ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 2
ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)
แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย
ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
42
เมื่อใกล้ถึงช่วงหยุดพัก การแข่งฝึกซ้อมถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ แต่บรรยากาศในแคมป์กลับผ่อนคลายอย่างผิดปกติ
หนึ่งวันก่อนหยุดพัก ทุกคนเพิ่งแข่งฝึกซ้อมกับ WZWZ จบ พอออกจากประตูก็ได้กลิ่นหม้อไฟเข้มข้น
“ฉันซ้อมแข่งจนมึนหัวไปแล้วเหรอ ทำไมได้กลิ่นของความสุขสายหนึ่งลอยมา” เสี่ยวไป๋สูดจมูกถาม
พี่ติงเขกหัวของเขาเบาๆ “ฉันให้คุณป้าทำหม้อไฟ หลายวันมานี้ทุกคนคงเหนื่อยแล้ว กินหม้อไฟผ่อนคลายสักหน่อย พวกนายขึ้นเครื่องบินพรุ่งนี้เช้า คืนนี้ไม่ฝึกซ้อมแล้ว”
เนื้อสัตว์และผักถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ กลิ่นของหม้อไฟอบอวลทั่วแคมป์
สมาชิกของทีมที่สองก็ไปวันพรุ่งนี้เช่นกัน พี่ติงเลยถือโอกาสส่งวีแชตเรียกทุกคนมากินด้วยกัน เขายังตั้งโต๊ะพับขนาดใหญ่ไว้ด้านข้างอีกหนึ่งตัวให้คนอื่นนั่งอยู่ตรงนั้น
ถึงแม้พักอยู่ใกล้ๆ กันแต่เจี่ยนหรงก็ไม่เคยเห็นคนของทีมสองเลย เวลากินข้าวเขาพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้คนอื่นพูดคุยกันอย่างคึกคัก เขาถือโอกาสหุบปากกินอาหาร
“พวกนายเล่น LDL เป็นไงบ้าง” หยวนเชียนเพิ่มระดับเสียง ถามคนที่โต๊ะข้างๆ
แม้พวกเขาจะเป็นสมาชิกทีมที่สองของ TTC แต่พูดกันอย่างเข้มงวดหน่อยก็นับเป็นทีมชุดเล็กทีมหนึ่ง ชื่อเต็มคือ TTC-K ปัจจุบันกำลังเล่นในลีกการพัฒนาของเกมลีกออฟเลเจ็นดส์ ทีมที่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์ในลีกการพัฒนาจะสามารถยื่นหนังสือเข้าสู่ LPL ได้
แต่โดยปกติเด็กฝึกฝีมือยอดเยี่ยมในมือของทีมใหญ่ล้วนได้เลื่อนเป็นตัวสำรองของทีมที่หนึ่งหรือเลื่อนสู่ทีมที่หนึ่งโดยตรง ดังนั้นระดับของทีมที่สองจึงยากที่จะเทียบเท่าทีมใหม่เหล่านั้นที่รวมทีมกันขึ้นมาอย่างจริงจังเพื่อพิชิตโควตา LPL
มีคนตอบทันที “ไม่ค่อยดีครับ สองวันก่อนพวกเราเพิ่งแพ้ไปหนึ่งแมตช์”
“ไม่เป็นไร การแข่งขันมีแพ้มีชนะ” เสี่ยวไป๋ตักลูกชิ้นกุ้งลูกหนึ่งขึ้นมาแล้วพูด
เขาวางช้อนแรงเกินไป ทำซุปเผ็ดกระเด็นใส่มือของลู่ป๋อหยวนที่กำลังตักอาหารอยู่โดยไม่ระวัง
เมื่อได้ยินเสี่ยวไป๋ส่งเสียงอ๊ะเสียงหนึ่ง ในที่สุดเจี่ยนหรงจึงเงยหน้าขึ้นจากชามข้าว
น้ำซุปเดือดจัด น้ำมันสีแดงไหลบนหลังมือลู่ป๋อหยวนสะดุดตาเป็นพิเศษ
เจี่ยนหรงตกตะลึงสองวินาที จากนั้นคิดดึงทิชชูจากข้างกายยื่นไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่มือของเขาเพิ่งยื่นไปกลางอากาศ…
“พี่ชาย พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม” Moon ตัวสำรองตำแหน่งจังเกิ้ลในทีมถือกล่องทิชชูด้วยสองมือ เดินจ้ำอ้าวมาจากโต๊ะอาหารอีกตัวหนึ่ง ก่อนยื่นทิชชูให้ลู่ป๋อหยวน “รีบเช็ดหน่อย ผมมียาทา เดี๋ยวจะไปหยิบมาให้”
“ไม่ต้องหรอก น้ำซุปนิดเดียวเอง” ลู่ป๋อหยวนรับทิชชูในมือเขามา ยื่นให้เสี่ยวไป๋เรื่อยเปื่อย “เช็ดปากหน่อย น้ำซุปไหลไปถึงคางแล้ว”
เจี่ยนหรงมองดูสองมือที่ถือกล่องทิชชูของ Moon แวบหนึ่ง ก่อนรั้งสายตากลับเงียบๆ พลางเอาทิชชูที่เพิ่งดึงออกมาเช็ดปากเรื่อยเปื่อย จากนั้นขยำเป็นก้อนกำไว้ในมือ
Moon ส่งทิชชูให้แล้วก็ไม่ได้ผละไป เขาถามว่า “กัปตัน ช่วงนี้ได้เล่นแชมเปี้ยน Lillia บ้างมั้ย”
ลู่ป๋อหยวนพูดว่า “เล่นไปไม่กี่ตา”
“ผมเองก็ฝึกซ้อมอยู่ แถมใช้แล้วรู้สึกเข้ามือมาก…” ลู่ป๋อหยวนนั่งนิ่งๆ ไม่ได้หันหน้า Moon จึงยืนก้มหน้ามองเขาอยู่ด้านหลังตลอด “พี่คิดว่าหยิบเธอลงสนามแข่งได้มั้ย”
ลู่ป๋อหยวนไม่ได้หยุดตะเกียบขณะพูดเสียงเฉยชา “คำถามนี้นายควรไปถามโค้ช”
เจี่ยนหรงกำลังแอบฟัง พอได้ยินก็ตกตะลึงเล็กน้อย
เขาคิดว่าลู่ป๋อหยวนจะอธิบายด้วยความอดทนเหมือนเวลาปกติที่พวกเขาเล่นดูโอ้กัน ที่บอกเขาว่าควรกดเลนตอนไหน ควรล่าถอยตอนไหน
“เรื่องนี้ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่ติงต่อความ “แชมเปี้ยนใหม่เล่น 1v1 ในป่าอ่อนเกินไป ถึงจะมีความได้เปรียบในทีมไฟต์เล็กๆ แต่ในทุกด้านยังเทียบจังเกิ้ลยอดนิยมของเทียร์ 1 ไม่ได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งหยิบเธอมาลงสนามจนกว่าจะพัฒนากลยุทธ์การเล่นได้”
หลัง Moon กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง หยวนเชียนค่อยลดเสียงพูดว่า “นี่…สองวันก่อน Moon ฝากฉันถามนายว่ามีเวลาดูโอ้มั้ย ตอนนั้นฉันยุ่งจนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว วันนี้เจอเขาถึงนึกขึ้นได้ เดี๋ยวฉันต้องไปขอโทษเขา”
เจี่ยนหรงกลืนอาหารลงไป “ทำไมเขาไม่ถามเอง”
“พี่ชายฉันไม่ได้แอดวีแชตเขามั้ง” เสี่ยวไป๋กินจนแก้มตุ่ย พูดด้วยสุ้มเสียงคลุมเครือ “เขาคงอายที่จะถามในกลุ่มทีม”
ไม่ได้แอดวีแชต?
เสี่ยวไป๋มองความประหลาดใจของเจี่ยนหรงออก อธิบายว่า “ตอนทีมที่สองเพิ่งก่อตั้ง มีสมาชิกหลายคนเคยแอบขายแอ็กฯ วีแชตของพี่ชายฉัน ต่อมาเขาก็ล้างข้อมูลวีแชตไปรอบหนึ่ง ลบคนที่ไม่สนิทไปหมด…แต่ว่าพี่ชาย ถึงยังไงตอนนี้เขาก็เป็นตัวสำรองของพี่ พี่รับแอดเขาหน่อยเถอะ”
“คำขอเยอะ อาจหลุดไป” ลู่ป๋อหยวนหันหน้ามา “เจี่ยนหรง ทิชชู”
เจี่ยนหรงตกตะลึงสองวินาทีจึงขยับไปดึงทิชชู
ลู่ป๋อหยวนรับกระดาษทิชชูมาแล้วเช็ดน้ำมันสีแดงบนหลังมืออย่างเนิบนาบ
หยวนเชียนคีบอาหารพลางพูดว่า “ฉันค้นพบแล้ว เด็กหนุ่มที่อายุน้อยล้วนเขียนความคิดไว้บนใบหน้า เมื่อกี้ตอนที่ Moon พูดกับนาย ทั้งใบหน้าเขียนว่าอยากเล่นดูโอ้กับกัปตัน”
ลู่ป๋อหยวนสุ้มเสียงเหมือนปกติ “เล่นจังเกิ้ลกันทั้งคู่ ไม่มีอะไรน่าเล่นด้วยกัน”
เสี่ยวไป๋เท้าคาง จ้องเจี่ยนหรงด้วยความสนใจเต็มเปี่ยม “ให้ฉันดูหน่อยว่าบนใบหน้าเจี่ยนหรงเขียนอะไร”
จู่ๆ ก็ถูกพูดถึง พอเจี่ยนหรงเหลือบตาขึ้นจึงมองเห็นสายตาของคนอื่นซึ่งหันมามองทั้งหมด
เสี่ยวไป๋อ้าปากพูดว่า “เขียนว่า…Road เล่นได้แค่กับฉัน คนไม่เกี่ยวรีบไสหัวไป”
หางตาเหลือบเห็นรอยยิ้มของลู่ป๋อหยวน เจี่ยนหรงวางตะเกียบลง “นายดูอีกรอบหนึ่ง”
เสี่ยวไป๋ “อะไร”
เจี่ยนหรงชี้ใบหน้าของตัวเอง เคลื่อนนิ้วไปพลางพูดไปพลาง “จวง-อี้-ไป๋-รีบ-ตาย”
เสี่ยวไป๋ “…”
เมื่อกินดื่มจนอิ่มหนำ เจี่ยนหรงซึ่งกำลังจะกลับขึ้นห้องที่ชั้นบนก็ถูกสมาชิกทีมสองหลายคนที่เตรียมผละไปเรียกเอาไว้ “Soft…”
เจี่ยนหรงคิดตามสัญชาตญาณว่าพวกเขาคงเป็นคนที่ไม่พอใจตนอีกกลุ่มแล้ว จากนั้นจึงทำหน้านิ่งก่อนหันหน้าไป
พอกัปตันของทีมที่สองเห็นสีหน้าของเจี่ยนหรงก็ลังเลสองวินาที “เอ่อ ถึงนายจะอยู่ทีมที่หนึ่ง แต่นายอายุน้อยกว่าฉัน ฉันก็ไม่รู้ควรเรียกยังไง เลยเรียกนายแบบนี้”
เจี่ยนหรงเอ่ย “มีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก…ก็แค่อยากแอดวีแชตนาย”
“…”
“ได้มั้ย” คนคนนั้นชะงักเล็กน้อย “พวกเราไม่ทำเรื่องอย่างการขายวีแชตเด็ดขาด แค่คิดว่าถ้านายมีเวลาสามารถมาลงแรงก์ด้วยกันสักหน่อยได้ มิดเลนในทีมฉัน…เขาอยู่นี่ การแข่งแมตช์ที่นายเล่น Zed เขาดูไปร้อยแปดสิบรอบแล้ว!”
เจี่ยนหรงมองดูเจ้าอ้วนท่าทางเขินอายที่ถูกคนอื่นผลักออกมา นิ่งเงียบเกือบสิบวินาทีถึงล้วงมือถือออกมาจากในกระเป๋า “…แล้วแต่”
เช้าวันส่งท้ายปีเก่า แคมป์ TTC ดึงม่านหน้าต่างเปิดออกอย่างที่พบเห็นได้ยาก
ทุกคนต่างอยากกลับบ้านให้เร็วหน่อย ดังนั้นพี่ติงจึงถือโอกาสจองไฟลต์เช้าให้
เสี่ยวไป๋ลากกระเป๋าเดินทางสามใบใหญ่ของตัวเองออกจากห้องมา ประจันหน้ากับ Pine เข้าพอดี
Pine สะพายแค่กระเป๋าเป้ใบเดียว สายตาที่มองเขายากจะอธิบาย “นายทำผิดอะไร จะหนีออกจากประเทศเหรอ”
“นายจะไปเข้าใจอะไร มีแต่ของที่ฉันฝากคนซื้อไปให้ที่บ้าน ใบนี้คืออาหารเสริม ใบนี้คือเครื่องนวดกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ใบนี้คือเสื้อผ้าของฉัน…” ขณะเดินไปถึงหน้าประตูห้องที่เปิดกว้างของลู่ป๋อหยวน เสี่ยวไป๋เอ่ยถาม “พี่ชาย เสร็จหรือยัง”
กระเป๋าเดินทางของลู่ป๋อหยวนถูกจัดเสร็จแล้ว ตอนนี้วางอยู่ตรงปากประตู พร้อมไปได้ทุกเมื่อ
บ้านเขาอยู่ระหว่างทางไปสนามบิน พี่ติงเลยให้เขากลับไปพร้อมกับรถของทีม
ลู่ป๋อหยวนกำลังโทรศัพท์อยู่ พอได้ยินจึงหันหน้ามา “พวกนายลงไปก่อน เบาเสียงหน่อย มีคนยังพักผ่อนอยู่”
“โอเค” เสี่ยวไป๋มองกระเป๋าเดินทางบนพื้น นึกขึ้นได้ว่าพี่ชายเขาเจ็บมือ “พี่ชาย เก็บสัมภาระนี่เสร็จหรือยัง ผมช่วยพี่หิ้วลงไปดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวเจ็บมืออีก…”
เพิ่งขาดคำก็ได้ยินเสียงดังแอ๊ด ประตูห้องฝั่งตรงข้ามของลู่ป๋อหยวนเปิดออกแล้ว
เจี่ยนหรงสวมเสื้อคลุมง่ายๆ ด้านในยังคงเป็นชุดนอน ดูเหมือนเพิ่งลุกมาจากที่นอน หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง
เสี่ยวไป๋ตกตะลึงก่อนดูนาฬิกาตามสัญชาตญาณ “…นายตื่นมาทำไมตอนแปดโมง”
“พวกนายทำเสียงดังเลยตื่น” เจี่ยนหรงเสียงแหบพร่า ตอบอย่างอารมณ์เสีย
เสี่ยวไป๋ทำท่าหุบปาก “งั้นนายนอนต่อ ฉันจะเบาเสียงลงหน่อย”
เจี่ยนหรงกลับไม่ได้เข้าห้อง
เขารูดซิปเสื้อคลุมขึ้น เดินหน้าไปหิ้วกระเป๋าเดินทางของลู่ป๋อหยวน
เสี่ยวไป๋ “…?”
เจี่ยนหรงเมินเสี่ยวไป๋ที่อึ้งงันแล้วถามคนที่กำลังคุยโทรศัพท์ในห้อง “จะเอาโน้ตบุ๊กกลับไปมั้ย”
ลู่ป๋อหยวนถือมือถือสบตากับเขาสองวินาที “ไม่เอา”
เจี่ยนหรงพูดว่าโอเค จากนั้นหิ้วกระเป๋าเดินทางของลู่ป๋อหยวนด้วยมือเดียว เดินลงชั้นล่างท่ามกลางการจ้องมองด้วยความสับสนงุนงงของเสี่ยวไป๋
รถรออยู่นอกแคมป์แล้ว พี่ติงรอพวกเขาอยู่ตรงทางเข้า เมื่อมองเห็นเจี่ยนหรงก็ตกตะลึง “ทำไมนายตื่นเช้าขนาดนี้…นี่กระเป๋าเดินทางใคร ของเสี่ยวลู่?”
เจี่ยนหรงส่งเสียงอืม “วางตรงไหนครับ”
“นายวางตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันออกไปจะหิ้วไปเอง” หลังรู้สถานะครอบครัวของเจี่ยนหรง พี่ติงมองเห็นเขาก็อดไม่ได้ที่จะพร่ำบ่น “สามวันนี้นายอยู่ที่แคมป์ให้ดี ค่าอาหารดีลิเวอรี่ฉันจ่ายเอง นายสั่งได้ตามสบาย คุณป้าห่อเกี๊ยวเก็บไว้ในตู้เย็นด้วย นายอยากกินก็ต้มเองได้เลย ถ้าต้มไม่เป็นก็ค้นไป่ตู้เอา อยู่ในแคมป์คนเดียว อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้า ออกไปข้างนอกก็ต้องระวังหน่อย ช่วงตรุษจีนคนเลวเยอะที่สุด…”
“ผมสิบเจ็ดแล้ว” เจี่ยนหรงขมวดคิ้วพลางพูดขัดจังหวะ “ไม่ใช่เจ็ดขวบ”
ขณะลู่ป๋อหยวนลงมาชั้นล่างคนอื่นก็ขึ้นรถหมดแล้ว มีเพียงเจี่ยนหรงที่ยังยืนพิงผนังบริเวณทางเข้าเล่นมือถืออยู่
พอได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เจี่ยนหรงสอดมือถือกลับเข้าในกระเป๋าแล้วยืนตัวตรงทันที
ลู่ป๋อหยวนใส่ชุดสีดำทั้งตัว ผ้าปิดปากกับหมวกไม่ขาดตกแม้แต่อย่างเดียว ขณะที่สวมรองเท้าเปลือกตาก็หลุบลงไป ทำให้ดูเหมือนยากที่จะพูดด้วย
หลังสวมรองเท้าเสร็จ ลู่ป๋อหยวนดึงผ้าปิดปากลงแล้วค่อยเงยหน้าขึ้น กลิ่นอายเย็นชาพลันหายวับไป “กำลังเป็นทวารบาล?”
เจี่ยนหรงเอาสองมือล้วงกระเป๋า ได้ยินดังนั้นจึงตกตะลึง “เปล่า รอคุณไปแล้ว…ผมจะล็อกประตูแล้วนอนต่อ”
ลู่ป๋อหยวนถามว่า “เมื่อก่อนก็ฉลองปีใหม่คนเดียว?”
เจี่ยนหรงชะงักเล็กน้อย “สองปีนี้ใช่”
ลู่ป๋อหยวนส่งเสียงอืม ดึงประตูเปิดออก ลมเย็นหอบหนึ่งพัดเข้ามาในบ้าน
ก่อนออกเดินทาง ลู่ป๋อหยวนพลันพูดขึ้นว่า “หลายวันนี้ฉันอยู่แต่ที่เซี่ยงไฮ้”
เจี่ยนหรงตกตะลึง “หืม?”
“ถ้ามีธุระ โทรหาฉันได้โดยตรง”
รถทีมของ TTC แล่นออกจากแคมป์ ขับไปยังเส้นทางที่มุ่งสู่สนามบิน
เมื่อรถแล่นไปได้ครึ่งทาง พี่ติงก็ถอนหายใจยาวๆ “ทำไมฉันมีความรู้สึกเหมือนทิ้งเด็กน้อยไว้ในบ้านแล้วตัวเองออกไปข้างนอก ฉันควรหาคุณป้าพี่เลี้ยงไปดูแลเขาที่แคมป์ชั่วคราวหรือเปล่า ช่วงนี้ฉลองปีใหม่ ความปลอดภัยไม่ดีนัก…ตรุษจีนปีที่แล้วแถวแคมป์เรามีบ้านหลังหนึ่งถูกโจรขึ้นบ้าน ขโมยของยังพอว่า แต่ยังทำร้ายคนอีกด้วย”
ลู่ป๋อหยวนหลับตานอนชดเชย ไม่ได้ส่งเสียง
หยวนเชียนปล่อยเสียงหัวเราะ “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ อีกไม่กี่วันเสี่ยวหรงก็บรรลุนิติภาวะแล้ว”
“ถ้ามีโจรขึ้นบ้านจริง สิ่งที่พี่ควรกังวลคือต้องชดเชยค่ายาให้อีกฝ่ายเท่าไหร่” เสี่ยวไป๋ว่า
พี่ติงกุมขมับ “ช่างเถอะ…พวกนายหุบปากนอนชดเชยไปเถอะ”
พี่ติงกังวลจนนอนไม่หลับเลยถือโอกาสหยิบมือถือออกมาไถเวยป๋อ
เขากำลังจดจ่ออยู่กับภาพลักษณ์ของคุณพ่อผู้มีเมตตา ดังนั้นเมื่อโพสต์ใหม่บนเวยป๋อที่เจี่ยนหรงเขียนเมื่อสิบนาทีก่อนปรากฏขึ้นหน้าแรก พี่ติงก็ไม่สามารถตอบสนองขึ้นมาได้ในทันที…
TTC•Soft ทนพวกนายมานานมากแล้ว โค้ชไม่อยู่แคมป์ทั้งที มาสิ คุยกัน
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 19 ส.ค. 65
Comments
comments
No tags for this post.