X
    Categories: LOVEทดลองอ่านเพลง (รัก) ของเจ้าชายอสูร

ทดลองอ่านนิยาย เพลง(รัก)ของเจ้าชายอสูร บทที่ 13 – บทที่ 14

หน้าที่แล้ว1 of 16

บทที่ 13 โทสะของคอนสแตนติน

 

หลังจากไปงานแต่งงานคราวนั้นเพลงพิณก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก หญิงสาววุ่นวายอยู่กับการดูแลงานปรับปรุงปราสาทให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ ถึงแม้จะมีสถาปนิกและดีไซเนอร์อีกสองสามคนอยู่ในทีม แต่เธอก็ไม่ปล่อยมือวางใจอะไรทั้งสิ้น เธอทุ่มเทใส่ใจ เข้าไปดูแลทุกส่วนงานอย่างละเอียดรอบคอบ

อลันกลับไปอเมริกาแล้วหลังจากรับผิดชอบการออกแบบลายผ้าสำหรับผ้าม่าน พรม เบาะโซฟา เกย์หนุ่มสัญญาว่าจะบินมาดูงานบ่อยๆ…พอเพื่อนที่เคยตัวแทบติดกันไม่อยู่แล้ว เพลงพิณก็เหงาขึ้นมาจับใจ แต่ยังดีที่ณิชากำลังจะกลับมาจากอังกฤษในอีกไม่กี่วัน และหญิงสาวเองก็นั่งเรืออ้อมเกาะไปเล่นกับเจ้าของกินทั้งสี่ที่แอบฝากเลี้ยงไว้ที่วิลล่าของณิชาทุกเย็น

กับคอนสแตนตินเองเพลงพิณก็ไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์ด้วย ช่วงนี้เธอเหนื่อยและวุ่นวายกับเรื่องงานเสียจนไม่มีอารมณ์จะเล่นละครต่อหน้าเอวานหรือกวนประสาทเขาเล่นด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเองก็มีงานรัดตัวเพราะกำลังจะเดินทางไปจัดการธุรกิจที่อเมริกาและเอเชียนานร่วมเดือนจึงจำต้องเคลียร์งานให้เสร็จเรียบร้อย เจ้าของอาณาจักรธุรกิจอันเกลอสออกจากเกาะแต่เช้ามืด กลับมาก็ดึกมาก บางทีจึงจะมีโอกาสได้ร่วมกินอาหารค่ำกับเพลงพิณ…แต่ที่หญิงสาวเดือดดาลตัวเองจนความดันขึ้นทุกเช้าก็คือ เธอยังตื่นขึ้นมาบนตัวของคอนสแตนตินไม่ได้ขาดแม้สักวันเดียว

มาร์ค คาร์มิเน่ เทตดูจะไม่สนใจที่เพลงพิณแต่งงานแล้ว เขามักจะโทรมาพูดคุยด้วยสั้นๆ ทุกคืนจนหญิงสาวเองเริ่มชิน ความที่เธอเป็นคนสนุกสนาน มีเพื่อนรายล้อมมาตลอด พอมาอยู่ที่ปราสาทนี้โดยไม่ได้ออกไปไหนจึงรู้สึกเหงา มาร์คเองก็เป็นชายที่มีเสน่ห์และดูจะรู้ใจผู้หญิงไปเสียทุกอย่าง เพลงพิณจึงสนุกสนานและชอบพูดคุยกับเขา และทั้งหมดนี้คอนสแตนตินไม่รู้เรื่องเลย

 

วันนี้คอนสแตนตินอยู่ทำงานที่ปราสาท เกิดเรื่องน่าแปลกใจขึ้นเมื่อย่าและครอบครัวของอามาเยี่ยมถึงที่ปราสาทแต่เช้าโดยไม่โทรมาบอกล่วงหน้า และก็นำเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มต้องโมโหจนเส้นเลือดในสมองแทบแตกมาด้วย

“ย่าเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศสนะคอน พอไปสโมสร คิดไม่ถึงเลยว่าคุณนายต่างๆ ที่นั่นน่ะจะรับหน้าเอาของพวกนี้มาให้ย่าดู…ย่าอธิบายกับพวกเขาไม่ถูกเลย นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ฮึ หลานมีปัญหากับเพลงพิณหรือเปล่า…”

นิตยสารเกาะติดชีวิตคนดังและหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายฉบับล้วนแต่ถูกพับให้เห็นข่าวสำคัญได้ชัดเจนโดยไม่ต้องเสียเวลาเปิด คอนสแตนตินมองย่าที่กำลังเป็นกังวลและอามาเรียที่กำลังโกรธขึ้งอย่างแปลกใจ แล้วก็ก้มลงมองสิ่งพิมพ์ที่ถูกกางอยู่บนโต๊ะทำงาน

บึ้มมม!

เสียงต่อมควบคุมตัวของเขาระเบิดอยู่ในหัวทันทีที่ได้เห็นรูปและพาดหัวข่าวกรอบใหญ่ที่สุดในสื่อสิ่งพิมพ์ทุกเล่ม…เพลงพิณกับมาร์ค ซี เทตบนถนนช็อปปิ้งชื่อดัง หญิงสาวกำลังอุ้มลูกแมวและผู้ชายคนนั้นก็ยืนอยู่ใกล้ๆ และก้มลงมองด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม…เพลงพิณกับผู้ชายที่ถือเป็นศัตรูของเขานั่งคุยกันอยู่ในผับไฟสลัวแห่งหนึ่ง แม้จะมีคนมากมายรายรอบ แต่ทั้งสองดูเหมือนจะวุ่นอยู่กับการพูดคุยอย่างสนิทสนม สถานที่นั้นมีภาพที่น่าเดือดดาลอยู่หลายภาพ ทั้งเต้นรำ ดื่มกิน หัวเราะ…และสุดท้ายภาพหญิงสาวที่แต่งชุดขาวราวกับเป็นเจ้าสาว กับไอ้บ้านั่นกำลังยืนอยู่หน้าโรงแรม เพลงพิณยิ้มแย้มรับของขวัญที่ฝ่ายชายมอบให้…ขนาดเป็นเพียงแค่ภาพ เขายังจับความรู้สึกต้องการจะครอบครองของไอ้มาร์ค ซี เทตนั่นที่มีต่อผู้หญิงที่คนทั้งประเทศกรีซรู้ว่าเป็นภรรยาเขาได้เลย

เพลงพิณ…เธอตายแน่

เห็นคอนสแตนตินคำรามทำหน้าบึ้งตึงดุร้าย มาเรียก็นึกกระหยิ่มใจ…ใครใช้ให้นังเด็กนั่นแส่หาเรื่องใส่ตัวล่ะ ยิ่งฝ่ายชายเป็นมาร์ค ซี เทตสารเลวนั่น เธอก็ยิ่งอยากกู่ร้องให้สะใจ อยากให้นังเพลงพิณถูกหลอก ถูกทำร้ายยิ่งกว่าลูกสาวเธอโดน หลังจากนั้นคอนสแตนตินก็ไปตามฆ่าหญิงร้ายชายสารเลวนั่น จะได้เป็นการแก้แค้นให้ดอร์เซีย และกำจัดเสี้ยนหนามที่ขวางทางการเป็นนายหญิงอันเกลอสซะ

“ที่เมียหลานทำแบบนี้เพราะอะไรกันแน่ รูปร่างหน้าตาหลานก็ไม่ใช่จะด้อยกว่า ฐานะยิ่งไม่ต้องพูดถึง หรือว่าหลานให้ความสุขเธอได้ไม่เต็มที่…” มาเรียเห็นคอนสแตนตินทำหน้าเหมือนกำลังจะฆ่าฟันคนเป็นร้อยก็ทั้งเกรงๆ ทั้งดีใจ “ยังไงก็ตาม…หลานต้องรีบแก้ไขเรื่องนี้นะ นายหญิงของอันเกลอสทำเรื่องงามหน้าแบบนี้ ป่านนี้คนในวงสังคมคงหัวเราะเยาะหลานลับหลังกันสนุกปากไปแล้ว…”

โซเฟียถลึงมองลูกสาวด้วยแววตาตำหนิ มาเรียช่างสิ้นคิดจริงๆ ที่ใส่ไฟคนที่กำลังโกรธจัดขนาดนี้…เธอไม่อยากให้คอนสแตนตินอาละวาดออกมา เลยรีบเดินมาเก็บนิตยสารและหนังสือพิมพ์ออกมาจากโต๊ะจนหมด เหลืออยู่เพียงเล่มเดียวที่เขากำลังบีบขยำเสียจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน

“ที่ย่าเอาเรื่องนี้มาบอกไม่ใช่เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงหรือต้องการให้หลานสองคนทะเลาะกันนะ แต่เป็นห่วง…เพลงพิณไปยุ่งกับใครไม่ยุ่ง มาร์ค เทตไม่ใช่คนธรรมดาๆ บางที…” เสียงเบานุ่มแผ่วหายไปครู่หนึ่ง คล้ายคนพูดลังเลและอึดอัดใจที่จะพูดต่อ…ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับหลานสาวของเธอก็มีอยู่ แต่เธอก็ไม่กล้าเล่าให้คอนสแตนตินฟัง “ที่มาร์คพาตัวมาสนิทสนมกับเพลงพิณ ไม่แน่ว่าอาจต้องการแก้แค้นหลานก็ได้นะ”

คอนสแตนตินไม่ตอบรับหรือแสดงความคิดเห็น คำพูดของอาและย่าเขาได้ยินชัด แต่ในหัวเขาตอนนี้มันร้อนเหมือนมีไฟสุม…ไฟโทสะที่ต้องหาทางระบายออกเดี๋ยวนี้เลย มือแข็งแรงขยำนิตยสารในมือแน่นก่อนจะถือติดมือไปด้วยขณะก้าวพรวดๆ ออกจากห้องจนชายเสื้อคลุมสีดำสะบัดพึ่บ

 

เพลงพิณซึ่งดูงานอยู่ด้านหลังปราสาทติดหน้าผากำลังทึ่งกับกระเช้าของขวัญที่มาร์ค เพื่อนใหม่ของเธออุตส่าห์หาวิธีส่งตรงมาให้ ซ้ำยังเป็นของที่เธอชอบมากจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ในตะกร้าใบโตนั้นคือสิ่งละอันพันละน้อยเกี่ยวกับลูกแมวและลูกสุนัข ทั้งวิตามินเสริม ขนม ของเล่น รวมถึงของแปลกๆ อย่างซีรั่มบำรุงขนให้นุ่ม เล็บยางไว้ครอบเล็บแมว แปรงสีฟันและยาสีฟันสุนัข ยิ่งมองเธอก็ยิ่งชอบใจ คิดถึงความใส่ใจของเขาตาก็พราววิบวับ…ใครเป็นแฟนกับมาร์คคงน่าอิจฉาที่สุด หลายคืนที่คุยโทรศัพท์กับเขา เธอก็เริ่มมองเห็นถึงความมีเสน่ห์ เข้าอกเข้าใจ อบอุ่น ใจดี มีอารมณ์ขัน…ตอนนี้เพื่อนเธออีกสองคนยังเป็นโสด ถ้าเธอวางแผนให้เขากลายมาเป็นเพื่อนเขยเธอได้ก็จะเป็นสิ่งที่วิเศษมาก

หญิงสาววางตะกร้าลงบนกองอิฐสูงขนาดสะโพกที่อยู่ใกล้ เปิดกระเป๋าหยิบเงินเล็กน้อยเป็นสินน้ำใจให้กับคนงานที่นำของมาส่ง “อ่ะ ขอบคุณมากนะ…ว่าแต่เจอคุณมาร์คเขาที่ไหน ถึงได้ฝากมาได้…”

คนงานหนุ่มดีใจที่ได้เงินถึงสองต่อ…ทั้งจากคนให้และคนรับ “คุณมาร์คให้คนมาดักรอที่ท่าเรือ…”

ไม่ทันจะได้ฟังคนงานพูดจบ หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นคอนสแตนตินในชุดเสื้อคลุมสีดำที่เหมือนเพิ่งลงมาจากเตียง เดินลิ่วๆ ตรงมาหาคล้ายมีควายป่าไล่ขวิดอยู่ข้างหลัง คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นหน้าคอนสแตนตินขณะกำลังใกล้เข้ามา เธอคิดไม่ออกเลยว่าไปทำอะไรให้ท่านเคานต์แดร็กคิวล่าโมโห จนมองตรงมายังเธอเหมือนต้องการให้สายตาตัวเองเป็นระเบิดทำลายร่างเธอให้เละ เพลงพิณรู้สึกขนคอลุกนิดๆ แต่ก็สูดลมหายใจฝืนทำตัวเข้มแข็ง รอบๆ กายเธอเต็มไปด้วยคนงานที่กำลังปรับปรุงพื้นที่ กว่าที่เธอจะทำตัวให้คนงานตัวโตๆ พวกนี้ยอมรับได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ขืนเธอมาทำตัวขี้ขลาดต่อหน้าพวกเขาตอนนี้ก็จะเสียเชิงหมด

และก็ดูเหมือนจะยุ่งยากไม่มากพอ ยังวุ่นวายน้อยเกินไป ด้านหลังคอนสแตนติน อาและย่าของเขายังกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามมาติดๆ…กลิ่นไม่ดีเลยแฮะ เพลงพิณคิดอย่างกังวลนิดๆ

พอมาถึงตรงหน้าคนตัวเล็กบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนทะมัดทะแมงที่ยืนแยกขากอดอกรอเขาเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ห่างกายนักมีตะกร้าขนาดใหญ่ผูกโบบรรจุไปด้วยสิ่งของสีสดใสหลายชิ้น โทสะของคอนสแตนตินก็ไต่ระดับไปถึงจุดเดือด

“เธอทำอย่างนี้หมายความว่ายังไงหา!” พอมาถึงตัวคอนสแตนตินก็ตะคอกถาม สะบัดนิตยสารยับย่นในมือตรงหน้าภรรยาตัวดีอย่างกราดเกรี้ยว

เพลงพิณสะดุ้งกับเสียงดังปานฟ้าผ่านั้นนิดหนึ่ง ก่อนจะถอดหมวกแก๊ปที่สวมอยู่ซึ่งมันทำให้เธอเงยหน้ามองเขาไม่ถนัด “ทำอะไรล่ะ…อยู่ๆ มาถามจะรู้ไหม”

คอนสแตนตินยิ่งโมโห กระชากมือเล็กๆ ออกมาตรงหน้าแล้วยัดนิตยสารให้เธอไปดูเอง พอเพลงพิณเห็นเข้าก็นึกแวบไปถึงคืนที่เธอถูกปาปารัซซี่ถ่ายรูปไปจนนับไม่ถ้วน ในใจหญิงสาววูบไปนิดหนึ่งเมื่อเริ่มรู้ได้ว่าคราวซวยมาเยือนแล้ว…ไม่ผิดคาดนัก สองหน้ากลางของนิตยสารชื่อดังที่พิมพ์ในหลายภาษาและวางแผงไปทั่วโลกมีภาพเธออยู่หลายภาพ ทั้งภาพเธอวิ่งบนถนน มีทีมและอันน่าวิ่งตามกันเป็นพรวนท่ามกลางทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนที่แหวกทางให้เธอด้วยใบหน้างงกึ่งไม่พอใจ ไหนจะภาพที่เธอยืนคุยกับมาร์คบนถนน เธอกับมาร์คกำลังเต้นรำในงานแต่งงาน และสุดท้ายภาพมาร์คให้ของขวัญเธอที่หน้าโรงแรม

“ทำไมเธอถึงทำแบบนี้…เธอกล้ามากนะเพลงพิณ…กล้าจริงๆ” คอนสแตนตินเอ็ดตะโร กรามบดกันจนขึ้นเป็นลูกที่ซีกแก้มสองข้าง ยิ่งเห็นอีกฝ่ายดูภาพอย่างใจเย็นก็ยิ่งโมโหจนหน้ามืด

ความจริงเพลงพิณเองก็เกรงอยู่นิดๆ เพราะตอนนี้คอนสแตนตินดูไม่จืดเลย ยังกับจอมมารเหาะตรงมาจากนรกไม่มีผิด “ฉัน…เอ่อ…ฉันขอโทษ…ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นข่าวจริงๆ นะ ใครมันจะคิดเล่าว่าอาชีพปาปารัซซี่จะป็อปปูล่าร์ขนาดนี้ ซอกไหนมุมไหนก็มี” หญิงสาวยักไหล่คล้ายกับไม่ใช่ความผิดของเธอ

คอนสแตนตินอึ้งไปนิด…นี่เธอเข้าใจว่าเขากำลังต่อว่าเธอเรื่องทำตัวให้เป็นข่าวเหรอเนี่ย ยายบ้า! “ใช่…ผมบอกให้คุณอยู่ให้ห่างปาปารัซซี่ คุณก็กลับไปอยู่ใกล้ แล้วคุณยังไปยุ่งกับนายมาร์ค เทตนั่นอีก รู้ไหมว่ามันเป็นคนเลว เป็นคนที่คุณจะต้องอยู่ให้ไกล แล้วนี่หมายความว่าอะไรเฮอะ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่คุณไปหา ไปเจอมัน ไปรับของขวัญอะไรของมันมา”

ตอนนี้อาและย่าของคอนสแตนตินเดินมาถึงแล้ว เพลงพิณโมโหกับคำพูดดังสนั่นของคอนสแตนตินที่ไม่ไว้หน้าเธอเลย สายตาตำหนิของโซเฟียกับสายตาสมน้ำหน้าสาสมใจของมาเรียก็ยิ่งทำให้เธอฉุนขาด เห็นช้างตัวเท่าหนู

“เลิกตะโกนใส่ฉันเป็นพวกไร้อารยธรรมซะที” เพลงพิณแหงนหน้าตะโกนใส่ “พูดอะไรออกมามีแต่เรื่องบ้าบอทั้งนั้น…ฉันไม่ได้ไปอยู่ใกล้ปาปารัซซี่พวกนั้นนะ พวกนั้นวิ่งเข้าหาฉันเอง ทีคุณน่ะเกลียดพวกนั้นนักหนายังไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลย เห็นไปไหนทีก็ถูกตามเป็นพรวน…มันห้ามยากป้องกันยากก็รู้ดีอยู่นี่”

โซเฟียได้ยินวาจาของหลานสะใภ้ก็ถึงกับยกมือขึ้นทาบอก ส่วนคอนสแตนตินกัดฟันกรอดๆ มือสองข้างกำเป็นหมัดแน่น

แต่เพลงพิณยังไม่หยุด เขากล้าดียังไงมาหาว่าผู้ชายที่เธอหมายตามองไว้ให้เพื่อนรักเป็นคนเลว “แล้วมาร์คฉันก็ยังไม่เคยไปหาสักหน่อย ที่ถูกถ่ายรูปน่ะเป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น…อ้อ แล้วอีกอย่าง คุณน่ะมีหลักฐานอะไรมาว่าเขาเป็นคนเลวฮะ เขาออกจะมีเสน่ห์ คุยสนุก ไม่เหมือนผีดิบไร้มนุษยสัมพันธ์อย่างคุณสักนิด ส่วนของขวัญที่เขาให้ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย ก็แค่สร้อยข้อมือชาร์มกับตะกร้าใบนี้เท่านั้น”

ทันทีที่เพลงพิณพูดจบและใช้มือข้างที่สวมสร้อยข้อมือห้อยจี้ระย้าชี้ไปที่ตะกร้าของขวัญบุผ้าลูกไม้ใบโต สติของคอนสแตนตินก็ขาดดังผึงสนั่นหู แขนแข็งแรงกระชากข้อมือเล็กๆ มาใกล้แล้วกระตุกสร้อยข้อมือทองคำขาวที่ขวางตาออกไปอย่างไม่สนใจว่าคนที่สวมอยู่จะเจ็บปวด แล้วก็คว้าตะกร้าทั้งที่หน้ามืดตาลายจนไม่ทันได้ดูว่าข้างในมีอะไรขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะเหวี่ยงไปที่หน้าผาที่ห่างออกไปค่อนข้างไกลด้วยความเดือดดาลสุดขีด เพลงพิณเห็นดังนั้นก็ร้องกรี๊ด รับไม่ได้กับความป่าเถื่อนทำลายข้าวของของคนบ้าตรงหน้า เธอจึงเข้าไปทุบหน้าอกหนาเหมือนกำแพงนั่นแล้วสบถบ่นด่าไม่หยุด

คอนสแตนตินคำราม คว้าสองมือของคนฤทธิ์มากมารวบกำไว้และหลบหลีกขาเล็กๆ ที่สลับกันยกขึ้นเตะเขาไม่หยุด ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ลุกเรืองไปด้วยโทสะกราดมองคนงานที่กำลังอึ้งตะลึงมองอย่างดุดันจนทุกคนรีบลนลานไปทำงานต่อ พอสายตาเขาเบนมาถึงทีมบอดี้การ์ดที่อารักขาเพลงพิณ ไฟสีน้ำเงินก็ยิ่งลุกเรืองขึ้นด้วยความโมโห คนที่เขาเสียเงินสูงลิบจ้างมาไร้ประโยชน์จริงๆ ปล่อยให้เพลงพิณไปติดต่อรู้จักกับมาร์ค ซี เทตนั่นได้ คิดมาถึงตรงนี้สายตาเขาก็พลันเยียบเย็นขึ้นแล้วถามคนที่กำลังหอบๆ อยู่ตรงหน้าเขา

“แล้วไอ้มาร์คนั่นมันเอาของมาให้เธอได้ยังไง…หา? หรือมันมาที่นี่…บอกมาซิ เธอได้มายังไง” คอนสแตนตินร้อนรน นี่ถ้าเธอกล้าเชิญไอ้ผู้ชายคนนั้นขึ้นเกาะเขาล่ะก็…

“เขาฝากคนงานมา…ใครจะกล้าเชิญคนอื่นขึ้นเกาะโดยไม่บอกเจ้าของเล่า ฉันมีมารยาทพอย่ะ” คนที่ไม่รู้ตัวว่าชะตาใกล้ขาดยังปากเก่ง

คอนสแตนตินมองเขม็งไปที่ทีมบอดี้การ์ด หนึ่งในนั้นส่งสายตาบอกเขาเป็นนัยไปถึงผู้ชายที่กำลังขนหินใส่รถเข็นอย่างขะมักเขม้นเหมือนขยันเสียเต็มประดา คอนสแตนตินตาวาว…คงเป็นคนงานที่มากับทีมปรับปรุงปราสาท เพราะถ้าเป็นคนที่ปราสาทนี้ไม่มีทางโง่เง่าจนกล้าทำแบบนี้แน่ ชายหนุ่มสะบัดมือปล่อยเพลงพิณออกแล้วก้าวเท้าอาดๆ ไปหาคนงานคนดังกล่าว ขยุ้มเสื้อจากด้านหลังแล้วตะคอกถาม

“แกใช่ไหมที่เสนอหน้าเอาของขวัญของคนอื่นมาให้เมียฉัน”

คนงานชายที่ตัวโตและมีมัดกล้ามไม่น้อยถึงกับพยักหน้าหงึกหงักด้วยความกลัว เจ้าชายอสูรตัวจริงน่ากลัวยิ่งกว่าที่คนพูดกันเสียอีก เขาไม่ทันจะคิดต่อ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนของแข็งกระทบเนื้อแล้วรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งซีกหน้า ก่อนร่างทั้งร่างจะลอยละลิ่วไปกระแทกพื้นแล้วสติก็ดับวูบไป

เพลงพิณร้องกรี๊ด โซเฟีย มาเรีย รวมถึงดอร์เซียและยอร์โก้ที่เพิ่งตามมาสมทบหลังจากได้ยินเสียงเอ็ดตะโรถึงกับอึ้งไป…พวกเขาไม่เคยเห็นคอนสแตนตินโกรธมากขนาดนี้มาก่อนเลย

“เอามันไปปฐมพยาบาล จ่ายเงินล่วงหน้า แล้วไล่มันไปจากเกาะ…บริษัทในเครืออันเกลอสไม่ว่าจะเล็กใหญ่อย่าจ้างมันทำงานอีก” คอนสแตนตินตวาดสั่ง คนงานสองคนที่ตัวสั่นนิดๆ พากันมาลากเพื่อนที่สลบไม่ได้สติไปให้พ้นหน้าเจ้าของปราสาทที่กำลังบ้าเลือด

เป็นครั้งแรกที่เพลงพิณพูดไม่ออก ปากเธออ้า หุบ แล้วอ้าอยู่อย่างนั้นด้วยความอึ้ง…ตอนนี้คอนสแตนตินน่ากลัวมาก น่ากลัวกว่าที่เธอเคยคิดมากนัก ดวงตาของเขากล้าแข็งเสียจนเธอคิดว่าเขาคงกล้าฆ่าคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสียอย่างไม่ต้องคิด

“คุณไม่ต้องมามองผมเหมือนเป็นฆาตกรแบบนี้หรอกเพลงพิณ…ใช่ ถ้าต่อไปมีใครทำให้ผมโมโหอีก ผมก็จะโยนมันลงเขาไปเหมือนที่โยนไอ้ตะกร้าบ้าๆ นั่น” คอนสแตนตินพูดเสียงก้อง กวาดตาไปมองผู้คนรายรอบที่พากันหลบสายตาวูบ

เพลงพิณอึ้งไปกับความบ้าคลั่งของเขา แต่ความพยศในตัวก็ทำให้เธอถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ…อวดอำนาจ เรื่องนิดเดียวกลับทำเกินกว่าเหตุ บ้าที่สุด

คอนสแตนตินเห็นสีหน้าไม่รับรู้ไม่เชื่อฟังของเธอก็รู้สึกเหนื่อยใจและปวดหัวขึ้นมาตุบๆ อยากจะรู้นักว่าในสมองก้อนเล็กๆ ของเธอมันสามารถวิเคราะห์อะไรได้บ้างไหม…คนงานนั่นมันเห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ เอาของมาให้เธอ ถ้าปล่อยมันไป ไม่สั่งสอนให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่น คราวหน้าคงมีคนถูกใช้เป็นเครื่องมือเอากล่องของขวัญที่บรรจุด้วยระเบิดมาเสิร์ฟอย่างกระตือรือร้น แล้วทีนี้แม้แต่ซากศพของคนร่วมร้อยที่ปราสาทนี้ก็คงไม่มีเหลือ…ยิ่งคิดคอนสแตนตินก็ยิ่งฉุน แต่จะให้เขามาอธิบายเหตุผลการกระทำของตัวเองให้ผู้หญิงดื้อรั้นคนหนึ่งเข้าใจน่ะเหรอ…รอให้นรกเย็นเสียก่อนเถอะ

ชายหนุ่มทำท่าจะสะบัดกายจากไป แต่แล้วก็หันมาสั่งอย่างคุกคาม “อย่าได้บังอาจติดต่อกับมาร์ค เทตอีก”

สายตามองคนตัวสูงใส่ชุดดำเดินจากไป เพลงพิณยังไม่ทันตั้งตัว ครอบครัวของโซเฟียก็ก้าวเข้ามาหา ย่าของคอนสแตนตินมองเธออย่างตำหนิก่อนจะเตือนเธอเสียงเรียบๆ “ทำตัวให้สมกับเป็นนายหญิงของตระกูลหน่อยนะเพลงพิณ เวลานี้เธอจะทำอะไรไปที่ไหนก็มีแต่คนจับตามอง…” ดวงตาสีฟ้าขุ่นมีแววความรู้สึกมากมาย หญิงชราทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างอีกแต่ก็เงียบ

คราวนี้เป็นทีของดอร์เซียผู้มีใบหน้าเกรี้ยวกราด คล้ายจะคลุ้มคลั่ง “งามหน้าจริงๆ นะ แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วยังเสนอหน้าไปสนิทสนมกับคนอื่น รับของของเขามาอย่างไม่ละอายใจอีก…ทุเรศ” ดวงตาสีฟ้าสดมองเพลงพิณเหมือนเจ็บแค้น…สิ่งที่มาร์คทำกับเธอทำให้เธอต้องตัดใจจากเขา ถอยห่างออกมาจากชีวิตของเขา แต่แค่ไม่นาน เขาก็มาสนใจนังเพลงพิณที่ดูยังไงก็ไม่มีเสน่ห์น่าสนใจอย่างนี้ ถึงขนาดติดสินบนให้คนเอาของขวัญมาส่งให้ แสดงออกว่าเขาแคร์มาก…ทำไมเขาทำอย่างนี้ เขาต้องรู้อยู่แล้วว่านังเพลงพิณเป็นเมียของคอนสแตนติน ทำไมเขาถึงทำ เขาต้องการให้คอนสแตนตินคลั่ง ต้องการให้เธอเจ็บ หรือเขาต้องการผู้หญิงคนนี้จนไม่สนใจอะไรกันแน่…ดอร์เซียที่แค้นและโกรธจนเจ็บหน้าอกหันไปคว้าแขนมารดาให้พาเธอเดินกลับไปที่ปราสาทก่อนที่เธอจะระงับใจไม่ไหว ตบตีข่วนหน้าด้านๆ ของพี่สะใภ้ตัวแสบให้หายแค้น

เพลงพิณสะบัดหน้า ความรู้สึกที่หลากหลายบนใบหน้าที่บิดเบี้ยวแดงก่ำของดอร์เซียทำให้เธอเถียงหรือต่อว่าอีกฝ่ายไม่ถูก มันเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนั้นเจ็บปวดกับอะไรบางอย่าง ไม่ใช่การตำหนิและสมน้ำหน้าเธออย่างเดียว พอยอร์โก้เดินตรงมาอยู่ตรงหน้าและทำท่าจะพูด เพลงพิณก็เหลือกตา ยกมือขึ้นห้าม “พอแล้ว ไม่ต้องเทศนาฉันอีกคนหรอกน่า ฟังจนหูจะหนวกแล้ว”

ยอร์โก้หัวเราะน้อยๆ แต่ในกระแสเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจและกังวล “ผมไม่เทศนาอะไรพี่สะใภ้หรอกน่า…แค่…” หนุ่มวัยยี่สิบแปดปีลอบกลืนน้ำลายอย่างหนักใจ เขาอยากจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้อีกฝ่ายรู้ใจจะขาด แต่เขาก็ต้องภักดีกับครอบครัว ยังไงเพลงพิณก็ยังถือว่าเป็นคนนอกในความรู้สึกของแม่ ย่า และโดยเฉพาะน้องสาวของเขาซึ่งเป็นคนเสียหาย “…ผมอยากจะเตือนว่ามาร์ค เทตเป็นคนไม่ดีจริงๆ คุณอย่าคิดแต่จะเอาชนะคอนสแตนตินจนพาตัวเองไปอยู่ในอันตรายเลยนะ…ผมขอร้อง”

เพลงพิณมองใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม กังวล และบางส่วนคล้ายกับความละอายอย่างค้นคว้า “เขาเลวยังไงล่ะ เขาก็…เป็นมิตรดีนะ แล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีท่าทีจีบหรือทำอะไรไม่เหมาะเลย” ทอมบอยสาวแย้ง…ถึงคนนั้นคนนี้จะพูดยังไง เธอก็ไม่อยากเกลียดใคร หรือตัดสินใครโดยที่ไม่รู้จักด้วยตัวเอง

“เขาเป็น…” ยอร์โก้สูดลมหายใจ ต่อสู้กับความรู้สึกสองอย่าง “…เป็นผู้ชายที่อันตรายมาก ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เคยทำอะไรมาบ้าง…เขาชอบหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงชอบ แล้วก็หาประโยชน์จากความรู้สึกเหล่านั้น…เขามันเลือดเย็น” ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนกว่าวัยของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เขาดูไม่เหมือนหนุ่มอารมณ์ดีขี้เล่นคนที่เพลงพิณเคยเห็นแม้แต่น้อย

เพลงพิณชักจะสับสนไปหมดแล้วกับปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้าง มีทั้งคนขี้โมโห คนขี้อิจฉา แล้วคนที่คิดว่าตลกๆ ง่ายๆ สบายๆ อย่างยอร์โก้ก็เกิดจะมีเรื่องลับลมคมในขึ้นมาอีก

“เรื่องมาร์ค ฉันจะฟังหูไว้หูและระวังตัวก็แล้วกัน แต่จะให้เลิกคบ…มันแปลกๆ อยู่นะ มันออกจะผิดหลักการส่วนตัวไปหน่อยที่ฉันจะไม่คบใคร ไม่ชอบใครเพราะคนอื่นบอก…” หญิงสาวถอนหายใจ เห็นสีหน้าของชายหนุ่มยังเครียดขรึมก็พูดเสียงใสขึ้น “…แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ คุณนี่รักพี่รักน้องดีจัง เสียดายที่คุณต้องไปดูงานที่จีนบ่อยๆ ไม่งั้นเวลาฉันไปเอเธนส์จะได้ไปชวนช็อปปิ้งเป็นเพื่อน…ไปไหนมาไหนกับคุณ พี่ชายจอมเรื่องมากของคุณน่าจะพอใจนะ”

ยอร์โก้มองเพลงพิณที่ยิ้มให้ก็ยิ้มตอบเบาบาง แต่ยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา เขาพูดเสียงเรียบๆ ด้วยประโยคที่ทำให้เพลงพิณสะดุดใจ “บางทีวันข้างหน้าคอนสแตนตินอาจพบว่าที่จริงแล้วผมเลวมากก็ได้”

 

ณิชากับอเล็กซิสมาเซอร์ไพรส์ถึงที่ปราสาทในตอนบ่าย เพลงพิณที่กำลังทำงานไปด้วย บ่นว่าคอนสแตนตินไปด้วยอยู่ที่ห้องชุดร้องกรี๊ดกร๊าดทันทีที่เอวานมาแจ้งข่าว เล่นเอาพ่อบ้านหนุ่มหน้าตึงไปกับกิริยาอันขาดความเรียบร้อยนั้น ดวงตาดุๆ มองเป็นเชิงตำหนิก่อนจะเดินตัวตรงแน่วออกไปจากห้อง เพลงพิณที่ดีใจจนไม่มีอารมณ์หาเรื่องได้แต่แลบลิ้นใส่จากเบื้องหลัง ก่อนจะสางผมลวกๆ แล้วถลาลงบันไดไปหาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันสองเดือนกว่าตั้งแต่วันแต่งงานของเธอเอง

ณิชา อเล็กซิส คอนสแตนติน รวมถึงโซเฟียกับครอบครัวของมาเรียพร้อมหน้ากันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งด้วยโทนขรึมๆ หดหู่ไร้รสนิยมซึ่งอยู่ในโครงการที่เพลงพิณจะเปลี่ยนเช่นกัน หญิงสาวไม่ได้กลอกตาย่นจมูกเหมือนทุกครั้งที่เข้ามาที่นี่ เพราะพอมาถึงหญิงสาวก็ปราดไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดียวกับอเล็กซิสผู้เป็นสามีในอาการที่แทบจะเรียกว่าตัวติดกัน

ณิชาก็ลุกพรวดจากเก้าอี้จนอเล็กซิสผวาลุกตามและกระแอมเสียงดัง ณิชาจึงหน้าเจื่อนได้แต่ยิ้มและทักทาย แต่ไม่กล้าถลาไปสวมกอดเพื่อนอย่างที่ใจคิด

เพลงพิณกำลังจะตรงเข้าไปกอดรัดณิชาให้สมกับความสนิทสนมและคิดถึงสุดๆ แต่แล้วก็ชะงักกึก ตาเรียวเล็กรูปเม็ดอัลมอนด์เบิกเบิ่งขยายโตแทบถลน…ณิชาเพื่อนรักตัวบางหน้ากลมแก้มป่องของเธอสะ…สวมชุดคลุมท้องสีชมพูอ่อน แม้ท้องจะนูนน้อยๆ จนแทบมองไม่เห็น แต่หญิงสาวคิดว่าเธอไม่ได้เข้าใจผิดแน่

“ณิช…เฮ้ย ณิชท้องเหรอเนี่ย…ทำไม ได้ยังไง” เพลงพิณอุทาน จับเพื่อนกางแขนแล้วหมุนไหล่ให้หันไปหันมา รู้สึกช็อกที่เพื่อนที่เรียบร้อย หงิมๆ ทั้งมีแฟนก่อน แต่งงานก่อน ซ้ำยังจะเป็นแม่คนก่อนเพื่อนทุกคนในกลุ่ม

ณิชาหน้าแดงแปร๊ดด้วยความอาย แต่เมื่อเพื่อนถามมาเธอก็ตอบไปประสาคนซื่อ “ก็…เอ่อ ดะ…ด้วยวิธีปกติจ้ะ”

อเล็กซิสระเบิดหัวเราะชอบใจ ดึงภรรยาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ยื่นริมฝีปากไปจุมพิตหน้าผากนูนแดงระเรื่อแล้วหันไปแซวพี่ชายอย่างอารมณ์ดี “อะไรกันพี่ชาย แต่งงานมาพักใหญ่แล้วนะ ภรรยาสาวยังไม่เข้าใจอีกว่าคนเราท้องได้ยังไง ฮ่าๆๆ”

เพลงพิณเพิ่งเข้าใจว่าที่เธอหลุดปากไปมันดูน่ากระดากขนาดไหน หญิงสาวตวัดตามองคอนสแตนตินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เดี่ยวตัวที่อยู่ตรงข้าม พอเห็นดวงตาสีน้ำเงินของเขามีประกายวับวาวบางอย่างก็หันหน้าหนี…เธอยังไม่หายโมโหเขาเลยที่ทำตัวเป็นอันธพาล เป็นคนบ้าอำนาจเมื่อช่วงสายนี้

โซเฟียเห็นสองสามีภรรยาทำท่ามึนตึงต่อกันก็เอ่ยเป็นทำนองชวนคุย “ยังไงย่าก็รอเหลนจากคอนอยู่นะ…ว่ายังไงเพลงพิณ มีแววบ้างไหม แต่งงานก็ห่างกับคู่ของอเล็กซิสไม่นานนะ”

เพลงพิณยิ้มแหย อยากจะโพล่งบอกทุกคนออกมาจริงๆ ว่ารสนิยมของคอนสแตนตินเป็นแบบไหน แต่พอมองไปเห็นดอร์เซียกับมาเรียทำหน้าตาหมั่นไส้เธอเหลือเกิน หญิงสาวก็เลยตอบเสียงอ่อนและช้อนตามองสามีอย่างสุดรัก “เพลงกับคอนก็…พยายามกันหามรุ่งหามค่ำอยู่ทุกคืนเลยค่ะ”

อเล็กซิสหัวเราะ ส่วนย่าของคอนสแตนตินมีสีหน้ากระดากก่อนจะยิ้มเป็นเชิงรับ ทว่ามาเรียสูดลมหายใจเหมือนช็อก ดอร์เซียเองก็ทำดูถูกราวกับว่าเธอพูดเรื่องต่ำๆ สัปดนออกมากลางงานเลี้ยงระดับชาติ ไม่ใช่การนั่งเล่นพูดคุยกันในครอบครัว

เพลงพิณชักหมดอารมณ์จะนั่งต่อ หันไปขอตัวกับทุกคน อ้างว่ามีงานค้างก่อนจะชวนเพื่อนรักด้วยสายตาให้ตามเธอออกมาด้วย

 

“หมั่นไส้ หงุดหงิด อึดอัดน่ะสิ…” เพลงพิณตอบเพื่อนอย่างหัวเสีย เมื่ออีกฝ่ายถามเธอว่าเป็นอย่างไรบ้างในทันทีที่พวกเธอเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น

ณิชาอมยิ้ม เอียงหน้ามองเพื่อนที่เธออยู่ข้างๆ “เป็นอะไรไปจ๊ะ เพิ่งแต่งงานแท้ๆ” ท้ายประโยคแผ่วหวาน เอียงอาย คล้ายเจ้าตัวกำลังนึกถึงช่วงเวลาของตนเองกับสามี

เพลงพิณชักรู้สึกคับอกคับใจ อยากจะเล่าให้เพื่อนรักฟังเสียให้หมดเปลือก ทั้งที่ตอนแรกไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงและหาว่าเธอเสียสติ แต่ตอนนี้เพิ่งเห็นข้อเสียของการเก็บความลับจากเพื่อน ก็คือเธอไม่สามารถปรับทุกข์ระบายอารมณ์กับใครได้เลย และมันก็จะทำให้เธอคลั่งตาย

“แหมๆ ก็เพลงไม่ค่อยว่างนี่นา วุ่นกับเรื่องตกแต่งปราสาทน่ะ…แต่ถึงจะยุ่งก็มีความสุขดีนะ ได้ทำงานที่รัก”

ณิชาอมยิ้ม “แล้วตกลงอะไรหรือใครทำให้หมั่นไส้ หงุดหงิด แล้วก็อึดอัดล่ะจ๊ะ นี่ณิชไม่ได้เห็นเพลงหน้าบึ้งอารมณ์เสียมานานแล้วนะ…ครั้งหลังสุดก็ตอนที่เพลงมาที่นี่กับณิชแล้วก็บอกว่าเกลียดๆ พี่คอนสแตนตินน่ะ”

เพลงพิณเปิดประตูห้องชุด หันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนแล้วก้าวเข้าไปทิ้งตัวนั่งยังห้องนั่งเล่น “แหม อย่าเอ่ยถึงชื่อนี้เลยน่า ยิ่งเอือมๆ อยู่” พอเห็นเพื่อนรักทำท่าจะซัก หญิงสาวก็พูดขึ้นมาก่อน “เพลงโมโห ขัดตา ยายคุณอามาเรียกับลูกสาวน่ะ รู้ไหมว่าลับหลังคอนสแตนตินนะ สองคนนี้แย่มาก คอยแต่จะวุ่นวายกับเพลงตลอดเลย แหม น่าแก้แค้นให้เข็ดจริงๆ…ว่าแต่กับณิชล่ะ มีปัญหาอะไรแบบนี้บ้างหรือเปล่า เล่ามาๆ จะได้แก้แค้นไปในแพ็กเกจเดียวกันเลย”

เห็นเพื่อนทำท่าเหมือนจะเคี้ยวกระดูกคน ณิชาก็กลัวใจ รีบปลอบให้ใจเย็นลง “อย่าโมโหไปเลยน้า เพลง ณิชไม่ได้ถูกรังแกอะไรหรอกจ้ะ คงเพราะย่ากับคุณอาน่ะคาดหวังกับพี่คอนสแตนตินมากกว่าอเล็กซ์มั้งจ๊ะ…อเล็กซ์บอกณิชว่าตอนนี้อาๆ กำลังแย่ ติดหนี้สินรุงรัง ตอนแรกย่ากับอามาเรียพยายามจะให้พี่คอนสแตนตินแต่งงานกับดอร์เซียด้วยซ้ำ แต่ไม่สำเร็จ…ก็ดีแล้วเนอะ ไม่งั้นเพื่อนรักของณิชก็คงไม่ได้เป็นที่รักของพี่คอนสแตนติน”

เพลงพิณคอย่น ขนลุกขึ้นมาทันที คำพูดของณิชาทำเอาเธอคลื่นไส้ไปหมด ร่างบางจึงเด้งตัวออกจากโซฟาแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบโค้กมาดื่ม พลางส่งนมกล่องให้ว่าที่คุณแม่ด้วย “มิน่าล่ะถึงทำท่าเหมือนมีหนามตำก้นตลอดเวลา…เฮอะ แต่หนี้สินรุงรังยังไง ท่าทางก็ดูไฮโซกันตลอดนะเนี่ย…ว่าแต่ว่าทำไมคอนสแตนตินไม่ช่วยจ่ายหนี้ให้ล่ะ มีเงินตั้งเยอะตั้งแยะ”

ณิชารู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เพลงพิณดูจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสามีตัวเองเลย ผิดกับเธอที่สามีเล่านั่นเล่านี่ให้ฟังตลอด ไม่มีความลับกับเธอสักเรื่อง แถมตัวติดกับเธอแทบตลอดเวลา คิดถึงตรงนี้ว่าที่คุณแม่ก็แก้มแดงเหมือนเด็กสาว “ก็ เอ่อ…เห็นอเล็กซ์บอกว่าพี่คอนสแตนตินเคยช่วยไปแล้วสองครั้ง คราวนี้เลยไม่ช่วยอีก ไม่อย่างนั้นจะเคยตัวจ้ะ”

เพลงพิณพยักหน้าอย่างเข้าใจ มิน่าล่ะคนพวกนั้นถึงทำท่าไม่ชอบเธอนัก ที่แท้เธอมาขัดลาภนี่เอง…แต่จะว่าไปถึงไม่มีเธอก็ใช่ว่าท่านเคานต์แดร็กคิวล่าจะยอมแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องตัวเองเสียหน่อย…ฟังดูประหลาดจะตาย แต่งงานกันเองภายในตระกูล

พอหญิงสาวพูดตามที่คิดให้ณิชาฟัง อีกฝ่ายก็อธิบายว่า “ย่าโซเฟียเขาไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของพี่คอนสแตนตินนี่นา เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องของปู่แท้ๆ ของพี่คอนสแตนตินต่างหาก แต่ย่ารับเป็นผู้ปกครองพี่คอนสแตนตินตั้งแต่พ่อแม่เสีย ก็เลยเหมือนญาติสนิทน่ะ”

เพลงพิณพยักหน้าหงึกหงัก อย่างนี้นี่เองอเล็กซิสจึงไม่ค่อยสนิทสนมกับย่าและอานัก ขนาดบ้านในเอเธนส์ก็อยู่คนละเขตด้วยซ้ำ

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกกับความซับซ้อนของเรื่องราวภายในครอบครัวของคนอื่น เธอชักจะเบื่อก็เลยหันมามองเพื่อนรักตาใส รีบเปลี่ยนมาซักไซ้ชีวิตรักของเพื่อนอย่างสนุกปาก “เล่ามาซะดีๆ ว่าบริหารเวลาและกิจกรรมกันยังไง ถึงแต่งปุ๊บท้องปั๊บทันใจขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าเพลงรู้จักณิชดี คงแอบคิดนะว่าณิชน่ะถูกคุณอเล็กซิสงาบไปตั้งแต่ก่อนแต่ง…ฮิๆ แล้วไปฮันนีมูนเป็นยังไงบ้าง โทรไปก็ไม่ค่อยยอมคุยนานๆ เลย เอ่อ แล้วนี่ท้องหลานคนแรกของเพลงนี่รู้สึกโอเคป่าว แพ้มากไหม…”

ณิชาชักจะมีอาการแพ้ท้องขึ้นมาจริงๆ เมื่อเพื่อนซักยาวเหยียด มือป้อมๆ ที่สวมกำไลประดับเพชรสีชมพูยกขึ้นห้าม ก่อนจะหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “อเล็กซ์สั่งห้ามณิชไว้จ้ะว่าถ้าเพลงซักอะไรณิช ณิชต้องซักเรื่องของเพลงกับพี่คอนสแตนตินด้วยว่ารักกันได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ววันนี้ทำไมณิชเห็นเพลงถลึงตาดุๆ ใส่พี่คอนสแตนตินด้วย ทะเลาะอะไรกันเหรอ เพิ่งแต่งงานกันแท้ๆ”

“โอ๊ะๆ พอๆ…ไม่ซักแล้ว ไม่อยากรู้เรื่องของณิชก็ได้ ชิ หน้าบานท้องป่องมาขนาดนี้คงจะสุขกันมากล่ะซี้” เพลงพิณประชด นึกเดาว่าคงเป็นอดีตเพลย์บอยเจ้าแผนการอเล็กซิสแน่ๆ ที่ทำให้เพื่อนผู้นุ่มนิ่มของเธอกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ไปได้ “มาพูดถึงเรื่องเจ้าพวกของกินดีกว่า นี่แสดงว่าณิชก็ได้เจอเจ้าสี่ตัวนั่นแล้วน่ะสิ ซนไหม กวนณิชหรือเปล่า…แหมวันนี้เพลงได้ตะกร้าของขวัญสำหรับเจ้าของกินทั้งสี่ตัวแล้วเชียว แต่ดันมีมารใจร้ายโยนทิ้งลงหน้าผาไปเฉยเลย บ้าจริงๆ”

ณิชาเบิกตาโต สงสัยว่าใครกันที่กล้าทำแบบนั้น แล้วตอนนี้ยังครบสามสิบสองอยู่หรือเปล่า เพราะเธอเดาได้เลยว่าเพลงพิณอาละวาดแน่ “จริงเหรอ ใครทำแบบนั้นน่ะเพลง…เรื่องมันเป็นมายังไง แล้วเพลงทำอะไรเขาหรือเปล่า”

คนที่ยังเจ็บแค้นไม่หายถอนหายใจเฮือก ดวงตาสีน้ำตาลวาววับด้วยอารมณ์โมโหที่ถูกจุดขึ้นมาอีก “โอ๊ย จะมีใคร้ ก็คุณพี่คอนสแตนตินของณิชไงเล่า…คนบ้า ป่าเถื่อน ชอบใช้กำลัง…แล้วเพลงก็ยังไม่ได้แก้แค้นอะไรเลยด้วย น่าโมโหตัวเองชะมัด”

 

“เขาหึง!”

เสียงอลันดังลั่นมาจากปลายสายทันทีที่เพลงพิณเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

“หึงอะไรเล่า…เขาโมโหที่ฉันทำตัวเป็นข่าว แล้วก็รับของจากคนที่เอาของมาส่งให้ถึงบนเกาะต่างหาก…ไม่มีเรื่องหงเรื่องหึงอะไรทั้งนั้นแหละ”

“แต่เขาต่อยผู้ชายคนนั้นกระเด็นไปเป็นเมตรเลยนี่ มันเป็นอาการหึงหวงชัดๆ…วะวะว้าว แมนจัง” อลันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ฮัมเพลงอย่างมีความสุข

เพลงพิณชักหงุดหงิดกับการสรุปอย่างไม่มีเหตุผลนั้น ขนาดพูดก็ยังคำรามคำ ตะคอกที จะมารักใคร่หึงหวงอะไรเธอได้ เมื่อหัวค่ำณิชาก็พูดแบบนี้ พอโทรมาหาอลันหวังจะพูดคุยให้สนุก ฝ่ายนั้นกลับมาวิเคราะห์บ้าบออะไรก็ไม่รู้

“พูดบ๊องๆ อยู่ได้ตาเพื่อนสมองเสื่อม…ก็เขาเป็นเกย์ไงเล่า จะมาหึงฉันทำบ้าอะไร” เพลงพิณส่งเสียงเขียวกลับไป

อลันหัวเราะคิกคักบาดหู น้ำเสียงที่พูดต่อมาก็คล้ายเจ้าตัวกำลังสนุกสนานกับอะไรบางอย่าง “ก็อาจจะจริง…ดูซิ มีคนปีนไปนอนด้วยทุกคืนยังไม่ทำอะไร ต้องเป็นหนึ่งในสามสาเหตุนี้แน่…เขาเป็นเกย์ เป็นชายตายด้าน หรือไม่เธอก็เป็นผู้หญิงที่ขาดเสน่ห์อย่างรุนแรง เอาตัวเข้าแลกเขายังไม่จับกินเลย ฮิๆๆ”

“บ้าๆๆ นายนี่ยังไงนะ ชอบเบี่ยงเบนไปคุยเรื่องแบบนั้นทุกที ไอ้คนหมกมุ่น…เอาล่ะ เปลี่ยนเรื่องพูดกันดีกว่า…วันนี้พูดถึงตานี่ทั้งวันเลย เดี๋ยวชื่อจะติดปาก ทีนี้ล่ะแย่แน่” เพลงพิณย่นจมูกโด่งปลายรั้นนิดๆ ของตัวเอง ก่อนจะพูดเป็นงานเป็นการ “เฮ้อ ฉันถามหน่อยสิ เห็นนายบอกว่ารู้จักคุณมาร์ค เทต รู้จักดีขนาดไหน เขานิสัยเป็นยังไง เคยร่วมงานกับเขาหรือเปล่า มีข่าวอะไรไม่ดีเข้าหูบ้างไหม”

อลันกรีดร้องโวยวาย “อย่าบอกนะยายเพลงว่าเธอกำลังจะนอกใจสามีเธอน่ะ…ตอนอยู่นิวยอร์กบอกให้คบหนุ่ม ก็หนีไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ พอแต่งงานล่ะร้อนแรงขึ้นมาเชียว ฮ่าๆ”

เพลงพิณไม่ต่อความยาว ได้แต่คำรามต่ำๆ ในคอ คราวนี้อลันหัวเราะอีกรอบ ก่อนจะเริ่มจริงจัง “ฉันรู้จักว่าเขาเป็นใคร แต่ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรอก เพื่อนฉันเคยดูแลเรื่องหน้าผมให้เขาตอนที่เขายังถ่ายแบบน่ะ…โครงหน้างาม ผิวนุ่ม ผมสลวยลื่นมือ…” เพลงพิณคำรามอีกครั้ง อลันที่น้ำเสียงเคลิ้มฝันก็รู้สึกตัว “โอเคๆ…เพื่อนฉันว่าเขาเป็นคนง่ายๆ สบายๆ มีเสน่ห์ นุ่มนวล…แหม นิสัยแค่นี้ก็ถือว่าเป็นเทพบุตรเดินดินแล้วล่ะย่ะ ถ้าเทียบกับดารานายแบบดังๆ คนอื่นที่คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า”

เพลงพิณอือออ…ปัญหาก็คือว่าคนคนหนึ่งปฏิบัติกับคนในหลายสถานะไม่เหมือนกัน เขาอาจจะดีกับเพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างภาพ แต่ทำตัวร้ายกาจกับคนใกล้ชิดก็ได้…เอ แล้วนี่เธอเป็นคนชอบจับผิดคนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ต้องโทษคนบ้าพวกนั้นล่ะที่ทำให้นิสัยเธอเริ่มไม่ดี ต้องมาตรวจสอบคนอื่นเหมือนเป็นซีไอเอไปแล้ว

“ก็ฟังดูดีนะ…แต่คอนสแตนตินแล้วก็พวกญาติๆ เขาน่ะพูดเหมือนว่าคุณมาร์คเป็นอาชญากรเลยแหละ อลันเคยได้ยินข่าวไม่ดีบ้างหรือเปล่า”

ปลายสายนิ่งไปนิดหนึ่ง เหมือนใช้ความคิด “ก็มีบ้างนะ แต่เธอก็รู้ว่าในฮอลลีวูดน่ะมันเน่าเฟะขนาดไหน ข่าวลือข่าวจริงปนกันให้มั่วไปหมด…เรื่องไม่ดีก็ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องความเจ้าชู้และความลึกลับของเขานั่นแหละ อยู่ๆ เขาก็มาเป็นลูกบุญธรรมของโรเจอร์ แฮคเมย์แล้วก็เล่นหนัง แต่ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครมาจากไหน ส่วนเรื่องเจ้าชู้ฉันก็พูดไม่ได้นะว่าเป็นความผิดของเขา หน้าตาดีขนาดนี้อาจมีคนมานอนรอบนเตียงเขาก็ได้…แล้วเขาก็ไม่มีพันธะ มันไม่แปลกที่จะใช้ของที่พระเจ้าประทานมาให้คุ้ม”

เพลงพิณค้อนโทรศัพท์แล้วพึมพำเป็นเชิงรับรู้…โรเจอร์ แฮคเมย์เป็นผู้กำกับชื่อดังที่ได้รางวัลออสการ์หลายครั้ง เขาคงไม่คว้าอาชญากรมาเป็นลูกบุญธรรมหรอก เรื่องไม่มีใครรู้ความเป็นมาของเขาก่อนหน้านั้น อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนรักความเป็นส่วนตัวมากก็ได้…ส่วนนิสัยเจ้าชู้ เฮอะ ผู้ชายค่อนโลกก็เจ้าชู้กันทั้งนั้น เพียงแต่คนที่หน้าตาดีก็จะเป็นที่จับตามองมากกว่า ยิ่งเขาเป็นดารา…ข่าวเรื่องผู้หญิงครึ่งต่อครึ่งอาจเป็นข่าวมั่วก็ได้

ถึงเธอจะไม่มีไอคิวสูงเท่าเพลินพิศพี่สาว แต่ปาปาก็บอกว่าเธอฉลาดมากๆ และตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอยังดูคนไม่เคยผิด เท่าที่ดูมาร์ค คาร์มิเน่ เทตก็เหมือนจะไม่มีพิษมีภัยอะไร ถ้าหากเขาเจ้าชู้จริง เธอไม่ต้องไปวุ่นวายใกล้ชิดกับเขาก็เท่านั้นเอง…อีกอย่างเรื่องสถานะของเธอ ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สนใจเพราะเห็นว่าไม่สำคัญและคิดว่าเขาคงรู้อยู่แล้ว แต่เธอคงต้องบอกเขาให้ชัดเจนอีกทีว่าเธอแต่งงานแล้ว และถามเขาจริงจังว่าที่มาคุยมาดีกับเธอนี่ต้องการอะไร…แค่นี้เธอคิดว่าเธอเคลียร์ได้

ที่คอนสแตนตินพาลพาโลขนาดนั้นคงเป็นเพราะอัตตาของผู้ชาย ถึงจะเป็นผู้ชายเกย์ก็ตาม ส่วนญาติๆ ของเขาก็คงต้องการให้เธอประพฤติตัวอยู่ในกรอบ ไม่ทำตัวให้เกิดข่าวเสื่อมเสีย…แต่คนอย่างเพลงพิณเคยเชื่อฟังใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ยังไงเธอก็จะไม่ยอมเลิกคบเพื่อนเพราะคนนั้นคนนี้มาเจ้ากี้เจ้าการสั่งหรอก…ฮึ

บทที่ 14…บทลงโทษ

วันรุ่งขึ้นเพลงพิณลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงตัวเอง หญิงสาวกลิ้งตัวไปมาและร้องกรี๊ดใส่หมอนอย่างดีใจที่อาการละเมอของเธอน่าจะหายแล้ว หรือไม่อย่างนั้นอาการกำเริบก็อาจเว้นระยะห่างลง ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมาก หญิงสาวอาบน้ำและตะโกนร้องเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข ตั้งใจจะลงไปออกกำลังกายสักเล็กน้อยแล้วพาสาวน้อยมิลล์เฟยหรือไม่ก็หนุ่มน้อยมาการอง ม้าดำและน้ำตาลที่เธอตั้งชื่อให้เป็นของกินได้ตามเคยออกไปควบเล่น

สาวน้อยที่ร่าเริงสดใสเดินผ่านห้องทึมๆ ทึบๆ ของคอนสแตนติน แม้จะเบื่อขี้หน้าแต่ก็อดที่จะปรายตามองไปยังเตียงของเขาไม่ได้ แล้วเธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นเพียงเตียงเรียบตึง ในใจนึกสงสัยว่าคอนสแตนตินตื่นเร็วผิดปกติหรือเขาไปนอนที่อื่นกันแน่ แต่แล้วหญิงสาวก็ยักไหล่ ตาอันธพาลคนนั้นจะทำอะไรไม่เห็นจะเกี่ยวกับเธอสักนิด…ร่างเล็กวิ่งบ้างกระโดดบ้างอย่างร่าเริงลงบันไดมาชั้นล่าง คนงานหลายคนที่กำลังทำหน้าที่พากันยอบกายให้และทักทาย หญิงสาวพูดเจื้อยแจ้วกับพวกเขาอย่างสนิทสนมก่อนจะผละไปหาอันน่าที่ยืนยิ้มอยู่กับสตีเฟ่นที่ทำหน้าขรึมๆ ตามปกติอยู่ที่ทางเดินตรงไปสู่ห้องอาหาร

เพลงพิณมองบอดี้การ์ดกับคนสนิทด้วยสายตาล้อเลียน “ทำไมวันนี้มาอยู่ด้วยกันได้ล่ะเนี่ย…หรือว่าตกลงเป็นแฟนกันเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวทักยิ้มๆ ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าสองคนนี้ดูเหมือนจะมีเคมีบางอย่างระหว่างกัน

อันน่าอายหน้าแดง เหลือบตามองชายร่างใหญ่ที่ยืนทำหน้านิ่งไม่ห่างตนนักด้วยความประหม่า “มะ…ไม่ใช่นะเจ้าคะ…พอดีเป็นเวรของคุณสตีเฟ่นที่จะทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนคิริอา…แล้ว…”

เพลงพิณรีบตัดบท “แหม แซวเล่นจ้ะ ทำเป็นตื่นเต้นไปได้” เธอคว้าแขนอันน่าให้ออกเดิน “มาเถอะ ฉันหิวจะตายแล้วเนี่ย เมื่อคืนก็กินไปนิดเดียว…เบื่อคนอ่ะ เลยพานอิ่ม”

มื้ออาหารเมื่อคืนเป็นอะไรที่ฝืดคอมาก นอกจากเบื่อคนที่นั่งทื่อเป็นก้อนหินไร้อารมณ์อยู่ตรงหัวโต๊ะแล้ว เธอยังรำคาญครอบครัวเพี้ยนๆ นั่นจริงๆ ทั้งโซเฟียกับมาเรียที่เป็นผู้ดีจัด มารยาทไร้ที่ติเสียจนเธอเห็นแล้วหมดอารมณ์จะกิน ยังดีที่วันนี้ทั้งหมดจะกลับกันแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงคลั่งใจตายแน่

“วันนี้มีอะไรกินบ้างล่ะจ๊ะ เออ ว่าแต่อีตา…เอ่อ สามีฉันน่ะตื่นเช้าผิดปกติ เขาจะไปธุระที่ไหนหรือเปล่า” เพลงพิณเดาว่าคอนสแตนตินคงมีธุระด่วน ไม่อย่างนั้นคงไม่ตื่นเช้าขนาดนี้ แล้วถ้าอันน่ารายงานว่าเขาจะออกไปทำธุระทั้งวัน เธอก็จะดีใจสุดๆ

เหม็นหน้ารกๆ ไปด้วยขนนั่นจะตายแล้ว…ชิ

อันน่ายิ้มแหยๆ น้ำเสียงสั่นนิดๆ “ท่านคอนสแตนตินยังไม่ได้นอนเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ทานอาหารเช้าอยู่ในห้องอาหารเจ้าค่ะ”

ขาเรียวหยุดกึก ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์เบิกโต

ว้าย คอนสแตนตินไม่ได้นอนทั้งคืน…งานเข้าแน่ๆ

หญิงสาวคิดในใจอย่างเซ็งๆ ปนสยอง…เธอเคยเห็นมาสองสามครั้งแล้วเวลาที่ท่านเคานต์แดร็กไม่ได้นอน เขาก็เหมือนปีศาจดีๆ นี่เอง…คิดแล้วก็อยากกินไส้กรอก แฮม เบคอนดับกลุ้มสักถาด

อันน่ายังรายงานต่อไปว่า “คุณโซเฟีย คุณมาเรียกับสามี แล้วก็คุณยอร์โก้ตอนนี้อยู่ในห้องอาหารเจ้าค่ะ ส่วนคุณดอร์เซียกำลังแต่งตัว อีกสักครู่คงตามลง…”

อันน่ายังรายงานไม่จบ เพลงพิณก็โพล่งออกมาเสียก่อน “อะไรนะ! พวกคุณๆ ทั้งหลายเขามักจะตื่นสายกันไม่ใช่เหรอ…โอย ตายแล้ว หายหิวเลยเนี่ย คงจะกินอะไรไม่ลงแล้วเช้านี้”

คำว่าหายหิวของเพลงพิณทำให้สตีเฟ่นที่มักไม่ค่อยมีอารมณ์ขันถึงกับลอบยิ้ม…ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้เขาไม่เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนไหนกินได้น่าอัศจรรย์เหมือนเจ้านายสาวคนนี้เลย

อันน่ารู้สึกไม่สบายใจ คุณๆ ที่ถูกเอ่ยถึงกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ในห้องที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แต่นายหญิงของเธอเล่นตะเบ็งเสียงเสียจนไม่สนว่าใครจะได้ยิน “คุณโซเฟียกับคุณมาเรียตื่นตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ บอกว่าอากาศดีเลยเอาเจ้า…เอ่อ…มิลล์เฟยกับมาการองไปขี่ ส่วนคุณฌอง ฟิลิป เอ่อ คุยธุระกับท่านคอนสแตนตินตั้งแต่เช้ามืดเพิ่งเสร็จค่ะ…”

ถ้าเพลงพิณไม่เซ็งจนหมดอาลัยตายอยาก คงนึกชื่นชมอันน่าอยู่บ้างที่รู้ความเคลื่อนไหวของทุกคนไปเสียหมด แต่ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจอะไรทั้งนั้น ความดีใจที่ตัวเองไม่ได้นอนละเมอเมื่อคืนนี้ปลิววับไป…ทำไมถึงได้มาชุมนุมกันแต่เช้านะ แล้วสองแม่ลูกผู้ดีไฮโซนั่นอีก…ฮึ่ม แก่แล้วแท้ๆ ยังจะเอาม้าของเธอไปขี่เล่น ไม่เกรงใจบ้างเลย

เพลงพิณหันหลังกลับมาตามทางเก่า…ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันดีเสียแล้ว “ฉันเปลี่ยนใจไม่ไปกินที่ห้องอาหารแล้ว…รบกวนให้พ่อครัวทำอะไรง่ายๆ แต่เยอะๆ ให้หน่อยได้ไหมอันน่า ฉันจะไปกินข้าวเช้าในสวน”

ไม่ทันจะให้อันน่ารับคำ เพลงพิณก็เดินกระแทกเท้าตึงๆ ไปก่อนโดยมีสตีเฟ่นตามหลังไม่ห่าง…ปกติไม่ค่อยจะทำตัวยุ่งยากเรียกร้องอะไร แต่วันนี้จำเป็น เพราะถ้าเธอกินไม่อิ่มอีกมื้อหนึ่ง…คอนสแตนตินก็คอนสแตนตินเถอะ เวลาโมโหหิวเธอน่ากลัวกว่าเยอะ

 

เพลงพิณนั่งดื่มชาร้อนแกล้มขนมปังสดใหม่หนึ่งตะกร้าใหญ่ระหว่างรออาหารเช้า เธอเชิญทีมงานมาร่วมโต๊ะและคุยงานไปด้วยอย่างไม่ให้เสียเวลา ขณะกำลังกินกำลังหารืออย่างติดพัน อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ดังขึ้น เพลงพิณคิดจะไม่รับสาย แต่พอเห็นชื่อเรียกเข้าที่หน้าจอก็เปลี่ยนใจ

เสียงใสทักทายพลางผงกศีรษะให้สถาปนิก หัวหน้าคนงาน และสตีเฟ่นที่ขอตัวออกไปกันก่อนอย่างรักษามารยาท “สวัสดีค่ะมาร์ค…โทรมาแต่เช้าเลยนะคะ”

ปลายสายทักตอบด้วยเสียงนุ่มทุ้ม “อรุณสวัสดิ์ครับ…เมื่อคืนผมยุ่งมากจนไม่ได้โทรไปหาคุณ พอเช้านี้ก็อดทนรอให้สายหน่อยไม่ไหว…หวังว่าคงไม่ได้รบกวนคุณนะครับ”

เพลงพิณหัวเราะคิก เธอไม่ได้รู้สึกปลื้มอะไรกับวาจาหว่านเสน่ห์ของเขา แต่รู้สึกขำมากกว่าที่ทโมนอย่างเธอมีใครมาพูดจาสุภาพนุ่มนวลแบบนี้ด้วย “ไม่รบกวนค่ะ…ที่จริงฉันก็ว่าจะโทรหาคุณอยู่เหมือนกัน…มีเรื่องจะคุยน่ะค่ะ” ปลายประโยคเป็นเสียงจริงจัง

ทว่าอีกฝ่ายยังใช้น้ำเสียงเรียบรื่นเป็นปกติ “เรื่องที่จะลงเรือผมไปอิตาลีหรือเปล่าครับ ผมดีใจที่คุณตอบตกลงเสียที”

มาร์ค คาร์มิเน่ เทตมีเรือยอชต์หรูหราจุผู้โดยสารได้ร่วมร้อยอยู่ลำหนึ่ง เขากำลังจะล่องเรือไปอิตาลีเพื่อทำธุระ พอรู้ว่าเพลงพิณคิดจะไปอิตาลีเพื่อไปชมงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นที่มิลาน ชายหนุ่มก็เสนอให้เธอล่องเรือไปกับเขา นอกจากจะไปถึงอิตาลีแล้ว ระหว่างทางยังได้ชื่นชมความงามของเกาะเล็กเกาะน้อยของกรีซ หรือถ้าเพลงพิณคิดจะแวะขึ้นเกาะไหนก็สามารถทำได้ เพราะกำหนดเดินทางของเขาไม่เร่งรีบ…ข้อเสนอนี้ยังรวมถึงทีมงานของเธออีกหกคนและอันน่า ยิ่งเขารู้ว่าเธอเห่อเจ้าของกินทั้งสี่มากขนาดไหน เขาจึงเอ่ยปากให้พวกมันลงเรือไปด้วยได้อย่างใจกว้าง ทำเอาเพลงพิณอยากจะตอบตกลงในทันที แต่ที่ยังลังเลอยู่ก็เพราะรู้สึกถึงสัญญาณเตือนแปลกๆ ว่าถ้าเธอไป ต้องเกิดเหตุระเบิดที่เกาะมิครอสนี้แน่

หญิงสาวนึกไปถึงน้ำใจของเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ปกติไม่ค่อยชอบคิดอะไรซับซ้อน แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องระมัดระวัง เธอเลยตัดสินใจพูดตรงๆ ตามนิสัย “มาร์คคะ…เอ่อ ฉันไม่ได้บอกคุณเพราะคิดว่าคุณคงรู้แล้วตอนที่ขอเบอร์โทรฉันจากอลัน…แต่เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน…คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันแต่งงานแล้ว”

เพลงพิณไม่เห็นรอยยิ้มน้อยๆ แฝงความหมายบางอย่างของมาร์ค คาร์มิเน่ เทตที่กำลังยืนพิงดาดฟ้าเรือยอชต์อย่างสบายๆ…แล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าที่สรุปไปเองเรื่องเขาได้เบอร์เธอมาจากอลันนั้นไม่เป็นความจริง…หญิงสาวรู้สึกเพียงว่าน้ำเสียงที่ตอบกลับมามีความอบอุ่นน้อยลงกว่าเดิม

“ยากครับที่จะไม่รู้ว่าคุณแต่งงานแล้ว…”

เพลงพิณถอนหายใจ นั่นสินะ…ปาปารัซซี่ตามจิกเธอยังกับฉลามล่าเหยื่อ คนทั้งโลกคงรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร…คำตอบของเขาทำให้เธอใจชื้นขึ้นนิดหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้กำลังทำให้ใครเข้าใจผิด “แล้ว…ที่คุณมาคุยมาทำดีกับฉันเนี่ยต้องการอะไรกันแน่คะ…มีเหตุผลอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”

ท่าทางว่าคำถามของเธอจะตลกเกินไป ชายหนุ่มปลายสายจึงหัวเราะยาวนาน ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ “คุณนี่น่าจะเป็นผู้ชายนะครับ ตรงดีจริงๆ…แต่ไม่ดีกว่า แบบนั้นคงน่าเสียดายเกินไป เพราะคุณเป็นผู้หญิงที่พิเศษมาก ผมเสียใจจริงๆ ที่…เอ่อ ตกลงเรื่องล่องเรือไปอิตาลีคุณตกลงไหมครับ ถ้าตกลง ผมจะได้ให้คนจัดเตรียมต้อนรับ แล้วเจ้าพวกของกินทั้งสี่ก็ต้องมีที่ขับถ่ายและก็ห้องวิ่งเล่นด้วย”

เพลงพิณรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน ทั้งรู้สึกงงที่ตอนท้ายเขาเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ทั้งรู้สึกละอายใจที่เขาดีกับเธอขนาดนี้ แต่เธอก็ยังระแวงแคลงใจเขา ทั้งเสียดายที่เธอคงจะไปอิตาลีกับเขาไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องนี้รั่วออกไป นักข่าวยำเธอเละแน่ คงจะเขียนทำนองว่าเธอมีทริปสวาทกับชู้รักที่เร่าร้อนจนมหาสมุทรแทบเดือด…ซึ่งแค่คิดก็เซ็งจิตแล้ว

ที่สำคัญ เมื่อครู่นี้เขาชวนเธอลดเลี้ยวจนยังไม่ตอบเลยว่าเข้ามาสนิทกับเธอเพราะอะไร ถึงเธอไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย ชอบจับผิดใคร แต่เธอก็ไม่ได้โง่เซ่อ…ผู้ชายคนนี้ต้องมีวาระซ่อนเร้นแน่ๆ เธอชักอยากเห็นใบหน้าและแววตาของเขาเวลาคุย เพราะมันคงทำให้เธอหาสัญญาณที่ไม่ชอบมาพากลได้ดีกว่านี้

ถึงจะมีอะไรติดใจ แต่เพลงพิณยังคุยต่อด้วยเสียงปกติ “เรื่องล่องเรือยอชต์ไปอิตาลีกับคุณน่ะฉันอยากไปมากค่ะ แต่ เฮ้อ พูดยากจริง…วันนี้คุณว่างไหมคะ เราน่าจะพบแล้วก็คุยกันอีกที”

มาร์คตอบกลับมาทันทีว่าว่าง เพลงพิณจึงนัดแนะกับเขาว่าจะไปพบกันที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งบนเกาะซานโตรินี่ซึ่งเขาถือหุ้นอยู่ หลังจากนั้นก็พูดคุยกันอีกสองสามประโยค พอเขาเอ่ยถึงของขวัญที่ส่งมาให้ หญิงสาวก็รู้สึกผิดที่พวกมันลอยละลิ่วลงหน้าผาไปแล้ว จึงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเอาใจ

“…เอ่อ ของขวัญของคุณฉันชอบมากเลยค่ะมาร์ค คุณใจดีน่ารักมากเลย…” หญิงสาวกำลังจะพูดต่อว่าถ้ามีโอกาสจะแนะนำเพื่อนสวยๆ ที่ยังโสดของเธอให้เขารู้จัก แต่หางตาจับภาพอะไรบางอย่างได้เสียก่อน คนที่มัวแต่คุยเพลินจึงเอี้ยวตัวไปมองเบื้องหลัง

ห่างออกไปห้าเมตร เอวานหน้าตาเรียบเฉยถือถาดอาหารเช้ารออยู่เงียบๆ…ไม่รู้ว่ายืนอยู่นานแค่ไหน หรือได้ยินอะไรไปบ้าง

แล้วเพลงพิณก็ได้รู้ว่าเอวานมีหูเรดาร์จริงๆ เพราะในอีกราวสองชั่วโมงต่อมาขณะที่เธอกำลังจะขึ้นรถซึ่งคนขับจอดรออยู่ที่ลานหน้าปราสาทเพื่อไปลงท่าเรือที่หน้าหาด คอนสแตนตินในชุดกางเกงยีนสีดำ เสื้อเชิ้ตดำก็พุ่งปราดออกมาจากห้องโถงด้านในเหมือนถูกพัดมาด้วยพายุหมุนลูกโต ด้านหลังตามมาด้วยสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในชุดเดินทาง

“จะไปไหนหา!”

เพลงพิณสะดุ้งกับเสียงปานฟ้าผ่านั่น ใบหน้าครึ้มไปด้วยเคราสั้นๆ ของนายใหญ่แห่งเกาะมิครอสแดงก่ำ ที่หน้าผากมีรอยเส้นเลือดปูดโปนดูน่ากลัว

คนที่ถูกตะคอกท่ามกลางสายตาคนนอกอีกหลายคู่รู้สึกฮึดขึ้นมาบ้าง เขาเป็นใครกันเธอถึงจะต้องกลัวหงอ “ไปซานโตรินี่”

“เอารถไปเก็บ” เสียงห้าวตวาดสั่งคนขับรถ อีกฝ่ายก็รีบไปนั่งหลังพวงมาลัยแทบไม่ทัน เพลงพิณเห็นเขาวางอำนาจขนาดนั้นก็โมโหปรี๊ด

“กล้าดียังไงมาทำกันแบบนี้ ฉันไม่ใช่นักโทษของคุณนะ ฉันจะไปไหนคุณมีสิทธิ์อะไรมาห้าม ไอ้คนบ้าอำนาจ” หญิงสาวตะเบ็งเสียงตอบ ไม่สนใจเขาอีกต่อไป ร่างบางในชุดกางเกงขาสั้นสีสด โชว์เรียวขากับเสื้อสายเดี่ยวลายจุดสีสดใสสะพายกระเป๋าผ้าก้าวพรวดๆ ตรงไปยังด้านข้างของปราสาทซึ่งเป็นที่จอดรถสองสามคันที่ใช้เดินทางระหว่างปราสาทกับท่าเรือ นึกไม่ถึงว่าคอนสแตนตินยังไม่ยอมหยุด ปราดเข้ามาหาเธอแล้วกระชากแขนเรียวให้หันไปเผชิญหน้า

“คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” เจ้าของปราสาทบัญชา

หญิงสาวแหว “มันจะมากไปแล้วนะ เป็นบ้าอะไรเนี่ย” เธอพยายามดึงแขนออก

ตอนนี้หน้าตาคอนสแตนตินเริ่มเหมือนปีศาจร้ายเข้าไปทุกที “คุณจงใจท้าทายผมหรือไง คุณกำลังจะไปหาไอ้มาร์คนั่น อยากให้มันข่มเหง อยากให้มันฆ่าเอาหรือไง…ผู้หญิงบ้า!” พูดจบแขนแข็งแรงราวกับเครื่องจักรก็เลื่อนมาบีบไหล่มนไว้แน่น ผิวเนื้อเปล่าเปลือยเป็นรอยแดงขึ้นทันทีจากแรงกด แต่ดูเหมือนเพลงพิณจะไม่เห็นเพราะเธอเอาแต่แหงนหน้าตะเบ็งเสียงเถียง

“รู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปหามาร์ค…ว่างมากหรือไงถึงได้คอยสอดแนมเรื่องของคนอื่น” หญิงสาวว่ากระทบ กราดตามองไปยังครอบครัวมหาภัยของเขาอย่างไม่พอใจ…นายเอวานสายสืบนั่นคงเอาเรื่องที่ได้ยินไปรายงานโซเฟียหรือไม่ก็มาเรีย แล้วทั้งคู่ก็คาบมาบอกคอนสแตนตินอีกที…ชิ พวกยุ่งเรื่องชาวบ้าน จะกลับกันอยู่แล้วยังจะก่อเรื่องทิ้งทวนอีก

คอนสแตนตินบดกรามเสียงกรอดๆ หน้ามืดไปด้วยความโมโห อยากจะด่าว่าเพลงพิณมากกว่านี้ให้สมกับที่อยู่ไม่สุข ริอ่านนัดแนะผู้ชายลับหลังเขา…เขารีบบอกตัวเองว่าไม่ได้หึง แต่นายมาร์ค ซี เทตนั่นมันเป็นผู้ชายเลวๆ ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรเข้าใกล้ แต่เพลงพิณดูกะโหลกหนาเกินกว่าที่จะเข้าใจ

“กลับเข้าไปในปราสาทเดี๋ยวนี้ ห้ามคุณแตะรถของผมแม้แต่ปลายนิ้ว…”

เพลงพิณถลึงตาเท่าที่ดวงตาเรียวเล็กของเธอจะเอื้อ “ไม่แตะก็ได้ แต่ถ้าคนอย่างฉันจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ ฉันจะขี่ม้าลงไป ถ้าคนบ้าอย่างคุณเกิดจะหวงม้าขึ้นมาอีก ฉันก็จะเดินไป…ยังไงฉันก็จะไปได้ยินไหม” คนตัวเล็กหอบด้วยความเหนื่อยหลังจากตะเบ็งเสียงออกไปเป็นชุด…นึกว่าจะหงอให้เหรอ ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน เอาแต่สั่งเธอฉอดๆ ไร้มารยาท ขาดเหตุผลที่สุด

พอเห็นว่าเพลงพิณไม่มีท่าทีว่าจะสำนึกหรือเชื่อฟัง คนสั่งก็ยิ่งโมโหเดือด “ก็ได้! ถ้าเธออยากจะไปหามันนักก็ว่ายน้ำไปเองเลย อย่ามาแตะต้องเรือของฉัน” สรรพนามที่ใช้ถูกเปลี่ยนฉับพลัน เพราะความอดทนที่ไม่ค่อยมีเริ่มหมดลง มือแข็งแรงที่บีบไหล่เล็กอยู่ปล่อยแบบสะบัด จนทำให้ร่างของเพลงพิณเซแซดๆ ไปคล้ายถูกผลัก คราวนี้ใบหน้ารูปหัวใจแดงก่ำเหมือนกินพริกไปทั้งกำ โมโหสุดขีดกับอาการคล้ายใช้กำลังของอีกฝ่าย

“ก็ได้…เชิญเก็บเรือ เก็บรถที่ล้ำค่าของนายเอาไว้เลย…มาร์คน่ะ ฉันโทรกริ๊กเดียวก็มารับถึงที่แล้ว คนดีๆ มีน้ำใจซ้ำยังมีมารยาทดีแบบเขาน่ะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของฉันหรอก”

เพลงพิณไม่รู้เสียแล้วว่าเธอผลักดันคอนสแตนตินมากเกินไป ความควบคุมตัวของชายหนุ่มขาดผึง ร่างกายร้อนเหมือนกับมีกองไฟทั้งกองคอยสุมอยู่ “เธอกล้าเอามันมาเปรียบกับฉันเลยเหรอหา เธอกล้า…”

ดูเหมือนสัญชาตญาณที่เคยทำงานได้ดีเสมอจะชำรุด เพราะหญิงสาวยังหาเรื่องให้ตัวเองถึงฆาตด้วยการตอบเสียงดังฟังชัด “ใช่ ดีกว่าเป็นล้านเท่า สุภาพอ่อนโยนกว่า หล่อกว่า ฉันรอที่จะไปล่องเรือยอชต์กับเขาไม่ไหวแล้ว ฉันเบื่อไอ้ปราสาททึมๆ ผู้ชายบ้าๆ อย่างคุณจะตายแล้ว…”

“ถ้ายังงั้นก็ตายไปจริงๆ เลยก็แล้วกัน!”

คอนสแตนตินคำรามเสียงก้องแล้วกระชากร่างเล็กเข้ามาปะทะอก จับรวบต้นขาแล้วส่งร่างที่ดิ้นรนพาดบ่า เพลงพิณทั้งดิ้นทั้งพยศ แต่แล้วก็ต้องส่งเสียงกรี๊ด เมื่อมือหนาๆ ฟาดลงมาเต็มเหนี่ยวที่ก้นหนั่นแน่นทำให้เจ็บจนน้ำตาร่วง แต่แทนที่หญิงสาวจะหยุด กลับสุมฟืนใส่ไฟโทสะของเขายิ่งขึ้นเมื่อเธอยังตะโกนด่าเขาไม่หยุด พร้อมกับทุบหลังไหล่ จิกทึ้งผมของเขาอุตลุดไปด้วย…ร่างบึกบึนไม่สะดุ้งสะเทือน ก้าวพรวดๆ ไปข้างหน้าและฟาดฝ่ามือลงมาบนสะโพกตึงแน่นไม่ยั้งจนดังก้องไปหมด

เพลงพิณเจ็บจนแทบจะขอร้องให้เขาหยุด แต่พอเห็นสายตาของมาเรียกับดอร์เซียที่มองมาอย่างสาสมใจก็พูดไม่ออก ยิ่งสายตาสงสารเห็นใจของโซเฟียกับยอร์โก้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียศักดิ์ศรี เหล่าคนงานที่หลบวูบวาบยามคอนสแตนตินเคลื่อนกายผ่านทำให้ยิ่งอับอาย พอเขาแบกเธอมาถึงชานบันได หญิงสาวก็ทนไม่ไหว เลิกต่อสู้และดิ้นรน เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเท่านั้น ฝ่ามือหนักๆ ที่ฟาดตามลงมาทุกครั้งหลังคำผรุสวาทของเธอก็หยุดลงเช่นกัน

คนที่สติหลุดจนใช้กำลังกับผู้หญิงเป็นครั้งที่สองในชีวิต (แต่กับผู้หญิงคนเดิม) เองก็อึ้งไปกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่เธอก็ช่างรนหาที่จริงๆ มาพูดลอยหน้าลอยตาต่อหน้าคนงานร่วมร้อยและครอบครัวของเขาว่าจะออกไปหาผู้ชายคนอื่นทั้งที่เขาซึ่งเป็นสามียืนอยู่ทนโท่ แล้วยังจะมาชื่นชมเห็นว่ามันวิเศษกว่าเขา ทั้งที่ไม่เคยรู้อะไรเลย…คอนสแตนตินเม้มปาก ที่จริงอยากจะบอกเธอถึงสิ่งที่ได้จากการสืบเรื่องในอดีตของมาร์ค ซี เทต ซึ่งล้วนแต่ดำมืดและชั่วร้าย แต่เธอก็คงไม่เชื่อ ดีไม่ดีอาจเอาที่เขาบอกไปพูดกับฝ่ายนั้นเข้า ซึ่งเป็นการรนหาที่ตายอีก เธอเห็นไอ้บ้านั่นดีกว่าเขาทั้งที่พบกันไม่กี่ครั้ง…คอนสแตนตินคิดแล้วก็ร้อนไปทั้งหัว ผู้หญิงบ้า ที่โดนไปนี่ก็สมควรแล้วเหมือนกัน

คนตัวโตหน้าถมึงทึงเดินแบกเพลงพิณที่หยุดร้องไห้แล้วแต่ยังสะอึกถี่ๆ เข้ามาในห้องชุดที่ชั้นสี่ ก่อนจะโยนภรรยาตัวป่วนลงไปบนเตียงอย่างไม่ทะนุถนอม พอเห็นใบหน้ารูปหัวใจที่เปรอะเปื้อนน้ำมูกน้ำตาไปหมดแสดงอาการเหยเกทันทีที่สะโพกกระทบกับที่นอน ตัวต้นเหตุก็ใจกระตุกนิดหนึ่ง

อันน่าเดินตัวลีบหน้าซีดเซียวเข้ามารอรับใช้ คอนสแตนตินกำลังจะเอ่ยปากสั่งงาน แต่เพลงพิณกลับโวยวายฟูมฟายขึ้นมาก่อน

“ฉันจะหย่า…ฉันจะไม่ทนกับคนบ้า คนเฮงซวย เส็งเคร็ง ไอ้ผีดูดเลือดไร้หัวใจ ไอ้…ไอ้ลูก…ไอ้คนไม่มีใครรัก” เพลงพิณร้องออกมาก่อนเป็นชุด ปิดปากคอนสแตนตินที่กำลังจะสั่งให้อันน่าเข้ามาดูแลเธอเสียสนิท ความจริงคำสุดท้ายหญิงสาวกำลังจะด่าว่าเขาเป็นไอ้ลูกหมา แต่เธอคิดว่านั่นมันน่ารักเกินไปจนเหมือนคำชม

คำพูดสุดท้ายของเพลงพิณทำให้คอนสแตนตินสูดลมหายใจเข้าแรง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มแฝงแววบางอย่าง ความรู้สึกที่เริ่มอ่อนลงหายวับไป ใบหน้ากลับมาแข็งเหมือนฉาบน้ำแข็งขึ้นอีกครั้ง

“ไปเอายาทาแก้ฟกช้ำกับอาหารมาหนึ่งถาด เร็วที่สุด” เขาสั่งโดยไม่มองหน้า แต่อันน่าก็รีบร้อนรับคำแทบจะวิ่งออกไปจากห้อง

คอนสแตนตินที่ตอนนี้ใบหน้าคล้ำไปด้วยโทสะกระเถิบเข้าหาร่างน้อยที่อยู่ห่างออกไปสุดแขน พออีกฝ่ายกลิ้งตัวหนี เขาก็ดึงปลายเท้าจนร่างเล็กพุ่งเข้ามาในอ้อมอก…เรื่องหย่าเขาคิดจะพูดขึ้นมาก่อนเธอเสียอีก เพราะไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว เขายอมเสียเงินสามล้านยูโร แล้วไล่เธอกลับไปประเทศไทยซะ ก่อนที่เขาจะเส้นโลหิตในสมองแตก หรือไม่เธอก็เข้าไปยุ่งกับคนโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ปล่อยให้ตัวเองถูกฆ่าตาย จนพ่อแม่ตามมาเอาเรื่องเขาให้เดือดร้อน

แต่คำพูดสุดท้ายที่เธอด่ามันทำให้เขาเปลี่ยนใจ เขายังจำความรู้สึกล้มเหลวที่ถูกคู่หมั้นเขวี้ยงแหวนใส่หน้าในร้านอาหารหรูที่มีผู้คนมากมายแต่บรรยากาศเงียบสงบจนคนได้ยินกันทั่ว หลังจากนั้นเธอก็ไปคบกับมาร์ค ซี เทต แล้วคราวนี้ล่ะ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาเขาก็เอาไว้ไม่อยู่ เธอตะโกนว่าชอบไอ้เลวนั่น บอกว่ามันดีกว่าเขาอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วยังมาท้าหย่า…ถ้าประวัติศาสตร์จะมาซ้ำรอยด้วยการที่เธอโผไปซบอ้อมกอดไอ้มาร์คนั่นหลังจากหย่า เขาคงถูกคนค่อนโลกหัวเราะเยาะแน่

“รอไปเถอะ ฉันจะไม่มีวันหย่ากับเธอแน่เพลงพิณ…เลิกวาดหวังจะไปอยู่กับไอ้มาร์คนั่นซะที…ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นคนเลว มันเลว เลวแบบที่ผู้หญิงปัญญาอ่อนอยู่แต่ในโลกแคบๆ อย่างเธอไม่มีวันจินตนาการถึง…เลิกละเมอถึงมันได้แล้ว”

เพลงพิณที่กำลังพยายามดิ้นจากมือคีมเหล็กที่รวบข้อมือเธอไว้ถึงกับหยุดกึก “ละเมออะไรถึงใคร…นะ…นี่คุณคิดว่าฉันจะไปอะไรๆ กับเขาหรือไง เขาโอเคดีและฉันชอบเขาก็จริง แต่จะบ้าหรือไง คนเพิ่งเจอกันสองครั้งก็จะให้ไปอยู่กับเขาแล้ว เพี้ยนรึเปล่าถึงคิดแบบนี้ได้…ฉันไม่หน้าด้านขนาดนั้นนะ ไม่รู้แหละ ถ้าคุณไม่หย่าดีๆ ฉันจะฟ้องหย่าให้อายกันไปเลย บอกว่าคุณน่ะเป็นพวกวิปริต วิตถาร ทรมานร่างกายฉัน”

ดวงตาสีน้ำเงินลุกวาบ มือแข็งแรงบีบแน่นขึ้นอีกจนรู้สึกได้ถึงกระดูกเล็กๆ ที่ไม่คณามือ… “จะเอางั้นเหรอ เธอมีเงินจ้าง ‘ทีม’ ทนายมาสู้กับฉันไหมล่ะ…คิดจะฟ้องคนระดับฉันน่ะ อย่างต่ำๆ ค่าจ้างทนายแต่ละคนก็เป็นพันยูโรต่อชั่วโมง…ฉันอาจจะยื้อไว้ปีสองปีจนเธอและครอบครัวหมดตัว ถึงจะยอมหย่าให้ดีๆ ก็ได้”

ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์เบิกกว้างจนแทบโตเท่าเม็ดทุเรียน…พันยูโรต่อชั่วโมง…เฮ้ย บ้าไปแล้ว…ไม่ไหวจะจ่าย

“เฮอะ!” หญิงสาวส่งเสียงไปก่อนทั้งที่ใจยังอึ้งตะลึงอยู่ “งั้นฉันจะแฉกับพวกนักข่าวไปเล้ยว่าคุณน่ะมันซาดิสต์ ใช้กำลัง…อุ๊บ!” หญิงสาวพูดไม่จบ เพราะมือใหญ่กระด้างปิดปากไว้เสียก่อน

ใบหน้าของคอนสแตนตินโน้มต่ำลงมาจนแทบจะแนบกับใบหน้าซีดขาวที่บดชิดอยู่กับที่นอน ลูกไฟสีน้ำเงินสองดวงไหวระริก ขณะที่เสียงต่ำลึกขู่อยู่ริมใบหูเล็ก “ถ้ายังงั้นโดนย่ำยีให้มันสุดๆ ไปเลยไหม เวลาอยู่หน้ากล้องคนเขาจะได้สงสารมากขึ้น…”

ร่างเล็กคล้ายกับเป็นอัมพาต ในหัวคิดอะไรไม่ออก รู้สึกแต่เพียงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดคอ กับความระทึกแปลกๆ วูบวาบไปทั้งตัว

“มาแล้วเจ้าค่ะ ขออนุญาตนะคะท่านคอนสแตนติน”

เสียงอันน่าร้องบอกอยู่หน้าประตู ก่อนจะเดินถือถาดอาหารเข้ามา คอนสแตนตินที่กำลังสนุกกับการขู่ลูกไก่ในกำมือรีบยืดตัวขึ้นแล้วกระชากให้ร่างบางลุกขึ้น

คนสนิทลอบมองมาที่นายสาวอย่างสงสารเห็นใจขณะเดินนำถาดอาหารไปไว้ที่โต๊ะเล็ก แต่พอแอบสังเกตดีๆ ท่าทางที่คนตัวเล็กผิวขาวจัดตกอยู่ในอกกว้างที่ปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำมันก็ดูให้ความรู้สึกตรงข้ามกันอย่างโรแมนติก ไหนจะมือเล็กเรียวที่ถูกบีบรวบไว้แน่นนั่นอีก เหมือนเจ้าชายอสูรกับหญิงงามไม่มีผิด…บางทีสองคนนี้ได้ทะเลาะระบายความเครียดและกดดันที่มีระหว่างกันไปบ้างก็ดี…ปิรันญากับฉลามแท้ๆ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันเอาเสียเลย

คอนสแตนตินเห็นสายตาเพ้อๆ ของอันน่าก็มองเน้นด้วยสายตา ทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเหลวไหลถึงกับหน้าถอดสี พอเสียงดุสั่งให้เธอนำยามาส่งกับมือแล้วออกไปจากห้องได้ หญิงสาวก็รีบกุลีกุจอทำตามด้วยใจระทึก

“นอนคว่ำลง” เสียงเข้มพูดมะนาวไม่มีน้ำหลังสาวใช้ลับตัวไป พอเพลงพิณขยับร่างช้าไม่ทันใจ เขาจึงจับเธอคว่ำลงซะเอง ก่อนจะนึกอะไรได้จึงพลิกเธอนอนหงายอีกครั้ง นิ้วแกร่งปลดกระดุมกางเกงขาสั้นอย่างไม่มีความนุ่มนวลสักเสี้ยว ก่อนจะพลิกร่างบางคว่ำลงแล้วถกกางเกงลงไปกองที่ขาอ่อนแบบรวดเดียว

การกระทำดังกล่าวกินเวลาไม่กี่วินาทีซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เพลงพิณอยู่ในความช็อกเช่นกัน “เฮ้ยๆๆ ไอ้ลามก คนบ้า…ทำอะไรเนี่ย” เพลงพิณที่เพิ่งหายช็อกร้องโวยวายและดิ้นรนจะไปให้พ้นจากการเกาะกุม…ตอนนี้ก้นตึงแน่นของเธอมีเพียงกางเกงชั้นในสีขาวลายสนูปปีตัวเดียวติดอยู่ ซ้ำยังเลื่อนลงไปตั้งเกือบครึ่ง…อะ…ไอ้คนบ้านี่จะทำอะไรกับเธอเนี่ย

กลิ่นยาลอยมาแตะจมูกคนที่เอาแต่ดิ้นรน ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์เพราะมือหนาเท่าใบลานกดช่วงเอวเธอไว้

“จะทายาให้…อยู่นิ่งๆ สักห้านาที ไม่งั้นฉันจะจับเธอลอกเสื้อผ้าออกทั้งตัว แล้วขืนใจยาวจนถึงพรุ่งนี้เช้า เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย”

เหมือนตัวละครในภาพยนตร์ที่ถูกกดสต็อป เพลงพิณนิ่งสนิทจนแทบไม่หายใจ…ขะ…ขืนใจ…เขาพูดออกมาแบบนี้ได้ยังไง เขาเป็นเกย์ไม่ใช่เรอะ! หรือว่าเขาไม่มีผู้ชายตกถึงท้องมานานแล้วเลยตาลายไปหมด…หรือว่าขะ…เขา…เป็นพวกนิยมชายแต่ใช้หญิงแก้ขัดไปพลางๆ ได้ อ๊ากกก…ละ…แล้วเขา…เฮ้ย แล้วนี่เพิ่งเที่ยงๆ ถ้าถึงพรุ่งนี้เช้า…อะ…อ๊ายยย

เธอมัวแต่อึ้งตะลึงสับสน รู้สึกตัวอีกทีกางเกงชั้นในก็ถูกดึงลงไปแล้ว ยาเย็นๆ ถูกป้ายลงบนก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นที่ปวดแสบปวดร้อนจากแรงฟาดไม่ยั้ง เพลงพิณขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกถึงนิ้วของเขาที่เคลื่อนจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง แล้วไม่ใช่แค่ลากปราดๆ ไปเหมือนป้ายแยมบนขนมปัง แต่มีการนวดคลึง เคล้นไปเคล้นมาเหมือนกำลังนวดแป้งพาย หญิงสาวรู้สึกเหมือนก้นตัวเองกว้างเป็นตารางเมตร เพราะดูเหมือนนานเป็นปีๆ แล้วแต่เขายังทาไม่เสร็จเสียที

ไอ้คำขู่ของเขามันรวมถึงการพูดด้วยไหมเนี่ย…แล้วยังไงล่ะ จะให้เธอนอนนิ่งให้เขามาคลึงก้นเล่นเหมือนพวกโรคจิตแบบนี้น่ะเหรอ…เธอคือเพลงพิณนะ ความแสบของเธอไปไหนหมด ฮึ้ย “มีความสุขไหมฮะที่ทำแบบนี้…ทำเหมือนฉันเป็นปลาซาบะ พลิกไปพลิกมาแล้วก็ทาเกลือ พอกเครื่องเทศเตรียมอบน่ะฮึ” หญิงสาวแดกดัน ขยับแขนที่ถูกบีบไว้นิดๆ เป็นการลองเชิง

มันเป็นสถานการณ์ที่น่าตะขิดตะขวงใจสำหรับคอนสแตนตินที่สุด นิ้วมือหยาบๆ ของเขากำลังเลื่อนไปบนผิวเนื้อขาวสะอาดที่นุ่มที่สุดที่เขาเคยสัมผัส นุ่มกว่าผิวของเหล่านางแบบ ดารา ม่ายสาว หรือผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์ด้วย แถมคนที่เขาสัมผัสไม่ได้ร้องครางหรืออะไรทั้งนั้น แต่กลับปากดีเปรียบตัวเองเป็นปลาบ้าอะไรนั่นอีก

นิ้วมือกดแรงขึ้นเหมือนลงโทษ ทำเอาคนตัวเล็กหน้าแหย แต่ก็ยังไม่วายทำกล้าถลึงตาเรียวๆ เหมือนจะดุดันใส่เขา…คอนสแตนตินไม่อยากให้สิ่งที่ทำอยู่ยืดเยื้อไปกว่านี้ เขาจึงพูดเหี้ยมๆ

“ข่มขืน…หรือนิ่งๆ”

เพลงพิณหุบปากสนิทเหมือนหอยกาบ แต่ในใจยังคิด… ‘ไม่มีปลาตัวใดถูกย่างไม่เลิกรา’ …หญิงสาวได้ภาษิตส่วนตัวสดๆ ร้อนๆ…เธอถูกตีซะน่วม ถูกล็อกไว้จนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ ถูกข่มขู่อย่างชั่วร้ายที่สุด และคนบ้าอำนาจนี่ยังมาลูบอวัยวะที่ควรปกปิดของเธอไปมาอีก ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เรื่องบ้าๆ นี่จบลง…เก็บความเดือดดาล ความแค้นไว้รอเวลาแก้คืนให้สาสมดีกว่า…นายแดร็กคิวล่านี่ต้องเจอฤทธิ์เดชของเธอสักตั้ง

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…

หน้าที่แล้ว1 of 16

Comments

comments

Jamsai Editor: