X
    Categories: ทดลองอ่านมากกว่ารักยอดหญิงเทพสมุนไพร

ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 8

หน้าที่แล้ว1 of 5

ตอนที่ 8

หลี่เมิ่งซีให้หงจูประคอง สาวใช้หลายคนยกอาหารตามอยู่ด้านหลัง เดินมาจนถึงห้องโถงใหญ่ของเรือนกลาง ร่างกายของเซียวจวิ้นดีขึ้นมากแล้ว หลี่เมิ่งซีจึงสั่งให้คนตั้งโต๊ะในห้องโถงใหญ่

รอสาวใช้จัดโต๊ะเสร็จแล้ว หลี่เมิ่งซีก็เดินไปหน้าประตูห้องนอน สูดหายใจลึกและท่องในใจสามรอบ เซียวจวิ้นเป็นนายจ้างของข้า ข้าเป็นแค่ลูกจ้างที่รับผิดชอบเสื้อผ้าและอาหารการกินของเขาเท่านั้น ข้าต้องอาศัยเงินเดือนที่เขาจ่ายให้เลี้ยงตนเอง อยู่ร่วมกับนายจ้างต้องแสดงท่าทีปรองดอง

ท่องจบก็ยืดตัวเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างสุขุม นางเห็นใบหน้าถมึงทึงเย็นชาของเซียวจวิ้นจนเบื่อเต็มทีแล้วจริงๆ เขาไม่เหนื่อยกับการตีหน้าบึ้งทุกวันหรือ แค่นางเห็นยังรู้สึกเหนื่อยแทน สองวันนี้ก่อนการเผชิญหน้ากับเขาทุกครั้ง นางล้วนต้องเตรียมใจก่อน หาไม่แล้วจะอดใจไม่อยู่ อยากต่อยใบหน้าภูเขาน้ำแข็งของเขาสักที

เข้าไปในห้องเห็นเซียวจวิ้นเอนกายอยู่บนเตียง หงอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้กลมทุบขาให้เขา หลี่เมิ่งซีก้าวเข้าไปเอ่ยเสียงค่อย “คุณชายรอง สำรับจัดเสร็จแล้ว ท่านลุกขึ้นมากินอาหารก่อนเถอะ!”

เซียวจวิ้นไม่มองนาง เพียงโบกมือสั่งให้หงอวี้หยุดและลุกจากเตียง

หลี่เมิ่งซีทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางช่วยหงอวี้ปรนนิบัติเขาสวมเสื้อผ้าและรองเท้า สาวใช้ยกน้ำล้างหน้าเข้ามาแล้ว หงอวี้ปรนนิบัติเซียวจวิ้นล้างหน้าเสร็จก็ยื่นมือมาหมายจะประคองเขาเดินไปห้องโถง

เซียวจวิ้นกลับปัดมือหงอวี้ออก “ตอนนี้ข้าแข็งแรงขึ้นมาก ไม่ต้องประคองแล้ว”

หงอวี้รับคำ คอยเดินตามอยู่ด้านหลัง

พอเซียวจวิ้นนั่งดีแล้ว หลี่เมิ่งซีก็ก้าวเข้ามารับโจ๊กที่สาวใช้ตักให้วางลงตรงหน้าเขาอย่างแผ่วเบา “คืนนี้ข้าภรรยาตั้งใจทำโจ๊กดอกเหมยให้คุณชายรอง โจ๊กนี้ทำจากข้าวเมล็ดกลมกับดอกเหมย เอาข้าวเมล็ดกลมไปต้มเป็นโจ๊กก่อน ค่อยเติมดอกเหมยสีขาวลงไป ต้มให้เดือดอีกครั้ง ดอกเหมยมีฤทธิ์เป็นกลาง ช่วยขจัดพิษในตับ กระตุ้นความอยากอาหาร ข้าภรรยาเห็นว่าคุณชายรองกินอาหารกลางวันไปน้อยมากจึงตั้งใจทำมาให้ คุณชายรองลองชิมดูเถิด คืนนี้ข้าภรรยายังตั้งใจทำขนมหลายอย่างเอาไว้กินคู่กับโจ๊กด้วย กินโจ๊กทุกวัน ถึงอย่างไรพลังงานก็ไม่เพียงพอ ขนมเหล่านี้ล้วนอ่อนนุ่มมาก ทั้งยังย่อยง่าย เหมาะกับคุณชายรองตอนนี้มากเจ้าค่ะ” แนะนำอาหารแต่ละอย่างจนเสร็จแล้ว หลี่เมิ่งซีก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงปรนนิบัติอยู่ด้านข้างอย่างระวัง

คืนนี้เซียวจวิ้นเจริญอาหารดีทีเดียว เขายังชิมขนมทุกอย่าง หลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ สีหน้าเขาก็ดีขึ้นไม่น้อย

การงานที่สะสมมาตลอดสองเดือนกว่าระหว่างที่เขาป่วย แม้เรื่องใหญ่ๆ จะส่งต่อไปให้นายท่านใหญ่ดูแลแล้ว แต่งานทั่วไปยังมีอยู่ไม่น้อย กินเสร็จจึงเรียกเซียวซย่าบ่าวชายประจำตัวเข้ามา ร้อนใจอยากจะจัดการเรื่องงานต่อ

เป็นพวกบ้างานจริงๆ ในยุคปัจจุบันก็นับเป็นบุรุษที่ดีคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่สตรีในเรือนออกจะมีเยอะไปสักหน่อย ช้าเร็วคงต้องตายอยู่ใต้ดอกไม้แน่ หลี่เมิ่งซีมองเซียวจวิ้นเดินเข้าไปในห้องหนังสือพลางคิดอย่างชั่วร้าย

ดึกทีเดียวกว่าเซียวจวิ้นจะออกมาจากห้องหนังสือ แต่พอเข้ามาในห้องนอนแล้วก็เห็นว่ามีถังไม้ใบเล็ก ข้างในมีน้ำกว่าครึ่งถังตั้งอยู่ ทั้งยังส่งกลิ่นหอมของสมุนไพรออกมา เขาขมวดคิ้วมุ่น มองหลี่เมิ่งซีอย่างไม่เข้าใจและถาม “เจ้าจะทำอันใดอีกแล้ว”

“สองวันนี้มือเท้าของคุณชายรองยังรู้สึกชาอยู่เล็กน้อย รับรู้ความรู้สึกได้ช้า ข้าภรรยาจึงตั้งใจเตรียมน้ำสมุนไพรเหล่านี้แช่เท้าให้คุณชายรอง มีใส่หงฮวา ตังกุย หวงฉี ซูมู่ เซิงตี้ พริกหอม เก๋อเกิน เซินจินเฉ่า ซี่ซิน หวงฉิน โสมขม และสมุนไพรอื่นๆ เข้าไป แช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพรนี้แล้วจะทำให้เส้นลมปราณเดินคล่อง ปรับสมดุลหยินหยาง บำรุงเลือดลม ปรับสมดุลของม้ามและกระเพาะ บำรุงตับไต ทำให้จิตใจสงบ” หลี่เมิ่งซีช่วยเซียวจวิ้นถอดเสื้อตัวนอกพลางพูด

เซียวจวิ้นลังเลครู่หนึ่ง อ้าปากคิดจะปฏิเสธ แต่แล้วก็พลันคิดถึงความรู้สึกสบายที่ได้รับจากการนวดเท้าของนางเมื่อคืน เขาจึงกลืนคำพูดปฏิเสธเหล่านั้นกลับลงไปในท้อง แล้วนั่งลงข้างเตียงโดยไม่เอ่ยอะไร

หงอวี้ก้าวเข้ามานั่งยองกับพื้น ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้คุณชายรอง ม้วนขากางเกงเขาขึ้น ยกเท้าทั้งสองขึ้นแล้ววางลงในน้ำ ม้วนแขนเสื้อของตนเองทำท่าจะล้างขาให้

หลี่เมิ่งซีซึ่งถอดเสื้อตัวนอกไปแล้ว ยามนี้นางนั่งอยู่บนเก้าอี้กลมด้านข้างที่เตรียมไว้แต่แรก กำลังม้วนแขนเสื้อตัวในขึ้นพลางพูด “ข้าเองดีกว่า”

เซียวจวิ้นกับหงอวี้ต่างตะลึงงัน การล้างเท้าล้วนเป็นหน้าที่ของสาวใช้ สะใภ้รองจะลงมือเองได้อย่างไร!

“ไม่ได้นะเจ้าคะสะใภ้รอง!” หงอวี้พูดอย่างร้อนใจ ใบหน้าแดงก่ำ อย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ

“เจ้าไปหยิบหมอนอิงมาหนุนให้คุณชายรองเถอะ คุณชายรองจะได้รู้สึกสบายขึ้น” หลี่เมิ่งซีสั่งพลางยื่นมือลงไปในน้ำ จับเท้าซ้ายของเซียวจวิ้นและนวดให้เขา

หงอวี้มองสะใภ้รองอย่างลำบากใจ จากนั้นก็หันไปมองคุณชายรอง เห็นสะใภ้รองยื่นมือลงไปแล้ว คุณชายรองก็ไม่ได้ว่าอะไร นางจึงลุกขึ้น อีกด้านหนึ่งหงจูหยิบหมอนอิงมาสองใบ วางไว้ด้านหลังเพื่อให้เซียวจวิ้นเอนกายได้สบายขึ้น

เซียวจวิ้นหรือจะเคยสัมผัสประสบการณ์การแช่ฝ่าเท้าในน้ำสมุนไพรและการนวดขั้นสูงเช่นนี้ เขาเอนกายอย่างสบาย สายตาที่มองหลี่เมิ่งซีค่อยๆ ลึกล้ำขึ้น เขามีความสุขกับการปรนนิบัติอย่างอ่อนโยนนี้มาก และอยากให้ความอ่อนโยนเช่นนี้อยู่ข้างกายตน แต่เมื่อคิดถึงการกระทำในวันนี้ของนางและเสียงเล่าลือตามท้องถนนแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาเซียวจวิ้นทำสิ่งใดล้วนทำตามความคิดของตนเอง เขาจะเก็บสตรีนิสัยเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ทั้งไม่สำรวมแม้สักขณะเดียวไว้ข้างกายได้เช่นไร ชั่วขณะหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางเช่นไรดี

“คุณชายรอง วันนี้ข้าภรรยาจัดเก็บเรือนปีกตะวันออก อยากทำเป็นห้องหนังสือเล็กๆ เวลาว่างข้าภรรยาจะได้ไปอ่านตำรา คัดอักษรได้บ้าง” หลี่เมิ่งซีเห็นเซียวจวิ้นเอนกายอย่างสบายใจ สีหน้าอ่อนโยนลงไม่น้อย นางจึงถือโอกาสนี้พูดเรื่องเรือนปีกตะวันออกกับเขา

“อืม รู้แล้ว” นานทีเดียว เสียงของเซียวจวิ้นจึงเหมือนลอยมาจากปลายเมฆ

 

เช้าวันต่อมา ตอนที่หลี่เมิ่งซีตื่น เซียวจวิ้นยังหลับสนิทอยู่ คิดว่าคงเป็นผลจากการแช่เท้าในน้ำสมุนไพรและการนวดเมื่อคืน หลี่เมิ่งซีลงจากเตียงเงียบๆ เปิดประตูเดินออกจากห้องนอน หงอวี้ หงจูรีบก้าวขึ้นมา ทั้งจะเข้ามาปรนนิบัติในห้อง หลี่เมิ่งซีจึงวางมือที่ริมฝีปากส่งสัญญาณบอกว่าคุณชายรองยังหลับสนิท นางออกไปที่ห้องด้านนอกให้หงจูปรนนิบัติล้างหน้า สั่งให้หงอวี้เฝ้าอยู่หน้าประตูรอจนกว่าคุณชายรองจะตื่น จากนั้นก็ไปห้องครัวเล็กกับหงจู

เห็นอวี้จู๋ กับหน่อไม้ที่ห้องครัวเพิ่งซื้อเข้ามา ของพวกนี้ล้วนเป็นพืชทางใต้ สมัยโบราณการคมนาคมไม่สะดวก อยู่ทางเหนือน้อยนักที่จะได้กินของพวกนี้ มีแต่สกุลใหญ่อย่างสกุลเซียวเท่านั้นที่มีโอกาสได้กินเป็นบางครั้ง ของเหล่านี้ในเมืองผิงหยางล้วนเป็นของหายาก เห็นแม่ครัวยืนถืออยู่ตรงนั้น ขบคิดอยู่นานก็ไม่รู้จะลงมือเช่นไร หลี่เมิ่งซีรู้สึกคันไม้คันมือจึงลงมือสั่งการ

นางสั่งให้แม่ครัวหั่นเต้าหู้เป็นแผ่นใหญ่ ทอดด้วยน้ำมันที่ร้อนเจ็ดส่วนจนเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นจึงหั่นเห็ดกระดุมที่ล้างสะอาดแล้วเป็นสองกลีบ นำไปลวกในน้ำเดือดจัดพร้อมหน่อไม้

เสร็จแล้วก็ใช้กระทะผัดต้นหอมกับกระเทียมจนหอม เติมซีอิ๊ว สุราสำหรับทำอาหาร น้ำตาลทรายขาว และน้ำลงไป รอจนเดือดแล้วค่อยใส่เห็ดกระดุมกับหน่อไม้ที่ลวกแล้วลงไปผัด สุดท้ายจึงเติมเต้าหู้แผ่นลงไป รอให้เดือดแล้วเปลี่ยนเป็นใช้ไฟอ่อนอบให้เข้ารส ก่อนตักขึ้นมาก็เทน้ำผสมแป้งมันเจือจางลงไป เหยาะน้ำมันงาอีกเล็กน้อยก็ได้เต้าหู้สามสหายรสอร่อยกลิ่นหอมฉุยออกมาแล้ว

หลี่เมิ่งซีให้แม่ครัวเป็นลูกมือ โดยใช้อวี้จู๋ตุ๋นเนื้อออกมาอีกจานหนึ่ง

พออาหารเสร็จก็ให้หงจูกับแม่ครัวชิมดูก่อน ไม่พูดถึงแม่ครัวที่ชิมอาหารของหลี่เมิ่งซีแล้วดวงตาเปล่งประกายเพียงใด เอาแค่หงจูคนเดียวชิมแล้วไม่เพียงอุทานว่าฝีมือของสะใภ้รองยอดเยี่ยม ยังบอกว่าตนไม่เคยกินอาหารรสอร่อยเช่นนี้มาก่อน ด่าผู้ดูแลในครัวว่าไม่ตั้งใจทำงาน สิ่งที่ทำออกมาล้วนไม่ใช่อาหาร จนกระทั่งหงจูเห็นสายตาอาฆาตของแม่ครัวสองคนจึงนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังด่าพวกนางด้วย หงจูรีบปิดปากทันที

หลี่เมิ่งซีเห็นสีหน้าของพวกนางแล้วอารมณ์ดียิ่ง คิดๆ ดูแล้ว ถึงอย่างไรนางก็ทำเยอะจึงให้คนแบ่งเป็นสองส่วน ใช้กล่องอาหารบรรจุอาหารชุดหนึ่ง ใส่โจ๊กดอกเหมยกับขนมอีกสองสามอย่างลงไป และให้คนนำไปมอบให้เหล่าไท่จวินตอนที่ยังร้อนๆ

จัดการส่วนของเหล่าไท่จวินเสร็จ ค่อยให้สาวใช้ยกอาหารส่วนที่เพิ่มเครื่องปรุงพิเศษกลับเรือนกลาง

เข้ามาในเรือนเห็นเซียวจวิ้นนั่งอยู่ในห้องโถงแล้ว กำลังพูดคุยบางอย่างกับหงอวี้ ทั้งสองเห็นนางเข้ามา ต่างก็ปิดปาก

หลี่เมิ่งซีส่งสัญญาณให้สาวใช้จัดสำรับพลางพูดกับเซียวจวิ้น “วันนี้คุณชายรองดูสดชื่นขึ้นมาก”

“เมื่อคืนหลับลึก เลยหลับสนิททั้งคืน ตื่นมาจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มือเท้าก็มีแรง เมื่อครู่เดินวนในลานรอบหนึ่ง ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ยามนี้ก็กำลังหิวอยู่พอดี” พอเซียวจวิ้นเห็นอาหารที่ยกมาแล้วก็อารมณ์ดีมาก คำพูดจึงมากตามไปด้วย

“นี่คือเต้าหู้สามสหายที่ข้าภรรยาทำเอง วัตถุดิบหลักใช้เต้าหู้ เห็ดกระดุม หน่อไม้ อาหารจานนี้มีสรรพคุณบำรุงเลือดลม ระบายความร้อนละลายเสมหะ เหมาะกับคนที่เพิ่งหายป่วย มีร่างกายอ่อนแอ ม้ามกับกระเพาะยังไม่แข็งแรง ไม่มีความอยากอาหาร กินได้น้อย และหายใจหอบสั้น ประเดี๋ยวคุณชายรองกินให้มากหน่อยนะเจ้าคะ” หลี่เมิ่งซีชี้เต้าหู้สามสหายที่ถูกยกออกมาพลางแนะนำเสียงอ่อนหวาน จากนั้นจึงแนะนำอาหารจานอื่นๆ รอจนอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะครบแล้ว นางค่อยล้างมือและก้าวขึ้นมาคีบอาหารให้เขา

เห็นหลี่เมิ่งซีจะเข้ามาปรนนิบัติ เซียวจวิ้นลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก “ที่นี่มีหงอวี้ก็พอแล้ว เจ้าไปคารวะเหล่าไท่จวินที่เรือนหลักก่อนเถอะ บอกท่านย่าว่าวันนี้ข้าหายดีแล้ว รู้สึกขามีกำลังขึ้นมาก มือยกของที่ค่อนข้างหนักได้แล้ว เมื่อเช้ายังฝึกหมัดมวยรอบหนึ่งด้วย บอกท่านย่าว่าไม่ต้องเป็นกังวล อีกสองวันรอให้ข้าหายดีแล้วจะไปคารวะท่านด้วยตนเอง งานในห้องหนังสือข้ามีไม่น้อย เจ้าไม่ต้องรีบกลับมาปรนนิบัติหรอก อยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนท่านย่าแทนข้าให้นานหน่อย”

หลี่เมิ่งซีรับคำ หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องด้านใน ให้หงจูปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าแต่งตัวเสียใหม่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปเรือนโซ่วสี่ของเหล่าไท่จวินพร้อมกับหงจู

 

ถึงเรือนโซ่วสี่ หลี่เมิ่งซีเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เดินอ้อมฉากบังลมลายต้นสนกับนกกระเรียนไป เห็นเหล่าไท่จวินนั่งอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนายท่านใหญ่ที่เมื่อวานออกไปจัดการเรื่องการค้า กลางคืนจึงไม่ได้กลับคฤหาสน์ ทุกคนก็ล้วนมากันพร้อมหน้าแล้ว หลี่เมิ่งซีรีบเข้าไปคารวะเหล่าไท่จวินกับนายหญิงใหญ่ จากนั้นทักทายคุณชายใหญ่ สะใภ้ใหญ่ และคุณชายสาม เสร็จแล้วจึงค่อยนั่งลงฝั่งขวามือของสะใภ้ใหญ่

รอหลี่เมิ่งซีนั่งลงแล้ว เหล่าไท่จวินก็เอ่ยถาม “ไยวันนี้ซีเอ๋อร์จึงมาเช้าถึงเพียงนี้ จวิ้นเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”

หลี่เมิ่งซีรีบลุกขึ้นย่อกายให้เหล่าไท่จวิน “วันนี้ร่างกายของคุณชายรองดีขึ้นมาก เมื่อเช้าหลานจัดสำรับอาหารเสร็จ เดิมทีคิดว่าปรนนิบัติคุณชายรองกินอาหารเสร็จแล้วค่อยมา แต่คุณชายรองกลับร้อนใจไล่หลานออกมาเสียก่อน บอกให้หลานมาคารวะเหล่าไท่จวินและเรียนเหล่าไท่จวินว่าคุณชายรองหายดีแล้ว ขารู้สึกมีกำลังขึ้นมาก มือก็ยกของหนักได้แล้ว เช้าวันนี้คุณชายรองยังฝึกหมัดมวยรอบหนึ่งด้วย คุณชายรองฝากบอกเหล่าไท่จวินว่าไม่ต้องกังวล อีกสองวันเมื่อหายดีแล้วจะมาคารวะเหล่าไท่จวินด้วยตนเอง ยังบอกหลานว่าคารวะเหล่าไท่จวินแล้วไม่ต้องรีบร้อนกลับไป ให้อยู่เป็นเพื่อนท่านย่าแทนคุณชายรองเจ้าค่ะ”

“ดี ดี จวิ้นเอ๋อร์หายดี ข้าก็วางใจ นี่นับเป็นบุญของสกุลเซียวเราโดยแท้ วันหลังซีเอ๋อร์ปรนนิบัติจวิ้นเอ๋อร์กินอาหารเสร็จค่อยมาก็ยังไม่สาย ที่นี่มีแม่สามีเจ้ากับพี่สะใภ้แล้ว ไม่ต้องรีบมาหรอก” เหล่าไท่จวินพูดอย่างดีใจ

หลี่เมิ่งซีรีบรับคำ นึกถึงอาหารที่ส่งมาเมื่อเช้าจึงพูดต่อ “เหล่าไท่จวิน เมื่อเช้าหลานเห็นอวี้จู๋กับหน่อไม้สดที่ทางห้องครัวเพิ่งซื้อเข้ามา เกิดคิดถึงอาหารที่เคยกินขึ้นมา จึงลงมือทำเต้าหู้สามสหายกับอวี้จู๋ตุ๋นเนื้อให้คุณชายรอง เห็นว่าอาหารสองอย่างนี้นุ่มและอร่อย ย่อยง่าย เหมาะกับเหล่าไท่จวินมาก จึงเพิ่มเครื่องเคียงอีกสองอย่าง นำมาให้พร้อมกับโจ๊กดอกเหมยและขนมอีกสองสามอย่างที่ทำตอนเช้า ประเดี๋ยวเหล่าไท่จวินลองชิมดูนะเจ้าคะ หลานฝีมือไม่ดี ขายหน้าเหล่าไท่จวินแล้ว”

“มีใจกตัญญูก็พอ โจ๊กที่ซีเอ๋อร์ทำรสชาติดีมาก อร่อยกว่าของแม่ครัวในคฤหาสน์มากนัก ไว้วันใดเขียนวิธีทำให้แม่ครัวลองทำดูเถอะ ทุกคนจะได้ชิม”

หลี่เมิ่งซีรับคำ สมาชิกในครอบครัวสนทนากันอีกสักพัก เหล่าไท่จวินจึงสั่งให้คนตั้งโต๊ะ

เหล่าไท่จวินสั่งให้นายหญิงใหญ่นั่งลงและให้หลี่เมิ่งซีกับสะใภ้ใหญ่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ นายหญิงใหญ่นั่งลงฝั่งขวามือของเหล่าไท่จวิน เหลือบมองหลี่เมิ่งซีที่ยืนอยู่ข้างกายเหล่าไท่จวินด้วยสายตาชิงชัง นางไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้แม้แต่น้อย วันนี้เห็นนางคิดแต่จะเอาใจเหล่าไท่จวินเช่นไร กลับไม่เห็นหัวตนซึ่งเป็นแม่สามีเลยสักนิด ในใจจึงยิ่งรังเกียจ จนใจที่ตอนนี้ยังจับผิดหลี่เมิ่งซีไม่ได้จึงได้แต่นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่พูดไม่จา

หลี่เมิ่งซีคีบกับข้าวให้เหล่าไท่จวินอย่างระมัดระวัง เหล่าไท่จวินคีบเนื้อชิ้นหนึ่งที่นางวางลงในจานตรงหน้าใส่ปาก ก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ “เนื้อนี้ปรุงอย่างไรหรือ เข้าปากแล้วละลายทันที กลืนลงไปแล้วยังหลงเหลือกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย”

หลี่เมิ่งซีเห็นเหล่าไท่จวินชอบก็คีบเนื้อชิ้นเล็กให้อีกชิ้น ตอบว่า “เหล่าไท่จวิน นี่คืออวี้จู๋ตุ๋นเนื้อที่หลานบอกเจ้าค่ะ ล้างเนื้อหมูให้สะอาดก่อน แล้วใช้น้ำเดือดลวกเลือดทิ้งไป ช้อนออกมาหั่นเป็นชิ้น จากนั้นนำเนื้อกับอวี้จู๋ที่หั่นเป็นชิ้น ต้นหอม ขิง สุราปรุงรส เกลือใส่ลงในหม้อ เติมน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสม ต้มด้วยไฟอู่จนเดือด แล้วค่อยใช้ไฟเหวินตุ๋นจนเปื่อย สุดท้ายจึงตักอวี้จู๋ ต้นหอม ขิงขึ้นมา เหยาะพริกไทยป่นเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กลิ่นหอมสดชื่นเมื่อครู่นี้เป็นกลิ่นอวี้จู๋เจ้าค่ะ อวี้จู๋มีสรรพคุณบำรุงธาตุหยิน เพิ่มความชุ่มชื้น บรรเทาความกลัดกลุ้ม ดับกระหาย ดังนั้นอาหารจานนี้ไม่เพียงอร่อย แต่ยังเหมาะสำหรับคนที่ป่วยจากความร้อน ธาตุหยินถูกทำร้าย กระหายน้ำ รู้สึกว้าวุ่นใจ ร่างกายอ่อนแอผอมแห้ง ปวดเอวปวดเข่า ระบบย่อยไม่ดี คนที่ไม่ป่วยกินแล้วก็สามารถป้องกันโรคได้เจ้าค่ะ”

“อืม อร่อยๆ” เหล่าไท่จวินพูดพลางผงกศีรษะ

“สะใภ้รองทำอาหารอร่อยจริงๆ เรียนมาจากใครหรือ” นายหญิงใหญ่ถามเหมือนไม่ใส่ใจ

หลี่เมิ่งซีรีบตอบ “มารดาที่บ้านเดิมชอบเข้าครัวเจ้าค่ะ ลูกมักจะคอยดูอยู่ข้างๆ ดูมากเข้าจึงทำเป็น ส่วนสรรพคุณทางยาของสมุนไพรพวกนี้ ลูกอ่านมาจากตำราเจ้าค่ะ”

รอจนทุกคนวางตะเกียบแล้ว หลี่เมิ่งซีจึงพบว่าอาหารที่นางทำล้วนถูกกินจนเห็นก้นจาน นี่เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักในสกุลใหญ่อย่างคฤหาสน์สกุลเซียว เซียวอวิ้นยังฉีกยิ้มให้พี่สะใภ้รองอย่างเกรงใจ เพราะอาหารส่วนใหญ่ล้วนถูกเขากับเซียวชิงกินจนเกลี้ยง เซียวอวิ้นลอบคิดในใจ วันหน้าต้องหาหนทางไปขอข้าวกินที่เรือนพี่รองบ่อยๆ เสียแล้ว

เก็บโต๊ะออกไปแล้ว รอจนนายหญิงใหญ่ เซียวชิง เซียวอวิ้นจากไป เหล่าไท่จวินจึงพูดกับหลี่เมิ่งซี “เมื่อวานได้ซีเอ๋อร์นวดหลังให้ข้าแล้วสบายมาก รู้สึกว่าไหล่เบาขึ้นมากจริงๆ เมื่อคืนจึงลองให้ซื่อฮว่าบีบนวดดู กลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย วันนี้ซีเอ๋อร์มานวดให้ข้าอีกเถอะ แล้วให้ซื่อฮว่าคอยดูอยู่ข้างๆ”

หลี่เมิ่งซีรีบรับคำ ล้างมือและก้าวเข้าไปบีบนวดให้เหล่าไท่จวินเบาๆ คิดถึงเรื่องตลกที่เคยฟังมาเมื่อชาติก่อน นวดไปพลางก็พูดกับเหล่าไท่จวิน “หลานนึกถึงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ น่าสนุกทีเดียวเจ้าค่ะ”

“ข้ากำลังเบื่ออยู่พอดี ซีเอ๋อร์รีบเล่ามาเถอะ!” เหล่าไท่จวินว่า

หลี่เมิ่งซีพยักหน้า เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงเนิบช้าแผ่วเบา “ว่ากันว่ามีอยู่วันหนึ่ง คหบดีสูงวัยจะออกเดินทางไกล ก่อนออกจากบ้าน เขาบอกลูกชายว่าถ้ามีคนมาบ้านเรา ถามว่าต้นไม้เก่าแก่หน้าประตูหายไปไหน ให้เจ้าตอบว่าแก่แล้วจึงถูกขายไป ถ้าถามว่าป่าไผ่ในเรือนด้านหลังหายไปไหน ให้เจ้าตอบว่าถูกย่ำยีไปตอนกลียุค ถ้าถามว่าไฉนยุ้งฉางบ้านเราจึงมีข้าวสารมากมายถึงเพียงนั้น ให้เจ้าตอบว่านี่เป็นของที่ท่านพ่อท่านแม่ข้าเก็บเล็กผสมน้อย ถ้าถามว่าภาพปีใหม่บนผนังบ้านเราเหตุใดจึงดีเช่นนี้ ให้เจ้าตอบว่านี่เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ บุตรชายของคหบดีผงกศีรษะและทวนคำพูดอีกครั้ง จากนั้นคหบดีก็จากไปอย่างวางใจ

วันต่อมามีแขกมาเยือน พอแขกเข้ามาในเรือน บุตรชายของคหบดีก็ออกมาต้อนรับ แขกถามว่าพ่อของเจ้าล่ะ บุตรชายของคหบดีตอบ แก่แล้วถูกขายไป แขกรู้สึกแปลกใจมากจึงถามต่อ แม่ของเจ้าล่ะ บุตรชายของคหบดีตอบ ถูกย่ำยีไปตอนกลียุค แขกส่ายหน้าอย่างจนใจ ก่อนจะเข้าไปในเรือน เห็นบนพื้นมีขี้ไก่อยู่มากมายจึงถามว่าไฉนพื้นบ้านเจ้าจึงมีขี้ไก่มากมายถึงเพียงนี้ บุตรชายของคหบดีตอบ นี่เป็นของที่ท่านพ่อท่านแม่ข้าเก็บเล็กผสมน้อย แขกรู้สึกขบขันอย่างยิ่งจึงถามต่อ ไฉนเจ้าจึงโง่งมเช่นนี้ บุตรชายของคหบดีตอบ นี่เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ”

เหล่าไท่จวินอดไม่อยู่หัวเราะฮ่าๆ “โลกนี้มีคนหัวทึ่มทื่อขนาดนี้จริงๆ หรือ ไม่รู้จักพลิกแพลงแม้แต่น้อย เห็นทีในหัวคงมีแต่แป้งเปียก”

สะใภ้ใหญ่ฟังแล้วแทบพ่นน้ำชาออกมา ยิ้มพูดอย่างไม่หลงเหลือความสุขุมสง่างาม “สะใภ้รองช่างเป็นคนมีไหวพริบจริงๆ”

“นั่นสิ เป็นคนที่หัวไวโดยแท้ มีซีเอ๋อร์อยู่ข้างกาย ข้าคงอยู่ได้อีกหลายปี วันหน้าจวิ้นเอ๋อร์หายดีแล้ว ซีเอ๋อร์มาอยู่เป็นเพื่อนข้าคลายเหงาบ่อยๆ ก็แล้วกัน”

สาวใช้ด้านข้างกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ฟังคำพูดเหล่าไท่จวินแล้วต่างก็พากันเออออตาม ชมเชยสะใภ้รองกันใหญ่ บรรยากาศพลันครึกครื้น เหล่าไท่จวินกับสะใภ้ใหญ่ยิ้มฟังอยู่ด้านข้าง

พวกดีแต่ประจบสอพลอ อย่าเห็นว่ายามนี้พวกนางพูดจาน่าฟังเลย หากวันใดเหล่าไท่จวินไม่ชอบนางแล้ว คนพวกนี้ก็คงเหยียบย่ำซ้ำเติมอย่างไม่เกรงใจ ทั้งยังจะออกแรงมากกว่าทุกคนเสียด้วย หลี่เมิ่งซีฟังคำยกยอของสาวใช้และบ่าวหญิงสูงวัยทั้งหลายแล้ว นางก็ปรนนิบัติเหล่าไท่จวินอย่างระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม

หงจูยื่นมือไปเลิกม่านห้องนอน หลี่เมิ่งซีก้าวเท้าเข้าไป เท้าหนึ่งอยู่ใน เท้าหนึ่งอยู่นอกห้อง เงยหน้ามองเห็นเซียวจวิ้นกับหงอวี้กอดกันในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ใบหน้านางพลันแดงก่ำ ชะงักอยู่ที่เดิมอย่างกระอักกระอ่วนใจ

หลี่เมิ่งซีหมุนตัวคิดจะออกไป แต่คิดอีกทีก็รู้สึกไม่เหมาะสม ถึงอย่างไรหงอวี้ก็เป็นเพียงสาวใช้ นางต่างหากที่เป็นภรรยาเอก เข้ามาแล้วกลับหลบออกไปเงียบๆ เช่นนี้ วันหน้าจะกำราบสตรีในเรือนหลังที่ร้ายกาจเหมือนฝูงเสือฝูงหมาป่าได้อย่างไร แต่หากไม่ออกไป นางก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับเรื่องสกปรกพรรค์นี้เลยจริงๆ ชั่วขณะหนึ่งที่ตัดสินใจลำบาก

ลังเลครู่หนึ่งหลี่เมิ่งซีก็กัดฟัน ฮึ! แพ้ได้แต่อย่าเสียหน้า ข้าหลี่เมิ่งซีเป็นใคร ชาติก่อนดูหนังโป๊มาตั้งมาก กล้าจริงเจ้าเซียวจวิ้นก็เล่นหนังสดให้ข้าดูเสียเลยสิ คิดว่าข้าจะกลัวหรือไร

หงจูตระหนักถึงความผิดปกติแล้วเช่นกัน นางรีบดึงสะใภ้รองออกมา ตามความคิดนาง บุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติมาก แอบหาเศษหาเลยบ้างจะเป็นไรไป หากชอบก็สามารถรับเข้ามาในเรือน เจอเรื่องแบบนี้ดีที่สุดคือหลบไปให้ไกล หาไม่แล้วจะขึ้นตุ่มที่ตาเสียเปล่า

หลี่เมิ่งซีลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะสะบัดมือหงจูออก ยืดร่างเล็กแบบบางและก้าวเข้าไปด้านใน

หงอวี้กับเซียวจวิ้นที่อยู่บนเตียงตระหนักว่าหลี่เมิ่งซีกลับมาแล้วเช่นกัน หงอวี้ลนลานจะลงจากเตียง แต่ถูกเซียวจวิ้นกอดไว้ไม่ให้นางขยับ หงอวี้จึงถือโอกาสนี้ซบอยู่กับอกเซียวจวิ้น แอบชำเลืองมองหลี่เมิ่งซีที่ยืนอยู่หน้าประตู เห็นนางชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้ามาอีกสี่ก้าวด้วยท่าทางที่สุขุม

หลี่เมิ่งซีนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ หยิบดอกไม้ลูกปัดที่ร้อยไปได้ครึ่งหนึ่งขึ้นมาและเริ่มร้อยต่อ นิ้วมือขาวเนียนประหนึ่งหยกหยิบลูกปัดเม็ดหนึ่งขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด ชื่นชมอยู่นาน สุดท้ายจึงร้อยเชือกเข้าไปอย่างมั่นคง แล้วก็หยิบขึ้นมาอีกเม็ดด้วยท่าทางอ่อนโยน ดูสงบเยือกเย็นถึงเพียงนั้น ราวกับนางนั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรก ขณะเดียวกันก็เหมือนรูปแกะสลักที่มีอายุนับพันปี

เซียวจวิ้นที่อยู่บนเตียงหน้าตาถมึงทึงขึ้นทุกที

หลี่เมิ่งซีนั่งร้อยดอกไม้ลูกปัดอยู่ตรงนั้น ดูภายนอกเหมือนสงบนิ่ง แต่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นโครมคราม นางกลัวจริงๆ ว่าคุณชายรองสกุลเซียวผู้นี้จะหน้าหนาพอที่จะเล่นหนังสดให้นางดู เช่นนั้นนางย่อมเป็นฝ่ายอับอายขายหน้าแทนแล้ว

การดิ้นรนของหงอวี้และการกอดรัดแน่นของเซียวจวิ้นเมื่อครู่นี้ล้วนอยู่ในสายตาหลี่เมิ่งซี นางเข้าใจทุกอย่าง ภูเขาน้ำแข็งลูกนั้นกำลังประกาศศักดากับนาง นิสัยไม่ยอมแพ้ใครในชาติก่อนจึงถูกกระตุ้นขึ้นมาทันใด นางกำลังเดิมพัน…เดิมพันว่าภูเขาน้ำแข็งลูกนั้นคงไม่หน้าหนาพอถึงขั้นเล่นจ้ำจี้กับหงอวี้ต่อหน้านาง ดังนั้นนางจึงนั่งลงอย่างสุขุมมั่นคง

ฝ่ายเซียวจวิ้นกลับแย่เสียเอง เขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่าภรรยาของเขาคนนี้ทำให้บิดาบังคับให้เขาต้องอยู่ในเรือนกลางเป็นเวลาครึ่งเดือน วันนั้นเขาไม่ได้สติจึงไม่รู้เรื่องราวต่อจากนั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับเขา วันนี้ได้ยินหงอวี้พูดออกมาโดยบังเอิญ ทำให้เขาเดือดจัด เขาเป็นชายชาตรี ถ้าไม่เพราะไม่มีนิสัยทำร้ายสตรี เขาก็อยากจะคว้าตัวหลี่เมิ่งซีมาตีให้หนำใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความคิดอยากทำร้ายสตรีสักคน

เขาไม่เชื่อเรื่องการแต่งงานเสริมมงคลอะไรนั่นหรอก นี่ต้องเป็นอุบายการแย่งชิงความรักของนางแน่ เรื่องนี้ทำให้เขาคิดถึงผ้าพรหมจารีในวันเข้าหอและเรื่องหงซินเจียวเมื่อวาน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าอุบายของสตรีผู้นี้ชั่วร้ายเกินไป ไม่คู่ควรกับการเป็นภรรยาเอกของเขาแม้แต่น้อย น่าเสียดายรูปโฉมอันงดงามของนางจริงๆ

ทว่าเขาเซียวจวิ้นหาใช่คนที่ลุ่มหลงในความงามของสตรี ฝืนรั้งตัวเขาไว้ได้ครึ่งเดือนแล้วอย่างไร เขายังคงสามารถอยู่กับสตรีอื่นได้เหมือนเดิมและไม่แตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว! ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ขึ้น

แต่งงานวันที่สี่ก็มั่วกับสาวใช้บนเตียง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการตบหน้าภรรยา เซียวจวิ้นอยากยั่วโทสะนางเช่นนี้ จงใจให้นางทรมานใจ ทำให้นางอับอายยากจะรับไหว ในความคิดเขา สตรีเจอเรื่องเช่นนี้จะต้องหันหลังจากไปทันทีแน่ หรือไม่ก็อาละวาด หากนางกล้าโวยวายออกมา เขาย่อมใช้เรื่องนี้บอกได้ว่านางฝ่าฝืนกฎเจ็ดออก ข้อสำคัญ…ริษยา จะต้องลงโทษนางให้หนัก เขาคิดถึงอาการตอบสนองมากมายของนางหลังจากเห็นภาพนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาไม่มีความกล้าที่จะทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านางจริงๆ นั่นแหละ

นางหน้าหนาจนถึงขั้นให้บิดารั้งตัวเขาไว้ในเรือนกลางนานถึงครึ่งเดือน ยังจะมีอะไรที่นางหลี่เมิ่งซีไม่กล้าทำบ้าง เขากลัวจริงๆ ว่าถ้าเขากล้าทำ นางก็กล้าที่จะดู เรื่องเช่นนี้หากจะทำจริงๆ ควรเป็นเรื่องของคนสองคน ปิดประตูทำลับๆ จะดีกว่า มีภรรยาเอกเฝ้าดูอยู่ด้านข้างย่อมไม่ดีแน่ คิดเช่นนี้แล้วเซียวจวิ้นก็ทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะ ใบหน้าถมึงทึงมากขึ้นทุกที

ในห้องเงียบสนิทจนได้ยินกระทั่งเสียงเข็มตก ความกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา ในที่สุดเซียวจวิ้นก็คลายวงแขน หงอวี้ถือโอกาสนี้ลงจากเตียง หมายจะรีบหนีออกไปจากห้องที่ทำให้นางหายใจไม่ออก สะใภ้รองกับคุณชายรองจะทะเลาะกันอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับนาง ดังนั้นจึงเดินย่องไปที่ประตู ทำราวกับว่าสะใภ้รองกำลังหลับ ขอเพียงนางเดินอ้อมไปอย่างแผ่วเบาก็หนีพ้นแล้ว

“คุกเข่า!” น้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับรวมความหมายไว้ทุกอย่าง ทั้งแผ่ความน่าเกรงขามเกินใครออกมา หงอวี้ตกใจจนคุกเข่าลงตรงหน้าหลี่เมิ่งซี

เซียวจวิ้นลุกขึ้นทันที

“หงอวี้ เจ้ารู้ความผิดหรือไม่”

“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวสำนึกผิดแล้ว สะใภ้รองโปรดลงโทษด้วย!”

“ใครก็ได้!” หลี่เมิ่งซีร้องเรียกเสียงสูง

หงจูกับซูหมัวมัวเดินเข้ามาพร้อมกัน

 

ติดตามฉบับเต็มที่…ยอดหญิงเทพสมุนไพร

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

Jamsai Editor: