ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 2
ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)
แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย
ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
47
โรงจอดรถอยู่ที่ชั้นใต้ดิน หลังลงจากรถสามารถเข้าบ้านได้ทางประตูด้านขวา
เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในโรงจอดรถ คุณแม่ลู่ก็มารออยู่ตรงทางเข้าชั้นใต้ดินนานแล้ว พอเห็นประตูเปิดออกเธอก็พูดว่า “ดึกป่านนี้แล้วลูกยังออกไปข้างนอกอีก มีเรื่องด่วนอะไรเหรอ…คนนี้คือ?”
เจี่ยนหรงคิดไม่ถึงว่าดึกป่านนี้แล้วครอบครัวของลู่ป๋อหยวนยังไม่นอน เขาตามอยู่ด้านหลังลู่ป๋อหยวน ขณะได้ยินเสียงไหล่ก็เกร็งขึ้นมาทันที เขาไม่ได้พูดคุยและอยู่ร่วมกับผู้อาวุโสหลายปีแล้ว
เจี่ยนหรงยังคิดอยู่ว่าตนควรพูดอะไร ลู่ป๋อหยวนก็ช่วยเขาตอบเสียก่อน
“เพื่อนร่วมทีมครับ มีโจรขึ้นแคมป์เลยพาเขากลับมาอยู่ด้วยสองวัน” ลู่ป๋อหยวนเปิดตู้รองเท้าออก หยิบรองเท้าแตะสะอาดคู่หนึ่งออกมาแล้วโยนไปเบื้องหน้าเจี่ยนหรง
“โจรขึ้นแคมป์?” คุณแม่ลู่มองไปด้านหลังเขาอย่างรีบร้อน “เธอไม่ได้บาดเจ็บใช่มั้ย แจ้งตำรวจหรือยัง”
เมื่อสบสายตากับผู้หญิงคนนี้ เจี่ยนหรงยืดหลังตรงและพยักหน้าหลายครั้ง “ไม่ได้รับบาดเจ็บครับ แจ้งตำรวจเรียบร้อย…รบกวนคุณแล้ว”
คุณแม่ลู่มองเห็นผมสีฟ้าของเขา คิ้วเรียวเลิกขึ้นเบาๆ “งั้นก็ดี เธอหน้าแดงนิดหน่อยนะ ด้านนอกหนาวเกินไปใช่มั้ย งั้นรีบปิดประตูเถอะ อย่าให้ความเย็นเข้ามา”
เจี่ยนหรงหันกายไปปิดประตูอย่างว่าง่าย บนรถมีฮีตเตอร์จะหนาวได้อย่างไร นี่เป็นเพราะเขาโกหกจนถูกจับได้ ใบหน้าจึงแดงฉานเช่นนี้
“ทำไมยังไม่นอนครับ” ลู่ป๋อหยวนเดินไปในบ้าน
“จะนอนได้ยังไง พ่อของลูกก็ยังไม่นอน เขาบอกว่าคืนนี้ต้องชนะลูกให้ได้” คุณแม่ลู่มองไปยังเจี่ยนหรงอีก อ้าปากคิดจะพูดอะไรแต่ก็พลันหยุดลงอีกครั้ง
เจี่ยนหรงตอบสนองในสองวินาที รีบแนะนำตัวว่า “เจี่ยนหรง คุณเรียกผมว่าอะไรก็ได้ครับ”
คุณแม่ลู่ยิ้มน้อยๆ “เสี่ยวหรง คืนนี้เธอนอนห้องพักชั้นสามก็แล้วกัน อยู่ข้างๆ เสี่ยวลู่ ห้องนั้นเพิ่งเก็บกวาดไปไม่กี่วันก่อนพอดี”
ในห้องรับแขกชั้นหนึ่ง คุณพ่อลู่ขมวดหัวคิ้วนั่งจับคางอยู่หน้ากระดานหมากรุก พอได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เขาก็พูดโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “รู้สึกว่าเดินหมากสู้พ่อไม่ได้ก็เลยหนีไป?”
ลู่ป๋อหยวนส่งเสียงอืม “พ่อจะคิดแบบนั้นก็ได้”
“แก…” คุณพ่อลู่พลันเงยหน้า สายตาหยุดชะงักบนร่างเด็กหนุ่มย้อมผมสีฟ้าที่ยืนอยู่ตรงบันไดหลายวินาที ถึงค่อยมองไปยังลู่ป๋อหยวน “…รีบมา!”
เมื่อรู้ว่าเขาไม่เดินหมากให้จบจะนอนไม่หลับ ลู่ป๋อหยวนจึงถอนหายใจ หันมาบอกว่า “นายขึ้นไปก่อน ห้องอยู่ห้องแรกทางซ้ายมือ มีอะไรก็ส่งข้อความหาฉัน”
เจี่ยนหรงตอบว่าโอเค ขอบคุณความปรารถนาดีที่จะนำทางให้ของคุณแม่ลู่ ขึ้นบันไดทีละสองขั้นก็ขึ้นมาชั้นบนแล้ว
ห้องพักเล็กกว่าห้องนอนที่แคมป์เล็กน้อยแต่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน สิ่งของต่างๆ เช่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหนังสือ และโซฟาล้วนมีทั้งหมด ดูแล้วก็สะอาดมาก
หลังปิดประตูเจี่ยนหรงปลดกระเป๋าเป้ ถอดเสื้อคลุมแล้วไปนอนบนโซฟา ใช้หลังมือปิดตาเอาไว้
ตอนที่ประตูรถถูกเปิดออกเขาก็ตื่นแล้ว ทว่ายังไม่ทันลืมตา มือของลู่ป๋อหยวนก็ยื่นเข้ามาในผมของเขาเสียก่อน จากนั้นเขาได้กลิ่นน้ำยาซักผ้าอ่อนๆ
อาจเป็นเพราะจับพวงมาลัยอยู่ตลอด กลางฝ่ามือลู่ป๋อหยวนเลยร้อนเล็กน้อย อุณหภูมิถ่ายทอดผ่านหนังศีรษะไปทั่วร่าง
เจี่ยนหรงเก็บความคิด กลั้นหายใจรับรู้ถึงเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง
…ช่วงนี้นอนดึกมากเกินไปใช่หรือเปล่า หัวใจจึงเกิดปัญหาแล้ว?
เนิ่นนานเขาถึงหยิบมือถือจากกระเป๋าออกมาดู
ตอนอยู่ระหว่างทางมือถือถูกเขาปิดเสียงเอาไว้ บนหน้าจอได้รับข้อความมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการแจ้งเตือนอั่งเปาของกลุ่มพูดคุย
กลุ่มที่เขาเข้าร่วมมีไม่มาก นอกจากกลุ่มภายในของ TTC แล้วมีเพียงกลุ่มสตรีมเมอร์ที่ขึ้นข้อความ 99+ ตลอดทั้งปี กับกลุ่มนักแข่ง LPL ที่คืนนี้พูดคุยกันอย่างคึกคักเป็นพิเศษ…
[จั้นหู่ต้าหนิว เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘จั้นหู่ผงาดง้ำปีใหม่’]
[WZWZ-Mini เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘ยินดีด้วย Mini กลายเป็นนักแข่งที่ได้รับความนิยมที่สุด’]
[TTC เสี่ยวไป๋ เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘ยินดีด้วยทีม TTC คว้าแชมป์การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับโลก S11’]
เด็กชะมัด
เจี่ยนหรงเอามือข้างหนึ่งเท้าค้าง กำลังคิดจะไปค้นดูอั่งเปาที่ด้านบนสักหน่อย
[MFG คงคง เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘คงคงมิดเลนอันดับหนึ่งแห่ง LPL ร่ำรวยปีใหม่’]
[ห-รง เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘ใครคืออันดับหนึ่ง?’]
[MFG คงคง เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘ขอโทษ’]
ในกลุ่มถูกฟลัดด้วยคำว่า ‘ฮ่าๆๆ’ เจี่ยนหรงเองก็หัวเราะเล็กน้อย เขาไถหน้าจอมือถือไปด้านบน ได้รับอั่งเปาหลายซอง
ในกลุ่มนี้ล้วนเป็นสมาชิกชุดหลักของทุกทีม ต่างคนต่างไม่ขาดแคลนเงิน ส่งอั่งเปาอย่างจริงจังคนละ200 ไม่นานเจี่ยนหรงก็เก็บได้ห้าร้อยกว่าไคว่แล้ว
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปลาหลุดลอดจากแห เจี่ยนหรงก็โยนมือถือไปบนโซฟา หยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าเป้แล้วไปอาบน้ำ
อีกด้านหนึ่งสถานการณ์หมากรุกใกล้จะสิ้นสุด แต่คุณพ่อลู่ขอเล่นอีกตาด้วยความไม่พอใจ
ลู่ป๋อหยวนกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ มือถือที่วางอยู่ข้างโต๊ะดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบขึ้นมาดูพบว่ากลุ่มพูดคุยแท็กเขาอยู่ตลอด
จั้นหู่ต้าหนิว ทำไม Soft ไม่พูดแล้ว @R ดูโอ้ไหม
WZWZ-Mini เหมือนว่าเขากำลังรับอั่งเปาข้างบนอยู่ ฉันได้รับการแจ้งเตือนตลอด [ปิดหน้าหัวเราะ]
TTC หยวนเชียน ซองนึงมีแค่สิบยี่สิบไคว่ ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง
TTC หยวนเชียน …รอเดี๋ยว ที่ฉันส่งเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนก็ถูกเขารับไปแล้ว
TTC เสี่ยวไป๋ ที่ฉันส่งครึ่งชั่วโมงก่อนก็ถูกรับไปเหมือนกัน นี่ต้องค้นนานแค่ไหน นายเป็นคนขี้เหนียวเหรอ @ห-รง
…
TTC เสี่ยวไป๋ ไปไหนแล้ว เก็บอั่งเปาแล้วหนีไปเลย?
ลู่ป๋อหยวนปล่อยเสียงหัวเราะและโยนมือถือเข้าในกระเป๋า
อีกด้านหนึ่ง หลังอาบน้ำเสร็จเจี่ยนหรงนอนค้นข้อความที่ยังไม่ได้อ่านอยู่บนเตียง
สือหลิว ในถ้อยคำนี้แฝงความคิดถึงอันลึกล้ำที่สุดของฉัน เมื่อกี้ฉันฝากเมฆส่งคำอวยพรเต็มหัวใจไปให้ แค่อยากตกแต่งความฝันอันหวานชื่นของนาย เพื่อนเอ๋ย นายคือความห่วงหาในชีวิตของฉัน ขอให้นายที่ฉันรักมีความสุขทุกวันตลอดปีใหม่
ห-รง ได้รับข้อความที่ฉันฝากเมฆส่งให้นายหรือยัง
สือหลิว ฝากอะไร
ห-รง ถ้าส่งข้อความน้ำเน่าแบบนี้มาอีกจะบล็อก
สือหลิว …
มือถือสั่นเบาๆ เจี่ยนหรงเลยกดออกไปดู
R ฉันฝากอากาศเป็นบุรุษไปรษณีย์ ร้อยเรียงคำอวยพรอันร้อนระอุของฉันเป็นพัสดุ ประทับความจริงใจเป็นตรา ส่งด่วนผ่านอุณหภูมิคงที่ ผู้รับจดหมายคือนาย ขอให้นายสุขสันต์วันตรุษจีน
เจี่ยนหรงนิ่งอึ้ง “…”
เจี่ยนหรงถือมือถืออ่านอยู่เนิ่นนาน แล้วจึงลุกขึ้นนั่งตอบกลับ
อีโมติคอนขอบคุณ ลวกเกินไป
‘ขอบคุณ’ เย็นชาไปหน่อย ลบทิ้ง
‘ขอบคุณ คุณเองก็สุขสันต์วันตรุษจีน’ เหมือนไม่มีความจริงใจอะไร ลบ
ห้านาทีให้หลัง
ห-รง ขอบคุณครับ ได้รับคำอวยพรอันร้อนระอุของคุณแล้ว ขอให้คุณสุขสันต์วันตรุษจีนเหมือนกัน มีความสุขในทุกวัน
เขาเพิ่งกดส่ง ประตูห้องก็ถูกคนเคาะสองที
เจี่ยนหรงลงจากเตียงไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ เฉลียงทางเดินมีเพียงไฟเล็กๆ สลัวๆ ดวงหนึ่งอยู่ตรงบันได ดังนั้นมือถือของลู่ป๋อหยวนเลยกลายเป็นแหล่งกำเนิดแสงที่สว่างที่สุด ด้านบนคือคำพูดที่เจี่ยนหรงส่งออกไปเมื่อกี้
ขณะลู่ป๋อหยวนเงยหน้ายังเก็บรอยยิ้มไม่หมด ไม่กี่วินาทีให้หลังเขาอธิบายว่า “ข้อความนั้นฉันเพิ่งได้รับ…แล้วเผลอกดส่งตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เจี่ยนหรงนิ่งเงียบเนิ่นนาน “ผมเองก็ตอบเรื่อยเปื่อย”
“อืม” ลู่ป๋อหยวนปิดมือถือแล้ว “ตรงข้ามเป็นห้องหนังสือของฉัน มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีรหัสนะ นายใช้ได้ตามสบาย”
กำชับเสร็จเรียบร้อยเขาก็หยิบวัตถุสีแดงแจ๋ชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋ายื่นมาเบื้องหน้าเจี่ยนหรง
เจี่ยนหรงนิ่งอึ้งอย่างเห็นได้ยาก ก้มลงมองดูมือของอีกฝ่ายแต่ไม่ได้รับมา
ลู่ป๋อหยวนพูดว่า “เงินยาซุ่ย”
เจี่ยนหรงส่ายหน้า “ไม่ต้อง…”
“ไม่เท่าไหร่ เอาไว้เป็นสิริมงคล” ลู่ป๋อหยวนชะงัก ก่อนพูดเพ้อเจ้อต่อว่า “ธรรมเนียมของบ้านฉัน ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ได้รับกันหมด”
เจี่ยนหรงยังไม่ได้สติกลับคืน ลู่ป๋อหยวนพลันยื่นมือมา ใช้นิ้วชี้เกี่ยวกระเป๋าตรงหน้าอกของเขาเปิดออกแล้วใส่อั่งเปาเข้าไป
มองดูกระเป๋าที่ถูกยัดจนนูนขึ้นมาของเจี่ยนหรง ลู่ป๋อหยวนพูดด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ ไปนอนเร็วเข้า สวัสดีปีใหม่”
ประตูปิดลง เจี่ยนหรงกลับไปเปิดอั่งเปาหน้าเตียง
เขาไม่ได้รับเงินขวัญถุงมานานมากแล้ว สัมผัสของอั่งเปาให้ความรู้สึกแปลกหน้า
ด้านในใส่เงินปึกหนาๆ กะด้วยสายตามากกว่าจำนวนเงินที่เขาแย่งชิงอย่างลำบากมาทั้งคืนหลายเท่า
เนิ่นนานเจี่ยนหรงปิดซองอั่งเปาลงอีกครั้ง และใส่ไว้ใต้หมอนอย่างระมัดระวัง
วันแรกของปี เมื่อเจี่ยนหรงตื่นนอน ด้านนอกหน้าต่างก็กำลังมีหิมะตก เขาจ้องมองท้องฟ้าอันขาวโพลนครู่หนึ่งจึงหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา
บ่ายสองโมงสิบเจ็ดนาที
เวลาตื่นนอนปกติ วันแรกของปีนี้ เขายังอู้ได้อีกสิบนาที…ไม่สิ
เจี่ยนหรงพลันลุกขึ้นนั่ง หยิบมือถือขึ้นมายืนยันเวลาให้แน่ใจอีกครั้ง
ขณะลู่ป๋อหยวนกำลังโทรคุยกับพี่ติงอยู่ในห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าถ่ายทอดมาจากบันได
พี่ติงบอก […ไม่ได้ ฉันไม่วางใจ ฉันจะเปลี่ยนตั๋วกลับไปพรุ่งนี้เลย]
“แล้วแต่พี่เลย”
หลังวางสายลู่ป๋อหยวนมองมายังเจี่ยนหรงที่สีหน้าตื่นตระหนก “ตื่นแล้ว?”
“อืม…นอนเพลินไปหน่อย” เจี่ยนหรงลูบผมที่ยุ่งเหยิงหลังตื่นนอนให้เรียบ เมื่อเข้ามาใกล้ยังมีกลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์หลังล้างหน้าแปรงฟัน
“นายนอนตามสบายเลย บ้านฉันไม่มีธรรมเนียมตื่นเช้า” ลู่ป๋อหยวนปิดโทรทัศน์ “หิวหรือยัง จะพานายไปกินข้าว”
เจี่ยนหรงตกตะลึง จากนั้นถึงสังเกตโดยรอบเล็กน้อย
“พวกเขาออกไปแล้ว” ลู่ป๋อหยวนลุกขึ้น “อยากกินอะไร”
เจี่ยนหรงกำลังจะบอกว่าอะไรก็ได้ พลันนึกถึงเงาร่างเล็กอันซูบผอมขึ้นมา
เห็นเขาไม่ส่งเสียงใด ลู่ป๋อหยวนก็เลิกคิ้วถาม “เป็นอะไรไป”
เจี่ยนหรงเม้มริมฝีปาก “วันนี้ผมมีธุระ อาจต้องออกไป”
“วันแรกของปี?”
เจี่ยนหรงส่งเสียงอืม ลูบจมูกพูดว่า “เมื่อวานนัดไว้แล้ว”
ลู่ป๋อหยวนผงกศีรษะ “รีบหรือเปล่า?”
เจี่ยนหรงครุ่นคิด “ห้าโมงมั้ง”
ส้มน้อยมักปรากฏตัวตอนห้าโมง มีแต่มาสายไม่เคยมาก่อน
“ตอนนี้สองโมงครึ่ง” ลู่ป๋อหยวนดูนาฬิกา “พานายไปกินข้าวสักมื้อค่อยส่งนายไป คงทันเวลา”
พวกเขาไปกินอาหารยุโรปกันมื้อหนึ่ง หลังออกมาแล้วเจี่ยนหรงเชื่อมต่อมือถือกับระบบนำทางของรถลู่ป๋อหยวน
จากร้านอาหารไปบ้านเขากลับใช้เวลาเพียงยี่สิบนาที
เมื่อถึงย่านที่พัก การหาที่จอดรถทำให้เสียเวลาไปพักหนึ่ง
เวลาต่อมาลู่ป๋อหยวนยืนอยู่ตรงทางเดิน มองดูหนึ่งคนหนึ่งแมวที่อยู่บนขั้นบันได จากนั้นปล่อยเสียงหัวเราะ “นาย…นัดกับมันเอาไว้?”
“อืม” เจี่ยนหรงไม่ได้สังเกตรอยยิ้มในคำพูดของเขา ก้มหน้าเทอาหารแมวลงในชาม
ลู่ป๋อหยวนพิงอยู่ข้างประตู “มันชื่ออะไร”
เจี่ยนหรงส่ายหน้า “ไม่มีชื่อ”
“ทำไมไม่ตั้งสักชื่อ” ลู่ป๋อหยวนหลุบตาถาม “งั้นปกตินายเรียกมันว่าอะไร”
เจี่ยนหรงพูดว่า “แมวโง่ ส้มน้อย”
อารมณ์ดีเรียกส้มน้อย อารมณ์ไม่ดีเรียกแมวโง่
ขณะมองดูแมวส้มกินอาหารแมวชามใหญ่ ลู่ป๋อหยวนก็เอ่ยถามว่า “ในเมื่อเป็นห่วงขนาดนี้ ทำไมไม่เอากลับไปเลี้ยง”
เจี่ยนหรงเงียบไปหลายวินาที “ผมเคยเลี้ยงไม่กี่วัน แต่มันเป็นแมวจรจนชินแล้ว ขังไว้ในห้องก็ร้องตลอด แบบนั้นคงจะถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนเอาได้ พอปล่อยมันออกมาก็หาไม่เจอ ได้แต่รอมันออกมาเองตอนห้าโมง ก็เลยช่างมัน”
ลู่ป๋อหยวนพยักหน้า
แมวจรจัดไม่ชอบถูกเลี้ยงอยู่บ้างจริงๆ
เติมอาหารให้แมวเสร็จยังเทน้ำให้ ก่อนจากไปเขายังนั่งยองๆ พูดกับส้มน้อย “พรุ่งนี้ฉันค่อยมาเยี่ยมแก อย่าตายล่ะ”
กระทั่งขึ้นรถไปแล้ว ในหัวสมองลู่ป๋อหยวนยังมีคำพูดประโยคนี้ลอยอยู่
น้ำเสียงจืดชืดไม่มีความรู้สึกอะไร ทว่ามีความสุขที่แตกต่างประเภทหนึ่ง
เจี่ยนหรงกังวลว่าแมวโง่จะตามออกมา หลังขึ้นรถจึงมองกระจกหลังอยู่ตลอด
รถเพิ่งแล่นออกไปสิบกว่าวินาที ลู่ป๋อหยวนพลันตบไฟเลี้ยวจอดรถข้างทาง
เจี่ยนหรงหันหน้ามองเขาด้วยความสงสัย เห็นเพียงลู่ป๋อหยวนหยิบมือถือออกมาค้นอะไรบางอย่าง จากนั้นต่อสายโทรศัพท์
“สวัสดีครับ คลินิกรักษาสัตว์อ้ายฉ่งใช่มั้ยครับ…คือแบบนี้นะครับ ผมอยากขอให้พวกคุณดูแลแมวจรจัดตัวหนึ่ง มันจะปรากฏตัวตอนห้าโมงเย็นของทุกวัน…” ลู่ป๋อหยวนมองเขาแวบหนึ่ง
เจี่ยนหรงพูดตามสัญชาตญาณ “ย่านที่พักเฝ่ยชุ่ย”
“ปากประตูตึกหนึ่งของย่านที่พักเฝ่ยชุ่ย หรือไม่ก็ทางเดินชั้นใต้ดินของตึกสอง เป็นแมวสีส้มที่หางมีสีขาวกระจุกหนึ่ง ผมมีรูป รบกวนพวกคุณให้น้ำกับอาหารทุกสองวัน ค่าอาหารเม็ดกับอาหารเปียกผมออกเอง” ลู่ป๋อหยวนเอาข้อศอกเท้าหน้าต่างรถ เหมือนกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนทางธุรกิจอะไรอยู่ “ผมจะให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับพวกคุณ แต่พวกคุณต้องส่งคลิปให้ผมตามเวลาที่กำหนด…โอเคครับ งั้นพวกเราคุยกันในวีแชต”
หลังวางสายลู่ป๋อหยวนโยนมือถือให้เขา และออกรถพลางพูดว่า “ลองดูว่ามีคำขอเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
เจี่ยนหรงถือมือถือของอีกฝ่ายอยู่ครึ่งค่อนวันจึงได้สติกลับมา
…แบบนี้ก็มีด้วย?
เจ้าของคลินิกพูดคุยง่ายมาก ส้มน้อยเป็นแมวจรจัด ค่าธรรมเนียมของอีกฝ่ายจึงไม่สูงนัก
คลินิกรักษาสัตว์อ้ายฉ่ง โอเคค่ะ แมวน้อยชื่ออะไรคะ
เจี่ยนหรงถือมือถือคิดเล็กน้อย
R ส้มน้อย
หลังบรรลุข้อตกลงร่วมกันกับคลินิกรักษาสัตว์ เจี่ยนหรงล็อกหน้าจอมือถือแล้ววางเอาไว้ “ขอบคุณครับ…เงินที่ดูแลมันผมออกเอง”
ลู่ป๋อหยวนไม่เถียงกับเขา “โอเค”
เมื่อเรื่องกังวลเสร็จสิ้นไปหนึ่งเรื่อง เจี่ยนหรงก็ระบายลมหายใจ หันหน้าไปมองเกล็ดหิมะนอกหน้าต่าง
ตลอดมาความคิดต่อเรื่องในด้านนี้ของเขาไม่ฉับไวนัก หากไม่มีลู่ป๋อหยวนอยู่ เขาคงต้องมาทุกวันหยุด ปกติว่างเมื่อไหร่ก็จะเป็นห่วงแมวจรจัดจอมเก๋าตัวนี้…
ยังดีที่มีลู่ป๋อหยวนอยู่
เสียงเรียกเข้ามือถือขัดจังหวะความคิดของเจี่ยนหรง เขาหยิบมือถือออกมาจากในเสื้อคลุมอย่างรีบร้อน
พี่ติงพูดในโทรศัพท์ว่า [เสี่ยวหรง ฉันเพิ่งให้เวยป๋อออฟฟิเชียลโพสต์แบบสำรวจการคืนกำไรตอนกลับไปสตรีมของนายแล้ว ถ้านายมีเวลาว่างก็ไปกดรีโพสต์หน่อย ฉันไม่ได้เข้าแอ็กเคานต์นายแล้ว]
เจี่ยนหรงตอบตกลงโดยไม่คิด
เมื่อเปิดเวยป๋อ โพสต์ที่สองของหน้าแรกคือแบบสำรวจที่เวยป๋อออฟฟิเชียลของทีมโพสต์ เจี่ยนหรงดูตัวเลือกหลายอันที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
[1. สุ่มคนดูมาสร้างห้องสู้กันเอง
- ใช้แชมเปี้ยนที่กำหนดลงแรงก์
- สุ่มแบกแรงก์คนดูผู้โชคดี
- สุ่มให้ของขวัญคนดู]
เป็นเรื่องเหล่านี้ตามคาด
ตัวเลือกการคืนกำไรแบบเดิมๆ ล้วนเป็นกิจกรรมที่เจี่ยนหรงเคยทำมาก่อน
เขาเลื่อนลงไปอย่างใจลอยถึงพบว่าด้านล่างยังมีอีก
[5. ร้องเพลง]
เจี่ยนหรงเลิกคิ้วเล็กน้อย
ได้อยู่ ยังพอรับได้ ก็แค่ยืมการ์ดเสียงของเสี่ยวไป๋ร้องๆ ไปเรื่อยเปื่อย
[6. เต้น]
?
เจี่ยนหรงพลันนั่งตัวตรง
[7. ใช้น้ำเสียงออดอ้อนสตรีม]
เมื่อมองเห็นว่าใต้ตัวเลือกที่ 7 ยังมีอีกตัวเลือกหนึ่ง สัญชาตญาณน่ากลัวพุ่งตรงสู่หัวสมองเจี่ยนหรงทันที
นิ้วโป้งเขาค้างอยู่กลางอากาศเนิ่นนาน นานจนมือถือดับลง เขาจึงกดบนหน้าจอ เลื่อนลงไปอย่างระมัดระวังและเชื่องช้า…
[8. แต่งตัวเป็นผู้หญิง]
เจี่ยนหรงโยนมือถือไปใต้ที่นั่งจนเกิดเสียงดังตึงหนักหน่วง คล้ายเป็นการระบายอารมณ์
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 24 ส.ค. 65
Comments
comments
No tags for this post.