บทที่เก้าสิบหก
ชุยเฉวียนรับคำ แล้วรีบเดินออกไป
ไม่นานก็กลับมา “ทูลฮองเฮา เครื่องหอมของตระกูลหลีมาถึงประตูวังแล้ว ทหารองครักษ์เฝ้าประตูกำลังตรวจสอบอยู่พ่ะย่ะค่ะ…” สายตาแอบเหลือบมองอิงอ๋อง
เครื่องหอมของตระกูลหลีมาถึงแต่เช้าแล้ว แต่กลับถูกทหารองครักษ์ของอิงอ๋องขวางไว้นอกประตูตำหนักทำให้เข้ามาไม่ได้ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าขันทีมาหลายปี เขาย่อมเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างสนมชายาในตำหนักมาไม่น้อย ชุยเฉวียนนั้นเรียกได้ว่าเป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง กระนั้นเขาก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ายามนี้อิงอ๋องกำลังแสดงละครเรื่องอะไรกัน
ด้านหนึ่งมายกยอตระกูลหลีต่อหน้าฮองเฮา อีกด้านหนึ่งก็ให้องครักษ์ขวางเครื่องหอมตระกูลหลีไว้ไม่ให้เข้ามาได้ หากเป็นเช่นนี้แล้วจะสามารถทำร้ายตระกูลหลีได้อย่างนั้นหรือ ความคิดของท่านอ๋องหกง่ายเกินไปหรือไม่
ตระกูลหลีเป็นวาณิชหลวงมาหลายปี เครื่องหอมถูกขนเข้ามาในวังหลังจนไม่อาจนับจำนวนได้แล้ว ยังต้องตรวจสอบอะไรอีกเล่า ฮองเฮาได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “นำคำสั่งเราไป ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ…” ชุยเฉวียนรีบเดินออกไป
อิงอ๋องกลับเต้นกระตุกไป
เหตุใดชุยเฉวียนจึงบอกว่าเครื่องหอมของตระกูลหลีถูกตรวจสอบอยู่หน้าตำหนัก หรือว่า…
คิดถึงตอนก่อนที่ตนเองจะมาเคยสั่งทหารองครักษ์เฝ้าประตูตำหนักไว้ว่าหากเครื่องหอมของตระกูลหลีมาถึงไม่ยอดเยี่ยมก็แล้วไปเถอะ แต่หากพบว่าเป็นเครื่องหอมชั้นเลิศล่ะก็ ไม่ว่าใช้วิธีใดก็ต้องขวางไว้นอกประตูตำหนัก
นี่เป็นการรับรองความเสี่ยงสุดท้ายของเขา
ตอนนี้เครื่องหอมของตระกูลหลีถูกขวางไว้นอกประตูตำหนักจริงๆ ก็แสดงว่านั่นต้องเป็นเครื่องหอมชั้นเลิศแน่นอน แต่ว่า…เครื่องหอมของตระกูลหลีล้วนถูกตนเองกับหร่วนอวี้ปล้นชิงไปหมดแล้วนี่นา!
หรือว่ารายงานของสายลับจะผิดพลาดไป
ความคิดนี้แล่นผ่าน อิงอ๋องพลันมีเม็ดเหงื่อผุดบนหน้าผากในทันที เขาพยายามสะกดใจที่จะเอ่ยปากยับยั้งฮองเฮาเอาไว้แล้วสั่งให้คนดับไฟเครื่องหอมเพื่อไล่กลิ่น สมองก็คิดวนอย่างรวดเร็ว
หากสิ่งที่ตระกูลหลีถวายเป็นเครื่องหอมชั้นเลิศ เขาจะยับยั้งไม่ให้ฮองเฮาทรงลองดมกลิ่นได้อย่างไร
ไม่นานชุยเฉวียนก็เดินเข้ามา “ทูลฮองเฮา เครื่องหอมของตระกูลหลีมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
บรรยากาศภายในตำหนักวุ่นวายในทันที ทุกคนอยากจะดูว่าเครื่องหอมของตระกูลหลีสามารถเทียบกับเม็ดหอมเศร้าอาดูรของหลิ่วเฟิ่งที่เพิ่งเข้าสู่วงการนี้มาได้หรือไม่
“นำขึ้นมา…” ฮองเฮาสั่ง
ไม่นานก็เห็นเพียงนางกำนัลในชุดเขียวคนหนึ่งยกถาดผลึกแก้วสลักลายใบหนึ่งเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง
เหนือความคาดหมายของทุกคน
บนถาดนั้นกลับมิใช่เครื่องหอม แต่เป็นเม็ดกลมผลึกแก้วอันหนึ่ง ผลึกใสนี้ยามที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์แล้วจะมีสีสันสดใส ดูงดงามตา
“สวยจริง…” องค์หญิงหมิงอวี้พูดอย่างลืมตัว หากไม่ใช่เพราะความสงบเสงี่ยมที่ฝึกมานานหลายปี เกรงว่านางคงกระโดดลงไปหยิบมาเล่นแล้ว
“นี่คืออะไร” มีคนถามเสียงเบา
ทุกคนพากันส่ายหน้า
กลั้นหายใจมองดูนางกำนัลชุดเขียวค่อยๆ เดินขึ้นมาทีละก้าว
“แสร้งทำให้คนหลงใหล!” ในความเงียบอิงอ๋องแค่นเสียงสบถเย็นชา แต่ใจเขากลับเต้นรัว ที่แท้เม็ดหอมเศร้าอาดูรที่เอาชนะกู่ฉินห้าหมื่นเม็ดนั้นล้วนเป็นกลลวง
เครื่องหอมที่ส่งเข้าคัดเลือกจริงคือสิ่งนี้!
หลีจวินเจ้าเล่ห์เสียจริง!
ทั้งที่เป็นแค่ของปลอม หลีจวินกลับเสียเวลาแบ่งของออกเป็นสามทาง ทั้งยังทำได้อย่างไร้ที่ติ ไม่เพียงเพื่อหลบเลี่ยงการช่วงชิง เขายังทำเพื่อให้ตนเองไม่เหลือความระวังใดๆ ปล่อยให้เครื่องหอมของจริงชุดนี้ผ่านเข้ามายังตำหนักในได้
หากไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าตระกูลหลีไม่มีเครื่องหอมชั้นดีเข้าถวายแล้ว วันนี้เขาจะยังยกย่องตระกูลหลีตามความคิดของหนิงอ๋องได้อย่างไร
นี่มันวาดเสือไม่เสร็จกลายเป็นสุนัข* จริงๆ
มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำเป็นหมัดแน่น เส้นเอ็นเขียวบนหลังมือปูดขึ้นจางๆ อิงอ๋องพยายามระงับอารมณ์ตนเองและรักษาสีหน้าสงบนิ่งไว้ ในใจแอบถามไม่หยุด ในผลึกแก้วนี้คืออะไรกันแน่
ที่อิงอ๋องผิดพลาดเช่นนี้หากจะบอกว่าเป็นเพราะประเมินความเจ้าเล่ห์ของหลีจวินต่ำไป มิสู้บอกว่าเขาประเมินฝีมือของมู่หวั่นชิวต่ำเกินไปจะดีกว่า!
หากไม่ใช่เพราะใช้เม็ดหอมเศร้าอาดูรที่เหนือชั้นกว่ากู่ฉินมากมาเป็นเหยื่อล่อ และมีเพียงแค่เม็ดหอมเศร้าอาดูรสองชนิดนี้อยู่ในเมือง เกรงว่าเขากับหร่วนอวี้ก็คงไม่หลงกลอย่างง่ายดายแน่นอน
หากไม่ใช่เพราะเครื่องหอมเหยื่อล่อยอดเยี่ยมเกินไป เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่านอกจากเครื่องหอมชุดนั้นแล้ว ตระกูลหลีจะไม่สามารถทำเครื่องหอมอื่นออกมาได้อีก
ไป๋ชิวคนนั้นเป็นใครกันแน่
เหตุใดจึงมีฝีมือสูงส่งเช่นนี้!
เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วันก็ปรับแก้สูตรลับของกู่ฉิน ทั้งยังปรุงเครื่องหอมชั้นเลิศเช่นนี้ออกมาได้
แม้จะไม่ได้ลองดมเครื่องหอมชนิดนี้ แต่เขาเชื่อว่าเครื่องหอมที่สามารถใช้เม็ดหอมเศร้าอาดูรอันเหนือชั้นมาเป็นเหยื่อล่อเพื่อคุ้มกันได้ เช่นนั้นเครื่องหอมนี้จะต้องเหนือกว่าเม็ดหอมเศร้าอาดูรมากนัก
ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าหลิ่วเฟิ่งที่เขาคิดหาหนทางเพื่อผลักดันออกมาจะต้องถูกคัดทิ้งอย่างแน่นอน
ไป๋ชิวคนนี้สมควรสับให้เป็นหมื่นชิ้นจริงๆ!
“นี่คืออะไร” ได้ยินคำพูดของอิงอ๋อง ฮองเฮาก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
ชุยเฉวียนกำลังจะยื่นมือไปหยิบป้ายชื่อบนถาด ก็ได้ยินนางกำนัลชุดเชียวพูดว่า “ทูลฮองเฮา นี่คือน้ำหอมที่ตระกูลหลีตั้งใจเตรียมเพื่อองค์หญิงหมิงอวี้เพคะ”
น้ำหอม!
ภายในตำหนักมีเสียงดังอื้ออึง ตระกูลหลีช่างทุ่มเท!
ไม่ต้องพูดถึงว่ากลิ่นเป็นอย่างไรเลย แค่พูดถึงการเสียเวลาและเสียแรงในการสกัดน้ำหอมนั้นก็มิใช่สิ่งที่ร้านเครื่องหอมทั่วไปจะกล้าทำ ปกติทำเพียงแปดขวดสิบขวดก็แล้วไปเถอะ แต่นี่เป็นงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงเชียวนะ งานยิ่งใหญ่เช่นนั้นใช่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหอมเพียงไม่กี่ขวด
ฮองเฮารวมถึงสนมชายาในตำหนักในล้วนเคยเห็นน้ำหอมตระกูลหลีมาแล้ว ต่างก็รู้ว่าการสกัดน้ำหอมขวดหนึ่งต้องใช้เวลามากเท่าใด
เหยาซูเฟยพูดเปรยว่า “ครั้งนี้ตระกูลหลีลงทุนหนักจริง”
คนอื่นๆ ก็พากันพยักหน้า “น้ำหอมนี้ดูแล้วก็มีเพียงตระกูลหลีที่ทำได้ เพราะเขามีเงินทุนพอ”
“เสด็จแม่…” องค์หญิงหมิงอวี้สองตาเปล่งประกาย
น้ำหอมเป็นของหรูหราฟุ่มเฟือย ปกติขวดหนึ่งก็ยังหาได้ยากยิ่ง หากในงานอภิเษกของนางสามารถใช้น้ำหอมได้อย่างเต็มที่ นั่นจะเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่เพียงใดกันหนอ
เพียงแค่คิดองค์หญิงหมิงอวี้ก็หน้าแดงเรื่อแล้ว
“ลำบากตระกูลหลีแล้วจริงๆ…” ความไม่พอใจที่มีต่อตระกูลหลีหายไปในพริบตา ฮองเฮาพูดชม แล้วเงยหน้าขึ้นถามนางกำนัลชุดเขียว “นำเข้ามากี่ขวดหรือ”
วันขึ้นปีใหม่ของทุกปีน้ำหอมที่ตระกูลหลีนำมาถวายก็ไม่เคยมีเกินร้อยสองร้อยขวด ด้วยจำนวนนั้นยังได้ยินว่าต้องใช้เงินไปมหาศาลแล้ว ทว่าในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้นี้ ไม่ใช่ส่งมาไม่กี่ร้อยขวดก็ให้แล้วกันไปหรอกนะ
“ทูลฮองเฮา ตระกูลหลีนำมาถวายสองหมื่นขวดเพคะ” นางกำนัลชุดเขียวพูด “เพียงพอจะใช้ในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงเพคะ”
สองหมื่นขวด!
คำพูดประโยคเดียวทำให้เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นอีกครั้ง บรรดาสนมชายาดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา พวกนางมีส่วนร่วมด้วยได้แล้ว
คนที่ตกใจที่สุดคงหนีไม่พ้นอิงอ๋อง เขามองนางกำนัลชุดเขียวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “สองหมื่นขวด เวลาสั้นอย่างนั้นจะทำออกมาได้อย่างไร” หากจำไม่ผิด นับจากกู่ฉินได้รับบาดเจ็บจนถึงวันที่เครื่องหอมของตระกูลหลีถูกส่งออกไปก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
“ทูลท่านอ๋องหก…” นางกำนัลชุดเขียวย่อตัวคำนับอิงอ๋อง “คนตระกูลหลีบอกว่าหลังจากไป๋ชิวมาที่ร้านหลีจี้ นางก็ตั้งใจศึกษาเรื่องน้ำหอมกับอาจารย์โหยวไห่เพื่อเตรียมน้ำหอมเหล่านี้แล้ว ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปี…”
โหยวไห่เป็นอาจารย์ของตระกูลหลีที่ปรุงน้ำหอมเพื่อวังหลวงโดยเฉพาะ
ตอนแรกหลีจวินเห็นน้ำหอมที่มู่หวั่นชิวปรุงออกมาก็ตกใจมากเช่นกัน เขายังคาดเดามากมายเกี่ยวกับวิชาลับสุดยอดของนาง ถึงขั้นสงสัยว่าตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยเป็นนางที่ได้ไปใช่หรือไม่ ด้วยเกรงว่าคนอื่นจะสงสัยเรื่องนี้จึงได้สร้างเรื่องโกหกแทนนาง
รู้ดีว่าสูตรลับสามารถเป็นภัยได้ นางที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงหากถูกใครหมายตาเข้าคงไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะอีกฝ่ายคืออิงอ๋องที่มีอำนาจบารมีล้นฟ้า
“เสียเวลาหนึ่งปี…” ฮองเฮาพึมพำทวนซ้ำ นางขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ในตอนนี้ยังคิดไม่ออก
“…ตระกูลหลีเดิมทีคิดจะถวายเครื่องหอมสองชนิด ชนิดหนึ่งคือเม็ดหอมของปรมาจารย์กู่ อีกชนิดหนึ่งก็คือน้ำหอมนี้ เพื่อเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้แก่องค์หญิง…” เหมือนรู้ถึงความคิดของฮองเฮา นางกำนัลชุดเขียวจึงอธิบายว่า “คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์กู่จะเกิดเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ตระกูลหลีจึงทำได้เพียงทูลถวายน้ำหอมเพียงชนิดเดียวนี้เพคะ…”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง…” ฮองเฮาเข้าใจเรื่องราว “เราก็ว่าอยู่ เหตุใดจึงปล่อยปรมาจารย์กู่ไว้ไม่ใช้งาน แต่ตระกูลหลีกลับใช้งานคนใหม่คนหนึ่งเสียอย่างนั้น…” แล้วพูดชมอีกว่า “เสียแรงใจแรงทรัพย์มากอย่างนี้ ตระกูลหลีช่างมุ่งมั่นจริงๆ…”
“เป็นเพราะคุณชายใหญ่ตระกูลหลีมีตาดีมองคนออก หลังจากจบงานประชันเครื่องหอมเมืองซั่วหยางก็พบว่าอาจารย์ไป๋ชิวเป็นอัจฉริยะจึงได้กล้าใช้งานเพคะ” นางกำนัลชุดเขียวฉวยโอกาสนี้พูด
ทุกคนพยักหน้า ไม่พูดแสดงความเห็นใด
วางแผนจะถวายเครื่องหอมสองชนิด? ที่แท้ตระกูลหลีก็เริ่มป้องกันกู่ฉินเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้วนี่เอง ทั้งยังวางแผนเตรียมการมาอย่างดีเสียด้วย!
มิน่าเล่าไป๋ชิวคนนั้นหลังจากจบงานประชันเครื่องหอมแล้วก็หายตัวไป ที่แท้ก็ถูกตระกูลหลีซ่อนตัวไว้ให้เป็นอาวุธที่ทรงอำนาจนี่เอง ทั้งเพื่อรับมือกับตนเอง และเพื่อให้นางได้โด่งดังระลอกสองในวันนี้!
หากน้ำหอมนี้เป็นของยอดเยี่ยม และถูกเล่าลือออกไปในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ เชื่อว่ากู่ฉินที่เป็นเสมือนเทพในวงการปรุงเครื่องหอมแห่งแคว้นต้าโจวนี้คงจะตกต่ำลงทันที
ความคิดที่เขาทุ่มเทไปกับตัวกู่ฉินคงสูญเปล่า!
ด้วยอิงอ๋องไม่รู้ว่าเรื่องราวที่มู่หวั่นชิวต้องเก็บซ่อนความสามารถนับแต่จากเมืองซั่วหยางมาเมืองต้าเยี่ยนั้น เป็นไปเพื่อป้องกันกู่ฉินมาทำอันตรายและให้นางยังได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ นางจึงต้องเลือกทำในสิ่งที่ยากลำบาก
เพียงชั่วครู่อิงอ๋องก็เอาเรื่องเหล่านี้รวมไปเป็นแผนร้ายของหลีจวิน ความเกลียดแค้นที่มีต่อหลีจวินพลันเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน เส้นเลือดบนหน้าผากพลันเต้นตุบๆ
หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าฮองเฮา เกรงว่าเขาคงจะตบโต๊ะลงไปแล้ว เขาพยายามขบกรามกลั้นไฟโทสะในใจ แล้วพูดอย่างเย็นชา “หลอกลวง มีแต่ทำให้คนหลงใหลแล้ว!”
เห็นแก่ตระกูลหลีที่ให้ความสำคัญกับงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ ฮองเฮากำลังจะพระราชทานรางวัลให้ พอได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ขมวดคิ้ว
“เหตุใดลูกจึงพูดเช่นนี้”
สายตาทุกคนหันขวับมาที่อิงอ๋องพร้อมกัน
“น้ำหอมแม้จะดีเพียงใดแต่ก็ต้องใช้กับตัวเท่านั้น จะใช้ในงานเลี้ยงกลางคืนขนาดใหญ่ได้อย่างไร” คำพูดประโยคเดียว อิงอ๋องก็พูดถึงจุดอ่อนจุดใหญ่ของน้ำหอมที่แคว้นต้าโจวปรุงออกมาในตอนนี้
คนที่ชอบน้ำหอมก็เพราะกลิ่นที่เป็นธรรมชาติของมันไม่รุนแรงเหมือนเครื่องหอมประเภทกำยาน ทั้งยังใช้ง่าย สามารถพรมไว้บนผ้าได้ทุกเมื่อ หรือจะทาบนข้อมือ ต้นคอ ใต้วงแขนก็ได้ ซึ่งกลิ่นนั้นจะเหมือนกับกระจายมาจากตัวราวกับเป็นกลิ่นกาย เพื่อให้ได้ความชมชอบและให้ได้รับความโปรดปราน การใช้น้ำหอมที่ไร้ร่องรอยนี้ย่อมเหมาะสมที่สุดแล้ว
แต่ว่าจุดอ่อนจุดใหญ่ที่สุดของน้ำหอมนี้ก็คือการกระจายและแทรกซึมของกลิ่นนั้นแย่มาก ไม่เหมือนกับเครื่องหอมประเภทกำยานที่แค่จุดไฟเพียงหนึ่งเตา ควันนั้นก็กระจายไปทั่วห้องในทันที กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกำยานจะแทรกซึมอยู่ในทุกๆ ที่ ทว่าน้ำหอมนี้กลับต้องทาติดตัวไว้ กลิ่นหอมจางๆ เหมือนมีบ้างหายบ้างนี้จึงมีเพียงคนข้างกายเท่านั้นที่ได้กลิ่น ไม่อาจกระจายไปทั่วห้องได้
หากอยากให้ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมก็ทำได้เพียงพรมสาดไปทั่วเหมือนสาดน้ำแล้ว และทุกมุมจะขาดไปไม่ได้ เพราะการกระจายกลิ่นของน้ำหอมไม่ดี ทั้งยังมีการแทรกซึมที่แย่มากด้วยคุณสมบัติของน้ำหอมเป็นของเหลวมิใช่ควัน
โดยเฉพาะตอนที่เติมกลิ่นเพิ่มลงไปนั้น สำหรับเครื่องหอมประเภทกำยานทั่วไปก็เพียงเติมเม็ดหอมหนึ่งเม็ดในเตากำยานที่ตั้งอยู่นิ่งๆ เท่านั้น แต่น้ำหอมนี้กลับไม่เหมือนกัน มันจำเป็นต้องให้คนมาพรมสาดลงไปใหม่
น้ำหอมจึงถูกขนานนามว่าเป็นของหรูหราฟุ่มเฟือย แต่กลับไม่เป็นที่นิยม เรื่องเสียเวลาเสียแรงในการทำนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดคือข้อเสียในส่วนนี้ของมัน คิดดูแล้วในงานเลี้ยงขนาดใหญ่งานหนึ่งนี้ ขณะที่บรรดาแขกเหรื่อกำลังดื่มกินกันอยู่นั้น ฝ่ายเจ้าของงานกลับให้สาวใช้กว่าสิบคนผุดออกมาถือขวดมาพรมสาดน้ำหอมไปทั่ว นึกดูแล้วจะมีสภาพเป็นอย่างไรเล่า
หากน้ำหอมนี้ตกลงไปในสุราอาหารจะเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียนเพียงใดกัน
คิดถึงตรงนี้ ฮองเฮาก็ถอนหายใจพลางแอบพูดในใจว่าตระกูลหลีตั้งใจทุ่มเทถึงเพียงนี้แล้ว น่าเสียดายที่น้ำหอมนี้แม้จะดี แต่ก็ไม่เหมาะจะใช้ในงานเลี้ยงอภิเษก กำลังจะสั่งให้นำผลึกแก้วมาดมกลิ่น ทันใดนั้นก็เกิดความคิดในใจ ขั้นตอนการทำน้ำหอมนี้ยุ่งยากมาก ทั้งยังมีเงื่อนไขจำกัดมีลูกเล่นอะไรได้ไม่มากนัก น้ำหอมตระกูลหลีที่ทูลถวายมาหลายปีก็มีซ้ำกันหลายชนิด ไป๋ชิวคนนี้เพิ่งจะเข้าสู่วงการ ในเมื่อเป็นศิษย์ของโหยวไห่ คิดว่านางคงไม่โดดเด่นถึงขั้นใดนัก ถ้าเปิดตัวต่อหน้าทุกคน แต่สุดท้ายยังคงเป็นเม็ดหอมเศร้าอาดูรของหลิ่วเฟิ่งที่เอาชนะไปได้ คงเป็นการเสียความตั้งใจของตระกูลหลี…
อีกอย่างเม็ดหอมเศร้าอาดูรของหลิ่วเฟิ่งเองก็เอาชนะใจของทุกคนได้แล้วด้วย!
ความคิดแล่นผ่าน ฮองเฮาจึงเปลี่ยนคำพูดว่า “ลูกพูดถูก น้ำหอมนี้ใช้ในงานเลี้ยงกลางคืนไม่เหมาะสมจริงๆ…” นางสั่งการชุยเฉวียน “มีคำสั่งเราลงไป มอบเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึงทองให้ตระกูลหลี มอบคทาหยก* ให้ไป๋ชิวหนึ่งอัน” แล้วหันไปทางนางกำนัลชุดเขียว “เจ้าลงไปเถอะ”
สิ้นเสียงพูด ภายในตำหนักก็มีเสียงวุ่นวาย ทุกคนมองไปทางฮองเฮาอย่างไม่เชื่อสายตา
ยังไม่ได้ลองดมกลิ่นดูเลยก็จะคัดทิ้งแล้วหรือ
“เสด็จแม่…” องค์หญิงหมิงอวี้ไม่สนใจสายตาของคนอื่น คว้าตัวฮองเฮาเอาไว้
“ถ้าหมิงอวี้ชอบ แม่ก็จะให้เก็บทั้งหมดไว้เป็นสินสอดของเจ้า” ฮองเฮาดึงมืองามออกเบาๆ
“แต่ว่า…”
แต่ว่าจะยกไปโดยไม่ดมกลิ่นเลยไม่ได้นี่นา
ทั้งที่ยังอยากจะเอ่ยปากอีก แต่พอประสานกับสายตาที่ฮองเฮาส่งมา องค์หญิงหมิงอวี้ก็เข้าใจในทันที
เสด็จแม่กลัวว่าการดมกลิ่นต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้จะทำให้ตระกูลหลีเสียหน้า ความคิดนี้แล่นผ่าน องค์หญิงหมิงอวี้ก็รู้สึกว่าฮองเฮาทรงใคร่ครวญได้ครบรอบด้านแล้ว ในใจนางแม้น้ำหอมนี้จะดีเพียงใด แต่กลิ่นของมันย่อมไม่มีทางเอาชนะเม็ดหอมเศร้าอาดูรของหลิ่วเฟิ่งได้แน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ตระกูลหลีสามารถลงทุนมหาศาลปรุงน้ำหอมสองหมื่นขวดมาทูลถวายเช่นนี้ ก็เอาชนะใจองค์หญิงหมิงอวี้ได้แล้ว นางย่อมมีใจเอนเอียงไปทางตระกูลหลีและคิดแทนตระกูลหลี สุดท้ายนางจึงได้เปลี่ยนคำพูดว่า
“หมิงอวี้ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงกรุณา…” ในน้ำเสียงแฝงความเสียดายไว้รางๆ
นางกำนัลชุดเขียวริมฝีปากขยับ กำลังจะกล่าวอะไรอีกก็ได้ยินอิงอ๋องตะคอกว่า “ยังไม่ออกไปอีก!
นางกำนัลชุดเขียวตัวสั่น รีบย่อตัวคำนับอย่างลนลาน “หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ…”
ทว่าเพียงหมุนตัว กลับไม่คาดคิดว่าจะเหยียบชายกระโปรงยาวไว้ใต้เท้า นางกำนัลชุดเขียวเดินเซ แล้วล้มคว่ำลงกับพื้น ถาดในมือหลุดลอยไปไกลครึ่งฉื่อ จากนั้นก็ตามด้วยเสียงแก้วแตกดังเพล้ง ราวกับไข่มุกหยกตกลงพื้น เม็ดกลมผลึกแก้วพลันแตกกระจายเต็มพื้นในทันที…
* วาดเสือไม่เสร็จกลายเป็นสุนัข หมายถึงตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป เมื่อทำไม่สำเร็จ ผลลัพธ์กลับกลายเป็นอีกอย่าง
* คทาหยกในภาษาจีนเรียกว่าอวี้หรูอี้หรือหรูอี้ เป็นเครื่องหยกชนิดหนึ่ง รูปทรงเป็นแท่งแบนโค้งงอ ส่วนหัวมีลักษณะเป็นแป้นกลม สลักลายงดงามตลอดอัน โดยคำว่าหรูอี้มีความหมายว่าสมปรารถนา ชาวจีนจึงใช้เป็นของเสริมสิริมงคลและเป็นเครื่องแสดงฐานะของชนชั้นสูง
(โปรดติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)
Comments
comments
No tags for this post.