บทที่ 5
ลูกผู้ชาย
‘…รับผิดชอบน้องเขาซะ อย่าทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องแปดเปื้อน’
คำพูดของเพลิงพลยังวนอยู่ในความคิดของปฏิภาณไม่ว่างเว้น แต่เขาก็ยังตัดสินใจไม่ได้เพราะยังไม่พร้อมสละชีวิตโสด อีกทั้งเหมือนไหมก็เป็นน้องสาวของคนที่เคยหักหลังเขาอย่างเจ็บแสบอีกต่างหาก
ชายหนุ่มยังจดจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีแม้ว่ามันจะผ่านมานานนับสิบปีแล้วก็ตาม…
‘คืนนี้อย่าลืมมาปาร์ตี้วันเกิดแพรนะคะ’
ปฏิภาณนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นชายหนุ่มเรียนอยู่ปีสอง เขาเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่ออกจะใสซื่อเกินวัยเสียด้วยซ้ำ…เหมือนแพรเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ร่วมคณะ ร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน เธอ เป็นคนสวย อัธยาศัยดี และเต็มที่กับกิจกรรมต่างๆ จนโดดเด่นและใครๆ ก็สนใจเธอ
เรียกว่าเธอเป็นขวัญใจของเพื่อนรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันก็ว่าได้
หนึ่งในนั้นก็มีปฏิภาณรวมอยู่ด้วย…
ชายหนุ่มเฝ้ามองเหมือนแพรเงียบๆ จนเพื่อนในกลุ่มรับรู้ว่าเขาแอบชอบเธอก็เลยมักจะแซวเขากับเธอบ่อยๆ และวางแผนจับคู่ให้ได้ทำกิจกรรมคู่กันซึ่งเหมือนแพรก็น่ารักมาก เธอไม่เคยต่อต้านหรือปฏิเสธเขาเลย แล้วไม่นานความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ค่อยๆ พัฒนาไปทีละขั้น
กระทั่งขึ้นปีสองปฏิภาณก็ขอคบกับหญิงสาวและเธอตอบตกลง…
ทั้งคู่คบกันอย่างเปิดเผย แล้วหลังจากนั้นหนึ่งเดือนก็เป็นวันเกิดของเหมือนแพร เธอจัดปาร์ตี้ในผับแห่งหนึ่ง อันที่จริงมารดาของหญิงสาวก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะจัดปาร์ตี้ฉลองวันเกิดในผับ เพราะท่านเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ แต่เหมือนแพรก็ให้เหตุผลว่าเธออายุยี่สิบปีแล้ว เธอดูแลตัวเองได้ มีเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องไปด้วยมากมาย ไม่มีใครทำอันตรายเธอได้ และยังบอกว่าจะกลับไม่เกินเที่ยงคืนด้วย
มธุรินเบื่อจะเถียงกับลูกสาวคนโตจึงยอมตามใจอีกฝ่ายแม้จะไม่เต็มใจนัก
แต่มันก็เหมือนหลายเรื่องที่ผ่านมา ทั้งเรื่องมีแฟนและเรื่องทำกิจกรรมต่างๆ ที่เหมือนแพรมักจะมีเหตุผลมาอธิบายได้เสมอจนมธุรินต้องยอมตามใจ เพราะที่ผ่านมาเหมือนแพรก็ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีจริงๆ จนท่านไม่ต้องห่วงอะไรมาก แตกต่างจากเหมือนไหมที่เป็นสายประนีประนอม ไม่ค่อยกล้าเถียง อีกทั้งยังหัวอ่อนจนมักจะถูกคนอื่นรังแกมาตั้งแต่เด็ก ท่านถึงได้เป็นห่วงและเข้มงวดมากเป็นพิเศษ
และด้วยความที่เหมือนแพรเป็นเด็กกิจกรรมจึงมีทั้งเพื่อนรุ่นพี่ เพื่อนรุ่นเดียวกัน และเพื่อนรุ่นน้องในคณะมาร่วมงานมากมาย…ปฏิภาณเลือกของขวัญให้เธออย่างดี เขาตั้งใจมาร่วมงาน และหวังจะได้รอยยิ้มประทับใจจากหญิงสาว ทว่างานคืนนั้นกลับเป็นวันที่ทำให้เขาอับอายและใจสลายที่สุด
‘ไอ้ไก่อ่อนมันมาจริงๆ ด้วยว่ะ’
ผู้ชายคนหนึ่งเหยียดยิ้มขณะมองมาที่ปฏิภาณซึ่งกำลังก้าวเข้าไปหาเหมือนแพรจนทำให้เพื่อนในโต๊ะหันมามอง ปฏิภาณจำได้ว่าเขาคนนี้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่มีอิทธิพลในคณะพอสมควร
อีกฝ่ายน่าจะชื่อ ‘ศตายุ’ แต่…จะมีความสัมพันธ์กับเหมือนแพรยังไงนั้นเขาเริ่มไม่แน่ใจ!
ปฏิภาณหัวใจเต้นรัว หน้าชา และตัวชาไปหมดเมื่อสังเกตเห็นว่าศตายุยืนอยู่ใกล้ๆ คนรักของเขาและกำลังโอบไหล่หญิงสาวราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
‘เฮ้ย! นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอวะ’
ศตายุหัวเราะเสียงดังทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะและเพื่อนที่อยู่โต๊ะข้างๆ หัวเราะเฮฮาไปด้วย ปฏิภาณงุนงงจนทำอะไรไม่ถูก เขามองเหมือนแพรอย่างขอคำอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ปฏิภาณถามตัวเองในใจ เขากับเหมือนแพรคบกัน เธอนัดเขามาร่วมปาร์ตี้วันเกิด แค่เขาต้องมาเห็นเธอถูกผู้ชายคนอื่นโอบไหล่อย่างนี้เขาก็ปวดใจจะแย่ แล้วคนพวกนี้มาหัวเราะเยาะอะไรเขาอีก
‘พี่ยอมแพ้เธอจริงๆ เกมนี้เธอชนะ อยากได้ของขวัญอะไรก็บอกมาเลย’
ศตายุพูดกับเหมือนแพรก่อนจะหอมแก้มหญิงสาวโชว์ให้ปฏิภาณเห็นเป็นบุญตาเพื่อตอกย้ำให้เขารับรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ว่า…ทั้งสองคนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องกัน!
เพื่อนๆ ของศตายุกับเหมือนแพรต่างผิวปากแซวเป็นการใหญ่ ทุกคนดูจะมีความสุขกันมากไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของปฏิภาณ คงมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ยืนกำหมัดแน่น
ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว…
‘ผมอยากคุยกับแพร’
ปฏิภาณบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาที่เคยสดใสและซื่อตรงเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธจนคนที่อยู่รอบๆ รับรู้ได้ว่าเขาไม่มีอารมณ์จะสนุกด้วย ศตายุเห็นว่าปฏิภาณไม่พอใจก็เริ่มแสดงอำนาจของรุ่นพี่ขึ้นมาบ้าง ศตายุชักสีหน้าใส่เขา แต่เหมือนแพรฉุดมือเอาไว้ราวกับจะบอกว่าให้ใจเย็นๆ
‘ให้แพรไปคุยกับเขาก่อนนะคะ’
‘จะไปคุยกับมันทำไม! ก็บอกมันไปสิว่าที่ผ่านมาแพรแค่พนันกับพี่ว่าจะหลอกมันสำเร็จมั้ย และถ้าแพรทำสำเร็จก็จะได้ของขวัญพิเศษจากพี่ มันจะได้เลิกฝันหวานจนคิดว่าตัวเองจะได้เป็นแฟนแพรสักที เห็นหน้ามันแล้วหมั่นไส้ว่ะ! ที่พี่ยอมให้เธอไปสนิทกับมันเพราะเราพนันกันสนุกๆ หรอกนะ’
ศตายุเฉลยจนหมดเปลือก ปฏิภาณได้ฟังก็ไม่ต้องการคำอธิบายหรือคุยอะไรกับเหมือนแพรอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาเข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงน่ารักและจิตใจดี แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย!
เหมือนแพรแค่แสดงละครหลอกปฏิภาณ ทำให้เขาที่แอบชอบเธออยู่แล้วยิ่งปล่อยใจให้ตกหลุมรักเธอ แล้วสุดท้ายหญิงสาวก็หลอกเขามาที่นี่ให้คนรักและเพื่อนๆ ของเธอหัวเราะเยาะ
คนพวกนี้สนุกกับการเล่นกับความรู้สึกของเขานักหรือ!
‘งั้นก็ไม่ต้องคุยอะไรกันแล้วล่ะ ผมเข้าใจแล้ว’
ชายหนุ่มบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกมาท่ามกลางคำพูดเย้ยหยันของศตายุที่พ่นไล่หลังเขาด้วยความคะนองปาก แต่ทุกถ้อยคำนั้นฝังแน่นอยู่ในหัวใจของคนที่ถูกหลอกเรื่อยมา
หลังจากวันนั้นปฏิภาณก็ทั้งเสียใจ แค้นใจ และซวนเซไปพักใหญ่จนเพื่อนๆ เป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก แล้วเรื่องก็ดังไปถึงหูของพี่ชายทั้งสี่คน…
เพลิงพลสืบจนรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใจจริงพี่ชายใหญ่อยากจะไปจัดการศตายุด้วยตนเองที่บังอาจมากลั่นแกล้งน้องชายคนเล็กของเขา แต่ก็ไม่อยากปกป้องจนปฏิภาณถูกมองว่าเป็นลูกแหง่ บรรดาสี่เสือจึงช่วยกันปลอบใจปฏิภาณจนสภาพจิตใจเขาดีขึ้น
หลังจากจิตใจเข้มแข็งขึ้นมากแล้วปฏิภาณก็ตัดเหมือนแพรออกไปจากชีวิต เขาเปลี่ยนทัศนคติใหม่จนกลายเป็นชายหนุ่มที่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ใช่ไก่อ่อนให้ผู้หญิงมาหลอกอีกต่อไป นอกจากนี้ยังทำกิจกรรมในคณะจนเป็นที่ยอมรับข้ามหน้าข้ามตาศตายุไปแบบที่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ได้
ครั้งหนึ่งที่ศตายุทนให้ปฏิภาณหยามหน้าไม่ได้จึงหลุดปากพูดจากระทบกระทั่งจนเกือบจะมีเรื่องลงไม้ลงมือกัน เพราะคราวนี้ปฏิภาณไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว เหตุการณ์นี้ทำให้ศตายุรับรู้ว่าปฏิภาณไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะยอมให้รังแกหรือเหยียบย่ำได้ง่ายๆ อีกทั้งเหมือนแพรก็ขอร้องไว้ว่าอย่ามีเรื่องมีราวกันอีกเลยทำให้ศตายุต้องยอมหลีกเลี่ยงการปะทะ และไม่มาหาเรื่องหรือเย้ยหยันเขาอีก
ปฏิภาณเป็นผู้ชายที่ดูดีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่หล่อเหลา เครื่องหน้าที่ลงตัวทั้งดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเฉี่ยวคมที่มีเสน่ห์บาดใจ คิ้วเข้มที่ส่งให้ดวงตาโดดเด่น จมูกโด่งเป็นสันรับกับทุกส่วนบทใบหน้า ริมฝีปากรูปกระจับที่เป็นสีแดงระเรื่อโดยธรรมชาติ และรูปหน้าก็ดูคมคาย แม้จะค่อนข้างนุ่มนวลละมุนตา ไม่ได้หล่อเข้มหากเทียบกับพี่ชาย แต่เขาก็มีเสน่ห์แบบผู้ชายเต็มเปี่ยมไม่แพ้ใคร
ยิ่งเมื่อใบหน้าหล่อเหลารวมกับส่วนสูงที่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรและรูปร่างที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีราวกับนายแบบก็ยิ่งส่งให้เขาเป็นที่ต้องตาของสาวๆ มากยิ่งขึ้น
เมื่อชายหนุ่มมีความมั่นใจในตัวเองและเข้มแข็งขึ้นก็กลายเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ทั้งต่อเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม เมื่อมีสาวๆ ให้ความสนใจและเข้ามาทำความรู้จักมากมาย เขาก็ไม่พลาดที่จะฉวยโอกาสเรียนรู้ผู้หญิงเหล่านั้นจนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือร้ายและเป็นเพลย์บอยคนหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเหมือนแพร แต่ทั้งสองคนก็มองหน้ากันไม่ติดแล้ว เหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วคณะทำให้เพื่อนร่วมรุ่นพยายามกันทั้งสองคนให้ห่างกันเพราะไม่อยากให้มีเรื่องบาดหมาง แต่ที่จริงแล้วปฏิภาณไม่คิดจะหาเรื่องเหมือนแพรหรอก
เพราะทุกวันเขาแทบมองข้ามหัวเธอไปแล้ว
เมื่อตัดเธอออกไปจากชีวิต…เธอก็ไม่มีความหมายสำหรับเขาอีกต่อไป
พอเรียนจบแล้วทั้งสองคนก็แทบไม่ได้พบกันอีกเลย ยกเว้นในวันรวมรุ่นที่จะเจอหน้ากันแบบผ่านๆ เท่านั้น และด้วยความที่ปฏิภาณเป็นเด็กกิจกรรมคนหนึ่ง แม้จะเรียนจบไปแล้วแต่ในช่วงรับน้องเขาก็จะแวะเวียนมาที่คณะบ้างเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะในวันรับน้องสายรหัส
และมันก็เป็นเรื่องตลกที่เหมือนไหมดันมาเป็นน้องสายรหัสเดียวกับเขา!
ในตอนนั้นใครต่อใครต่างก็จับตามอง เพราะเหมือนไหมเป็นรุ่นน้องที่โดดเด่น พี่สาวเธอก็เป็นคนดังในคณะ และเรื่องระหว่างปฏิภาณกับเหมือนแพรก็ถูกถ่ายทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น หลายคนจึงอยากรู้ว่าเขาจะปฏิบัติกับเหมือนไหมเช่นไร ที่จริงหากไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา เขาจะไม่มาร่วมกิจกรรมก็ได้
แต่ชายหนุ่มคิดว่าทำไมเขาจะต้องไม่มาทักทายรุ่นน้องแค่เพราะเรื่องในอดีตที่เขาไม่ได้เป็นคนผิด แล้วพอเขาปรากฏตัว…เหมือนไหมเองก็เหมือนจะรู้ว่าเขากับพี่สาวเคยมีอดีตเลวร้ายร่วมกัน ตอนที่เจอหน้าเขาครั้งแรกเธอจึงแสดงท่าทีประหม่า และไม่ค่อยกล้ามองหน้าอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าปฏิภาณก็แยกแยะได้ว่าเหมือนไหมกับเหมือนแพรเป็นคนละคนกัน เขาเปิดใจคุยกับเธอว่าเขาจะไม่เอาเรื่องพี่สาวเธอมาตัดสินว่าเธอเป็นคนยังไง และทั้งสองจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ดีต่อกันซึ่งเขาก็สามารถทำได้ตามที่พูดเสมอมา เพราะเหมือนไหมก็ทำตัวเป็นรุ่นน้องที่น่ารักสำหรับเขา
ทว่า…หากจะให้ปฏิภาณลงเอยกับเหมือนไหมก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะทำใจยอมรับได้ มันไม่ใช่ว่าเขารังเกียจเธอ แต่มันอาจมีคนเอาไปพูดได้ว่าเขาพลาดจากคนพี่ก็เลยมาคว้าเอาคนน้อง หรือไม่ก็คิดว่าเขาคบกับเหมือนไหมเป็นการแก้แค้นเหมือนแพรซึ่งมันจะนำพาปัญหามาให้ในอนาคต
ที่สำคัญคือตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับเหมือนไหมก็ถือว่า ‘อยู่ตัว’ ดีแล้ว เขาไม่อยากทำลายหรือทำให้ความสัมพันธ์ที่สวยงามเช่นนี้เปลี่ยนไปเลยจริงๆ!
“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าท่าทางเรียบร้อยใสๆ อย่างยายไหมจะใจกล้าถึงขั้นไปนอนกับคุณพีคอย่างนั้น ตอนที่ฉันเห็นสภาพบนเตียงนี่ถึงกับตะลึงไปเลย แต่คืนนั้นคงฟัดกันดุน่าดู”
เสียงนินทาลอยมาเข้าหูทันทีที่ปฏิภาณลงจากรถแล้วก้าวขึ้นบันไดไปบนเรือนไทยในเช้าวันต่อมา ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าแล้วหยุดฟังเงียบๆ ทั้งๆ ที่เขาโกรธจนอยากสั่งให้พวกนั้นหุบปากหากยังไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง แต่เขาก็อยากรู้ว่าลับหลังเขา คนอื่นๆ พูดถึงเรื่องนี้ว่ายังไงบ้าง
“แหม! น่าอิจฉายายไหมเหมือนกันนะ คุณพีคออกจะแซ่บขนาดนั้น ฉันนึกสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมจู่ๆ ทั้งสองคนก็หายไปจากปาร์ตี้…ที่แท้ก็แอบไปสนุกกันสองคนนี่เอง”
“ได้ข่าวว่าคุณพีคเพิ่งเลิกกับแฟนด้วยนี่นา”
“แกรู้ได้ไงว่าคุณพีคเลิกกับคุณภาแล้ว”
“ก็คืนนั้นคุณภามาคุยกับคุณพีคไง มีคนบังเอิญไปได้ยินเข้าพอดี”
“ตายแล้วๆๆ จังหวะดีเกินไปหรือเปล่า หรือว่าที่คุณพีคกับคุณภาเลิกกันเพราะคุณภารู้ว่าคุณพีคแอบกินกับน้องรักอย่างยายไหม แหม! เห็นนางเงียบๆ แต่ฟาดเรียบจริงๆ นะคะ”
“แกว่าคุณพีคจะจริงจังกับยายไหมหรือเปล่า”
“โอ๊ย! จะไปจริงจังได้ยังไง เขาก็คงแค่กินเล่นๆ ไปอย่างนั้นแหละ”
“เนอะ ฉันก็ว่าระดับคุณพีคคงไม่คว้าเด็กกะโหลกกะลากาไก่แบบนั้นมาเป็นแฟนหรอก แกดูแฟนเก่าอย่างคุณภาสิ! เริ่ดซะขนาดนั้น ขนาดคู่ควงเล่นๆ ก็ยังเป็นระดับนางแบบดังเลย”
ปฏิภาณฟังแล้วโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขากำหมัดแน่นเพื่อนข่มอารมณ์ไว้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพนักงานบางคนที่ต่อหน้าก็พูดดีกับเหมือนไหม แต่ลับหลังจะเม้าท์กันเป็นไฟอย่างนี้
มันน่าไล่ออกจริงๆ!
จริงอยู่ว่าชายหนุ่มอาจเป็นเพลย์บอยและประวัติเสียเรื่องผู้หญิง แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเหมือนไหมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในเรื่องชู้สาว แล้วทำไมถึงนินทาใส่สีตีไข่และเม้าท์กันอย่างสนุกปากโดยไม่นึกถึงศักดิ์ศรีผู้หญิงด้วยกัน นี่ยังดีที่พวกนี้ไม่ได้สนิทกับเหมือนไหม ไม่อย่างนั้นเขาคงมองพวกเธอเปลี่ยนไปมาก ต่อหน้าทำตัวแสนดีแต่ลับหลังเอามานินทาเป็นว่าเล่น…นี่กิน ‘สะตอ’ หมดไปกี่ต้นแล้ว
“บางทียายไหมอาจจะเก็บกดก็ได้นะ เพราะได้ข่าวว่าแม่ของยายไหมเจ้าระเบียบและเข้มงวดกับยายไหมมาก พอห่างจากอกแม่ก็เลยแรดได้แบบเต็มที่ แล้วคุณพีคก็แซ่บยั่วปากขนาดนั้น”
“เฮ้ย! พูดแรงเกินไปหรือเปล่า”
โตโต้กับกนกพลเดินผ่านมาได้ยินก็รีบขัดทันที ปฏิภาณจึงรีบซ่อนตัวเพราะกลัวสองคนนั้นจะเห็นเข้า แต่สองสาวก็หันไปหัวเราะอย่างลอยหน้าลอยตาจนสองหนุ่มทำหน้าเข้มอย่างไม่พอใจ
“ยังไงน้องไหมก็เป็นผู้หญิงเหมือนพวกเธอ พูดถึงน้องมันดีๆ หน่อย”
กนกพลออกตัวปกป้องเหมือนไหมเต็มที่ แม้ปกติเขาจะปากหมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยว่าร้ายผู้หญิงลับหลัง เกิดเรื่องขึ้นเหมือนไหมก็รู้สึกแย่พอแล้ว นี่ผู้หญิงด้วยกันยังจะมาซ้ำเติมอีก
มันจะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรือ!
“องครักษ์พิทักษ์น้องไหมมาแล้ว” ฝ่ายหญิงเหยียดยิ้มด้วยความหมั่นไส้ “เกิดเป็นผู้หญิงลุคใสๆ ดูไร้เดียงสานี่มันดีจริงๆ ต่อให้แรดแค่ไหน แค่ตีหน้าซื่อตาใสผู้ชายก็สงสารและพากันปกป้องแล้ว”
“ไปว่าน้องเขาเฉย อะไรวะ!” โตโต้ของขึ้นอีกคน
“ทำไม ก็ฉันเป็นคนพูดตรงๆ แรงๆ”
“ใช่! และถึงพวกเราจะปากร้าย แต่เราก็จริงใจไม่ใช่พวกแอ๊บใสซื่อก็แล้วกัน”
“โห! กล้าเนอะ” กนกพลแค่นหัวเราะ “นี่กล้าเคลมตัวเองว่าจริงใจได้ไง นินทาคนอื่นลับหลังนี่นะเรียกว่าจริงใจ อีกอย่าง…ปากอย่างพวกเธอไม่เรียกว่าคนตรงๆ หรอกนะ เขาเรียกว่าไม่มีมารยาท”
“เออ! มันเป็นอะไรกันไปหมด สมัยนี้คนบางคนถึงได้คิดว่าการที่ตัวเองพูดจาหยาบคาย ไร้มารยาท แล้วว่าร้ายคนอื่นเป็นคนตรงๆ” กนกพลผสมโรงทันควัน “ถ้าเป็นคนตรงจริงๆ เขาต้องพูดต่อหน้าและตักเตือนอย่างตรงประเด็นโว้ย ไม่ใช่จับกลุ่มนินทากันอย่างสนุกปาก ตัวเองปากหมาจนไม่มีคนจะคบแล้วยังมีหน้าไปว่าคนอื่นเขาอีก ดีนะที่ทำงานมานานและพอจะมีผลงานอยู่บ้าง ไม่งั้นคุณพีคไล่ออกไปนานแล้ว!”
“แกหุบปากไปเลยไอ้พล! คิดเหรอว่าแกออกตัวปกป้องยายไหมแล้วน้องมันจะเอาแก มันเล็งคุณพีคโน่น ยายไหมทุ่มทุนนอนกับคุณพีคขนาดนั้นแล้วมันไม่ยอมปล่อยง่ายๆ หรอก”
“นินทากันสนุกปากพอหรือยัง!”
ปฏิภาณโผล่หน้าออกไปแล้วถามเสียงดังเพราะทนฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ ทั้งโตโต้ทั้งกนกพลเตือนสติขนาดนั้น แต่พวกขาเม้าท์กลับยังไม่รู้สำนึกอีก ถ้าเขาไม่เตือนบ้างก็คงจะไม่ได้แล้ว
“ว่างมากนักเหรอถึงได้มาจับกลุ่มนินทาชาวบ้าน!”
น้ำเสียงเอาเรื่องของปฏิภาณทำให้ขาเม้าท์สองคนนั้นถึงกับหน้าซีดเผือดในทันที พวกเธอมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างทำตัวไม่ถูก และไม่มีใครกล้าสู้หน้าหรือสบตาชายหนุ่มเลย
“ผมถามไม่ได้ยินเหรอ!”
“มะ…ไม่ว่างค่ะ” พวกเธอตอบเสียงอ่อน
“ไม่ได้ว่างแล้วทำไมถึงมานั่งพูดถึงคนอื่นเสียๆ หายๆ สนุกปากกันมากเหรอ”
ปฏิภาณด่าอย่างไม่ไว้หน้าและไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง เพราะคนทำผิดก็ต้องถูกตักเตือนบ้าง และเรื่องนินทากันในบริษัทนี่เขาบอกหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังทำกันอยู่อีก
“เหมือนไหมก็เคยช่วยงานพวกคุณบ่อยๆ เป็นผู้หญิงเหมือนกันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่สงสารผู้หญิงกันบ้างเหรอ น่าแปลกที่เป็นผู้หญิงกลับซ้ำเติมผู้หญิงด้วยกันยิ่งกว่าใคร”
“พวกเราขอโทษค่ะ พวกเราผิดไปแล้ว”
“ผมไม่รับคำขอโทษจากพวกคุณ” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง เขาจ้องหน้าพวกเธอเรียงคน “และจำไว้ว่าพวกคุณถูกผมคาดโทษเอาไว้ อย่าให้ผมได้ยินอีกนะว่าพวกคุณจับกลุ่มนินทาใคร เพราะถ้าพวกคุณใส่ใจการเม้าท์เรื่องชาวบ้านมาก ผมจะให้เขียนใบลาออกทั้งคู่ จะได้เอาเวลาไปนั่งนินทาชาวบ้านให้สะใจ”
“ค่ะคุณพีค”
“ที่สำคัญไหมกับผมก็ยังไม่ได้มีอะไรกัน ไหมไม่ใช่ผู้หญิงที่แค่เห็นผู้ชายแซ่บก็จะตรงปรี่เข้าใส่เหมือนที่พวกคุณนินทา อย่าเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่น ผู้หญิงหลายคนเขาก็ไม่ได้เป็นเหมือนพวกคุณหรอก!”
ปฏิภาณไม่เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายแก้ตัวเลยสักนิด กนกพลกับโตโต้เองยังถึงกับอึ้งเพราะไม่เคยเห็นเจ้านายด่าใครรุนแรง แถมใส่เป็นชุดเหมือนกับจะ ‘แร็พ’ ขนาดนี้ นี่แสดงว่าเขาโกรธมาก
แต่ก็สมควรแล้ว ด่าได้สะใจจริงๆ
ทั้งสองคนคิดในใจเช่นนั้นเมื่อเห็นว่าปฏิภาณพูดจบแล้วไม่รอฟังคำแก้ตัวใดๆ เพราะเขาเดินออกไปทันที แน่ล่ะ! หากให้เขาทนมองหน้าสองสาวช่างเม้าท์ต่อ เขาต้องมีคำพูดเจ็บแสบสาดใส่พวกหล่อนอีกหลายประโยคจนดูเหมือนว่าเขาออกตัวปกป้องเหมือนไหมเกินเหตุแน่ๆ
ถึงกระนั้นสิ่งที่ได้ยินมาก็ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นห่วงความรู้สึกของผู้หญิงอย่างเหมือนไหมเพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีปัญหากับใคร แถมยังหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนอื่นมาโดยตลอด ดังนั้นเธอย่อมมี ‘ภูมิคุ้มกัน’ ในการรับมือกับเรื่องดราม่าน้อยมากเป็นธรรมดา
ยิ่งกว่านั้นคือหญิงสาวไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียใดๆ แต่กลับต้องมาถูกนินทาว่าร้ายและถูกพูดถึงอย่างเสียหายขนาดนี้…แม้ปฏิภาณจะไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่อง แต่เขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
ชายหนุ่มรู้ตัวว่าเป็นที่หมายปองของพนักงานหญิงในบริษัท แค่เขาเอ็นดูเหมือนไหมเป็นพิเศษเพราะเป็นสายรหัสเดียวกันและเธอเป็นเด็กดีมากก็คงทำให้พนักงานหญิงหลายคนแอบหมั่นไส้แล้ว พอเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจึงเหมือนเปิดโอกาสให้คนเหล่านั้นรุมทึ้งเหมือนไหมไม่มีผิด
เมื่อไหร่เรื่องนี้จะผ่านไปสักที
ร่างสูงคิดในใจขณะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวแล้วหยิบแฟ้มข้อมูลนักแสดงโฆษณาตัวล่าสุดที่แต้วทำมาให้เขาพิจารณาเพื่อเลือกคนที่เหมาะสมกับบทที่สุดขึ้นมาเปิดดู
แล้วในตอนนั้นเอง…สายตาคมก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
‘คบต่อไม่รอแล้วจ้า! ไฮโซสาวเลิกคนเก่าปุ๊บก็มีคนใหม่มาดามใจปั๊บ’
เห็นพาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์วันนี้แล้วปฏิภาณก็แทบจะเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้และแค้นใจอย่างบอกไม่ถูก แม้จะเป็นแค่พาดหัวเล็กๆ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ตาดีไปเห็น ที่สำคัญก็ยังไม่วายวางงานแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นมาดูก่อนจะเปิดเข้าไปอ่านต่อในหน้าสังคม เพราะอยากรู้ว่าอดีตคนรักจะให้สัมภาษณ์กลับดำเป็นขาวอย่างไรบ้างซึ่งเขาก็ไม่ผิดหวังกับการสร้างภาพของเธอเลย
อรรัมภาไปออกงานสังคมกับบิดาเธอแล้วบังเอิญเจอกับนพนันท์ซึ่งปฏิภาณเดาออกว่ามันคือการจงใจ นักข่าวจึงขอให้ทั้งสองคนถ่ายภาพคู่ร่วมกันแล้วถามถึงความสัมพันธ์ เพราะแว่วมาว่าเธอเพิ่งเลิกรากับเขาได้ไม่นาน แถมก่อนหน้านี้ยังมีคนซุบซิบว่าเธอกำลังศึกษาดูใจกับนพนันท์
อรรัมภาตอบว่าความจริงเธอกับปฏิภาณมีปัญหากันมาเรื่อยๆ เพราะเข้ากันไม่ได้ แล้วทั้งสองคนก็ตัดสินใจเลิกรากันแบบเงียบๆ มานานแล้ว
ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดที่ต้องจบความสัมพันธ์จึงไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เพื่อไม่ให้ทำร้ายจิตใจกัน จากนั้นเธอค่อยสนิทสนมกับนพนันท์เพราะเขาเข้ามาในจังหวะที่เธอกำลังเฮิร์ตพอดี
การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่ต่างกับการประกาศว่าเธอกับนพนันท์คบหากันแล้ว
เป็นการออกตัวแรงจนไม่ไว้หน้าปฏิภาณเลยทีเดียว!
“ก็ตีสองหน้าเก่งดี…”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ปกติเขาไม่ค่อยใช้คำพูดแรงๆ แบบนี้กับผู้หญิงยกเว้นจะโกรธจริงๆ แต่ก็คิดว่ามันคู่ควรกับผู้หญิงอย่างอรรัมภาแล้ว เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จและกลับดำเป็นขาวได้เก่งขนาดนี้ นักแสดงบางคนยังแสดงละครได้ไม่เก่งเท่าเธอ
หญิงสาวเพิ่งมาบอกเลิกปฏิภาณได้สามวันและเป็นฝ่ายทรยศเขาด้วยการแอบคุยกับนพนันท์ก่อน แต่กลับทำเหมือนเศร้าเสียใจมากที่ต้องเลิกกับเขา แถมยังบอกอีกว่าเลิกกันนานแล้ว
วงจรชีวิตเธอคงสั้นเหมือนยุงถึงได้พูดว่าเวลาสามวันคือนานแล้ว
ชายหนุ่มโยนหนังสือพิมพ์ออกห่างมือก่อนจะหันกลับมาสนใจแฟ้มงานของเขาต่อ แม้จะเจ็บใจกับการกระทำของอดีตคนรักและคิดได้ว่าการประกาศแต่งงานกับเหมือนไหมคงจะเป็นการตอกหน้าอรรัมภาอย่างสาแก่ใจที่สุด ทว่า…เขาก็ไม่คิดที่จะใช้หญิงสาวเป็นเครื่องมือแก้แค้น
แค่เกิดเรื่องบ้าๆ ในคืนนั้นชีวิตเธอก็คงปั่นป่วนมากพอแล้ว
สำหรับปฏิภาณ…เหมือนไหมเป็นน้องสาวที่เขาไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวดหรือได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใจเลย โดยเฉพาะหากความเจ็บปวดนั้นเกิดจากเขา
ติดตามฉบับเต็มที่…มาลีรติกานต์
Comments
comments