X
    Categories: everYPsychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4 บทที่ 146 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4

ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว

มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน

การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

บทที่ 146 คุณไม่ควรมีตัวตน

อีกนิดเดียวเข็มใหญ่ยักษ์จะแทงเข้าไปที่หัวใจของฟั่นข่ายเสวียนแล้ว เขามองประกายเยียบเย็นของปลายเข็ม ม่านตาหดตัวลง พูดเสียงแหบพร่า “หมอครับ ผมโอเค พวกคุณออกไปก่อน”

“ประธานฟั่นครับ โอเคหรือไม่โอเคไม่ใช่เรื่องที่คุณจะบอกได้ ต้องให้พวกเราบอก” หมอพิจารณาใบหน้าชุ่มเหงื่อของอีกฝ่ายเห็นว่าลมหายใจของฟั่นข่ายเสวียนสม่ำเสมอ สติแจ่มใส จึงเก็บเข็มฉีดยาและให้พยาบาลตรวจชีพจรกับความดันโลหิตของเขา ก่อนเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจหนึ่งหลอด

อุปกรณ์การแพทย์ทุกเครื่องกลับมาทำงานเป็นปกติ แสดงให้เห็นว่าร่างกายของฟั่นข่ายเสวียนกลับเป็นปกติแล้ว ตัวเลขระบบการทำงานของร่างกายเสถียร ถ้าไม่เห็นเองกับตา หมอก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ผู้ชายคนที่นอนอยู่บนเตียงคนนี้เป็นเหมือนปลาขาดน้ำ อยู่บนฝั่งที่แห้งผาก ได้รับความทุกข์ทรมานใกล้ตายและดิ้นพราด

ความเป็นกับความตาย ความหนุ่มกับความแก่ สองอย่างที่สุดโต่งนี้เกิดขึ้นกับคนคนเดียวภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี่เป็นปรากฏการณ์พิสดารที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบาย และเป็นโรคร้ายที่ไม่สามารถใช้วิชาแพทย์เพื่อรักษา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ฟั่นจยาหลัวมองเห็นล่วงหน้ามาตั้งแต่ต้น แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อเขา แม้แต่หมอเจ้าของไข้ยังชี้โทรทัศน์พลางหัวเราะเยาะฟั่นจยาหลัวเสียงดัง

“อัตราการทำงานของร่างกายกลับเป็นปกติ ความเสื่อมหยุดนิ่ง” หลังสรุปอัตราการทำงานของร่างกายทุกส่วน สายตาที่หมอมองฟั่นจยาหลัวก็เปลี่ยนเป็นสับสน ต่อให้เขาเชื่อมั่นในตัวคนคนนี้มากแต่การได้เห็นภาพมหัศจรรย์พวกนี้เองกับตายังคงทำให้เขาหวั่นไหว และบางครั้งยังต้องแอบถามตัวเองหนึ่งประโยคว่านี่ใช่เรื่องจริงหรือ

แม้แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ยังถูกชายหนุ่มทำให้หวั่นไหวถึงขั้นตั้งคำถาม แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ไม่เชื่อเขา ไม่ยอมรับเขา และไม่อภัยให้เขา โลกใบนี้เป็นของคนธรรมดา แทบไม่มีที่ให้คนที่มีความพิเศษเฉพาะตัวอยู่ ความแตกต่างคือความผิด นี่คือสาเหตุที่ทำให้ฟั่นจยาหลัวถูกปฏิเสธ ถ้าเขารู้จักแสร้งทำตัวเป็นคนธรรมดา พูดปดบ้าง ปล่อยๆ ไปบ้าง เขาอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้มาก แต่เขากลับไม่ยอม ยืนกรานที่จะใช้เหตุผลรับมือกับโลกใบนี้ ปลุกโลกใบนี้ด้วยเหตุนี้เขาจึงพบกับความยากลำบาก

พอคิดมาถึงตรงนี้หัวใจของหมอพลันบังเกิดความรู้สึกเศร้ารันทดใจหลากล้น ไม่จำเป็นต้องให้ฟั่นข่ายเสวียนเร่งให้เขาพาพวกพยาบาลออกจากห้องพักผู้ป่วยไปอีกครั้ง “ประธานฟั่นครับ ถ้ามีอะไรคุณกดกริ่งนะครับ แล้วเราจะรีบมา” หมอมองฟั่นจยาหลัว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “อาจารย์ฟั่นครับ ผมดีใจมากที่ได้รู้จักคุณ”

“ผมก็เช่นกัน ขอบคุณครับ” ฟั่นจยาหลัวยิ้มน้อยๆ ผงกศีรษะ ท่าทีนิ่งสงบ

หมอเดินจากไปอย่างอารมณ์ดีมาก เขาเลิกล้มความคิดที่จะแอบดูความลับของคนคนนี้ ถ้าอยากรู้อยากเห็นนัก เขาไปดูรายการโลกของผู้วิเศษเอาก็ได้ เพราะในชีวิตจริงควรให้อาจารย์ฟั่นได้เป็นตัวเองหน่อย

ฟั่นข่ายเสวียนคอยให้คนกลุ่มนี้เดินออกไปแล้วค่อยมองแม่ พูดทีละคำ ทีละประโยค “แม่ครับ ถ้าผมรู้สึกไม่ผิด เหมือนแม่จะควบคุมความเป็นความตายของผมได้? แม่อยากให้ผมตายผมก็ตาย แม่อยากให้ผมรอดผมก็รอดใช่หรือเปล่า” ชายหนุ่มไม่ใช่คนโง่ การดิ้นรนเพื่อกลับมาจากเส้นแบ่งเขตแห่งความตายหลายครั้งทำให้เขาจับสังเกตความจริงที่มองเห็นได้ชัดนี้ได้

ตอนแรกเขาเข้าใจว่าฟั่นจยาหลัวแกล้งตน คิดไม่ถึงว่าคนที่ใช้เขาเล่นละครลิงตัวจริงจะเป็นแม่ของตัวเอง เพื่อพินัยกรรมที่ยังไม่รู้ว่าถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือยังฉบับหนึ่ง เธอสามารถทำให้เขาตายได้ สามารถทำให้เขารอดได้ และยิ่งสามารถทำให้เขาอยู่แบบไม่สู้ตายได้ ฟั่นข่ายเสวียนไม่สนใจว่าเธอทำได้ยังไง เขาแค่อยากถามให้ชัดว่าสำหรับแม่ เขาเป็นตัวอะไร

“สำหรับแม่ เงินมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ” ฟั่นข่ายเสวียนจ้องแม่ตาเขม็ง

ข่งจิ้งแนบตัวติดผนังส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรง “ไม่ๆๆ จะเป็นไปได้ยังไง แม่…”

“ต้องสำคัญอยู่แล้ว ในเมื่อเงินคือเหตุผลที่ทำให้คุณมีตัวตน” ฟั่นจยาหลัวให้คำตอบที่จริงที่สุด โหดร้ายที่สุดแทนข่งจิ้ง

ฟั่นข่ายเสวียนหันไปมองเขาทันที สีหน้าคล้ายเจ็บปวดคล้ายเดือดดาลดูสับสนมาก “คุณรู้เรื่องอะไรบ้าง โรคของผมมันเกิดขึ้นได้ยังไง”

ติงอวี่ออกห่างจากเตียงผู้ป่วยไปนานแล้ว เขาเดินไปอยู่ด้านหลังของฟั่นจยาหลัว สายตาที่ชายหนุ่มมองเพื่อนสนิทเปลี่ยนจากความกังวลห่วงใยในตอนแรกเป็นนิ่งสนิทในตอนนี้ พอเห็นอาการของเพื่อนสนิทเหมือนจะคงที่ดี และสถานการณ์ทุกอย่างอยู่ในมือฟั่นจยาหลัว เขาจึงดึงตัวออกไป วินาทีแห่งความเป็นความตาย เพื่อนสนิทเลือกที่จะเชื่อข่งจิ้งและสงสัยในความทุ่มเทของเขา มันทำให้ติงอวี่เลิกตั้งความหวังกับอีกฝ่าย แต่ที่เขายังคงยืนอยู่ที่นี่ก็เพื่อความจริง

สายตาของทุกคนหันไปมองฟั่นจยาหลัว มีเพียงข่งจิ้งที่วิ่งไปที่ประตูเหมือนคนบ้า แต่กลับพบว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรตนก็เปิดประตูไม่ได้ ที่นี่กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฟั่นจยาหลัว ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ไม่ว่าใครก็ออกไปไม่ได้

“ฟั่นข่ายเสวียน สำหรับปัญหาของคุณ ควรถามแบบนี้มากกว่า” ฟั่นจยาหลัวมองข่งจิ้งที่ยังคงขยับลูกบิดประตูสุดชีวิต พูดเสียงเนิบ “คุณมีตัวตนได้ยังไง”

“ตัวตนของผม?” ฟั่นข่ายเสวียนมองมือแห้งแก่ของตัวเองแล้วเผลอครางออกมา “ตัวตนของผมมีปัญหาใช่มั้ย”

“มีปัญหาแน่นอน เพราะเดิมคุณไม่ควรมีตัวตน” ฟั่นจยาหลัวเคยพูดประโยคนี้สองครั้ง และทุกครั้งเขาเป็นต้องเจอกับความเคลือบแคลงและเยาะหยันจากผู้คนรอบตัว ทว่าครั้งนี้กลับไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นต่าง ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างกลั้นลมหายใจเพื่อเฝ้าคอยคำพูดต่อไปของเขา แม้แต่ข่งจิ้งที่บิดที่จับประตูเสียงดังแกร๊กๆ ยังหยุดกะทันหันเพื่อหันมา แนบแผ่นหลังของตัวเองติดกับบานประตู

ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดบางๆ ของเธอเหมือนจะหลุดออกจากเบ้า เธอไม่กล้าเชื่อว่าฟั่นจยาหลัวจะมองเห็นเรื่องเมื่อนานแสนนานมาแล้ว เขาเป็นตัวอะไรกันแน่

“ประโยคนี้หมายความว่ายังไง ถ้าผมไม่ควรมีตัวตน แล้วตกลงผมเป็นอะไร” ฟั่นข่ายเสวียนพิงหมอนอย่างอ่อนแรง ร่างกายที่เหงื่อแตกพลั่กยิ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ แต่ไม่นานเขาก็รับรู้ได้ว่าความอ่อนแอนี้ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่เป็นของจริง พลังชีวิตของเขาหายไปอีกครั้ง และเร็วกว่าสองสามครั้งก่อนหน้านี้มาก เขาคงทนต่อไปได้แค่อีกชั่วอึดใจ

ถ้าแม่สามารถควบคุมความเป็นตายของเขาได้จริง เวลานี้เธอย่อมมีแรงจูงใจในการฆ่าเขา เมื่อฟั่นจยาหลัวเริ่มเปิดเผยความจริงในอดีต เธอย่อมอยากให้เขาตายไปซะ! ความคิดนี้ไม่ได้ทำลายฟั่นข่ายเสวียน ตรงกันข้าม มันทำให้ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแหบออกมาเบาๆ เขาอยู่มาจนป่านนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าตัวตนของตัวเองถูกแม่ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

เขาหัวเราะพลางหอบหายใจ เหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากไหลลงมาที่แก้มไล่ไปถึงคอ ทำเอาชุดคนไข้บางๆ เปียกซ่ก ท่าทางน่าอเนจอนาถอย่างที่สุด ติงอวี่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนเดินเข้ามาใส่หน้ากากออกซิเจนและสวมเสื้อคลุมให้หนึ่งตัว พูดเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน “เลิกหัวเราะได้แล้ว ทำใจเถอะ”

จะให้เขาทำใจได้ยังไง สำหรับฟั่นข่ายเสวียน แม่คือทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขาพึ่งพาอาศัยกันมายี่สิบกว่าปี ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกัน ให้การสนับสนุนกันอย่างดีที่สุดในโลก เพราะอะไรถึงเดินมาถึงวันนี้ ฟั่นข่ายเสวียนโบกมือ เขาจ้องฟั่นจยาหลัวชนิดตาไม่กะพริบ เขาสาบานว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าระหว่างตัวเองกับแม่คืออะไร!

ฟั่นจยาหลัวมองเขานิ่งๆ น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนงึมงำ “ฟั่นข่ายเสวียนตัวจริงตายไปแล้ว ตอนคุณข่งมาหาแม่ผมซึ่งก็คือคุณนายคนแรกของฟั่นลั่วซาน เธอถูกพาไปผ่าตัดเอาเด็กออก ครรภ์ที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างถูกคุณข่งขายไปเป็นเงินห้าล้าน ถูกต้องมั้ย” ชายหนุ่มมองไปที่ประตู

ข่งจิ้งตัวสั่นติดประตูส่ายหน้าไม่หยุด พยายามปฏิเสธทุกอย่างในอดีต แต่สีหน้าหวาดกลัวและรู้สึกผิดของเธอคือคำตอบที่ชัดเจน ถูกต้อง ฟั่นข่ายเสวียนตัวจริงตายแล้ว เขาถูกคุณนายคนแรกของฟั่นลั่วซานกำจัด เธอใจแข็งขนาดที่ยอมเลี้ยงเด็กที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหนึ่งคน แต่ไม่ยอมเลี้ยงลูกนอกสมรสของสามี

เทียบกับไพ่หลักที่ทรงอำนาจ เฉลียวฉลาด กล้าหาญ ชาติกำเนิดโดดเด่นอย่างคุณนายฟั่น ข่งจิ้งเป็นแค่นักขุดทองที่ไร้ทักษะและการศึกษา มีดีแค่รูปร่างหน้าตา เธอเพิ่งจะก้าวเข้าบ้านเก่าของสกุลฟั่น ยังไม่ทันได้ ‘ออกประกาศบีบบังคับเจ้านาย’ ก็ถูกจัดการอย่างราบคาบ เธอหอบเช็ค ระเห็จไปอเมริกา สมองว่างเปล่ากับประสบการณ์อันน้อยนิดทำให้เงินก้อนนั้นถูกผลาญไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ถึงครึ่งปีเธอก็ตกต่ำถึงขั้นต้องไปอยู่ในสลัม ใช้ชีวิตเหมือนตกนรก ตอนเธอขายตัวเพื่อพิซซ่าหนึ่งชิ้น ข่งจิ้งถูกอันธพาลข้างถนนซ้อมจนกระดูกทั้งตัวหักเกือบตาย เมื่อนั้นเธอถึงเข้าใจว่าชีวิตที่ไม่มีเงินมันโหดร้ายแค่ไหน เธอเริ่มคิดถึงเงินห้าล้านและลามไปคิดถึงลูกที่ถูกทำแท้งว่าถ้าตอนนั้นเธอแอบคลอดเด็กออกมาก่อนพาไปหาฟั่นลั่วซาน ผลจะเป็นแบบไหน

เธอหลงอยู่ในมโนภาพที่ไร้คำตอบ เอาแต่คิดคำนวณถึงความเป็นไปได้ในรูปแบบต่างๆ ตลอดเวลา ถึงขั้นแม้แต่ฝันยังได้พบเห็นกับเรื่องราวที่ไม่เคยเกิดขึ้น เธอถูกธาตุไฟเข้าแทรก!

คำบอกเล่าของฟั่นจยาหลัวตรงกับความทรงจำของข่งจิ้ง ชายหนุ่มถอนหายใจ “เงินก้อนนั้นถูกคุณข่งผลาญหมดอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอเริ่มคิดถึงลูกที่ถูกกำจัดจนถูกธาตุไฟเข้าแทรก เธอหวังเหลือเกินว่าเด็กคนนั้นจะมีชีวิตอยู่ กลับมาอยู่ในมดลูกของเธอ กลายเป็นบันไดให้เธอปีนขึ้นฟ้า เช้าวันหนึ่งท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นจริงๆ และต่อมาคุณก็ถือกำเนิดออกมาอยู่กับเธอ” เล่ามาถึงตรงนี้ ฟั่นจยาหลัวช้อนสายตาเล็กน้อยเพื่อมองไปยังฟั่นข่ายเสวียนที่กึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

“อะไรนะ” ต่อให้ฟั่นข่ายเสวียนเตรียมใจรับความเลวร้ายอย่างที่สุดเอาไว้แล้ว แต่เขายังถูกคำพูดของฟั่นจยาหลัวทำให้ตกใจจนหน้าถอดสี

ติงอวี่เงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าตื่นตกใจ

“แกหุบปาก! ห้ามพูด!” ข่งจิ้งตะโกนจนเสียงหลง แต่นั่นกลับเป็นการยืนยันคำพูดของฟั่นจยาหลัว

ในขณะเดียวกันอัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ ชีพจร และความดันโลหิตของฟั่นข่ายเสวียนเกิดดิ่งลงแบบปุบปับอีกครั้ง อวัยวะทุกอย่างเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว แค่พริบตาใบหน้าของเขาก็มีริ้วรอยมากมาย ผมร่วงเป็นกระจุก ต้องอ้าปากเพื่อสูดลมหายใจแรงๆ แต่ฟันที่เน่าจนดำกลับหลุดออกมาหลายซี่ เขากำลังเหยียบย่างเข้าไปในหุบเหวแห่งความตายอีกครั้ง

ข่งจิ้งปฏิเสธอดีต และตัวตนของฟั่นข่ายเสวียนคือรอยด่างที่เธออยากลบทิ้งที่สุด

ติงอวี่เตรียมกดกริ่งเรียกหมอ ทว่าฟั่นจยาหลัวเดินไปที่ข้างเตียงผู้ป่วย มือขวาขาวสะอาดกดไหล่ฟั่นข่ายเสวียนเบาๆ ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกขึ้นทั้งตัวสูดออกซิเจนเข้าปอดอย่างแรงหนึ่งเฮือกก่อนผ่อนคลายลง เขาอ่อนแอจนถึงขีดสุด แก่เฒ่าจนผุพัง แต่สติของเขายังคงถูกชายหนุ่มล็อกไว้กับตัวแน่น เป็นการล็อกพลังชีวิตบางเบาเส้นสุดท้ายไว้

เมื่อชายหนุ่มปล่อยมือ สภาพของฟั่นข่ายเสวียนไม่ได้ทรุดหนักลงกว่าเดิม เขาหลุดพ้นจากการเอาชีวิตของข่งจิ้งเป็นการชั่วคราว

ฟั่นจยาหลัวกลับไปนั่งที่เดิมก่อนเล่าต่อว่า “แค่คิดก็ท้อง เรื่องแบบนี้มันอัศจรรย์มากใช่หรือเปล่า ถ้าคุณตรวจดีเอ็นเอจะพบว่าจริงๆ แล้วคุณกับฟั่นลั่วซานไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ทุกอย่างของคุณได้มาจากคุณข่งคนเดียว และความหมายในการมีตัวตนของคุณคือช่วยให้เธอกลับสู่สกุลฟั่น เพื่อแย่งชิงบัตรเข้าร่วมสังคมไฮโซกับทรัพย์สินก้อนโต คุณเกิดมาจากความหิวกระหายในเงินทองอย่างที่สุดของคุณข่ง”

ฟั่นจยาหลัวระบายลมหายใจยาว “เพราะฉะนั้นตั้งแต่เด็ก คุณเลยให้ความสนใจเรื่องเงินอย่างมาก และเห็นการหาเงินเป็นเป้าหมายในการต่อสู้เพียงหนึ่งเดียว จนชีวิตของคุณแทบจะหมุนอยู่รอบ ‘เงินทอง’ ที่คุณขยันเรียนหนังสือก็เพื่อหาเงิน ทุ่มเททำงานก็เพื่อหาเงิน คุณคิดแบบที่คนอื่นไม่กล้าคิด ทำแบบที่คนอื่นไม่กล้าทำ เป้าหมายสุดท้ายคือเพื่อหาเงิน นอกจากเรื่องเงินชีวิตคุณก็ขาดแคลนอย่างน่ากลัว คุณไม่สนใจเรื่องครอบครัว มิตรภาพ ความรัก คุณสนใจแต่เงิน ตอนดึกเวลาอยู่เงียบๆ คุณมักจะรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างเหน็บหนาว ว่างเปล่า เยียบเย็น ถึงขั้นไม่พบแรงจูงใจที่ทำให้อยากมีชีวิต”

ฟั่นข่ายเสวียนมองชายหนุ่มด้วยแววตาหวาดผวาก่อนที่น้ำตาร้อนๆ สองสายจะไหลรินลงมาอย่างไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว เขาแก่จนพูดไม่ออก แต่หัวใจที่เน่าเฟะไปแล้วของเขายังคงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงจากการอ่านใจแบบทะลุปรุโปร่งนี้

ฟั่นจยาหลัวหันไปมองข่งจิ้งแวบหนึ่ง เขาพูดต่อ “ทุกครั้งที่คุณกลับไปอยู่กับคุณข่ง อารมณ์เจ็บปวดและหวาดกลัวพวกนี้จะหายไปจากการรับรู้ของคุณ เพราะคุณได้ทุกอย่างมาจากเธอ ถึงขั้นที่เธอเป็นคนเซ็ตทักษะความสามารถและความคิดของคุณ เธอจะทำอะไรกับคุณก็ได้ และสามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่คุณ นี่คือสาเหตุที่คุณไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเธอได้”

“สรุปคือ” ฟั่นข่ายเสวียนดึงหน้ากากออกซิเจนออก พูดออกมาหนึ่งประโยคเหมือนจะร้องไห้เป็นสายเลือด “ผมเป็นแค่ของของเธอ ในใจเธอ ผมเป็นแค่เครื่องมือหาเงินใช่มั้ย”

ตอนที่เขาตระหนักถึงเรื่องนี้ ความทรงจำอันพร่าเลือนมากมายเริ่มเปลี่ยนเป็นชัดเจน ตั้งแต่อายุแปดขวบ เขาตระเวนไปทำงานรับจ้างเพื่อหาเลี้ยงแม่ และนำเงินทั้งหมดมาให้ข่งจิ้งอย่างมีความสุข โดยไม่เคยคิดเลยว่าการที่เด็กอายุแปดเก้าขวบต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวมันสมเหตุสมผลหรือไม่ เขาเอาเงินที่จะใช้เรียนมหาวิทยาลัยซึ่งสะสมมานานหลายปีให้แม่ เพื่อให้เธอช่วยเก็บ แต่เธอกลับบอกเขาว่าเงินถูกนักเลงข้างถนนแย่งไป มันถูกแย่งไปจริงๆ หรือถูกเธอใช้หมด เพราะอะไรช่วงนั้นเธอถึงซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าใหม่มากมายเพื่อแต่งตัวสวยๆ ไปออกเดตได้

เพื่อหาเงินมาเป็นค่าเทอมใหม่ ฟั่นข่ายเสวียนเกือบใช้ร่างกายของตัวเองในการค้ายา! แต่ตอนนั้นตัวเขาไม่เคยระแวงแม่เลยแม้แต่น้อย

เมื่ออับจนหนทาง แม่บอกจะพาเขาไปขอทานในเขตพื้นที่ของคนเชื้อสายจีนแล้วตรงไปเคาะประตูคฤหาสน์ที่หรูหราที่สุดหลังหนึ่ง แต่เกือบถูกเจ้าของบ้านยิงตาย หลังเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดกันได้ เจ้าของบ้านชื่นชมในความมุมานะของเขาจึงให้เงินทุนเพื่อเป็นการช่วยเหลือหนึ่งก้อน พร้อมกันนั้นอีกฝ่ายเกิดต้องตาแม่เลยรับเลี้ยงเธอทำให้เธอได้มีชีวิตที่หรูหรา

ตอนนั้นฟั่นข่ายเสวียนตื้นตันใจว่าแม่เสียสละตัวเองเพื่อตน แต่ไม่เคยคิดว่าเธอหมายตาเศรษฐีบ้านนั้นอยู่ก่อนแล้วเลยใช้เขาเป็นบันไดเพื่อเข้าสู่สังคมไฮโซ ข่งจิ้งใช้ประโยชน์จากเขาอย่างไร้น้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า!

เมื่อลอกเอารัศมีแห่งความรักออกจากความทรงจำอันสวยงามพวกนั้นจะพบว่าเบื้องหลังคือความโหดเหี้ยมทารุณจนฟั่นข่ายเสวียนรับไม่ได้ แต่ตอนที่เขามองแม่ซึ่งกำลังหวาดผวาจนหายใจหายคอไม่ออก เขากลับไม่รู้สึกเกลียดแค้นเธอแม้แต่น้อย!

ฟั่นข่ายเสวียนเป็นคนแยกแยะชอบชังอย่างชัดเจน เขาไม่มีทางยอมรับการถูกหักหลัง แต่เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ เขากลับทำได้เพียงโอนอ่อนผ่อนตามทุกอย่าง! นี่เป็นหลักฐานว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์ แต่เป็นแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่งของอีกฝ่าย! เธอเซ็ตทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ตั้งแต่ทักษะความสามารถไปจนถึงความคิด รวมไปถึงชีวิตและชะตากรรม!

ไม่จำเป็นต้องให้แม่ตอบแม้แต่ครึ่งคำ ฟั่นข่ายเสวียนก็ได้รับคำตอบเรียบร้อยแล้ว

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 24 .. 65

 

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: