X
    Categories: everYI Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง!ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 3 บทที่ 81 – 82 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเองเล่ม 3

ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)

แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย

ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 ** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

81

ตอนที่เจี่ยนหรงขึ้นรถไป ลู่ป๋อหยวนกำลังหลับตางีบพัก

เจี่ยนหรงเอามือข้างหนึ่งค้ำหน้าต่างไว้ แล้วขยับตัวเองเข้าไปด้านในอย่างเชื่องช้า เขาเพิ่งก้าวขาไปได้ข้างเดียวลู่ป๋อหยวนก็ยืดขาออกมาจนน่องของคนทั้งสองแนบติดกันผ่านกางเกง

ลู่ป๋อหยวนลืมตาขึ้นมองเขา

ต่อให้รถกว้างขวางแค่ไหนเมื่อแบ่งเป็นสามแถวก็ยังเบียดอยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายตัวใหญ่สองคนเลย

เจี่ยนหรงหลุบตา “…เสียงดังจนคุณตื่นเหรอ”

ลู่ป๋อหยวนกวาดตามองหมวกของเจี่ยนหรงแวบหนึ่ง เป็นหมวกที่เข้าชุดกับชุดทีมของ TTC ด้านบนมีสัญลักษณ์มงกุฎ เพียงแค่ไม่มีลายเซ็นของเขาอย่างเช่นเคย

ลู่ป๋อหยวนรั้งขากลับ “นอนไม่หลับ”

การแข่งขันวันนี้จบเร็วเกินไป ตอนที่กลับถึงแคมป์คุณป้ายังไม่ได้เริ่มทำอาหารเย็นเลย หลังแพ้การแข่งขันครั้งก่อนเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกอัดอั้นมาเป็นสัปดาห์ วันนี้เพิ่งกลับมาถึงห้องฝึกซ้อมก็สตรีมทันที

“คิดถึงพวกนายแทบตาย!”

“ได้ดูการแข่งวันนี้หรือเปล่า ชอตที่ฉันแฟลชไปฮุคดักทางเจ๋งใช่มั้ย”

“ทำไมสัปดาห์ที่แล้วไม่สตรีม…นายว่าไงล่ะ ฉันไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนมิดเลนของพวกเรา”

เจี่ยนหรงถูกพูดถึงจนชินจึงไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย เขาก้มหน้าเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเอง

ในคืนที่การแข่งขันจบลงทุกคนต่างค่อนข้างผ่อนคลาย เสี่ยวไป๋สุ้มเสียงเกียจคร้าน เปิดเกมอย่างเชื่องช้า “ใช่มั้ยๆ ฉันเหนื่อยจนผอมหมดแล้ว”

“การฝึกซ้อมสัปดาห์ที่แล้วช่าง…โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม นี่ก็คือค่าตอบแทนเมื่อแพ้การแข่งขันแหละมั้ง”

“ทำไมฉันถูกจัดอยู่ในสี่ร้อยอันดับแรกของเซิร์ฟในประเทศ…เชี่ย นั่นก็เพราะช่วงนี้มิดเลนของฉันเหมือนจะบ้าไปแล้ว จับทั้งฉัน ทั้ง Pเป่า แล้วก็พี่เชียนเล่นดูโอ้ทุกวัน”

“พานายไต่แรงก์ยังไม่ดีใจอีก…ดีใจสิ ฉันต้องดีใจอยู่แล้ว แต่การทำงานกับการพักผ่อนต้องสมดุลกันไม่ใช่เหรอ! นายรู้มั้ยว่าสองวันนี้รวมๆ กันแล้วฉันดูโอ้กับเขาไปสิบสามชั่วโมง! สิบสามชั่วโมง! นอกจากการแข่งฝึกซ้อมแล้วเราสองคนอยู่ด้วยกันตลอด! ฉันเห็นไอดีเขาจนจะอ้วกแล้ว!” เสี่ยวไป๋พูดถึงแล้วก็รู้สึกพังทลาย “นี่แม่งเป็นการดึงหนังหัวลากฉันไปไต่แรงก์!”

“เขาเล่นคู่กับคนอื่นเป็นยังไง? กับพี่เชียนยังดี พี่เชียนคุยกับใครก็ได้อยู่แล้ว เจี่ยนหรงไปสนับสนุนเลนบนไม่เพียงฆ่าคนแต่ยังแย่งมินเนี่ยนเวฟใหญ่ด้วย แต่พี่เชียนก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเขา”

“กับ Pine…อย่าพูดเลย น่ากลัวเหลือเกิน วันที่เขาสองคนเล่นดูโอ้กัน ฉันรู้สึกว่าทั้งโลกล้วนเงียบสงบ ไม่มีใครพูดจา พวกเขาเหมือนเพื่อนร่วมทีมที่สุ่มมาเจอกัน ไม่มีเสียงและไม่มีฟังก์ชันการพิมพ์ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพวกเขาฝึกตั้งแต่บ่ายโมงถึงตีหนึ่ง หลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเงียบๆ แล้วยังเล่นต่ออีก เหมือนถ้าใครบอกว่าจะไปนอนคนนั้นแพ้…”

“กับพี่ชายฉัน?” เสี่ยวไป๋ชะงักเล็กน้อย “เหมือนจะไม่ได้เล่นกับพี่ชายฉันเลย”

ตอนนี้สตรีมของเสี่ยวไป๋เป็นเหมือนช่องถ่ายทอดสดออฟฟิเชียลของ TTC ภายใต้สถานการณ์ที่มีแค่เขาสตรีมอยู่คนเดียว โดยพื้นฐานในสตรีมย่อมมีแฟนคลับของทั้งห้าคนอยู่

หางตาเจี่ยนหรงมองเห็นซับกระสุนของเสี่ยวไป๋แน่นขนัด แถมยังมองเห็นไอดีของตนเองกับลู่ป๋อหยวนอยู่ในนั้นด้วย

หน้าจอจัดทีมในเกมของเจี่ยนหรงเปิดไว้ครึ่งค่อนวันแล้ว ไม่ได้เชิญคนและไม่ได้โซโล่

เขาไม่ได้เล่นดูโอ้กับลู่ป๋อหยวนเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว

จะว่าไปก็ตลก เมื่อก่อนเจี่ยนหรงรู้สึกว่าการเล่นดูโอ้น่ารำคาญมาก และเขาไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นแบก

แต่ช่วงนี้เขาอยากเล่นเกมกับลู่ป๋อหยวนมากๆ ถึงจะให้เขาไปเล่นตำแหน่งซัพพอร์ต เจี่ยนหรงก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร

การแข่งขันแข่งจบแล้วและพวกเขาชนะ คืนนี้ไม่ซ้อมก็ได้

งั้น…นัดลู่ป๋อหยวนลงแรงก์สักสองเกมได้ไหมนะ

เจี่ยนหรงก้มหน้าเงียบๆ แล้วปลดล็อกมือถือ เพิ่งค้นรูปหมูแคระออกมาจากในรายชื่อเพื่อน ประตูห้องฝึกซ้อมก็ถูกผลักออก

เจี่ยนหรงหันหน้ามองดูแวบหนึ่งพลันรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย รีบใช้ฝ่ามือบังหน้าจอมือถือตามสัญชาตญาณ

ลู่ป๋อหยวนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ามาสวมเสื้อฮู้ดสีดำ กางเกงยีน และรองเท้าบาส เขาเพิ่งสระผมยังไม่ได้เป่าให้แห้ง แต่ต่อให้ปล่อยไว้ส่งเดชบนร่าง ลู่ป๋อหยวนก็ดูดีมีสไตล์อยู่ดี

ลู่ป๋อหยวนย่อมไม่มีความสนใจแอบดูหน้าจอมือถือคนอื่น เขาเดินไปหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ดึงมือถือที่ชาร์จแบตฯ ไว้ครึ่งค่อนวันของตนเองออกมา

ไม่กี่วินาทีสั้นๆ ที่ลู่ป๋อหยวนปรากฏตัวในสตรีม ซับกระสุนก็ระเบิดตูม

เสี่ยวไป๋ปิดไมโครโฟน หันหน้ามาถามว่า “จะออกไปข้างนอกเหรอพี่ชาย”

ลู่ป๋อหยวนพูดเพียง “อืม”

“งั้นคืนนี้จะให้สั่งมื้อดึกไว้เผื่อพี่หน่อยมั้ย”

“ไม่ต้อง พวกนายกินเถอะ” ลู่ป๋อหยวนเหลือบมองหน้าจอจัดทีมในคอมพิวเตอร์ของเจี่ยนหรงแวบหนึ่ง ไม่นานก็รั้งสายตากลับ “ไปแล้ว”

หลังลู่ป๋อหยวนไปเจี่ยนหรงก็ก้มหน้า กดปิดหน้าต่างแชตที่เพิ่งเปิดได้ไม่ทันไร

เสี่ยวไป๋เปิดไมค์ “พี่ชายฉันไปไหน นี่เป็นเรื่องที่ต้องบอกพวกนาย? ทำไมช่วงแข่งยังออกไปข้างนอกได้…แข่งเกมนะ ไม่ใช่ติดคุก ทำไมจะออกไปข้างนอกไม่ได้ล่ะ แล้วคืนนี้ก็ไม่มีซ้อมแข่งด้วย หรือถ้าซ้อมแข่งของวันนี้เสร็จก็ไปพักผ่อนได้อยู่ดี มีปัญหาอะไร”

เสี่ยวไป๋กำลังพูดอยู่ แขนพลันถูกคนตบๆ เขาจึงหันหน้าไป “อะไร”

เจี่ยนหรงพูดโดยปราศจากสีหน้า “พานายขึ้นชาเลนเจอร์”

เสี่ยวไป๋สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก “ความจริงฉันไม่ได้ยึดติดกับชาเลนเจอร์ ขึ้นไปแล้วฉันก็ต้องคิดอยู่ทุกวันกลัวว่าแต้มสะสมของตัวเองจะถูกแซง แรงก์มาสเตอร์เล่นสนุก การแข่งขันน้อย บรรยากาศผ่อนคลาย ฉันแม่งโคตรชอบเลย…”

เจี่ยนหรง “เข้าทีม”

เสี่ยวไป๋ “โอเค”

 

ร้านคาราโอเกะติดริมแม่น้ำร้านหนึ่ง ในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งถ่ายทอดเสียงเพลงอันไพเราะชวนฟังมา

หญิงสาวที่แต่งตัวประณีตสวยงามหลายคนนั่งพูดคุยกันอยู่แถวบูธคาราโอเกะ ส่วนพวกผู้ชายนั่งสูบบุหรี่ดื่มเหล้าอยู่อีกด้านหนึ่ง

ลู่ป๋อหยวนนั่งฟังพวกเขาคุยโม้อยู่เงียบๆ ท่ามกลางกลุ่มผู้ชาย ในปากคาบบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดเอาไว้

XIU ขมวดคิ้วรังเกียจเขา “คาบบุหรี่ไว้ก็ไม่จุด นี่ไม่เท่ากับนายทำเสียของเหรอ”

ลู่ป๋อหยวนเอ่ย “นายยื่นให้เองไม่ใช่เหรอ อยากดึงให้ฉันถูกลงโทษทุกวัน คิดจะทำอะไร”

XIU พูดว่า “นายสูบที่นี่พี่ติงก็ไม่รู้ กลับไปอย่าลืมเปลี่ยนเสื้อคลุมก็พอ”

ลู่ป๋อหยวนไม่พูดแล้ว เขานึกถึงเรื่องที่คราวก่อนเจี่ยนหรงสวมเสื้อคลุมของเขา แถมยังถูกว่าแทนตัวเขาด้วย

คนที่ด้านข้างพูดว่า “ใช่แล้วพี่ลู่ วันนี้พวกเราดูการแข่งขันของนายด้วยกันที่ร้านอาหาร มิดเลนใหม่ในทีมนายใช้ได้เลยหนิ! การเล่นยอดเยี่ยมมาก มีกลิ่นอายเหมือนตอนที่นายเพิ่งเดบิวต์”

“เลิกพูดได้แล้ว ปีที่แล้วมิดเลนคนนั้นยังเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกับฉันอยู่เลย” อีกคนหนึ่งพ่นควัน “ฉันยังเคยแพ้ PK* ของขวัญกับเขาอีกด้วย เสียดายที่ฉันแข่ง LPL มาสี่ปี พอรีไทร์แฟนคลับคิดจะหนีก็หนีไปเลย”

“ไม่ๆๆ ถึงเจ้าผมฟ้าคนนั้นจะเก่งมาก แต่ถ้าเทียบกับตอนที่พี่ลู่เดบิวต์ก็ยังห่างอยู่เล็กน้อย…”

“ห่างตรงไหน” ลู่ป๋อหยวนคาบบุหรี่เอาไว้ พูดจาคลุมเครืออยู่บ้าง “ให้เขาอยู่ใน LSPL เขาก็คว้าแชมป์ได้”

คนคนนั้นฟังความนัยบางอย่างออกแล้ว “ความสัมพันธ์ของนายกับมิดเลนใหม่คนนั้นเหมือนจะดีมาก?”

XIU พ่นควันกลุ่มหนึ่งออกมา “ไม่ใช่แค่ดี…”

ลู่ป๋อหยวนขัดจังหวะอย่างเกียจคร้าน “พูดเรื่องอื่นดีกว่า”

“โอเค” คนคนหนึ่งพูดต่อ “ฉันบอกตั้งแต่ปีก่อนแล้วว่างานรวมตัวปีนี้เทพลู่ของฉันต้องยังโสดอยู่แน่”

ลู่ป๋อหยวน “…”

“นี่นายพูดพล่ามอะไร ไว้เขารีไทร์ค่อยพูดคุยเรื่องนี้ดีกว่า ในช่วงที่ยังแข่งอยู่ ยังไงก็หมดหวัง”

XIU แย้มยิ้มออกมา “ทำไมถึงหมดหวัง แค่เทพลู่ของฉันยกมือขึ้น ยังไงแฟนคลับก็อยากพุ่งเข้ามา”

“ไม่ใช่เรื่องนี้” เพื่อนสนิทโบกมือ “เป็นปัญหาของตัวเขาเอง นักแข่งอาชีพคนหนึ่งทำตัวเหมือนพระสงฆ์ชรา ไร้ซึ่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา** และไม่รู้ว่าหลังรีไทร์จะกลับสู่ทางโลกได้หรือเปล่า”

ลู่ป๋อหยวนไม่มีความสนใจเป็นพระสงฆ์ เขาเอ่ยถามว่า “ไม่พูดเรื่องฉันแล้วได้มั้ย ทำยังไงถึงจะอุดปากของพวกนายได้”

“เรื่องนี้ง่ายมาก” คนคนนั้นยกแก้วขึ้น “เล่นทอยลูกเต๋าดื่มเบียร์ วางใจเถอะ คอแข็งอย่างนายไม่เมาหรอก”

อย่าว่าแต่เบียร์เลย แม้ดื่มไวน์แดงกับไวน์ขาวผสมกัน ลู่ป๋อหยวนก็ยังทนได้พักหนึ่ง

เมื่อหลายแก้วลงท้องไปแล้ว คนกลุ่มนี้ก็กอดแฟนสาวของตัวเองไปพลางร้องเพลงไปพลางทันที

XIU มานั่งข้างกายเขา “ทำไมนายไม่พา Soft ออกมาด้วย”

ลู่ป๋อหยวนไม่ได้มองเขา “นายพา Savior มา?”

“นั่นไม่เหมือนกัน ฉันกับ Savior เป็นเพื่อนร่วมทีม นายกับ Soft…”

“ก็เป็นเพื่อนร่วมทีม”

“…”

XIU มองดูเขาอย่างเซอร์ไพรส์ “หมายความว่ายังไง นายชอบเขาไม่ใช่เหรอ ฉันเข้าใจผิด?”

ลู่ป๋อหยวนเงียบไปสองวินาที จากนั้นก็ก้มตัวหยิบบุหรี่ที่ตนเองวางไว้บนโต๊ะขึ้นมา ก่อนคาบเอาไว้พลางจุดไฟ

ตอนแรกเริ่มนั้นเป็นความรู้สึกที่ยังคงคลุมเครืออย่างมาก

เพียงแค่อยากดีต่ออีกฝ่ายอย่างแปลกประหลาด อยากเล่นเกมกับเขา อยากซื้อสกินให้ อยากพาเขากลับบ้านฉลองปีใหม่

ลู่ป๋อหยวนเคยคิดว่าคงเป็นเพราะเจี่ยนหรงอายุน้อย…แต่ความจริงในทีมเด็กฝึกมีคนที่เด็กกว่าเขาถมเถไป เด็กน้อยอายุสิบห้าสิบหกเดินเกลื่อนกลาด

กระทั่งคืนนั้นเขาก็พบว่าตนเองไม่อาจนอนกับเจี่ยนหรงได้เลย

ลู่ป๋อหยวนสูบบุหรี่ “ฉันชอบคนอื่น คนอื่นก็ต้องชอบฉันมาก?”

XIU พูดว่า “นั่นก็จริง”

“…”

พอเห็นเขาทำสีหน้าเหมือนหมดคำจะพูด XIU จึงกระแอมหนึ่งครั้ง “ต่อให้ไม่ชอบ นายก็ไปตามจีบได้”

ลู่ป๋อหยวนไม่ได้ตอบ

ง่ายดายขนาดนั้นซะที่ไหน

ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมทีม ไม่ได้นับว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และหากเจี่ยนหรงไม่ได้เพิ่งบรรลุนิติภาวะ เรื่องนี้เขาก็อาจจะไม่ได้คิดมากเลยสักนิด…

ที่สำคัญเจี่ยนหรงเป็นชายแท้หรือเบี่ยงเบนเขาก็ไม่แน่ใจ

สายตาที่มองมายังเขาดูเร่าร้อนกว่าใครๆ ทุกครั้ง

แต่อีกฝ่ายก็ยังเคยเล่นกับเพื่อนเล่นเกมผู้หญิง แฟนคลับหญิงทำมือเป็นรูปหัวใจให้เขาก็ยังยิ้มให้คนอื่นอย่างเบิกบานใจ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ลู่ป๋อหยวนก็สะบัดขี้บุหรี่โดยไม่มีสีหน้าแต่อย่างใด

 

เจี่ยนหรงกับเสี่ยวไป๋ลงแรงก์ติดต่อกันสามชั่วโมงแล้วในตอนที่พี่ติงนำมื้อดึกกลับมา

มื้อดึกของทุกครั้งหลังชนะการแข่งขันล้วนอุดมสมบูรณ์มาก แต่เจี่ยนหรงกินอย่างใจลอยอยู่บ้าง

เที่ยงคืนแล้วลู่ป๋อหยวนยังไม่กลับมา

ภายหลังต่อให้กลับมาแล้ว เขาก็อายที่จะดึงอีกฝ่ายมาลงแรงก์ด้วยกันอยู่ดี

“ดึกป่านนี้แล้ว พี่ชายฉันยังไม่กลับมาอีกเหรอ”

ความคิดในใจถูกคนพูดออกมา เจี่ยนหรงเงี่ยหูฟังเงียบๆ

พี่ติงดูนาฬิกา “ฉันโทรถามหน่อยดีกว่า”

พี่ติงโทรศัพท์เพียงสองนาที หลังวางสายเขาก็พูดว่า “ดื่มเบียร์น่ะ ไม่เป็นไร พวกนายกินเถอะ ฉันล้างมือแล้วจะไปรับเขา”

Pine ถามว่า “พี่จะไปรับยังไง”

พี่ติงตกตะลึง “ขับรถน่ะสิ ยังจะรับยังไงได้ ให้ฉันเดินเท้าไปแบกเขากลับมา?”

Pine ชี้เบียร์ชิงเต่าที่เขาเพิ่งเปิดมาแกล้มกับกุ้งมังกรเล็ก

พี่ติงนิ่งเงียบสองวินาที “ฉันจะโทรให้คนไปรับ…”

“ผมไปรับเอง”

พี่ติงมองดูเจี่ยนหรงด้วยความตกตะลึง จากนั้นทวนคำ “นายจะเดินเท้าไปแบกเขากลับมา?”

“ผมจะเรียกแท็กซี่” เจี่ยนหรงพูด “อยู่ที่แคมป์อุดอู้มาก อยากออกไปเดินเล่นพอดี”

พี่ติงไม่ค่อยวางใจ “ฟังจากเสียงแล้วฉันว่าเขาเหมือนจะเมานิดหน่อย นายพยุงเขาไหว?”

เจี่ยนหรงถอดถุงมือแล้วขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมที่ชั้นบน ปล่อยให้คำพูดที่เอ่ยออกมาล่องลอยอยู่ในห้องนั่งเล่น “…ไหวครับ ผมล่ำมาก”

ยี่สิบนาทีให้หลังเจี่ยนหรงถูกพนักงานของร้านคาราโอเกะพาไปยังห้องส่วนตัวที่พี่ติงบอกเขา

ภายใต้การกำชับของพี่ติง เจี่ยนหรงใช้ผ้าปิดปากและหมวกปิดบังตัวเองอย่างมิดชิด ยืนอยู่ตรงปากประตูห้องส่วนตัวเหมือนคนที่มาทำลายบรรยากาศ

ชายหญิงในห้องส่วนตัวต่างมองดูเขาด้วยความตกตะลึง เจี่ยนหรงเองก็มองดูพวกเขาเช่นกัน มีผู้ชายหลายคนที่คุ้นตา ส่วนผู้หญิง…ล้วนไม่รู้จัก

แต่ทุกคนหน้าตาสวยมาก

XIU ได้สติกลับมาเป็นคนแรก เขารีบใช้ข้อศอกกระแทกลู่ป๋อหยวนที่ก้มหน้าดื่มเบียร์อยู่ด้านข้าง “…เด็กน้อยมาแล้ว”

ขณะนั้นลู่ป๋อหยวนนั่งอยู่กลางกลุ่มคน พิงอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน สองขาแยกออกอย่างสบายๆ

เขาเหลือบตาขึ้นสบตากับเจี่ยนหรงเงียบๆ สองวินาที จากนั้นพูดกับคนที่ข้างกายว่า “เขยิบไปหน่อย”

เจี่ยนหรงเพิ่งถอดผ้าปิดปากกับหมวกก็ถูกคนจำได้แล้ว

“หือ? เจ้าผมฟ้า?”

XIU รีบพูดแก้ “เขามีชื่อ ไม่ได้ชื่อเจ้าผมฟ้า”

คนคนนั้นโบกมือ “ชื่อไม่สำคัญ ฉันจำ LeBlanc ของเขาได้”

แม้เจี่ยนหรงจะรู้สึกว่าหลายคนในนี้คุ้นตามาก แต่กลับนึกไม่ออกชั่วขณะว่าเป็นใคร

“UU ซานหยาง อวี้หมี่เจวี่ยน” เสียงของลู่ป๋อหยวนแหบอยู่บ้าง เอ่ยแนะนำว่า “ต่างเป็นนักแข่งรีไทร์”

XIU เสริมอีกหนึ่งประโยค “พวกเขาต่างเป็นนักแข่งเก่าของ PUD พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ก่อนแข่งแล้ว ต่อมามีแต่กัปตันนายที่ไป TTC”

“ฉันยังหล่ออยู่ไม่น้อย แต่ก็รีไทร์มานานมากแล้ว ไม่รู้จักก็ปกติ” UU มองไปยังลู่ป๋อหยวน “ไม่ให้พวกเราแนะนำตัวอย่างเป็นทางการสักหน่อย?”

เจี่ยนหรงเพิ่งคิดแนะนำตัวเอง ไหล่ก็พลันถูกคนจับไว้เบาๆ

ลู่ป๋อหยวนเพิ่งหยิบขวดเบียร์มา ฝ่ามือเลยเย็นเฉียบเล็กน้อย

“Soft เจี่ยนหรง มิดเลนคนใหม่ของทีมฉัน”

“เจี่ยนหรง เพราะดี” UU วางแก้วไว้เบื้องหน้าเจี่ยนหรง “มา ดื่มด้วยกันสักพัก”

ลู่ป๋อหยวนเอ่ย “เขาไม่ดื่ม”

“ทำไม ยังไม่บรรลุนิติภาวะ?”

เจี่ยนหรงพูดทันที “บรรลุนิติภาวะแล้วครับ”

“คอไม่แข็ง ไม่ให้เขาดื่ม” ลู่ป๋อหยวนดูนาฬิกา “ห้องส่วนตัวเปิดถึงกี่โมง”

“ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมง ไม่รีบ นั่งอีกสิบนาที รอกินเค้กวันเกิดของ XIU แล้วค่อยไป”

ลู่ป๋อหยวนขบคิด “ได้”

XIU ยิ้มพลางด่า “พวกนายนี่มันไม่ใช่คนจริงๆ วันเกิดฉันผ่านมาตั้งหนึ่งสัปดาห์แล้ว”

เจี่ยนหรงนั่งอยู่ด้านข้างลู่ป๋อหยวน ในหัวสมองยังมีคำว่า ‘คอไม่แข็ง’ ลอยอยู่

สองมือของลู่ป๋อหยวนวางไว้บนตักขณะก้มตัวเล็กน้อยเล่นทอยลูกเต๋ากับพวกเขา เสียงเพลงในห้องส่วนตัวดังเกินไป คนอื่นตะโกนตัวเลขจนหน้าแดงหูร้อน มีเพียงลู่ป๋อหยวนที่ไม่เอ่ยปากเลย ชูนิ้วมือเป็นสัญลักษณ์ง่ายๆ ก็นับว่าบอกตัวเลขแล้ว

เจี่ยนหรงยังนึกถึงเรื่องโง่เขลาที่ตนเคยทำตอนเมามายก่อนหน้านี้จึงพิงโซฟาพลางดึงผม

UU แพ้อีกแล้ว สบถด่าแล้วยื่นบุหรี่ให้ลู่ป๋อหยวน แต่ชายหนุ่มปฏิเสธ

“พอเด็กใหม่ในทีมมา นายก็แสร้งทำตัวดีเลย?”

ลู่ป๋อหยวนไม่ได้ตอบ เขาปิดถ้วยลูกเต๋า “ตาสุดท้าย”

ตาสุดท้ายลู่ป๋อหยวนเป็นคนดื่ม เขาดื่มเสร็จจึงโยนฝาของถ้วยลูกเต๋าไปด้านข้าง บอกว่าไม่เล่นแล้ว

ดังนั้นผู้ชายหลายคนนี้จึงไปแย่งไมค์จากกลุ่มผู้หญิง

เสียงของผู้ชายมักดังกว่าผู้หญิง UU จึงปรับระดับเสียงประกอบให้ดังขึ้น ต่อมาก็แร็พอย่างที่ใครก็ฟังไม่เข้าใจร่วมกับ XIU หนึ่งเพลง

แสงไฟในห้องส่วนตัวมืดสลัว ลู่ป๋อหยวนอดทนกับเสียงที่ทำลายโสตประสาท หันมองไปยังข้างกายแวบหนึ่ง

เจี่ยนหรงสวมเสื้อคลุมที่บางมากตัวหนึ่ง ด้านในยังคงเป็นชุดลำลองที่ใส่ในแคมป์คืนนี้ สองมือล้วงกระเป๋านั่งเรียบร้อยมาก

ลู่ป๋อหยวนกำลังคิดถามเจี่ยนหรงว่าโน้มน้าวพี่ติงจนยอมให้ออกมารับตนได้อย่างไร ก็เห็นเจี่ยนหรงพลันมองดูซ้ายขวาแวบหนึ่ง หลังแน่ใจว่าไม่มีคนมองมาทางพวกเขา จึงลอบหยิบของในกระเป๋าออกมา

ลู่ป๋อหยวนยังมองเห็นไม่ชัดว่าคืออะไร เจี่ยนหรงก็ดึงมือที่ห้อยอยู่บนโซฟาของเขามาเบาๆ ท่ามกลางความมืดสลัว ก่อนยัดสิ่งนั้นใส่มือลู่ป๋อหยวน

เป็นนมวัวบรรจุกล่องกล่องหนึ่ง

ลู่ป๋อหยวนตกตะลึงเล็กน้อย เจี่ยนหรงเอนตัวไปทางเขาเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาว่า “ไม่รู้ว่ามีคนมากขนาดนี้ ผมเลยซื้อมาแค่กล่องเดียว”

ลู่ป๋อหยวนถือกล่องนมเอาไว้ เลิกคิ้วถามเขาว่า “นายก็รู้เรื่องนี้ด้วย?”

“พี่ติงบอกผมก่อนออกมา ดื่มสิ่งนี้บำรุงกระเพาะหลังดื่มแอลกอฮอล์” เจี่ยนหรงเห็นเขาไม่ขยับจึงเอ่ยเร่งเสียงแผ่ว “คุณดื่มสักอึกสองอึกสิ”

ลู่ป๋อหยวนหลุบตาเอาไว้ คร้านที่จะขยับ “มืดเกินไป ออกไปค่อยว่ากัน”

เจี่ยนหรงหยิบนมวัวกลับมา ดึงหลอดออกมาแล้วเสียบลงไปอย่างแม่นยำ ค่อยยื่นให้ลู่ป๋อหยวน “เสร็จแล้ว คุณดื่มสักหน่อย”

ลู่ป๋อหยวนจ้องมองหลอดนั้นอยู่หลายวินาที ก่อนรับมาดื่มหนึ่งอึกใหญ่

เจี่ยนหรงพอใจแล้ว

นั่งอยู่ครู่หนึ่งเขาก็นึกอะไรขึ้นมาอีก “ใช่แล้ว เรื่องของส้มน้อย…”

XIU นั่งโคลงศีรษะอยู่ข้างไมโครโฟนตั้งพื้น มือข้างหนึ่งชูขึ้นสูงๆ พลางโบกส่งเดช “AYO เอฟวรี่บอดี้ ดั๊งก์ใส่หัวนาย!”

ลู่ป๋อหยวน “หืม?”

เจี่ยนหรง “ส้มน้อย…”

XIU ส่ายหัวอีกเล็กน้อย “No Fly! ฉันไม่ใช่ไอดอลของนาย!”

เจี่ยนหรง “…”

เขากลั้นความวู่วามที่อยากจะทุบไมโครโฟนเอาไว้ เขยิบไปทางลู่ป๋อหยวนตามสัญชาตญาณ

บนร่างลู่ป๋อหยวนมีกลิ่นบุหรี่ เจี่ยนหรงไม่ชอบบุหรี่มือสองและไม่ชอบดมกลิ่นบุหรี่ แต่กลิ่นบนร่างของลู่ป๋อหยวนกลับไม่เหมือนกับคนสูบบุหรี่คนอื่นๆ

กลิ่นจางมากและหอมมาก

เจี่ยนหรงตั้งสติ “…ผมจะบอกว่า เงินที่คุณจ่ายให้ส้มน้อยไป ผมจะโอนคืนให้”

ลู่ป๋อหยวนไม่ได้พูด

เพราะคิดว่าเขายังไม่ได้ยิน เจี่ยนหรงเลยเขยิบไปข้างหน้าอีก “คุณจ่ายเงินให้ส้มน้อยมากเกินไปแล้ว มัน…”

ลู่ป๋อหยวนหันหน้ามา เสียงของเจี่ยนหรงหยุดลงกลางคัน

ลู่ป๋อหยวนอยู่ในสภาวะมึนเมาเล็กน้อย ขนตาของเขาหลุบลง นัยน์ตาลึกล้ำเหมือนทะเลสาบ

ตอนนั้นเองเจี่ยนหรงถึงค่อยพบว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันเหลือเกิน

ใกล้จนขอเพียงพวกเขาขยับไปข้างหน้าอีกนิดเดียวก็จะแตะถูกตา จมูก และปากของอีกฝ่ายได้

XIU ยังคงร้องโหยหวนอยู่อย่างนั้น

ลู่ป๋อหยวนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “มันอะไร”

ลมหายใจของลู่ป๋อหยวนแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น เจี่ยนหรงกะพริบตาสองทีแล้วพูดว่า “มันเป็นแค่แมวบ้านๆ ตัวหนึ่ง ใช้เงินมากขนาดนั้นไม่หมดหรอก”

ลู่ป๋อหยวนไม่ได้พูดคำใด

เจี่ยนหรงรู้สึกว่าตนใกล้จะจมน้ำในทะเลสาบตายแล้ว เขาต้านทานสายตาที่ลู่ป๋อหยวนมองมาแบบนี้ไม่อยู่จริงๆ

เจี่ยนหรงหลบสายตา พยายามพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “อีกอย่างมันกินอาหารกระป๋องทุกมื้อจะทำให้อ้วนง่าย ถึงเวลาจะสู้แมวจรจัดข้างนอกไม่ได้…”

“เจี่ยนหรง” ลู่ป๋อหยวนพลันเรียกเขา

“หืม?”

ลู่ป๋อหยวนพูดช้ามากๆ “อายุสิบแปดแล้ว เคยชอบผู้หญิงมั้ย”

เจี่ยนหรงตกตะลึงครู่เดียวแล้วตอบอย่างรวดเร็วว่า “ไม่เคย”

“ไม่เคยเลยสักคน?” ลู่ป๋อหยวนชะงักเล็กน้อย “ม.ปลาย ม.ต้น ประถม อนุบาล…”

“ไม่เคย ไม่เคยเลยสักคน”

ลู่ป๋อหยวนพยักหน้า

“งั้นผู้ชายล่ะ”

สมองเจี่ยนหรงว่างเปล่าชั่วขณะ สายตาที่มองไปยังลู่ป๋อหยวนตื่นตระหนกและมีความร้อนตัว

ลู่ป๋อหยวนยังคงมองเขา สุ้มเสียงทุ้มต่ำกระแทกหูเจี่ยนหรง ชัดเจนกว่าเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ ในห้องส่วนตัวแห่งนี้ “อนุบาล ประถม ม.ต้น ม.ปลาย ตอนนี้…มีผู้ชายที่ชอบมั้ย”

 

* PK ย่อมาจากคำว่า Player Killing เป็นภาษาอินเตอร์เน็ตที่ชาวจีนนิยมใช้ หมายถึงการแข่งขันหรือการต่อสู้

** เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา อารมณ์ทั้งเจ็ด ได้แก่ ยินดี โทสะ เศร้าโศก ร่าเริง รัก เกลียด และราคะ ส่วนปรารถนาทั้งหก หมายถึงจิตใจที่เอนเอียงเพราะรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ปรุงแต่ง

82

XIU ยังคงร้องเพลงที่เจี่ยนหรงได้ยินไม่ชัดเลยสักคำ

เจี่ยนหรงถือมือถือไว้ในมืออยู่ตลอดเพื่อตอบข้อความพี่ติง ถ้าเขาออกแรงอีกหน่อย ตอนนี้มือถือก็คงถูกบีบจนระเบิดแล้ว

…ถูกจับได้แล้ว

ขณะความคิดนี้กระโดดออกมาเจี่ยนหรงเองก็ตกใจจนสะดุ้ง

จังหวะนั้น ท่อน ‘ดั๊งก์ใส่หัวนาย’ ที่หากห้องส่วนตัวข้างๆ ได้ยินเป็นต้องถือมีดมาฟัน XIU ได้ดึงสติของเจี่ยนหรงกลับมา

เจี่ยนหรงถามกลับไปว่า “…ทำไมถามเรื่องนี้”

เขาร้อนตัวถึงขีดสุด ขณะพูดก็กะพริบตาตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว

ลู่ป๋อหยวนได้ยินไม่ชัด เขาหันศีรษะไปทางเจี่ยนหรงเล็กน้อย บอกเป็นนัยให้เจี่ยนหรงพูดอีกครั้งหนึ่ง

เจี่ยนหรงได้กลิ่นแอลกอฮอล์ของลู่ป๋อหยวนผสมมากับกลิ่นบุหรี่ กลายเป็นกลิ่นที่ชวนให้ใจสั่นอีกประเภทหนึ่ง

เจี่ยนหรงตัวแข็งทื่อหมดแล้ว เขาไม่ขยับเขยื้อน “ผมพูดว่า…ทำไมถามเรื่องนี้ พี่ติงจะ…จะจดเอาไว้เหรอ กลัวผมมีความรักก่อนวัย?”

จากนั้นเขาจึงได้ยินลู่ป๋อหยวนหัวเราะด้วยเสียงคลุมเครือและทุ้มต่ำ กลบเสียงเพลงที่ไม่ได้เรื่องของ XIU เอาไว้

ด้วยระยะห่างนี้ลู่ป๋อหยวนยกคางขึ้นแล้วพูดข้างหูเจี่ยนหรงว่า “ฉันอยากรู้เอง”

หนึ่งวินาทีให้หลังเขาก็พูดอีกว่า “อายุสิบแปดแล้ว ไม่ถือว่ามีความรักก่อนวัย”

ขณะเดียวกับที่หัวสมองของเจี่ยนหรงชะงักงัน ก็ยังไม่ลืมที่จะด่าคนดูในสตรีมของตัวเองในใจ คนเหล่านั้นต่างล้างสมองโดยการกรอกหูเขาทุกวันว่าอย่ามีความรักก่อนวัยเพราะจะส่งผลต่อการงาน แม่งทำกันถึงขั้นนี้แล้ว ในใจเขาล้วนกำลังคิดเรื่องเหลวไหลที่ว่ามีความรักก่อนวัยหรือไม่

เพราะรูปร่างหน้าตาของเจี่ยนหรง ตอนที่เขาสตรีมจึงมักมีคนบอกว่าเขาเป็นคนตุ้งติ้งและเกย์ ทุกครั้งเขาล้วนตอบโต้ด้วยคำว่า ‘ฉันคือพ่อนาย’ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ทว่าตอนนี้แม้แต่คำพูดปฏิเสธคำเดียวเขาก็พูดไม่ออก แถมยังร้อนรนด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่ตนแอบมองลู่ป๋อหยวนแล้วถูกจับได้คาที่ขณะดูวิดีโอใจสั่นอะไรนั่นที่แคมป์ก่อนหน้านี้ย้อนกลับมาอีกครั้ง

ตอนนั้นแอบมองแล้วถูกจับได้จริงๆ

ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมถึงจินตนาการว่าถูกลู่ป๋อหยวนหิ้วคอเสื้อจับได้อีกแล้ว…

ลู่ป๋อหยวนวางแก้วเบียร์ลง ท่าทางปกติมาก ในสายตาของเจี่ยนหรงที่ร้อนตัวกลับเหมือนเป็นการเร่งเร้าหลังจากที่รอมานานแล้ว

สมองของเจี่ยนหรงตื้อไปหมด หัวใจหวาดหวั่น ได้แต่พูดออกไปแบบหัววัวไม่ตรงกับปากม้า* “ทำไมถามเรื่องนี้ คุณเหยียดพวกรักร่วมเพศเหรอ”

สองวินาทีให้หลังเจี่ยนหรงก็คิดว่า ฉันถามคำถามอะไรเนี่ย ไม่สู้ฉันลงโทษตัวเองโดยการตบหน้าสามทีดีกว่า

เมื่อมองเห็นสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยของลู่ป๋อหยวน เจี่ยนหรงรู้สึกอีกว่าการตบหน้าแก้ไขปัญหาไม่ได้

ลู่ป๋อหยวนตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็กลับสู่ความปกติอีกครั้ง

เขาพูดว่า “ฉันเหยียดตัวฉันเอง?”

เจี่ยนหรง “…”

จบแล้ว

ฉันเหมือนได้ยินไม่ชัด

ต้องฟังผิดหรือฟังพลาดไปแน่เลย

เจี่ยนหรงพึมพำว่า “…พูดว่าอะไรนะ”

เสียงของ XIU สกัดคำพูดพึมพำประโยคนี้ของเจี่ยนหรงเอาไว้ ลู่ป๋อหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

ดังนั้นเจี่ยนหรงจึงถามด้วยเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “คุณพูดว่าอะไรนะ…”

หนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก เสียงเพลงพลันขาดห้วงและผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเจี่ยนหรงก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาเปิดพอดี…

“พูดว่าอะไรนะ…”

“อะไรนะ…”

“นะ…”

เสียงของเจี่ยนหรงดังก้องอยู่ในห้องส่วนตัวเนิ่นนาน

คนทั้งหมดในห้องส่วนตัวมองมาพร้อมกัน เจี่ยนหรงมองดูใบหน้าด้านข้างของลู่ป๋อหยวน ตัดสินใจว่าอีกสักครู่จะออกจากร้านคาราโอเกะแล้วเรียกแท็กซี่หนีไป

UU ที่เปลี่ยนเพลงโดยพลการได้สติกลับมาเป็นคนแรก ด่าคนที่อยู่ข้างไมโครโฟนตั้งพื้น “นายร้องเพลงที่คนฟังเข้าใจหน่อยได้มั้ย”

XIU ถือไมโครโฟนอยู่ “…นายจะไปเข้าใจอะไร นี่เรียกว่าฮิพฮ็อพ!”

“ฮิพแม่นายสิ คนอื่นร้องเป็นฮิพฮ็อพ นายร้องอย่างกับสวดมนต์…ออกเสียงยังไม่ชัดเล้ย”

XIU ด่าพลางวางไมโครโฟนลง ไม่นานเพลงต่อไปก็ดังขึ้นแล้ว อินโทรผ่อนคลายขึ้นทำให้ทุกคนรู้สึกสบายหูไม่น้อย

ยกเว้นเจี่ยนหรง

ตอนนี้ถ้าใครเอาบุหรี่มาวางไว้บนหูของเขาก็อาจติดไฟได้ทันที

XIU เดินมาหาเขาตรงๆ ถือโอกาสลาก UU มาด้วย ปากพึมพำว่า “ฉันรู้แล้วว่าอาจจะพูดคุยและร้องเพลงดีๆ กับไอ้ลูกหมาอย่างนายไม่ได้ ถ้าคืนนี้ไม่ดื่มให้เมาตาย วันหลังสองเราไม่อาจแข่งขันอย่างสบายใจได้อีก”

หนึ่งวินาทีก่อนที่พวกเขาจะเดินมาถึง ลู่ป๋อหยวนทวนคำพูดเมื่อกี้อย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง

“ฉันบอกว่าฉันชอบผู้ชาย” เขาพูด “ตอนนี้”

เจี่ยนหรงยังไม่หลุดออกจากสภาวะตะลึงงัน XIU ก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างลู่ป๋อหยวนแล้ว

XIU เทเบียร์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว “เชี่ยเอ๊ย เมื่อกี้ฉันมองมาแวบหนึ่งคิดว่านายสองคนกำลังจูบกันซะอีก”

เจี่ยนหรง “…”

UU “…?”

ลู่ป๋อหยวนถอยหลังกลับไปที่เดิม

ถึงจะเป็นแบบนี้แต่เจี่ยนหรงเองก็รู้สึกว่าพวกเขาใกล้กันเกินไป เด็กหนุ่มดึงเสื้อคลุมที่ยับยู่ยี่ตรงหน้าอกเล็กน้อยด้วยความกลัวว่าลู่ป๋อหยวนจะได้ยินเสียงหัวใจของเขา

UU ยิ้มพลางด่า “นายประสาทเหรอ ผู้ชายสองคนจูบอะไรกัน”

เมื่อตระหนักได้ว่าตนพลั้งปากออกไปแล้ว XIU ก็รีบกระแอมให้คอโล่ง “ทำไมผู้ชายสองคนจะจูบกันไม่ได้ นายเป็นคนหลงยุคจากสมัยราชวงศ์ชิง? ว่าแต่ทำไมไอ้เวรนั่นยังไม่มา รอมาครึ่งค่อนวันแล้วนะ”

“วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีแขกเยอะ เรียกพนักงานก็ต้องรอกันครึ่งวันถึงจะมา รออีกสักแป๊บเถอะน่า รีบร้อนอะไร” UU ยิ้มพลางมองไปด้านหลังลู่ป๋อหยวน “Soft อย่าอยู่เฉยสิ ดื่มเหล้าไม่ได้ร้องเพลงแทนก็ได้ ไปเลือกเพลง แซงคิวได้ตามใจ”

เจี่ยนหรงดีใจที่ไฟในห้องส่วนตัวมืด

เขาก้มหน้าลง ซ่อนใบหน้าของตัวเองเอาไว้แล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “ไม่เอา ผมร้องไม่เป็น”

UU เลิกคิ้ว “นายเคยเป็นสตรีมเมอร์ไม่ใช่เหรอ ร้องเพลงไม่เป็น?”

“ใช่ว่าคนอื่นจะต้องอาศัยการร้องเพลงดึงดูดแฟนคลับ” XIU เทเบียร์ให้เขาเต็มแก้ว “เลิกพูดได้แล้ว ดื่มเบียร์”

แก้วของลู่ป๋อหยวนเองก็ถูกเทเบียร์ เขาไม่ได้พูดอะไร หยิบขึ้นมาชนแก้วกับ XIU

เจี่ยนหรงก้มหน้าเอาไว้ ไม่นานก็ใจเย็นลงได้บ้าง

ลู่ป๋อหยวนชอบผู้ชาย แล้ว…ชอบผู้ชายคนไหนล่ะ

ตอนแรกเจี่ยนหรงคิดว่าเป็นตัวเอง

แต่หลังลู่ป๋อหยวนกลับไปชนแก้วกับ XIU อย่างรู้ใจ…เขาก็รู้สึกอีกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดสมเหตุสมผลเกินไป

ในสายอาชีพของพวกเขาล้วนเป็นผู้ชายแทบทั้งหมด คนใหม่ เด็กฝึก ไปจนถึงจังเกิ้ลสำรองในทีมพวกเขาล้วนเป็นแฟนบอยของลู่ป๋อหยวน นักแข่งที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ LPL เหล่านั้นก็รู้จักลู่ป๋อหยวน ถึงขั้นดาราชายหลายคนก็อยากเล่นเกมกับลู่ป๋อหยวน

การที่ลู่ป๋อหยวนจะชอบใครล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น

อีกอย่างตอนนี้ลู่ป๋อหยวนดื่มแอลกอฮอล์ ดูเหมือนจะเมาเล็กน้อย การที่จู่ๆ จะเปิดตัวกับเขาก็ไม่แปลก

หัวใจของเจี่ยนหรงยังคงเต้นเร็ว แต่ท่าทีของเขาสงบลงแล้ว ขณะลู่ป๋อหยวนพูดคุยกับ XIU อยู่นั้นเขาก็ฉวยโอกาสยกมือขึ้นมา ออกแรงนวดใบหน้าของตัวเอง

XIU เบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา “จริงสิ สัปดาห์ที่แล้วแข่งกับพวกนายเสร็จ หลัง Savior กลับไปก็พูดถึงมิดเลนของนายอยู่ตลอด”

เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่เพราะตอนนี้เสียงเพลงเบาๆ ดูผ่อนคลาย เจี่ยนหรงเองก็ได้ยินเช่นกัน

เจี่ยนหรงอยู่ในสภาวะครุ่นคิด ฟังอย่างไม่ได้ตั้งใจนักจึงไม่ได้ยินคำว่า ‘มิดเลนของนาย’ ที่ XIU ใช้

ลู่ป๋อหยวนดื่มเบียร์ “พูดถึงว่าอะไร”

“บอกว่าคราวหน้าต้องชนเลนชนะให้ได้”

XIU เตรียมตัวฟังคำเยาะเย้ยจากเจี่ยนหรงแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวจะกำลังจ้องไปที่จุดหนึ่งอย่างเหม่อลอย แม้แต่คำเยาะเย้ยสักคำก็ไม่มี

“คิดมากไปแล้ว”

XIU ตกตะลึง มองไปยังลู่ป๋อหยวน “อะไรนะ”

ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก พนักงานร้านคาราโอเกะเข็นขนมเค้กเข้ามา บนรถขนมเค้กยังห้อยลูกโป่งเอาไว้สองใบ

“รอรอบเพลย์ออฟแล้วกัน” ลู่ป๋อหยวนตบไหล่ของเขา “ไปเป่าเทียน”

XIU “…”

แม่งเอ๊ย การตบไหล่ของลู่ป๋อหยวนทำให้เขามีความรู้สึกประเภท ‘กินข้าวมื้อนี้เสร็จจะได้ออกเดินทาง’*

หลังเป่าเทียนเจี่ยนหรงแบ่งเค้กออกมาหนึ่งชิ้น เขากินเชอรี่บนครีมโดยที่ไม่ได้แตะเนื้อเค้กแต่อย่างใด

เขาฟังพวกลู่ป๋อหยวนกับ UU คุยเรื่องในอดีต ดูดซับข้อมูลอย่างเชื่องช้า…

ในห้องส่วนตัวล้วนเป็นนักแข่งยุคแรกของ LPL นอกจากลู่ป๋อหยวนกับ XIU แล้วคนอื่นต่างรีไทร์กันหมด พวกเขารู้จักกันนานแล้ว เมื่อก่อนเล่นเกมด้วยกันที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ร้านหนึ่งทุกวัน ตอนที่ลู่ป๋อหยวนทะเลาะกับพ่อก็อยู่ที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่แทบทุกวัน…

เจี่ยนหรงตกตะลึง ได้สติกลับมาทันที

UU กำลังเล่าด้วยความตื่นเต้น “ทุกวันตอนที่ฉันกลับบ้านนอนเขาลงแรงก์อยู่ที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ตอนที่ฉันตื่นเขาก็ยังลงแรงก์อยู่ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ นายแตกต่างอะไรกับเด็กเรียนที่แอบเรียนรู้พวกนั้น”

ลู่ป๋อหยวนหัวเราะพรืด “ฉันต้องแอบฝึก ให้นายรู้ได้เหรอ”

“พูดถึงตรงนี้ ตอนนั้นที่พ่อนายบุกมาที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ด้านหลังยังพาคนใส่สูทมาด้วยหลายคน เหตุการณ์นั้นทำฉันตกใจจนสะดุ้ง”

“เชี่ย ฉันจำได้ ตอนนั้นนอกร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เถื่อนมีรถหรูจอดเป็นแถว คนทั้งถนนต่างหยุดดู!”

“ถ้าฉันมีฐานะทางครอบครัวแบบนี้ ฉันยังจะเล่นเกมไปทำหอกอะไร…”

เจี่ยนหรงฟังแล้วตกตะลึง

เขารู้ว่าบ้านลู่ป๋อหยวนมีเงิน มองแวบเดียวก็รู้ว่าคุณพ่อลู่คุณแม่ลู่เป็นคนมีการศึกษาที่ประสบความสำเร็จสูงมาก แต่…ลู่ป๋อหยวนเคยทะเลาะกับที่บ้านด้วย?

ขณะที่เขากำลังก้มหน้าฟังอยู่ เชอรี่เปื้อนครีมลูกหนึ่งก็ถูกวางไว้ในจานเค้กของเขา

ลู่ป๋อหยวนยังคงพูดคุยกับเพื่อนสนิท หลังแบ่งเชอรี่ออกไปแล้วเขาค่อยวางจานเค้กลง “เอาล่ะ ไม่มีเรื่องอื่นให้คุยแล้ว?”

เมื่อกินเค้กเสร็จลู่ป๋อหยวนก็พาเจี่ยนหรงจากไปโดยไม่สนใจการเหนี่ยวรั้งของ UU

ด้านนอกร้านคาราโอเกะล้วนเป็นรถแท็กซี่ คนทั้งสองขึ้นแท็กซี่คันหนึ่ง ได้เจอคนขับที่ไม่ชอบพูดด้วยความโชคดี

เจี่ยนหรงจ้องไปนอกหน้าต่าง ในหัวสมองยังคงวนเวียนกับคำถามนั้น

ลู่ป๋อหยวนชอบใครกันแน่

ลู่ป๋อหยวนกดเปิดหน้าต่างลงเป็นช่องเล็กๆ ให้ลมยามค่ำคืนพัดเข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์บนร่างลอยไปทางเจี่ยนหรงทั้งหมด

ลู่ป๋อหยวนกำลังคุยโทรศัพท์กับพี่ติง พี่ติงไม่เข้าใจว่าตนให้เจี่ยนหรงไปรับคน แต่รับไปรับมาเจี่ยนหรงเองก็เงียบไปแล้ว ไม่ตอบข้อความ แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่รับจนเขาเกือบไปแจ้งตำรวจแล้ว

ลู่ป๋อหยวนกวาดตามองเจี่ยนหรงซึ่งกำลังเหม่อลอยอยู่ข้างกายแวบหนึ่ง เริ่มสงสัยว่าคำที่ตนพูดในห้องส่วนตัว คนคนนี้ได้ยินชัดกี่ประโยคกันแน่

“เขาไม่เป็นไร”

“ผมจะมีเรื่องอะไรได้”

“ดื่มไม่เท่าไหร่ ไม่เมา กำลังกลับแล้วครับ”

 

พอถึงแคมป์แล้วจึงสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงิน

ขาข้างหนึ่งของลู่ป๋อหยวนเพิ่งก้าวลงจากรถ

“คุณชอบใครเหรอ…”

เจี่ยนหรงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

เขาอยากรู้เหลือเกิน พยายามอดทนอดกลั้นตั้งแต่ร้านคาราโอเกะจนถึงตอนนี้ แต่เขากลั้นไม่อยู่จริงๆ

เขารู้สึกว่าถ้าไม่ถามให้ชัดในคราวเดียวล่ะก็ คืนนี้ คืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆ ไปเขาคงนอนไม่หลับแน่

เจี่ยนหรงเอามือข้างหนึ่งช่วยลู่ป๋อหยวนจับประตูรถ มืออีกข้างชูขึ้นมาสาบานว่า “ผมจะไม่พูดต่อเด็ดขาด ถ้าผมพูดออกไปขอให้เล่นแพ้ติดต่อกันทุกวัน ด่าสู้คนดูไม่ได้ ถูกฆ่าเละเทะตอนชนเลน…”

ลู่ป๋อหยวนลงจากรถ ปิดประตู จากนั้นจูงข้อมือของเจี่ยนหรงไว้

เขาจูงเจี่ยนหรงไปในเงามืดทางขวาของไฟริมทาง

เจี่ยนหรงคิดว่าเขาไม่ชอบที่ตนเองถามมากเกินไปจึงเอ่ยว่า “แน่นอนว่าถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร”

ลู่ป๋อหยวนฟังแล้วแย้มยิ้ม เขาปล่อยมือของเจี่ยนหรงออก

“ดูเหมือนว่าคำถามนี้ฉันเป็นคนถามนายก่อน ยื่นหมูยื่นแมวถึงจะยุติธรรม”

เจี่ยนหรง “…”

ผ่านไปเนิ่นนาน จู่ๆ เขาก็ตอบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ผม…อนุบาลไม่มี ประถมไม่มี ม.ต้น ไม่มี ม.ปลาย ก็ไม่มี”

พูดถึงตรงนี้เจี่ยนหรงก็ยกมือดึงผมของตัวเอง ตกอยู่ในความเงียบงัน

ลู่ป๋อหยวนรอเขาพูดจนจบอย่างเงียบๆ

เจี่ยนหรงพบว่าต่อให้ลู่ป๋อหยวนไม่ทำอะไรเลย แต่แค่ยืนก้มหน้ามองอยู่แบบนี้ เขาก็ตื่นเต้นจนตัวแทบระเบิดอยู่ดี

“ตอนนี้…” เจี่ยนหรงหลับตา “ตอนนี้ก็…เหมือน…มีคนที่ชอบหนึ่งคน…”

ลู่ป๋อหยวนถามว่า “ใคร”

แม้แต่การหายใจเจี่ยนหรงยังหายใจลำบาก แต่เขาไม่เคยยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “ยื่นหมูยื่นแมวถึงจะยุติธรรม…”

ด้านหลังถ่ายทอดเสียงดังแอ๊ดอันเสียดหูมา

“เชี่ย! ฉันตากกางเกงในไว้ที่ระเบียง มองลงมาจากไกลๆ ก็รู้ว่าเป็นนายสองคน!” ศีรษะของเสี่ยวไป๋ยื่นออกมาจากประตูเหล็กของแคมป์ ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ทำไมพวกนายไม่เข้ามา ข้างนอกหนาวมากนะ”

เจี่ยนหรง “…”

ฉันจะฆ่าซัพพอร์ต

การลงแรงก์เกมรองสุดท้ายของคืนนี้ ทำไมฉันต้องแฟลชเข้าไปช่วยไอ้โง่นี่

ตากกางเกงในก็ตากกางเกงในไปสิ นายเหลียวซ้ายแลขวาทำหอกอะไร

เวลานี้นายฝึกซ้อมเสร็จแล้ว? นายคิดว่าการแข่งขันในวันนี้นายเล่นได้ดีมากเหรอ

แสงไฟมืดมาก เสี่ยวไป๋มองเห็นไม่ชัดถึงความเดือดดาลและพังทลายในสายตาของมิดเลน เมื่อเห็นคนทั้งสองต่างไม่ตอบสนอง เสี่ยวไป๋ก็ดึงประตูเอาไว้พลางถามว่า “ไม่เข้ามาเหรอ พี่ติงรอพวกนายอยู่ข้างในนานแล้ว”

เจี่ยนหรงกำหมัดแน่นแล้วคลายออก คลายออกแล้วกำแน่น

กระทั่งมือของเขาถูกคนจับไว้เบาๆ

ในมุมที่เสี่ยวไป๋มองไม่เห็น ลู่ป๋อหยวนยื่นมือออกมา นิ้วมือของคนทั้งสองพัวพันกันสองวินาที

“นาย” เสียงของลู่ป๋อหยวนเบามาก ซ้ำยังแฝงไว้ด้วยความแหบพร่าหลังดื่มแอลกอฮอล์ “ชอบนาย”

 

* หัววัวไม่ตรงกับปากม้า หมายถึงการตอบไม่ตรงคำถามหรือเรื่องราวไม่สอดคล้องกัน

* กินข้าวมื้อนี้เสร็จจะได้ออกเดินทาง ประโยคนี้มักใช้พูดกับนักโทษประหาร หมายถึงหลังจากที่พวกเขากินอาหารมื้อนี้เสร็จก็จะถูกประหารชีวิต

 

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 3

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

  

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: