หากนึกถึงนิยายจาก ‘มากกว่ารัก’ สิ่งแรกที่นักอ่านหลายคนคิดถึงคือเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกและนางเอก แต่หากนักอ่านกำลังมองหานิยายที่นอกจากจะมีเรื่องราวของความรักแล้วยังได้สนุกกับการผจญภัยในดินแดนต่างๆ ที่เหนือจินตนาการ การต่อสู้ การฝึกวรยุทธ์ การฝึกฝนตนให้เป็นผู้วิเศษและการครองสัตว์วิเศษ เรื่อง ‘ยอดสตรีเป็นยากยิ่ง’ ถือว่าเหมาะมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวดังกล่าวค่ะ
เรื่องราวจะเป็นยังไงตามมาดูกันเลยค่ะ ‘โม่อี’ เธอเป็นเด็กกำพร้า ตอนยังเป็นทารกถูกนำมาทิ้งไว้หน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ก่อนจะพบว่าตัวเองฟังสัตว์ทั้งหลายเข้าใจมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอไม่ได้บอกใคร ในช่วงที่เธอยังตัวเล็กอ่อนแอและโดดเดี่ยว สัตว์ทั้งหลายก็คือเพื่อนสนิทและเป็นเพื่อนเล่นของเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงใฝ่ฝันอยากเป็นสัตวแพทย์แล้วเธอก็ได้เป็นจริงๆ
วันหนึ่งเธอเดินทางไปท่องเที่ยวและได้พบกับ ‘ทุน’ งูเขียวขนาดยักษ์ที่กำลังได้รับบาดเจ็บเธอจึงช่วยเหลือ ในเวลานั้นเองมีสายลับที่ต้องการจับตัวเธอจนกระทั่งเธอและสายลับเสียชีวิตลงในที่แห่งนั้น ต่อมาเธอได้ไปเกิดใหม่นามว่า ‘ฉู่อีเหริน’ นางเกิดในตระกูลนักยุทธ์ฉู่ที่มีอำนาจอันเลื่องลือในดินแดนเทพยุทธ์ ดินแดนแห่งนี้เชิดชูการฝึกยุทธ์ ยกย่องผู้เลิศล้ำ ก่อนนางจะถือกำเนิดบิดาและมารดาของนางมีเรื่องซึ่งทำให้มารดาของนางทุกข์ใจอย่างยิ่ง มารดาจึงคลอดนางก่อนกำหนดส่งผลให้นางมีสุขภาพอ่อนแอและมีโรครุมเร้าตั้งแต่เกิด
กว่าที่ ‘ฉู่อีเหริน’ จะสามารถใช้ชีวิตและเติบโตจากแรกเกิดสู่วัยเด็กน้อยที่มีจิตใจเข้มแข็งได้นั้น นางมีพี่ชายที่เกิดจากมารดาและบิดาเดียวกัน 3 คน รวมนางด้วย ได้แก่
‘ฉู่เซวียนอั๋ง’ คุณชายใหญ่ของสกุลฉู่ ลูกชายของฉู่อวิ๋นเฟยและโม่อี้โหรว เป็นลูกที่บิดามารดาภูมิใจอย่างยิ่ง
‘ฉู่เซวียนฉี’ คุณชายสามของสกุลฉู่ ด้วยเกิดมาไร้พรสวรรค์นักยุทธ์ จึงถูกฉู่อวิ๋นเฟยเรียกตัวอบรมอยู่บ่อยครั้ง
มีเพียงพี่ชายทั้งสองเลี้ยงดูและคอยดูแลปกป้องนางด้วยความรัก แม้แต่บิดาและมารดายังไม่เคยมาดูดำดูดีหรือมาดูแลสักครั้ง
แม้ว่า ‘ฉู่อีเหริน’ จะเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอแต่นางมีพี่ชายที่เลี้ยงดูด้วยความรัก นางจึงเติบโตมาเป็นเด็กที่ฉลาดไม่ยอมคน ดังครั้งหนึ่งพี่ชายต่างมารดาของนางนามว่า ‘ฉู่เซวียนหลิง’ เข้ามาหาเรื่องนางและพี่ชายสาม นางได้ตอบโต้เขากลับไปด้วยวัยเพียงสามขวบเท่านั้น
คุณชายใหญ่ขึ้นชื่อว่าฝึกฝนในด้านความสามารถแล้วก็รักทะนุถนอมน้องชายและน้องสาวมากเหลือเกิน ถ้าจะเปรียบด้วยประโยคที่ว่า ‘แม่ไก่ปกป้องลูกไก่’ ก็ไม่นับว่าเกินเลย ดังนั้นยามที่คุณชายใหญ่อยู่ด้วย พวกเขาจะไม่กล้าหาเรื่องฉู่เซวียนฉี
“ที่นี่คือประตูทางเข้าเรือนพี่ใหญ่ใช่หรือไม่”
“อืม” ลูกผู้พี่พยักหน้าอีก
“ดังนั้นพวกเจ้าสองคนกล้ามาหัวเราะเยาะน้องชายที่พี่ใหญ่รัก และข้าน้องสาวผู้อ่อนแอในเรือนของพี่ใหญ่โดยไม่เกรงกลัวพี่ใหญ่สักนิดความกล้าหาญเช่นนี้จะไม่นับถือได้อย่างไร” ฉู่อีเหรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เกินจริงและแปลกใจแสดงออกว่านางรู้สึกนับถือจริงๆ
คนที่ไม่กลัวตายกล้ามากระตุกหนวดเสือ กล่าวได้ว่า ‘ไม่ยี่หระต่อความตาย’ หรืออาจกล่าวได้ว่า ‘รนหาที่ตาย’ ความกล้าหาญเช่นนี้ควรค่าแก่การนับถือจริงๆ
ในเมื่อ ‘ผู้ไม่กลัวตาย’ คือผู้ยิ่งใหญ่ แสดงความเคารพต่อ ‘ผู้ไม่กลัวตาย’ สักหน่อยคงไม่เป็นไร
‘จุดหักเหของชีวิต’
ในยามที่นางอายุสามขวบฉู่เซวียนอั๋งพี่ชายใหญ่ได้พานางและฉู่เซวียนฉีไปท่องเที่ยวในเมืองตามคำสัญญา ในวันนี้เองนางได้พบสัตว์ตัวแรก มันดูเหมือนสัตว์เลี้ยงแต่นางรับรู้ได้ว่ามันคือสัตว์วิเศษ นางได้พูดคุยกับสัตว์วิเศษ จากนั้นฉู่เซวียนอั๋งพาน้องทั้งสองไปที่ ‘สมาคมผู้ครองสัตว์วิเศษ’ เพื่อขึ้นทะเบียนให้ฉู่เซวียนฉี ‘เฟิงเหยี่ยน’ ผู้อาวุโสของสมาคมเรียกทั้งสามเข้าพบ พอรู้ชื่อแซ่ก็สนใจทั้งสามคนเป็นพิเศษ ฉู่เซวียนอั๋งและฉู่เซวียนฉีได้เป็นศิษย์ของท่าน ‘เฟิงเหยี่ยน’ ส่วนฉู่อีเหริน ‘ท่านโม่ซั่งเฉิน’ ผู้อาวุโสเกิดความสนใจในตัวนางจนกระทั่งไปรับเป็นศิษย์จากบิดามารดาของนางซึ่งทราบภายหลังว่าเขาคือท่านตาของนาง
ฉู่อีเหรินจากพี่ชายทั้งสองไปอยู่กับท่านตาและได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘โม่อีเหริน’ นางได้เรียนรู้วิชาต่างๆ จากท่านตา อาทิ เรียนวรยุทธ์ การปลูกสมุนไพร การปรุงยา การหลอมอาวุธ ฯลฯ นางเป็นคนฉลาดจึงมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นและนำความรู้มาผสมผสานกันเกิดเป็นความรู้ใหม่ เช่น การทำอาหารด้วยสมุนไพร ฯลฯ
“ฉู่อีเหริน ท่านตาบอกหรือไม่ว่าจะพาเจ้ากลับมาเมื่อไร”
“เอ่อ... ไม่รู้เหมือนกัน” ฉู่อีเหรินคิดไปมา “ต่อไปข้าค่อยถามท่านตาแล้วจะเขียนจดหมายมาบอกพวกพี่ เมื่อถึงเวลานั้นหากมีเวลา พวกเราจะได้พบกัน” ฉู่อีเหรินกอดพี่ใหญ่และพี่เล็กอีกครา
“พี่ใหญ่ พี่เล็ก พวกพี่จะต้องปกป้องตัวเองให้ดี ห้ามบาดเจ็บ ห้ามป่วย รอไว้พวกเราพบกันคราวหน้า พวกพี่จะต้องปกป้องข้านะ” ฉู่อีเหรินเอ่ยอย่างน่ารักและอ่อนโยนยิ่ง
“ได้” ฉู่เซวียนอั๋งพยักหน้า
“ข้าจะปกป้องเจ้า” ฉู่เซวียนฉีพยักหน้า
‘พบเขาครั้งแรก หนุ่มน้อยเครื่องหน้าหล่อเหลาเหนือสามัญ’
หลังจากที่โม่อีเหรินกลับจากการไปตามหาท่านตาก็กลับเข้าไปในป่าเพื่อหาสัตว์น้อยใหญ่ ทว่าสิ่งที่นางพบกลับเป็นเด็กชายอายุสิบห้าผู้หนึ่งกำลังถูกพวกสัตว์จู่โจมจนหมดสติไป หลังสอบถามเรื่องราวของสัตว์ต่างๆ นางจึงรู้ว่าเขาพยายามจะบุกลงไปใต้น้ำเพื่อขโมยบุปผากลางธารา จึงวิวาทกับสัตว์ทั้งหลาย ทว่าเขาก็ไม่ได้ต่อสู้ให้สัตว์บาดเจ็บล้มตาย เพียงแต่ดื้อดึงจะลงไปใต้น้ำให้ได้เท่านั้น อีกทั้งเขายังต่อสู้เช่นนี้เป็นเวลาสามวันต่อเนื่อง
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาโม่อีเหรินก็สอบถามความต้องการของเขา และรู้ว่าเขาต้องการบุปผากลางธาราไปช่วยบิดา นางจึงช่วยเขาโดยการอาสาลงไปใต้น้ำ ในใต้น้ำนางได้พบกับงูที่กำลังออกจากไข่ มันเรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ และติดตามข้างกายนาง โม่อีเหรินกลับขึ้นมาบนฝั่ง นางมอบบุปผากลางธาราให้เขา เขามีนามว่า ‘ไป่หลี่จิงหง’ มีดวงตาสีม่วง เขาซาบซึ้งใจและมอบสร้อยกับจี้ให้นางเป็นของตอบแทน ทั้งยังบอกว่าเขาขอจับจองนางไว้
‘ออกเดินทางเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับชีวิต’
โม่ซั่งเฉินมีความจำเป็นต้องออกจากเกาะ ท่านตามอบของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้โม่อีเหรินเป็นกระบี่ที่มีแต่ด้าม อีกทั้งท่านตาเหยี่ยนยังฝากมอบ ‘ชุดปีกสวรรค์’ ให้นาง ท่านตาโม่บอกนางว่าหากในวันเกิดของนางเขายังไม่กลับมา ให้นางออกไปยังแผ่นดินใหญ่ เพื่อตามหาท่านตาและเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในชีวิตให้กับตนเองได้ทันที
วันเกิดโม่อีเหรินมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อนางเห็นว่าท่านตาโม่ยังไม่กลับมาจริงๆ จึงเตรียมตัวออกเดินทางกับ ‘เสี่ยวทุน’ ทว่า ‘เขี้ยวเงิน’ สัตว์วิเศษอาศัยไปส่งนางยังแผ่นดินใหญ่และขอร่วมเดินทางไปกับนาง
การผจญภัยของนางหลังจากร่ำเรียนวิชามาจากอาจารย์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นักอ่านสามารถติดตามความสนุก อ่านเพลินและได้ลุ้นไปกับโม่อีเหริน นางจะกลายเป็นยอดสตรีได้อย่างไรและในด้านความรักจะหวานและอบอุ่นใจแค่ไหนพลาดไม่ได้เลยนะคะ
‘ยอดสตรีเป็นยากยิ่ง’
ทดลองอ่าน คลิกที่นี่
สั่งซื้ออนไลน์ คลิกที่
Comments
comments
No tags for this post.