ทดลองอ่าน เรื่อง พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 1
ผู้เขียน : เหยียนเหลียงอวี่
แปลโดย : สนสราญ
ผลงานเรื่อง : พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง
การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ การตาย การฆาตกรรม
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ
การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทรมาน การบูลลี่
การกล่าวถึงเลือด สภาพศพ และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 12
ปีศาจราตรี 1
คนทั้งห้าที่อยู่ในบ่อน้ำใต้ดินอยู่ด้วยกันแบบไหล่ชนไหล่ จ้องมองไปยังประตูตาข่ายโลหะอันเป็นที่มาของเสียงพลางชักเท้าถอยหลังอย่างระแวดระวัง
จนกระทั่งถอยไปถึงข้างผนัง
ในที่สุดแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวที่อุโมงค์นอกตาข่าย
งูประหลาดลำตัวเท่าปากชามเกล็ดสีม่วงตลอดทั้งตัวแลบลิ้นเลื้อยมาตามอุโมงค์ช้าๆ ขยับเข้ามาใกล้ตาข่ายโลหะ
“พวกนายบอกว่าที่นี่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่หรือไง” เจิ้งลั่วจู๋รู้แล้วว่าพวกโจรเชื่อถือไม่ได้
ชายเสื้อยืดขาดใจหายวาบ “สาบานได้ ฉันอยู่ในบ่อน้ำใต้ดินนี้มาตั้งนาน อย่าว่าแต่งูเลย แม้แต่หนูก็ยังไม่เคยเห็น…”
หัวของงูประหลาดนั่นแนบติดอยู่หน้าตาข่ายโลหะ ตาทั้งสองข้างดูไม่ต่างอะไรกับบุษราคัมในยามค่ำคืน ม่านตาหดจนกลายเป็นเส้นแนวตั้งสีดำ
“มันคงผ่านเข้ามาไม่ได้ใช่ไหม” ถึงช่องตาข่ายจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าลำตัวงูอย่างเห็นได้ชัด แต่เจิ้งลั่วจู๋ก็ยังคงถามอย่างไม่มั่นใจนัก
“นะ…น่าจะอย่างนั้น” ชายเสื้อยืดขาดไม่มีความมั่นใจเสียยิ่งกว่าเจิ้งลั่วจู๋
“ฟ่อ…”
หัวงูแนบอยู่กับตาข่ายโลหะ ปากที่แลบลิ้นออกมาค่อยๆ ลอดผ่านช่องมาทีละน้อย พอมาถึงช่วงกลางของส่วนหัวมันก็ชะงักค้าง
ขณะที่เจิ้งลั่วจู๋กำลังถอนหายใจโล่งอก เขาก็พบว่าเจ้างูประหลาดตัวนั้นไม่ได้หยุด มันยังคงกระเสือกกระสนถูไถขึ้นหน้าต่อ
ภายใต้การขยับขึ้นหน้าอย่างเต็มกำลังของมัน ช่องตาข่ายโลหะก็เริ่มเปลี่ยนรูป ถ่างกว้างขึ้นทีละน้อย
พวกเขาห้าคนสองตาเบิกโพลงมองดูหัวทั้งหัวของมันมุดลอดเข้ามาก่อนจะตามมาด้วยลำตัว
ครืด!
ช่องตาข่ายถูกเกล็ดของงูกรีดจนหัก
ถังหลิ่นสีหน้าเย็นชา เขายกมือคลำไปที่หลังเอว ตรงนั้นมีมีดที่ฟั่นเพ่ยหยางให้เขาพกไว้ป้องกันตัว
“ฮึ่ย ตายก็ตายวะ…” จู่ๆ ชายเสื้อยืดขาดก็ตะโกนเสียงดังคล้ายตัดสินใจอะไรบางอย่าง
เพียงชั่วพริบตามีดสั้นกระบี่สั้นจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏอยู่กลางอากาศเหนือตาข่ายโลหะ
นั่นคือ ‘ดาบกระบี่ไม่มีตา’ ของชายเสื้อยืดขาด
งูประหลาดเลื้อยลงมาตามผนัง เหลือก็แต่ส่วนหางอีกนิดหน่อยเท่านั้นที่ยังอยู่นอกตาข่ายโลหะ
ชายเสื้อยืดขาดจ้องดูมันเขม็ง สมาธิตั้งมั่น
ภายใต้คมดาบกระบี่ที่รุนแรง มีอยู่สองในสามส่วนที่ถูกเกล็ดแข็งๆ ของมันบังขวางเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหนึ่งในสามส่วนที่ทิ่มทะลุผ่านลำตัวของงูประหลาดนั่นเข้าไปบ้างลึกบ้างตื้น
งูประหลาดขยับตัวอย่างคลุ้มคลั่ง หางที่ติดอยู่กับตาข่ายโลหะวาดเหวี่ยงไปมาจนเกิดเสียงดังโครมคราม
เจิ้งลั่วจู๋รีบใช้ไอเทม ‘แผ่นเหล็กแผ่นหนึ่ง’ ขวางไว้ตรงหน้าทุกคน แต่ตอนนี้ความสามารถในการควบคุมของเขาทำได้แค่สร้างแผ่นเหล็กกว้างขนาดสามตัวคนเท่านั้น
ทุกคนต่างเบียดเสียดอยู่ด้วยกันหลังแผ่นเหล็ก ชายเสื้อยืดขาดปรับลมหายใจ เตรียมขับเคลื่อนไอเทมอีกครั้ง
ฝนมีดดาบระลอกที่สองส่งเสียงลั่นดัง จำนวนของมันไม่เพียงมีมากกว่าครั้งแรก พลังก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน
งูประหลาดถูกมีดดาบเสียบจนดูไม่ต่างอะไรกับเม่น มีหลายเล่มแทงทะลุร่างของมัน ปลายมีดฝังเข้าไปในผนังอิฐ ตรึงมันไว้ตรงนั้น
งูประหลาดเริ่มดิ้นรนน้อยลง สุดท้ายก็ไม่ขยับเขยื้อน
ชายเสื้อยืดขาดนั่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
ชายเสื้อโปโลกับชายร่างอ้วนรีบล้อมวงเข้ามา ลิงโลดดีใจราวกับทำเควสสำเร็จ
“พี่ใหญ่ พี่ร้ายกาจจริงๆ!”
“พี่ใหญ่ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่โคตรเจ๋ง!”
“พี่ใหญ่ คราวหน้าพี่ต้องสอนฉันบ้างแล้วว่าต้องควบคุมยังไง ตอนที่ฉันใช้เถาหนาม พอพวกมันงอกยาวทีไร เป็นอันต้องวุ่นวายสับสนตลอด”
เจิ้งลั่วจู๋เก็บแผ่นเหล็ก เดินแหวกคนทั้งสองที่กำลังอวยชายเสื้อยืดขาดไป ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมถึงไม่รีบลงมือแต่เนิ่นๆ”
ใช่ว่าเขาจะจ้องจับผิดชาวบ้าน ทว่าท่าทีขวัญหนีดีฝ่อของชายเสื้อยืดขาดก่อนหน้านี้ทำเอาเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกไม่เอาไหนทำอะไรไม่เป็นจริงๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าที่แท้อีกฝ่ายกลับเป็นวีรบุรุษ ถ้าอย่างนั้นท่าทางก่อนหน้านี้คืออะไร อยากเป็นคนเด่นก็ต้องรู้จักเก็บงำเอาไว้ก่อนงั้นเหรอ ตัวเองสร้างบรรยากาศสถานการณ์ให้ตัวเอง?
“ฉันก็ต้องคิดให้ดีก่อนสิ” ชายเสื้อยืดขาดปาดเหงื่อ “ฉันเคยสู้กับงูแบบนี้ซะที่ไหน ใครจะไปรู้ว่าความสามารถของมันตื้นลึกหนาบางยังไง เกิดไอเทมฆ่ามันไม่ได้ สุดท้ายคนที่ซวยคงไม่แคล้วต้องเป็นฉัน”
เจิ้งลั่วจู๋นึกอยากกลอกตามองบน ส่งอีกฝ่ายกลับขึ้นสวรรค์ “พูดแบบนี้แปลว่าถ้านายไม่ลงมือ มันจะปล่อยนายงั้นสิ”
“ไม่ใช่” ชายเสื้อยืดขาดนั่งขัดสมาธิ ถอนหายใจอย่างหมดเรี่ยวแรง นึกอยากเขียน ‘คู่มือนครใต้พิภพเบื้องต้น’ ให้กับมือใหม่รายนี้จริงๆ “สัตว์พวกนี้ก็เหมือนกับปีศาจราตรี ตอนไม่ได้รับบาดเจ็บมันจะเที่ยวไล่คนโน้นโจมตีคนนี้ แต่พอบาดเจ็บขึ้นมามันก็จะไม่สนใจคนอื่นอีก คิดแต่จะลงมือล้างแค้นอย่างเอาเป็นเอาตายกับคนที่ทำมันบาดเจ็บ เข้าใจหรือเปล่า”
“อ้อ…” เจิ้งลั่วจู๋ลากหางเสียงยาวเหยียด ตบไหล่ชายเสื้อยืดขาดเป็นการขอโทษ
มิน่าตอนชายเสื้อยืดขาดลงมือเขาถึงได้ฮึกเหิมราวกับวีรบุรุษผู้กล้าก็ไม่ปาน
พอหายบุ่มบ่ามชายเสื้อยืดขาดก็เริ่มนึกกลัว ถ้าไอเทม ‘ดาบกระบี่ไม่มีตา’ จัดการงูนั่นไม่สำเร็จ เกรงว่าเขาคงได้เดือดร้อนแน่
เจิ้งลั่วจู๋หลังตบไหล่อีกฝ่ายเสร็จก็เห็นถังหลิ่นไปหยุดยืนอยู่หน้าตาข่ายโลหะ อีกฝ่ายกำลังสำรวจศพงูใกล้ๆ เนื้อตัวเขาสั่นระริก ขณะกำลังจะตะโกนบอกให้ถังหลิ่นถอยห่างออกมาหน่อย อีกฝ่ายก็ชักเท้าถอยหลังกลับมาหยุดยืนอยู่ในระยะปลอดภัย หันหน้ากลับมาถามชายเสื้อยืดขาด “คุณบอกว่าที่นี่ไม่เคยมีงู?”
“ไม่ใช่แค่งู” ชายเสื้อยืดขาดเน้นย้ำ “ไม่ว่าจะสัตว์ร้ายอะไรก็ไม่เคยมีต่างหาก”
ชายเสื้อโปโลกับชายร่างอ้วนพยักหน้าหนักแน่น
“ที่นี่ปลอดภัยจริงๆ”
“ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงอาศัยอยู่ที่นี่นานแบบนี้ไม่ได้”
ถังหลิ่นหันกลับไปพิจารณาดูศพงูตัวนั้นใหม่อีกครั้ง “แต่ว่านับแต่พวกเราเข้ามา ที่นี่ก็ไม่ปลอดภัยแล้ว”
เจิ้งลั่วจู๋ฟังออกว่าคำพูดนี้มีความหมายอื่นซ่อนแฝงอยู่ “ประธานถัง คุณสงสัยว่า…”
ชายเสื้อยืดขาดไม่ได้โง่ เขาเข้าใจได้ทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่เชื่อ “พวกนายคิดมากเกินไปหรือเปล่า บางทีมันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ ตอนพวกนายมา งูมันก็พลัดหลงเข้ามาในบ่อน้ำพอดี”
ชายเสื้อโปโลเพิ่งเข้าใจ เขาพูดเสริม “ใช่ พวกนายเพิ่งมานครใต้พิภพได้ไม่นาน แม้แต่ต้นไอเทมก็ยังใช้ไม่คล่อง ใครจะไปคิดเล่นงานพวกนาย”
พวกเขาห้าคนพูดคุยกันพลางหันหน้าไปทางศพงูนั่น ไม่มีใครนึกถึงว่าในเวลานี้ด้านล่างของตาข่ายโลหะที่อยู่ข้างภาพกราฟฟิตี้กำลังมีหมอกดำลอยละล่องเข้ามาเงียบๆ
หมอกดำเคลื่อนลงมาตามผนังจนสัมผัสสู่พื้นดิน เส้นทางไม่ต่างอะไรกับงูประหลาดตัวนั้น เพียงแต่สำหรับมันแล้วตาข่ายโลหะพวกนั้นไม่ต่างอะไรกับความว่างเปล่า
จากนั้นไม่กี่วินาทีหมอกดำก็สัมผัสถึงพื้น แนบตัวเป็นชั้นบางๆ อยู่กับพื้นแทบจะกลืนเป็นอันเดียวกับเนื้ออิฐ หากไม่พิจารณาดูดีๆ ก็ยากจะแยกพวกมันออกจากกันได้ มันเคลื่อนที่ขึ้นหน้าไปอย่างช้าๆ ไม่ต่างอะไรกับวิญญาณ ไม่นานมันก็หาชายร่างอ้วนที่อยู่ใกล้ที่สุดพบ
ชายร่างอ้วนกำลังร้อนใจที่ไม่อาจพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ทัน แต่จู่ๆ เท้าของเขาก็รู้สึกเย็นวาบ ชายร่างอ้วนก้มมองตามสัญชาตญาณ ก่อนพบว่าเท้าทั้งสองข้างของตัวเองตอนนี้จมอยู่ใต้หมอกดำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชายร่างอ้วนอุทานออกมาเสียงหนึ่ง กระโดดโหยงพารูปร่างกลมดิกนั่นลอยขึ้นจากพื้นสามฟุตอย่างรวดเร็ว ความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดจากความตายทำให้เขาเคลื่อนไหวคล่องแคล่วแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หมอกดำก่อตัวเป็นรูปร่าง หมอกเลือนรางเลื่อนลอยเปลี่ยนเป็นเงาดำก่อนพุ่งตรงเข้าหาชายร่างอ้วน
หมาป่า
ทุกคนต่างเห็นชัดถนัดตา เงาที่เกิดจากหมอกดำเมื่อครู่กลายเป็นหมาป่าไปแล้ว
“ฉิบหายแล้ว! ปีศาจราตรี”
ชายเสื้อยืดขาดกับชายเสื้อโปโลหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาพร้อมกัน
ชายร่างอ้วนถูกเงาดำนั่นกัดข้อเท้าขวา ร่างอ้วนๆ ล้มลงบนพื้น เสียงโอดครวญเจ็บปวดผสมกับเสียงตุ๊บตอนล้มกระแทกพื้นฟังดูชวนสังเวชสุดๆ
“เจ้าสาม”
‘ดาบกระบี่ไม่มีตา’ กับ ‘มัดมือช่วงชิง’ พุ่งตรงเข้าใส่เงาร่างหมาป่านั่นพร้อมกัน
เงาร่างหมาป่ากระจัดกระจายกลายเป็นหมอกดำอย่างรวดเร็ว
ดาบกระบี่ทะลุแหวกอากาศตกลงพื้น เชือกดำพลาดเป้าหมาย
แต่อย่างน้อยชายร่างอ้วนก็ได้รับการช่วยเหลือ
อาศัยจังหวะตอนปีศาจราตรียังไม่ทันรวมร่างกลับขึ้นมาใหม่ ชายเสื้อยืดขาดก็รีบพุ่งไปเปิดตาข่ายโลหะ “ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว งานนี้ต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังแน่!”
ขากางเกงฝั่งขวาของชายร่างอ้วนถูกกัดแหว่งเผยให้เห็นบาดแผลเหวอะหวะบนข้อเท้า เขี้ยวหมาป่าฝังลึกจนเกิดเป็นบาดแผลฉกรรจ์
ชายเสื้อโปโลตรงเข้าไปช่วยพยุง ถังหลิ่นรีบฉีกผ้าปูที่นอนช่วยอีกฝ่ายพันแผลห้ามเลือด
เจิ้งลั่วจู๋ใช้เหล็กแผ่นบังขวางอยู่ทางด้านหน้าของพวกเขา
หมอกดำพวกนั้นเริ่มรวมตัวกลับมาอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มเมฆที่กำลังเคลื่อนคล้อย
ถังหลิ่นไม่แม้แต่จะเงยหน้า ทำเพียงเร่งมือพันแผลอย่างสุดกำลัง
เจิ้งลั่วจู๋ ชายร่างอ้วน และชายเสื้อโปโลตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ ใจเต้นไม่เป็นส่ำจนแทบจะกระเด็นหลุดออกจากปาก
ทันทีที่หมอกดำลอยมาถึง มันก็เปลี่ยนรูปเป็นเงาร่างหมาป่าแล้วพุ่งกระโจนใส่พวกเขาสี่คน!
เจิ้งลั่วจู๋ควบคุมแผ่นเหล็ก รับหน้าการโจมตีของศัตรู
โครม!
เงาร่างหมาป่ากระแทกเข้ากับแผ่นเหล็กอย่างจังจนเกิดเป็นรอยยุบรูปหมาป่า แต่ในขณะเดียวกันแรงกระแทกมหาศาลที่เกิดขึ้นก็ทำเอาพวกเขาทั้งสี่คนที่อยู่หลังแผ่นเหล็กกระเด็น
โชคดีที่หนึ่งวินาทีสุดท้ายก่อนจะถูกกระแทก ถังหลิ่นพันแผลให้ชายร่างอ้วนเสร็จพอดี
ส่วนทางชายเสื้อยืดขาดในที่สุดก็เปิดตาข่ายโลหะสำเร็จ “ทางนี้”
เขามุดเข้าไปในอุโมงค์ก่อนเป็นคนแรก เจิ้งลั่วจู๋กับชายเสื้อโปโลช่วยกันประคองพาชายร่างอ้วนเข้าไปเป็นคนที่สอง หลังจากนั้นก็เป็นชายเสื้อโปโล ตามมาด้วยถังหลิ่น และเจิ้งลั่วจู๋คอยอยู่รั้งท้าย
ภายในอุโมงค์ที่มืดมิดคับแคบและอับชื้น คนทั้งห้าตรงขึ้นหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุด
เจิ้งลั่วจู๋หันมองกลับไปทางด้านหลังถี่ๆ พลางถามอย่างร้อนรน “ยังอีกนานแค่ไหนถึงจะขึ้นไปถึงพื้นดิน”
“พื้นดิน?” เสียงชายเสื้อยืดขาดที่อยู่ทางด้านหน้าดังขึ้น “ยิ่งบนพื้นดินพวกปีศาจราตรีก็ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่!”
เจิ้งลั่วจู๋ “งั้นพวกเรากำลังจะไปที่ไหน”
ชายเสื้อยืดขาด “ไม่มีเป้าหมาย มุดไปมาอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินนี่แหละ สลัดเจ้าปีศาจราตรีหลุดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
เจิ้งลั่วจู๋ได้แต่คิดว่า แม่งเอ๊ย แบบนี้ก็เท่ากับมองไม่เห็นแสงแห่งชัยชนะเลยสักนิด
ด้านหน้ามีพื้นที่ว่างซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอุโมงค์กับอุโมงค์ปรากฏขึ้น พวกเขาห้าคนทยอยกันกระโดดลงจากปากอุโมงค์ พื้นที่ว่างนี้เล็กกว่าที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้า อุโมงค์เชื่อมต่อหรือก็มีแค่สองแห่งเท่านั้น
ที่แห่งนี้กว้างพอให้พวกเขาได้ยืดเอวเหยียดแขนเหยียดขา
แต่กลับไม่มีใครกล้าโอ้เอ้ ทันทีที่กระโดดลงไปชายเสื้อยืดขาดก็เดินไปหยุดอยู่หน้าปากอุโมงค์อีกทางแล้วเริ่มปีนเข้าไปด้านใน
ขณะที่ชายเสื้อโปโลกำลังช่วยชายร่างอ้วนปีนขึ้นไป จู่ๆ ชายเสื้อยืดขาดก็ถอยกลับมา
“เกิดอะไรขึ้น” ถังหลิ่นคล้ายมีลางสังหรณ์ไม่สู้ดี
ชายเสื้อยืดขาดไม่มีเวลาพูดอะไรทั้งนั้น เพิ่งถอยออกมานอกอุโมงค์ได้ไม่ทันไร เสียงสัตว์ร้ายคำรามก็ดังขึ้น ถึงเหมือนจะยังอยู่อีกไกล แต่ก็เห็นชัดว่ากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“ล้อเล่นกันใช่ไหมเนี่ย” ชายเสื้อโปโลกับชายร่างอ้วนต่างสีหน้าสิ้นหวัง
ด้านหน้ามีสัตว์ร้าย ด้านหลังมีปีศาจราตรี แบบนี้มันไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอดเลยนี่นา
เสียงคำรามนั่นยังคงเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา ส่วนหมอกดำก็มุดลอดออกมาจากอุโมงค์ที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาเมื่อครู่
เจิ้งลั่วจู๋เรียกแผ่นเหล็กออกมาทันที บังขวางอยู่ทางด้านหน้าของทุกคน
ถังหลิ่นกุมมีดสั้นที่เคยเหน็บอยู่ตรงหลังเอวแน่น
หมอกดำลอยออกมาจากอุโมงค์หมดแล้ว
คราวนี้พวกมันไม่ได้รวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน แต่กลับเปลี่ยนสภาพเป็นเส้นหมอก ลอยละล่องห้อมล้อมคนทั้งห้าไว้อย่างช้าๆ
ถังหลิ่นกลั้นหายใจ จ้องดูเส้นหมอกนั่นเขม็ง พยายามวิเคราะห์ดูว่ามันจะตัดสินใจรวมตัวเป็นรูปร่างโจมตีมาจากทางไหน
ทันใดนั้นเส้นหมอกที่ลอยละล่องอยู่ก็หยุดนิ่ง
ตาของถังหลิ่นเป็นประกาย
เส้นหมอกจู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเงาร่างหมาป่า
ถังหลิ่นไม่รอให้มันพุ่งเข้าใส่ เขาแทงมีดสั้นเข้าใส่มันด้วยความเร็วที่เหนือกว่า
เงาร่างหมาป่ากระจายตัวออกกลายเป็นหมอกดำใหม่อีกครั้ง
ในใจถังหลิ่นหนักอึ้ง ไม่ผิดจากที่ชายเสื้อยืดขาดพูดไว้จริงๆ ไม่มีทางจัดการกับมันได้ ต้นไอเทมของพวกเขาทำร้ายปีศาจราตรีไม่ได้ หนำซ้ำแม้แต่ไอเทมต่อสู้ที่ใช้ได้ครั้งเดียวที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าก็ยังไม่มี
บรรยากาศสงบนิ่ง มีก็แต่เสียงคำรามของสัตว์ร้ายจากอีกด้านของอุโมงค์ที่กำลังดังใกล้เข้ามาทุกที
ผิดปกติ
ไม่ใช่ว่าฝ่ายโจมตีมีอะไรผิดปกติ แต่สหายร่วมรบของเขาทั้งสามต่างหากที่เงียบสงบเกินไป เห็นอยู่ชัดๆ ว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังโหวกเหวกโวยวายอยู่เลย
ถังหลิ่นไม่ได้ส่งเสียงอะไร ทำเพียงใช้หางตาชำเลืองมอง
ชายเสื้อยืดขาดแอบชำเลืองมองดูแขนตัวเอง ท่าทางคล้ายลังเล
เพราะเสแสร้งไม่เก่งเท่า สายตาที่ชายเสื้อโปโลกับชายร่างอ้วนมองไปยังแขนของชายเสื้อยืดขาดจึงเขียนไว้ชัดว่าพี่ใหญ่ของพวกเขายังมีทางหนีทีไล่อยู่
“มีไม้ตายอะไรก็รีบใช้เถอะ” ถังหลิ่นเอ่ยปากเตือนน้ำเสียงเย็นชา “อย่ารอจนแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือแล้วค่อยวิ่งไปร้องไห้กับยมบาล”
ชายเสื้อยืดขาดสะดุ้ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายดูออกได้อย่างไร ทว่าคำพูดที่ว่า ‘แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือ’ กับ ‘ยมบาล’ อะไรพวกนั้นมันเกินกว่าที่เขาจะรับไหวจริงๆ “นายจะพูดจาให้เป็นมงคลหน่อยไม่ได้หรือไง”
“คุณมีเวลาคิดเรื่องนี้อย่างมากก็สิบวินาที” ถังหลิ่นมองดูเส้นหมอกที่เคลื่อนไหวช้าลงทุกที ความคิดอ่านหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว “ถ้าเป็นไอเทมล้ำค่าหายากจนตัดใจใช้มันไม่ลง เช่นนั้นก็ขายมา ราคาแล้วแต่คุณจะเรียก ไม่ว่าจะอาหารหรือเงินล้วนได้ทั้งนั้น”
ชายเสื้อยืดขาดใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเย็นไหลพราก เขาคิดจะทุ่มสุดตัว ทว่าพอถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเขากลับหดถอยซ้ำไปซ้ำมาจนแทบจะเป็นบ้า
ที่เขามีคือไอเทมล้ำค่าหายากจริงๆ ทว่าชีวิตก็สำคัญ ล้ำค่าไม่ล้ำค่า หายากไม่หายาก ตอนนี้ล้วนไม่สำคัญแล้ว “ปัญหาคือฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์ของไอเทมนี้เป็นแบบไหน เกิดทำร้ายปีศาจราตรีได้ แต่จัดการมันไม่สำเร็จ ถึงตอนนั้นมันพุ่งเป้าใส่ฉัน ฉันมีหวังได้ตายแน่ๆ!”
“งั้นก็ส่งมา ผมจัดการเอง” ถังหลิ่นสายตามุ่งมั่น
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.