X
    Categories: everYทดลองอ่านพ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ

ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 1 บทที่ 11 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 1

ผู้เขียน : เหยียนเหลียงอวี่

แปลโดย : สนสราญ

ผลงานเรื่อง : พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง 

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ การตาย การฆาตกรรม

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทรมาน การบูลลี่

การกล่าวถึงเลือด สภาพศพ และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง

    

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 11

เถ้าแก่ฟั่น

 

ที่เรียกว่ายกระดับมันก็แค่การโหมโรงเท่านั้น สิ่งที่แขกผู้มีเกียรติจะได้รับแท้จริงอยู่ด้านหลัง…

 

‘การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ 1 สินค้าข่าวสารล้วนกระจ่างแจ้ง’

 

“ไอเทมที่เรียกว่า ‘ข้าเห็นเจ้าทะลุปรุโปร่ง’ นี้ อันที่จริงมันเป็นไอเทมสำรวจชนิดหนึ่ง ใช้กับคนที่เข้ามาทำเควส ช่วยให้ล่วงรู้ถึงสติปัญญา กำลังกาย ความสามารถในการโจมตี ความสามารถในการตั้งรับป้องกัน และระดับความอันตรายโดยรวมของอีกฝ่ายได้ในปราดเดียว ข้อเสียของมันคือใช้ได้ประเดี๋ยวประด๋าว แถมยังใช้ได้แค่ครั้งเดียว

‘ลอยล่องสุขสันต์สิบห้านาที’ ใช้ลดแรงกระแทกตอนตกลงมาจากที่สูง ช่วยให้คนสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ ผลลัพธ์ของมันจะคงอยู่ได้ประมาณสิบห้าวินาที ผมรู้ว่ามันสั้นมาก แต่ก็ช่วยไม่ได้ นครใต้พิภพก็เป็นแค่ด่านแรกเท่านั้น ประสิทธิภาพของไอเทมส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระดับต้น

‘ระฆังทองคุ้มกาย’ อันนี้ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก มันเป็นไอเทมป้องกันขั้นพื้นฐาน ผลลัพธ์จะคงอยู่ราวๆ ห้านาทีโดยประมาณ สามารถป้องกันการโจมตีโดยอาวุธมีคมได้ แต่กับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงมากๆ หรือการโจมตีทั่วไปนั้นกลับยากจะป้องกันได้

ส่วน ‘กลางหมอกห้าหลี่’ นั้นจะสร้างหมอกหนาในขอบเขตพื้นที่เล็กๆ เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ รบกวนการมองเห็นโดยรอบ ตัวมันเองไม่มีความสามารถในการป้องกันอะไร แต่เนื่องจากใช้รบกวนอีกฝ่ายตอนต่อสู้ได้ จึงจัดเป็นไอเทมป้องกันชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ผมขอบอกคุณในฐานะมิตรสหาย ใช้มันตอนหลบหนีจะให้ผลดีที่สุด”

 

‘การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ 2 คละซื้อได้ตามสบาย’

 

“เถ้าแก่ ถ้าเป็นการต่อสู้แบบทั่วไปผมแนะนำให้คุณเลือกระฆังทองคุ้มกาย แต่ถ้าอยากเอาชนะได้อย่างเหลือเชื่อ ผมแนะนำลอยล่องสุขสันต์สิบห้านาทีกับกลางหมอกห้าหลี่ แน่นอนจะเลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ที่สำคัญคือต้องดูว่ามันเข้ากับไอเทมและวิธีการต่อสู้ของคุณในเวลานี้หรือเปล่า”

 

‘การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ 3 ของกำนัลกลับบ้านเต็มไปหมด’

 

“ไอเทมสองอย่างแรก ซื้อหนึ่งผมจะแถมแว่นกันแดดให้อันหนึ่ง ซื้อสองผมจะแถมพัดลมมือถือความถี่สูงให้หนึ่งเครื่อง ส่วนสองอย่างหลัง ซื้อหนึ่งผมจะแถมมีดพกอเนกประสงค์ให้เล่มหนึ่งกับขนมปังสามก้อน ถ้าซื้อสองอัน ผมจะแถมมีดพกอเนกประสงค์ให้กับขนมปังห้าก้อนแล้วก็นมอีกกระป๋องหนึ่ง”

เหลียงซินพูดจนปากคอแห้งผาก ขนาดตัวเองก็ยังนึกอยากสนับสนุนตัวเองเลย แต่เขากลับพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนไม่นึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย

เขาดันแก้วน้ำที่เตรียมไว้สำหรับต้อนรับแขกไปตรงหน้าฟั่นเพ่ยหยาง “เถ้าแก่?”

ฟั่นเพ่ยหยางสองมือวางลงบนโต๊ะ ปลายนิ้วประสานกันอยู่เล็กน้อย “ไอเทมของนายมีแค่นี้?”

เหลียงซินยิ้ม “คุณจะไม่ถามราคาก่อนเหรอ”

ฟั่นเพ่ยหยางมองดูใบรายการ “ไหนลองว่ามาซิ”

เหลียงซินไม่เก็บงำอีกต่อไป “ข้าเห็นเจ้าทะลุปรุโปร่ง สามพัน ลอยล่องสุขสันต์สิบห้านาที หมื่นห้า ระฆังทองคุ้มกาย สามหมื่น กลางหมอกห้าหลี่ สามหมื่น…” เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริมออกมาอีกประโยค “เหลียงซินซื้อขายแต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีการต่อรองราคา”

ฟั่นเพ่ยหยางไม่พูดไม่จาคล้ายกำลังครุ่นคิด

เหลียงซินถอนหายใจ “เถ้าแก่ ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ไอเทมอันหนึ่งหลายหมื่น ใช้แป๊บเดียวก็จบแล้ว ขนาดเผาเงินยังไม่เร็วแบบนี้ แต่คุณลองคิดดูอีกมุมหนึ่ง ในเวลาฉุกเฉิน ไอเทมป้องกันอันหนึ่งก็คือชีวิตชีวิตหนึ่ง แบบนี้คุณยังรู้สึกว่าผมขายแพงเกินไปอีกงั้นหรือ”

ฟั่นเพ่ยหยางช้อนตาขึ้นมอง ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก “ไอเทมของนายมีแค่นี้?”

เหลียงซิน “…”

พึ่บ

กระดาษอีกแผ่นที่วางลงตรงหน้าเถ้าแก่ฟั่น ตัวอักษรเปี่ยมชีวิตชีวาที่เขียนอยู่ทางด้านบนคือไอเทมอันหนึ่ง ‘[เวท] บรรเทาเจ็บระงับปวด’

ฟั่นเพ่ยหยางสองตาเป็นประกาย สายตาจ้องอยู่บนตัวอักษรเหล่านั้นไม่ขยับ

เหลียงซินนอบน้อมจริงใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เถ้าแก่ นี่คือสมบัติล้ำค่าของผม บอกกับคุณตามตรง ที่นี่ไอเทมป้องกันหาได้ง่ายที่สุด รองลงมาก็คือไอเทมอาวุธ ส่วนไอเทมที่หายากที่สุดคือไอเทมเวท และไอเทมเวทที่มีคุณสมบัติด้านการรักษาจัดเป็นไอเทมที่หายากที่สุดในบรรดาไอเทมเวททั้งหมด จะมีโอกาสได้ครอบครองหรือไม่ก็แล้วแต่วาสนาของคนคนนั้น

เจ้านี่ไม่ใช่ของที่ผมได้มาจากการทำเควสฝ่าด่าน แต่วันนั้นผมดวงซวยเจอเข้ากับเจ้าปีศาจราตรี ตอนกำลังหนีเอาตัวรอดผมพบไอเทมนี้เข้าโดยบังเอิญ อย่าเห็นว่ามันเป็นไอเทมพื้นฐาน ทำได้แค่ระงับปวดไม่อาจรักษาบาดแผล บาดเจ็บขึ้นมาเมื่อไหร่ถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เองว่าความเจ็บปวดบางทีก็สามารถคร่าชีวิตคนได้ วันนี้ผมบอกให้คุณรู้แล้ว ถ้าคุณไม่เอา พรุ่งนี้คิดจะซื้อ ต่อให้เอาเงินมากองเท่าภูเขา ผมก็ไม่ขาย”

“เสนอราคามาดีกว่า” ฟั่นเพ่ยหยางตัดบทเสียงเรียบเฉย

เหลียงซินนัยน์ตาเป็นประกาย “คุณต้องการเจ้านี่?”

ฟั่นเพ่ยหยางผลักกระดาษทั้งสองแผ่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย “ฉันเอาทั้งหมด”

 

‘ ‘[ป้องกัน] ข้าเห็นเจ้าทะลุปรุโปร่ง’ × 11 อัน × 3,000 เท่ากับ 33,000

‘[ป้องกัน] ลอยล่องสุขสันต์สิบห้านาที’ × 1 อัน × 15,000 เท่ากับ 15,000

‘[ป้องกัน] ระฆังทองคุ้มกาย’ × 2 อัน × 30,000 เท่ากับ 60,000

‘[ป้องกัน] กลางหมอกห้าหลี่’ × 1 อัน × 30,000 เท่ากับ 30,000

‘[เวท] บรรเทาเจ็บระงับปวด’ × 1 อัน × 70,000 เท่ากับ 70,000

รวมทั้งหมด 208,000’

 

ข้างบนนี้เป็นรายการช็อปปิ้งของประธานฟั่น

ครั้นเสียงอ่านบัตรจากเครื่องบริการธุรกรรมอัตโนมัติดังขึ้น เงินค่าสินค้าก็ถูกโอนเข้าไปในบัญชีของเหลียงซิน

ขณะที่เงินกำลังถูกโอน จู่ๆ ฟั่นเพ่ยหยางก็นึกสงสัย เขาถามเหลียงซินว่า “ให้คนทางบ้าน?”

ที่นครใต้พิภพไม่นิยมใช้เงิน ทว่าเหลียงซินกลับยินดีรับเงิน เหตุผลที่ฟั่นเพ่ยหยางพอจะนึกขึ้นได้ก็มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น

เหลียงซินจ้องมองดูหน้าจอของเครื่องบริการธุรกรรมอัตโนมัติแล้วยิ้มขื่นออกมาคราวหนึ่ง “ไหนๆ ก็กลับไปไม่ได้แล้ว อย่างน้อยหาเงินส่งกลับไปให้พวกเขาสักหน่อยก็ยังดี”

ฟั่นเพ่ยหยาง “พวกเขาไม่รู้ว่านายอยู่ที่ไหน แต่นายกลับส่งเงินไปให้พวกเขาตลอด แบบนี้พวกเขาต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ”

“ไม่หรอก” พูดถึงคนในครอบครัว เสียงของพ่อค้าหน้าเลือดอย่างเหลียงซินก็แผ่วเบาลง ฟังดูอ่อนโยนมากขึ้น “ก็แค่บอกว่าผมไปทำงานอยู่ต่างประเทศ”

ฟั่นเพ่ยหยางมองดูเขาด้วยสายตาเรียบเฉย “ใครไปบอกกับพวกเขา”

“คนที่อยู่ข้างบนมีโอกาสกลับไป หลังจากผ่านไประยะหนึ่งผมก็ให้พวกเขาช่วยแวะไปที่บ้าน บอกข่าวกับคนทางบ้านว่าผมสบายดี”

“คนที่ทำเควสอยู่ด้านบน?”

“ใช่”

หลังชำระเงินเสร็จเหลียงซินก็ช่วยฟั่นเพ่ยหยางกดคืนบัตร ก่อนจะส่งมอบมันกลับให้ผู้เป็นเจ้าของ “คุณยังอยากถามถึงความสัมพันธ์ของผมกับคนที่อยู่ด้านบนใช่หรือเปล่า”

ฟั่นเพ่ยหยางไม่ได้รีบร้อนเก็บบัตรเข้ากระเป๋า “ต้องจ่ายค่าข่าวไหม”

“…”

เหลียงซินหวังจริงๆ ว่าทั้งโลกจะเป็นเหมือนอย่างเถ้าแก่รายนี้

“โอเค ผมรู้ว่าคุณไม่ขาดเงิน แต่เพื่อการร่วมมือกันในวันข้างหน้าของพวกเรา วันนี้ผมจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้คุณรู้

คนที่ผ่านด่านขึ้นไปข้างบนได้ ไม่เพียงมีโอกาสกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ยังสามารถกลับลงมาที่นี่ได้ด้วย แน่นอนว่าจะอยู่ได้แค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นและไม่อาจอยู่ทำเควสที่นี่ได้อีก จะว่าไปก็คล้ายกับการท่องเที่ยวระยะสั้น พอครบกำหนดระยะเวลา คนคนนั้นก็จะถูกส่งตัวกลับขึ้นไปที่ด้านบนโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้ปกติแล้วก็จะมีแต่ตอนที่ต้องการส่งข่าวให้พรรคพวกเท่านั้นถึงจะมีการส่งคนลงมา”

ฟั่นเพ่ยหยางพูดเสียงขรึม “นั่นก็หมายความว่ากลุ่มที่มีอิทธิพลมากหน่อยมักจะมีคนประจำอยู่ในทุกด่าน?”

เหลียงซิน “ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งอยู่สูงมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งฉลาดมากเท่านั้น”

“คำถามข้อสุดท้าย” ฟั่นเพ่ยหยางนึกถึงนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างปากทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดิน “การเลื่อนไหลของเวลาที่นี่กับโลกปัจจุบันเหมือนกันหรือเปล่า”

เหลียงซินนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “หนึ่งปีของที่นี่เท่ากับครึ่งปีของโลกความเป็นจริง”

พอกลับมาถึงห้องใต้หลังคาเหลียงซินก็กดภาพบนแขน จออินเตอร์เฟซปรากฏขึ้นกลางอากาศ เขาเปิดกล่องไอเทมแล้วเลือก ‘ส่งของขวัญ’

ฟั่นเพ่ยหยางเปิดกล่องไอเทมของตนขึ้นมาเช่นกันแล้วกดเลือก ‘รับของขวัญ’

หน้าจออินเตอร์เฟซสองจอกลางอากาศที่ปกติแล้วไม่อาจเห็นของกันและกันค่อยๆ ประกบเข้าหากัน กลายเป็นจออินเตอร์เฟซที่คนทั้งคู่สามารถมองเห็นได้พร้อมกัน

เหลียงซินมีไอเทมอยู่แค่นี้จริงๆ หลังทำการค้ากับฟั่นเพ่ยหยางเสร็จ โกดังของเขาก็ถูกเคลียร์

แต่ฟั่นเพ่ยหยางยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก เขาอยากรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงสามารถเก็บรักษาไอเทมได้อย่างปลอดภัยแบบนี้ “พกไอเทมมากมายติดตัวแบบนี้ นายไม่กลัวถูกปล้น?”

“ต้องกลัวอยู่แล้ว” เหลียงซินยอมรับออกมาตรงๆ “ดังนั้นทุกเดือนผมถึงยอมจ่ายค่าคุ้มครองให้กับคนพวกนั้น”

ฟั่นเพ่ยหยางเลิกคิ้ว ห่วงโซ่ระบบนิเวศในนครใต้พิภพนี้นับว่าครบถ้วนจริงๆ

“จะว่าไป” คราวนี้เหลียงซินนึกอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว “คุณยังไม่ทันได้รับไอเทมก็จ่ายเงินให้ผมแล้ว แบบนี้ไม่กลัวผมกลับคำเหรอ”

ฟั่นเพ่ยหยางพูดอย่างไม่อินังขังขอบ “ก็แค่เงินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

“…” เหลียงซินตัดสินใจเลิกพูดคุยสัพเพเหระ เขาหันไปตั้งอกตั้งใจคุยเรื่องไอเทม

จากนั้นสองสามนาทีไอเทม ‘[ป้องกัน] กลางหมอกห้าหลี่’ อันสุดท้ายก็ถูกส่งเข้าไปในกล่องไอเทมของฟั่นเพ่ยหยาง

ฝ่ายหนึ่งได้รับเงินอีกฝ่ายได้รับสินค้า ต่างฝ่ายต่างยินดี

“นี่ของแถม คุณรับไปสิ” เหลียงซินหยิบเอาถุงตุงๆ ใบหนึ่งยื่นส่งให้กับเถ้าแก่ฟั่น

ฟั่นเพ่ยหยางรับไว้ ทว่าเขาไม่แม้แต่จะเปิดดูทำเพียงบอก “ภายในเจ็ดวัน ถ้านายมีไอเทมอะไรใหม่อีกก็ติดต่อฉันมา ถ้าเป็นไอเทมที่มีคุณสมบัติในการรักษา ฉันจะเพิ่มราคาให้จากที่นายตั้งไว้สองเท่า”

เขาเชื่อว่าขอเพียงตัวเองยังอยู่ในนครใต้พิภพ เหลียงซินต้องมีปัญญาตามหาตัวเขาพบแน่

เหลียงซินไม่นึกประหลาดใจกับคำขอของอีกฝ่าย เมื่อครู่ตอนหยิบเอาไอเทม ‘[เวท] บรรเทาเจ็บระงับปวด’ ออกมา เขาก็สังเกตเห็นแล้วว่าฟั่นเพ่ยหยางสนใจไอเทมเวทที่มีผลต่อการรักษามากเป็นพิเศษ

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสอดรู้สอดเห็นว่าทำไมลูกค้าถึงต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้ สนใจเพียงความต้องการของลูกค้าเท่านั้น “ไอเทมที่มีคุณสมบัติในการรักษามีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ถ้าคุณมีอะไรที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ ก็ขอให้บอก ผมจะได้ช่วยหาให้”

ฟั่นเพ่ยหยางนึกชื่นชมความใส่ใจของอีกฝ่าย “ดีที่สุดคือเกี่ยวข้องกับความทรงจำ สามารถเรียกความทรงจำที่หายไปให้กลับมาได้จะดีที่สุด จะฟื้นฟูก็ได้ ฟื้นฟูความทรงจำหรือฟื้นฟูผลกระทบที่เกิดจากการใช้ไอเทมก่อนหน้า แต่ห้ามไม่ให้ลบล้างผลการรักษาของไอเทมก่อนหน้านี้ นี่เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด”

เหลียงซินนิ่งมองดูลูกค้า

ท่าทีสงบนิ่งของฟั่นเพ่ยหยางแฝงไว้ซึ่งความไร้เดียงสา “หืม?”

เหลียงซิน “เถ้าแก่ ที่ผมขายคือไอเทมไม่ใช่สินค้าสั่งทำ”

มีเงินก็ใช่ว่าจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจนะ!

 

ตอนไปจากร้านของเหลียงซิน เสียงคำรามของเครื่องจักรในนครใต้พิภพคล้ายจะแผ่วเบาลงอยู่หลายส่วน

ฟั่นเพ่ยหยางหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา

ตอนนี้เวลา 17:40 น. ใกล้ค่ำแล้ว

ฟั่นเพ่ยหยางถือถุงใส่ของแถมย้อนนึกถึงเส้นทางขามา แต่จู่ๆ ข้างกายเขาก็มีคนคนหนึ่งขยับเข้ามาใกล้

“เถ้าแก่ ผมมีไอเทมที่ดีกว่าเสนอ คุณสนใจหรือเปล่า”

คนคนนี้เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง หน้าตามอมแมมผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สองแก้มซูบตอบราวกับไม่เคยกินอิ่มแม้แต่มื้อเดียว

แต่เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ไม่ได้จู่ๆ ก็โผล่ออกมา อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งทำการค้ากับเหลียงซินเสร็จ

ปกติแล้ววิธีเร่ขายของแบบนี้ ถ้าไม่ใช่พวกขายของก๊อปก็ต้องเป็นของล้ำค่ายิ่งยวด

ฟั่นเพ่ยหยางไม่รังเกียจที่จะชมดู “ดูหน่อยก็ได้”

ชายหน้าตามอมแมมผมเผ้ากระเซอะกระเซิงแตะลงบนแขนดำคล้ำ ในกล่องไอเทมมีของอยู่แค่ช่องเดียว แต่ปริมาณตัวเลขกลับเป็นที่น่ายินดี

 

‘ ‘[พิเศษ] ข้าคือ VIP’ × 5’

 

บ่อน้ำใต้ดิน เวลา 18:00 น.

ถังหลิ่นมองดูเวลาเป็นพักๆ ฟั่นเพ่ยหยางยังไม่กลับมา

ชายเสื้อยืดขาดกับพี่น้องสองคนแบ่งโจ๊กแปดสมบัติ* กันคนละกระป๋อง ตอนนี้กำลังเติมน้ำเข้าไปยังช่องว่างภายในท้อง

“อุตส่าห์บอกแล้วว่าตอนกลางคืนปีศาจราตรีจะออกมาเพ่นพ่าน…” ครั้นสบเข้ากับสายตาเรียบเฉยของถังหลิ่น ชายเสื้อยืดขาดก็ปิดปากเงียบทันที

เจิ้งลั่วจู๋ยื่นกล่องบิสกิตให้ถังหลิ่น “กินอะไรสักหน่อยก่อนเถอะครับ”

ถังหลิ่นรับบิสกิตมาถือไว้พลางเอ่ยปากถามชายเสื้อยืดขาด “ปีศาจราตรีรับมือยากมากเลยเหรอ”

“ใช่” ชายเสื้อยืดขาดกอดขวดน้ำไว้ โมโหที่ไม่อาจฉายภาพให้พวกถังหลิ่นดูได้ “ทุกๆ เจ็ดวันพวกมันจะออกมาครั้งหนึ่ง แต่ในวันที่ได้รับการแจ้งเตือนว่าด่านจะเปิดอย่างวันนี้พวกมันต้องออกมาแน่ ก็เหมือนที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ พวกมันไม่มีรูปร่างตัวตน เป็นหมอกดำกลุ่มหนึ่ง ลอยไปลอยมาไม่ต่างอะไรกับภูตผีปีศาจ แล้วแบบนี้จะให้เล่นงานพวกมันยังไง ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังชอบออกมากันเป็นกลุ่มด้วย ทันทีที่นายลงมือพวกมันก็จะกลุ้มรุมกันเข้ามา”

“แต่คุณก็เคยบอกว่าถ้ามีคนที่ทำพวกมันบาดเจ็บได้ จะไม่เพียงได้รับค่าประสบการณ์ แต่ยังมีโอกาสได้ไอเทมด้วย” ถังหลิ่นพูดเตือน

ค่าประสบการณ์ก็คือตัวเลขที่พวกเขาไม่เข้าใจบนต้นไอเทมนั่น

อย่างเช่น [? / 100 / ด่าน 1] ซึ่งก็หมายความว่าหากคิดจะปลดล็อกไอเทมที่สามารถใช้ซ้ำได้ไม่มีหมดนี้ จำเป็นต้องมีค่าประสบการณ์ 100 และผ่านด่านที่หนึ่งได้สำเร็จ

เมื่อเช้าตอนพูดถึงปีศาจราตรี พวกเขาถึงได้รู้เรื่องพวกนี้จากปากชายเสื้อยืดขาด การปราบปีศาจราตรี เป็นหนึ่งในหนทางที่จะทำให้ได้มาซึ่งค่าประสบการณ์

ถังหลิ่นพูดต่อ “ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่ามาว่าปีศาจราตรีไม่มีรูปร่างตัวตนเป็นเพียงกลุ่มหมอก แล้วจะทำร้ายมันได้ยังไง”

ชายเสื้อยืดขาดอับจนหนทาง “ใช่ แต่พวกมันจะมีรูปร่างภายใต้สถานการณ์พิเศษบางอย่างซึ่งก็คือตอนพวกมันลงมือโจมตี!”

ถังหลิ่นนิ่ง นิ้วมือถูไปกับห่อบรรจุภัณฑ์ภายนอกของบิสกิตเกิดเป็นเสียงกรอบแกรบแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว

เจิ้งลั่วจู๋มองดูภาพกราฟฟิตี้อย่างเป็นกังวล

มีเพียงตอนโจมตีเท่านั้นมันถึงจะมีรูปร่าง นั่นก็หมายความว่าทันทีที่พบเจอกับเจ้าปีศาจราตรี ถ้าไม่วิ่งหนีก็ต้องฝืนเผชิญหน้ารับมือการโจมตีของพวกมัน ถึงจะมีโอกาสตอบโต้เอาคืน

“อันที่จริงพอตกค่ำแล้วก็ไม่ได้มีแค่อันตรายจากปีศาจราตรีเท่านั้น” ชายร่างอ้วนพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “ยังมีสัตว์แปลกๆ อีกเต็มไปหมด บ้างก็ใหญ่บ้างก็เล็ก วัวไม่ใช่วัว แพะไม่ใช่แพะ แมวไม่ใช่แมว หมาไม่ใช่หมา แต่ละอย่างล้วนพิลึกพิลั่นสุดๆ แถมยังดุมากด้วย”

“ฟ่อ…”

ชายร่างอ้วนหันมองเจิ้งลั่วจู๋ด้วยสายตาดูแคลน “ยังไม่ทันได้พูดถึงเรื่องที่น่ากลัวที่สุดนายก็หายใจเฮือกแบบนี้แล้ว ถึงตอนนั้นขึ้นมาจริงจะทำยังไง”

เจิ้งลั่วจู๋รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายใส่ความ “ฉันถอนหายใจเฮือกตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ฟ่อ…”

เจิ้งลั่วจู๋ ชายเสื้อยืดขาด ชายเสื้อโปโล และชายร่างอ้วน “…”

ถังหลิ่นพรวดพราดลุกขึ้นยืน มองไปที่นอกประตูตาข่ายโลหะด้านหน้า ความมืดเป็นมันเงาคล้ายจะเหยียดยาวไปทางด้านหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ฟ่อ…ฟ่อ…”

ท่ามกลางเสียงน้ำไหลคล้ายมีคล้ายไม่มี เสียงขู่ฟ่อแปลกประหลาดก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ

 

* โจ๊กแปดสมบัติ หรือปาเป่าโจว เป็นโจ๊กชนิดหนึ่ง นิยมกินเพื่อบำรุงสุขภาพ ใช้วัตถุดิบซึ่งถือเป็นของดีแปดอย่าง อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว พุทรา ถั่วเขียว ถั่วแดง เม็ดบัว เก๋ากี้ และถั่วลิสง ทั้งนี้ส่วนประกอบอาจแตกต่างกันออกไปตามความนิยมของคนในแต่ละภูมิภาค

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: