม่ได้อีก

“นายนี่เอง! ฉยงเหริน!”

เมิ่งเซินสุดแสนจะเซอร์ไพรส์ ไม่นึกว่าจะได้เจอฉยงเหรินตอนทำโอทีด้วย

“นายจับเขาได้แล้วด้วยนี่ สุดยอดไปเลยนะเนี่ย! ไม่ได้ล่ามโซ่วิญญาณก็ยังจับคน เอ้ย ผีได้ด้วย”

ฉยงเหรินน้ำตาอุ่นร้อนรื้นปริ่มเบ้าตา ขนอ่อนบนแขนตั้งชัน “ช่วยมาล่ามเขาไว้ก่อนได้ไหมครับ”

เมิ่งเซินเข้ามาล่ามโซ่ชายแก่ฉับๆ ถลึงตาด่าสั่งสอนเขา “คุณบอกว่าอยากมาดูที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย นายท่านของฉันก็ใจเมตตาช่วยให้คุณได้สมใจอยาก แต่คุณกลับกล้าหลบหนี โชคดีที่ฉยงเหรินเป็นคนเจอคุณ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงตกใจตายไปแล้ว”

ฉยงเหริน ตอนนี้ผมก็หวิดจะหัวใจวายตายอยู่แล้วครับ

ชายชราทำหน้าตาน่าสงสาร “นายท่าน ลูกชายผมมันอกตัญญู แค่กระดาษเงินกระดาษทองก็ยังไม่เผามาให้ผม ผมกลัวว่าลงไปแล้วจะไม่มีเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะให้นายท่านทั้งหลาย พอเห็นก้อนทองละลานตาบนเตียงนี่ก็เลยเกิดความคิดน่ารังเกียจขึ้นมา”

เมิ่งเซิน “ตอนนี้ตั้งแต่ล่ามวิญญาณจนถึงขั้นตอนพิจารณาบาปจะถูกอัดเสียงอัดวิดีโอไว้ทั้งหมด คุณคิดจะเอาเงินไปให้ใคร นี่เป็นการติดสินบน คุณจะต้องโทษเพิ่มอีกขั้นรู้หรือเปล่า”

ชายชราเริ่มร้องไห้โฮ “นายท่าน ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ท่านละเว้นผมเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกอกตัญญู ผมก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีเงินติดสินบนแล้วไปรับทัณฑ์ทรมานข้างล่างนั่นหรอกครับ”

เมิ่งเซินกลัวว่าภาพลักษณ์ของยมโลกจะเสียหาย จึงอธิบายกับฉยงเหรินด้วยสีหน้าอันชอบธรรม “เรื่องแบบนั้นมันเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้ของปีมะโว้แล้ว ภายใต้การนำของท่านพญายม ระบอบการปกครองของพวกเราตอนนี้สมบูรณ์แบบ กระบวนการต่างๆ ได้มาตรฐาน เน้นย้ำเรื่องความยุติธรรม แล้วยังมีช่องทางให้วิญญาณได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือด้านการเงินโดยเฉพาะ ถ้ารู้สึกไม่พอใจกับผลการพิจารณาก็ยังสามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาบาปใหม่ได้”

ฉยงเหรินพยักหน้าคอแข็งทื่อ มือยังคงพับก้อนทองด้วยความไวเหมือนติดปีก ถ้าไม่หาอะไรทำเพื่อหันเหความสนใจล่ะก็ เขาต้องเป็นลมแน่นอน

“เอ๋?” เมิ่งเซินโน้มตัวลงไปดูมือของเขาอย่างละเอียด “นายไม่มีพลังนี่ ทำไมถึงจับผีได้ล่ะ”

ฉยงเหรินจิกนิ้ว เหงื่อเย็นผุดพรายบนหน้าผาก อย่าเข้ามาใกล้สิโว้ย!

  

* ยมทูตดำ หรือเฮยอู่ฉาง มีหน้าที่รับดวงวิญญาณคนที่ทำชั่วหรือมีบาปหนาให้ไปชดใช้กรรมในนรก

 

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1

 

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: