X
    Categories: everYทดลองอ่านรัชทายาทบัญชา

ทดลองอ่าน รัชทายาทบัญชา เล่มที่ 1 บทที่ 1 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 1

 

“องค์รัชทายาท…องค์รัชทายาท…”

ดวงตาหงส์ของฉีเซียวปรือขึ้น เมื่อเห็นท้องฟ้าที่เพิ่งสว่างรำไรก็หลับตาลงอีกครั้ง หัวคิ้วมุ่นเล็กน้อย “มีอันใด”

เจียงเต๋อชิงหัวหน้าขันทีประจำจวนรัชทายาทยืนอยู่นอกฉากกั้นลม เขาโค้งกายเอ่ยเสียงค่อย “องค์รัชทายาท กระหม่อมเพิ่งได้ข่าวว่าองค์หญิงใหญ่ตุนซู่มาถึงแล้วตั้งแต่เมื่อคืน เช้าตรู่วันนี้จะเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเซียวได้ยินก็พลันนวดหัวคิ้วเบาๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง เจียงเต๋อชิงได้ยินเสียงขยับจึงเดินอ้อมฉากกั้นลมเข้ามา ฉีเซียวยืนขึ้นถอดชุดนอนโดยไม่ให้เจียงเต๋อชิงปรนนิบัติ หยิบเสื้อตัวกลางที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงขึ้นมาสวมเองอย่างช้าๆ

เจียงเต๋อชิงเดินไปรวบม่านเตียงขึ้นแขวนบนตะขอทองรูปมังกรเหิน ก่อนหมุนตัวหยิบเสื้อขึ้นมาปรนนิบัติฉีเซียวสวมอาภรณ์ จัดแต่งชุดขุนนางอย่างระมัดระวังพลางกล่าวต่อ “เกรงว่าวันนี้องค์หญิงใหญ่จะทรงทูลฝ่าบาทเรื่องการอภิเษกสมรสของพระองค์…องค์หญิงใหญ่ทรงใส่พระทัยอย่างแท้จริง บัดนี้ฝ่าบาททรงเห็นหลิ่งหนานสำคัญเหลือล้น หากรัชทายาทเกี่ยวดองกับหลิ่งหนานก็เท่ากับได้แรงช่วยเหลือจากสกุลตงหลิง ล้วนเป็นประโยชน์…”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่เป็นป้าหญิงที่มีสายเลือดใกล้ชิดที่สุดของฉีเซียว นับแต่อู่ตี้กับหลี่เสียนฮองเฮาสวรรคต องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ก็นับว่าเป็นผู้ที่สนิทกับฉีเซียวที่สุด ความประสงค์ขององค์หญิงใหญ่ตุนซู่ ฉีเซียวย่อมมิอาจขัดขืน เพียงแต่เขาหลีกเลี่ยงไม่กล่าวถึงเรื่องการอภิเษกสมรสมาแต่ไหนแต่ไร เจียงเต๋อชิงรับใช้ข้างกายฉีเซียวนานปีย่อมเข้าใจความคิดของเขาจึงเอ่ยโน้มน้าวเสียงเบา “อีกทั้งบัดนี้องค์ชายทั้งหลายนั้นเจริญพระชนม์ขึ้นทุกวันๆ รัชทายาทไม่ทรงร้อนใจบ้างหรือ…ใจของกระหม่อมเหมือนกับองค์หญิงใหญ่ตุนซู่ เรื่องบางเรื่องคิดคำนวณไว้แต่เนิ่นๆ จะดีกว่า อีกอย่าง…”

ฉีเซียวหมุนตัวหยิบป้ายหยกรูปวงแหวนมา ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย เขาก้มหน้าแขวนป้ายหยกอย่างเนิบนาบ ครั้นเห็นเจียงเต๋อชิงไม่เอ่ยคำก็พลันยิ้ม “เป็นอันใด พูดต่อสิ”

เจียงเต๋อชิงมองสีหน้าฉีเซียวอย่างระวัง พยายามคาดเดาความคิดเขาก่อนแย้มยิ้มเอ่ย “อีกอย่างก็เป็นเพียงตำแหน่งชายารองเท่านั้น หากพระองค์ทรงชมชอบ ในจวนของเราก็จะมีคนปรนนิบัติพระองค์เพิ่มมาคนหนึ่ง หากไม่ก็ถือเสียว่าเลี้ยงดูแขกที่อยู่ว่างๆ เพิ่มมาอีกคน จะยุ่งยากสักเท่าใดกัน”

ฉีเซียวมิกล่าวอันใด เพียงหันกายเดินออกจากห้องด้านใน เจียงเต๋อชิงรีบร้อนเรียกข้ารับใช้ด้านนอกเข้ามารอถวายงาน

 

ในตำหนักเฉิงกาน ฮ่องเต้อ่านฎีกาที่องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ยื่นมา ก่อนยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้พบกันไม่กี่ปี เสด็จพี่เห็นเราเป็นคนอื่นไกลไปมาก ไฉนจึงนำของมามากมายเพียงนี้ แล้วพี่เขยเล่า”

“ฟู่หม่า ไปส่งหนังสือรายงานที่กรมปกครองก่อนแล้วเพคะ” ดวงตาองค์หญิงใหญ่พรายรอยยิ้ม เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะฝนตกหนักติดต่อกันหลายเดือนทำให้พลาดวันคล้ายวันพระราชสมภพของฝ่าบาท ของทั้งหมดนี้ให้ถือเป็นการลงโทษหม่อมฉัน”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่อายุเพิ่งพ้นสี่สิบเมื่อปีกลาย ด้วยบำรุงดูแลอย่างดีจึงยังดูมีอายุไม่มาก ยังคงเป็นโฉมสะคราญดังเก่า ในฐานะที่เป็นธิดาของวังกลาง กิริยาสูงสง่าเหมาะสม ทั้งการยิ้มแย้มยามเอ่ยวาจายังชวนให้รู้สึกสบายใจยิ่งนัก ฮ่องเต้จึงผ่อนคลายน้ำเสียงลงโดยไม่รู้ตัว “เสด็จพี่หยอกเล่นอีกแล้ว แค่วันเกิดเท่านั้น พลาดไปนับเป็นกระไรได้ ก่อนหน้านี้เราก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมา ทางใต้เกิดโรคระบาดทั่วสารทิศ สองเดือนที่ผ่านมานี้เสด็จพี่กับพี่เขยไม่ติดโรคอันใดนับว่าโชคดียิ่งแล้ว”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่พยักหน้าแล้วถอนใจ “หลังผ่านภัยพิบัติครั้งใหญ่ย่อมมีโรคระบาด ด้วยบุญบารมีของฝ่าบาททำให้หม่อมฉันกับฟู่หม่าล้วนสบายดี ทีแรกหม่อมฉันยังไม่รู้สึก ทว่าหลังจากออกมาได้แล้วถึงตระหนักว่าปีนี้น้ำท่วมสูงมากจริงๆ การเก็บภาษี…”

“เรื่องนี้ยังพอประคับประคองไปได้” ตั้งแต่ฉีจิ้งขึ้นครองราชย์มาก็มีประกาศลดภาระราษฎรสะสมพละกำลัง ทางหนึ่งเพื่อชดเชยทรัพย์สินที่เสียไปจากการยกทัพจับศึกติดต่อกันหลายปีของอู่ตี้ สองสามปีมานี้ท้องพระคลังจึงมั่งคั่งขึ้นเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้หัวเราะ “เคราะห์ดีที่ได้รับผลกระทบเพียงสองมณฑล”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ผงกศีรษะ กล่าวเหมือนไม่ตั้งใจว่า “หม่อมฉันได้ยินว่า…หลิ่งหนานน้ำท่วมทั้งหมด?”

ฮ่องเต้พลันหัวเราะ “ที่ใดกัน ท่วมนับแต่เขาเม่าซานลงไปทางใต้เท่านั้นมิได้รุนแรงอันใด…ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาแล้งหนัก ซ้ำยังเกิดน้ำท่วมใหญ่อีก ลำบากไม่น้อยจริงๆ”

“นั่นสิเพคะ ตอนนี้ถึงขั้นมาขอยืมเสบียงอาหารจากพระองค์แล้ว” องค์หญิงใหญ่ตุนซู่คลี่ยิ้มชื่นใจ “ตลอดทางมานี้หม่อมฉันได้ยินว่าหลิ่งหนานซื่อจื่อ มาขอยืมเสบียงด้วยตนเอง จากคำบอกเล่าของชาวบ้านระหว่างทางครึกครื้นเสียจนเอามาเขียนรวมเป็นหนังสือได้ อีกทั้งหม่อมฉันได้ยินฟู่หม่าบอกว่าหลิ่งหนานซื่อจื่อรั้งตัวอยู่ที่นี่หรือ”

ในดวงตาของฮ่องเต้มีรอยยิ้มฉายผ่าน หลิ่งหนานเป็นที่ดินศักดินาของอ๋องต่างสกุล เป็นภัยอันตรายสำคัญใหญ่หลวงของฮ่องเต้ต้าเซียงแต่ละรัชสมัย ครั้งแรกที่หลิ่งหนานอ๋องยอมก้มหัวให้ราชสำนักคือตอนที่ตนครองบัลลังก์ จะไม่ให้คิดกระหยิ่มใจคงเป็นไปได้ยาก ทว่าการแสดงออกของฮ่องเต้นั้นอ่อนน้อมมาแต่ไหนแต่ไร เพียงยิ้มเอ่ยว่า “เดิมทีตงหลิงไป่เริ่นมาหารือเรื่องขอยืมเสบียงอาหารแทนบิดาตงหลิงอี้ เขาอายุแค่สิบห้าปี หลังจากพำนักที่วังหลวงได้ระยะหนึ่งก็เลื่อมใสในกิริยามารยาทอันงามสง่าของผู้คนในวังหลวง ด้วยต้องการเยี่ยมชมศึกษาให้กระจ่างชัดจึงไม่คิดจากไป ข้าเองก็ชมชอบยิ่งนักจึงรั้งตัวเขาไว้ เด็กคนนั้นอายุเท่ากับหวาเอ๋อร์ หน้าตาคมคายหมดจดเหนือคนทั่วไป ซ้ำยังเฉลียวฉลาดอย่างหาได้ยาก เสด็จพี่ได้พบหน้าเขาบ่อยๆ ย่อมต้องชอบเช่นกัน จริงด้วย นี่เป็นใบชาที่พวกเขานำมาถวาย เสด็จพี่ลองชิมดู…”

หวาเอ๋อร์หรือก็คือฉีหวา องค์ชายรอง

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่หัวเราะเบาๆ ในใจ ในเมื่อเป็นตัวประกันที่หลิ่งหนานส่งมา นางมีหรือจะกล้า ‘พบหน้าบ่อยๆ’

หัวข้อสนทนาเปลี่ยนมาถึงส่วนที่องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ต้องการ นางไม่เอ่ยถึงไป่เริ่นให้มากความอีก สนทนาสัพเพเหระต่อ “ข้าจำได้ว่า…ถัดจากวันคล้ายวันพระราชสมภพก็จะถึงวันเกิดของรัชทายาทแล้วกระมัง”

ฮ่องเต้พยักหน้า “ใช่ วันเกิดของเซียวเอ๋อร์คือวันที่สิบเดือนสิบสอง”

“พริบตาเดียวเซียวเอ๋อร์ก็จะอายุพ้นสิบแปดแล้ว…” องค์หญิงใหญ่ตุนซู่วางถ้วยชาลงลายน้ำทองในมือลง หยิบผ้าแพรออกมาจากแขนเสื้อซับที่มุมปากเล็กน้อย “ควรเลือกพระชายาให้เซียวเอ๋อร์เสียที”

ฮ่องเต้นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนคลี่ยิ้มราบเรียบ “ยังเร็วเกินไปหน่อยกระมัง กำลังอยู่ในช่วงให้เขาเรียนรู้การปฏิบัติราชกิจหาความก้าวหน้า แต่งพระชายาออดอ้อนรักใคร่ทุกวัน มิใช่เป็นการละเลยเรื่องสำคัญไปหรือ”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่อดหัวเราะไม่ได้ “ฝ่าบาทใส่พระทัยรัชทายาทเกินไป ไฉนจึงลืมไปว่าฝ่าบาทเองไม่ทันครบยี่สิบก็อภิเษกสมรสแล้ว จะว่าไปยังเร็วยิ่งกว่าเซียวเอ๋อร์เสียอีก ตอนนั้นฝ่าบาทเพิ่งอายุครบสิบห้าเท่านั้น ยังจำได้หรือไม่เพคะ ก่อนงานอภิเษกสมรสฝ่าบาทยังวิ่งมาที่จวนองค์หญิง ถามข้าว่าหลังงานอภิเษกสมรสจะยังกลับมาอยู่กับเสด็จแม่ได้อีกหรือไม่…”

เนื่องจากมารดาผู้ให้กำเนิดของฮ่องเต้จากไปเร็ว ตอนยังอยู่ในผ้าอ้อมก็โดนอุ้มมาที่ตำหนักเฟิ่งหวาได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากฮองเฮา องค์หญิงใหญ่ตุนซู่อายุมากกว่าฮ่องเต้เกือบสิบปี ก่อนแต่งงานออกไปก็พักในตำหนักเฟิ่งหวาตลอด คราวนั้นนางก็ปฏิบัติต่อฮ่องเต้อย่างดีเยี่ยม หากกล่าวว่าพี่สาวคนโตเปรียบดั่งมารดาก็ไม่นับว่าเกินไป ครั้นเอ่ยถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาฮ่องเต้ก็คลี่ยิ้ม “เสด็จพี่ยังจำได้?”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ระบายยิ้มบาง “หม่อมฉันที่เห็นฝ่าบาทกับอู่ตี้มาตั้งแต่เล็กจนโตมีหรือจะจำไม่ได้” เมื่อกล่าวถึงอู่ตี้ องค์หญิงใหญ่ตุนซู่พลันขอบตาแดงระเรื่อ ก่อนคลี่ยิ้มเอ่ยอีก “ช่างเถิด พูดเรื่องเหล่านี้เพื่ออันใด กลับมาพูดเรื่องของเซียวเอ๋อร์เถิด ฝ่าบาทมีแผนการในใจหรือไม่เพคะ”

ในใจฮ่องเต้ย่อมไม่ปรารถนาที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างที่สุด ทว่าเมื่อฟังองค์หญิงใหญ่ตุนซู่พูดคุยเรื่อยเปื่อยไปด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานรื่นหู กระตุ้นให้นึกถึงความทรงจำครั้งเยาว์วัยเหล่านั้น จึงยากเกินไปที่จะทำลายอารมณ์ดีของนางในช่วงเวลาพิเศษนี้ จึงฝืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “จริงๆ ก็เคยคิดไว้ เพียงไม่มีผู้ที่เหมาะสม ภายหน้าพระชายาของรัชทายาทต้องเป็นมารดาของแผ่นดิน มิอาจผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เสด็จพี่คงเข้าใจกระมัง”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่พยักหน้า “เป็นความจริง…ช่างเถิด หม่อมฉันเพียงนึกขึ้นได้จึงทูลต่อฝ่าบาทเท่านั้น จะก้าวก่ายเรื่องผู้ถูกรับเลือกเป็นพระชายารัชทายาทได้อย่างไรกัน ทว่าเพราะตั้งแต่เล็กรัชทายาทก็…เฮ้อ ฝ่าบาทก็ทราบ หม่อมฉันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรักและเอ็นดูเขามากหน่อย ฝ่าบาทตรัสได้มีเหตุผล จะกำหนดพระชายารัชทายาทนั้นไม่ง่าย…กระนั้นเลือกชายารองสองคนให้รัชทายาท ได้หรือไม่เพคะ”

ฮ่องเต้ยิ้มถาม “เสด็จพี่ต้องใจคุณหนูสกุลใดเข้าแล้วหรือ”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่มีบุตรธิดาหญิงสามชายสอง ธิดาคนโตแต่งงานไปเมื่อปีก่อน ธิดาคนรองอยู่ในวัยกำดัดอายุสิบสี่ ทั้งยังใกล้ถึงอายุที่ต้องพูดคุยเรื่องการแต่งงาน ฮ่องเต้คาดการณ์ว่าองค์หญิงใหญ่ตุนซู่คิดจะกระชับความสัมพันธ์ฉันครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจึงกังวลเรื่องนี้มากที่สุด ขณะจะเอ่ยคำบอกปัด กลับเห็นเพียงองค์หญิงใหญ่ตุนซู่เม้มริมฝีปากยิ้ม “นับแต่ข้ากับฟู่หม่าไปราชการด้วยกัน ที่เจอก็มีแค่บรรดาหญิงสาวชาวบ้านเท่านั้น ไหนเลยจะรู้จักคุณหนูผู้ใด เรื่องนี้ให้ฮองเฮาหนักพระทัยแทนเถิดเพคะ”

ไม่รอให้ฮ่องเต้โล่งอกแม้แต่อึดใจ ดวงตาขององค์หญิงใหญ่ตุนซู่พลันวาววับขึ้นและยิ้มเอ่ย “จริงสิ! ผู้ใดบอกว่าหม่อมฉันไม่รู้จักคุณหนู หลิ่งหนานซื่อจื่อที่เอ่ยถึงเมื่อครู่หม่อมฉันได้ยินว่า…มีพี่สาวน้องสาวอายุถึงวัยทว่ายังไม่ออกเรือนอยู่สองคน”

รอยยิ้มน้อยๆ ของฮ่องเต้ชะงักค้างที่มุมปาก ขณะจะเอ่ยคำก็ได้ยินข้ารับใช้ด้านนอกผู้หนึ่งค้อมกายเดินเข้ามา ก้มหน้าสำรวมพลางเอ่ย “ถวายบังคมฝ่าบาท องค์หญิงใหญ่ องค์รัชทายาทเสด็จมาถวายพระพรเพคะ”

ฮ่องเต้พยักหน้า ข้ารับใช้ค้อมกายถอยออกไป ไม่นานนักฉีเซียวก็เข้ามาถวายพระพรคนทั้งสอง องค์หญิงใหญ่ตุนซู่เอ่ยเรียกซ้ำๆ ให้ฉีเซียวเข้าไปใกล้พร้อมดึงมือฉีเซียวมามองดูอย่างพิจารณา รูปโฉมส่วนใหญ่ของเชื้อพระวงศ์ล้วนงดงาม ฉีเซียวยิ่งได้รูปลักษณ์ของมารดาผู้ล่วงลับ หล่อเหลาเหนือสามัญ มีเพียงดวงตารูปหงส์คู่นั้นที่คล้ายอู่ตี้ นัยน์ตาแวววาวเฉียบคม มิต้องมีโทสะก็น่าเกรงขาม ซ้ำยังเพิ่มความสง่างามขึ้นอีกหลายส่วน องค์หญิงใหญ่ตุนซู่เห็นฉีเซียวหน้าตาคล้ายคลึงกับบิดามารดาที่เสียไปหัวใจก็พลันแปลบปลาบ นางคลี่ยิ้มอำพรางเล็กน้อยก่อนเอ่ยอย่างพึงพอใจ “ไม่พบกันครึ่งปี เซียวเอ๋อร์สูงขึ้นอีกนิดหน่อยแล้ว”

ฉีเซียวแย้มยิ้ม “เสด็จป้ากลับไม่เปลี่ยนไปสักนิด ทั้งยังมีราศียิ่งขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่หันหน้าไปยิ้มให้ฮ่องเต้ “ได้ยินหรือไม่ รู้จักพูดยิ่งนัก…”

ไม่รอฮ่องเต้ตอบคำ องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ยิ้มแล้วเอ่ยอีก “เป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ เมื่อครู่ข้ายังทูลกับเสด็จพ่อของเจ้าอยู่เลยว่าให้เลือกชายารองให้เจ้า หลิ่งหนานอ๋องจวิ้นจู่ เจ้าชอบหรือไม่”

ฮ่องเต้หมุนแหวนมรกตที่สวมบนนิ้วโป้ง เขารู้สึกไม่พอใจทว่าใบหน้ายังคงอ่อนโยนยิ่ง เพียงแย้มยิ้มน้อยๆ “เสด็จพี่ช่างใจร้อนโดยแท้…”

แม้ในใจฉีเซียวจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้ ทว่าองค์หญิงใหญ่ตุนซู่วางแผนเพื่อเขานานหลายวัน เบื้องหน้าตนเองจะทำเสียการไม่ได้เด็ดขาด จึงคลี่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ย่อมต้องทำตามคำกล่าวของพ่อแม่คำชักนำของแม่สื่อ หลานมิกล้าเอ่ยมากความ”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน เบี่ยงกายไประบายยิ้มให้ฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ยินยอมให้หม่อมฉันเป็นแม่สื่อได้หรือไม่เพคะ”

องค์หญิงใหญ่ตุนซู่มีฐานะพิเศษ ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ต้องเกรงใจสามส่วน มิกล้าหักหน้านางเกินไป ซ้ำเรื่องวันนี้องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ย่อมเตรียมตัวมาก่อน หากยิ่งดึงดันห้ามปรามเกรงว่าจะแตกกิ่งก้านเป็นปัญหาที่คาดไม่ถึง ฮ่องเต้ข่มไฟในใจ มองไปทางฉีเซียวพลางหัวเราะอย่างรักใคร่เมตตา “ยังไม่ขอบพระทัยเสด็จป้าที่ลำบากจัดการเพื่อเจ้าอีก”

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: