บทที่ 3 ยักษ์ผู้ฆ่าแจ็ค
ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้วะ
นิดานุชบ่นกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย แต่ด้วยสติของนักเขียนสาวผู้กำลังจะมีชื่อเสียงโด่งดังในอนาคต (คหสต.) หญิงสาวรีบจดภาพของภาติวัติที่เธอได้พบอย่างใกล้ชิดลงในสมุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แม้จะหงุดหงิดไปบ้างแต่เธอไม่มีทางล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ
นี่ยังโชคดีที่เธอไม่ถูกเขาค้นกล้อง ไม่เช่นนั้นถ้าเขายึดเมมโมรี่การ์ดไปด้วย นั่นจะเป็นความซวยที่สุดตั้งแต่จักรวาลนี้ได้ก่อกำเนิดมาเลยทีเดียว
ภาติวัติคงไม่รู้…หรืออาจจะรู้ แต่คงไม่เข้าใจหรอกว่าเธอต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดกว่าจะรวบรวมข้อมูลทุกอย่างได้มากขนาดนี้ เธอต้องค้นคว้าเรื่องการแข่งรถ ลงภาคสนาม ขึ้นรถ ลงเรือ ต่อเครื่องบินไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ความพยายามทั้งหมดกลับกลายเป็นการสูญเปล่า ทุกอย่างหายวับไปกับตาเพียงแค่เธอก้าวพลาดไปก้าวเดียว และเขาใจร้ายมากเกินไป นี่ขนาดเธอยอมลงทุนบอกชอบเขาทั้งที่ไม่เคยบอกผู้ชายที่ไหนมาก่อน เขายังเย็นชาป่าเถื่อนกับเธอถึงเพียงนี้ จิตใจทำด้วยอะไร!
แต่คิดหรือว่าเธอจะยอมแพ้ง่ายๆ
ไม่มีทาง…
นิดานุชสูดลมหายใจเข้าลึก เธอทิ้งตั๋วเที่ยวกลับไทยก่อนหิ้วกระเป๋าเข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาวสนนราคาต่อคืนแปดพันบาทไทย พระเจ้า…เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ยอมเสียเงินมากมายขนาดนี้เพื่อสมุดบันทึกเล่มเดียว
แต่ถอยหลังตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เธอจ่ายเงินไปเยอะ และจะไม่ยอมคว้าน้ำเหลวเป็นอันขาด!
01.30 น.
ร่างบางในชุดเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงวอร์มจั๊มพ์ขาสีเดียวกันนั่งไขว่ห้างอยู่บริเวณโถงกลางของโรงแรม ภายในใจจดจ่อรอคอยแต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มหวั่นวิตก นิดานุชรอจนความกล้าที่มีเริ่มลดน้อยถอยลงไปทุกขณะ ซ้ำเวลานี้บริเวณห้องโถงของโรงแรมก็เงียบสนิทเป็นป่าช้า ใจหนึ่งภาวนาขอให้ความกล้าหาญอย่าหายไปจากเธอ แต่อีกใจเธอก็ก่นด่าภาติวัติด้วยความหงุดหงิดโมโหข้อหาที่เขาทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก
และราวกับว่าเขารู้ตัว ร่างสูงของคนที่เธอรอคอยเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวผู้หนึ่ง ทั้งคู่อยู่ในสภาพเมามาย
นี่เป็นความจริงอีกข้อของภาติวัติที่เธอรู้มา เขาชอบดื่ม… สังสรรค์เก่งเป็นที่หนึ่ง และไม่มีสักคืนที่เขาจะพลาดการเฉลิมฉลองกับผองเพื่อน นับว่าเป็นเรื่องดีที่วันนี้เขาเมากลับมาโดยไม่มีเพื่อนๆ ร่วมแก๊งกลับมาด้วย ถ้าจะให้เดานิดานุชก็เดาได้ว่าในอีกไม่กี่นาทีเพื่อนๆ ของเขาคงจะกลับมาในสภาพเดียวกัน
เธอต้องทำทุกอย่างให้รวดเร็วก่อนคนพวกนั้นจะกลับมาเจอ
คนเมามักจะไร้สติและเพลี่ยงพล้ำได้ง่าย เธอจะใช้โอกาสนี้ในการล่อลวงเขา… เอ๊ย! หลอกล่อเขาเพื่อเอาสมุดบันทึกกลับคืนมา จากนั้นเธอจะหายตัวไปอย่างเงียบเชียบท่ามกลางราตรีอันมืดมิด
หยุดเพ้อได้แล้วฝัน!
นิดานุชรีบเตือนตัวเอง หญิงสาวสลัดความเพ้อเจ้อทิ้งก่อนจับจ้องที่เจ้าของร่างระหงเย้ายวน ผิวขาวจัด หน้าตาบอกยี่ห้อยุโรปจ๋า
เธอต้องกำจัดเจ้าหล่อนให้พ้นทางเสียก่อน
“Sorry, I think you just dropped your wallet.” (ขอโทษนะคะ ฉันว่าคุณทำกระเป๋าเงินหล่น)
นิดานุชชี้มือไปด้านนอก สาวเจ้าที่กำลังกรึ่มๆ มีท่าทีตกใจขึ้นมาทันที เจ้าหล่อนพึมพำขอบคุณยกใหญ่ก่อนจะรีบส่งชายผู้ซึ่งเมามายจนไร้สติฝากเธอไว้ก่อน นิดานุชรับร่างนั้นมาด้วยความเต็มใจและทันทีที่แหม่มสาวหันหลัง เธอก็รีบลากภาติวัติไปยังทิศทางของลิฟต์ทันที
“หนักเป็นบ้า” นิดานุชอดบ่นไม่ได้
นักแข่งรถหนุ่มมีรูปร่างสูงใหญ่เพราะส่วนหนึ่งเขามีเชื้อสายยุโรปจากฝั่งแม่ที่เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ สรีระของสาวเอเชียแท้ๆ อย่างเธอจึงมีลักษณะเหมือนกระต่ายสักตัวกำลังแบกเสาไฟฟ้าก็มิปาน
ถึงกระนั้นนิดานุชก็พาเสาไฟฟ้า เอ่อ…นักแข่งรถหนุ่มมาถึงหน้าประตูห้องของเขาจนได้ เธอยืนหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ชีวิตเธอนี่มันยากลำบากทุกเรื่องเลยสิน่า
“เข้าห้องได้หรือยัง” เสียงอ้อแอ้ของคนเมาไม่ได้ทำให้นิดานุชตกใจเท่ากับการที่เขาใช้มือเย็นเฉียบสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดของเธอ รั้งเอวบางให้เข้าไปชิดกายเขา
คนถูกคุกคามใจหายวาบ ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว แต่ก่อนที่สติจะแตกกระเจิงไปมากกว่านี้ หญิงสาวเร่งรวบรวมความกล้าล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา ไม่ถึงนาทีก็สามารถดึงคีย์การ์ดออกมาได้สำเร็จ
พอเปิดประตูได้เธอก็จัดการเสียบคีย์การ์ดกับช่องเสียบ ระบบไฟฟ้าภายในห้องทำงาน แสงไฟสีส้มสว่างขึ้น แอร์คอนดิชั่นทำงาน เธอพาร่างสูงมาถึงโซฟาตัวใหญ่ที่โถงกลาง วางเขาลงอย่างละมุนละม่อม
“อย่าตื่นขึ้นมานะเจ้ายักษ์ แจ็คจะขโมยไข่ทองคำตอนนี้ล่ะ” นิดานุชกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ ความรู้สึกเหมือนเพิ่งเล่นเกมผ่านด่านยากๆ ได้อย่างไรอย่างนั้น แม้ใจหนึ่งจะยังหวิวๆ ที่เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งได้ถูกผู้ชายสัมผัส แต่อีกใจหนึ่งก็ลิงโลดที่เห็นว่าทุกอย่างกำลังจะผ่านไปได้ด้วยดี
“ฮื่อ!”
“เฮ้ย!”
เสียงครางของคนเมาทำเอาคนที่กำลังดื่มด่ำกับชัยชนะต้องสะดุ้งตัวโยน นิดานุชมองยักษ์หลับอย่างหวั่นใจ เมื่อเห็นว่าภาติวัติแค่เมาจนเพ้อ ไม่ได้ตื่นมาเจอเธอกลางดึก หญิงสาวก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเธอต้องรีบออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
นิดานุชกวาดสายตามองรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็เห็นสิ่งที่ต้องการวางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากสายตา หญิงสาวใจเต้นรัวด้วยความดีใจ เธอรีบก้าวเท้าเร็วๆ ไปยังโต๊ะตัวดังกล่าว แต่ว่าขณะที่กำลังจะเอื้อมมือคว้ามัน บางอย่างก็เคลื่อนไหวผ่านหน้าเธออย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
สมุดโน้ตปกสีชมพูหวานฉ่ำลอยขึ้นจากโต๊ะราวกับมีเวทมนตร์ นิดานุชตะลึงงัน กะพริบตาหลายสิบรอบถึงได้รู้ว่าสมุดโน้ตไม่ได้ลอยได้เอง แต่มันลอยเพราะมีคนทำให้มันลอยต่างหาก
“ยายขี้ขโมย”
เสียงกังวานดังขึ้นด้านหลัง นิดานุชไม่ได้คิดไปเอง เธอรู้สึกเหมือนลมหายใจของเจ้าของเสียงเป่ารดต้นคออยู่ตอนนี้ หัวใจของเธอหวิวไหวสั่นกลัว
ยักษ์ตื่นแล้ว…แจ็คคงไม่แคล้วต้องตาย!
คนขี้ขโมยค่อยๆ ผินกายมาเผชิญหน้ากับร่างสูง ใจสวดภาวนาให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ภาพหลอนหรือความฝัน
ทว่าแววตากรุ่นโกรธ ลมหายใจอุ่น และกลิ่นแอลกอฮอล์ก็ชัดเจนเกินกว่าที่จะหลอกตัวเองได้
“คุณ”
“เธอหาอะไรอยู่เหรอ ใช่ที่ตายหรือเปล่า ถ้าใช่…เธอก็เจอที่ตายสมใจแล้วล่ะ!”
กรี๊ด!
เธอกรีดร้องแต่ไม่มีเสียงเปล่งออกมาสักแอะ กลัวจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทว่ากระนั้นความกลัวก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เธอล่าถอยไปง่ายๆ
“ว่าไง!” ภาติวัติตะคอกจนร่างบางสะดุ้งโหยง นิดานุชกลั้นหายใจจนจะหมดลม “จะสั่งเสียใครก่อนไหม”
“ฉัน…ฉัน…ฉัน…”
“พูด!”
“ฮือ ฉันแค่มาเอาของของฉันคืน อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” นิดานุชหลับตาผลักร่างสูงออกไป ทว่าแรงทั้งหมดที่เธอมีกลับทำให้ร่างนั้นเพียงแค่เซถอยหลังไปได้ก้าวเดียว
“ของนี่ฉันยึดแล้ว”
“แต่ว่าคุณไม่มีสิทธิ์มายึดนะคะ”
“ข้อมูลในนี้คือข้อมูลของฉัน หรือจะลองให้ตำรวจมาตัดสินดู จะได้รู้ว่าใครผิดใครถูก”
ท่าทีเอาจริงของภาติวัติทำให้นิดานุชเผลอกลืนน้ำลาย เอาจริงๆ เธอก็ไม่รู้กฎหมายดีพอที่จะไปเถียงกับเขาได้ ฉะนั้นแล้วจึงช่วยไม่ได้ที่เธอจะกลัวไว้ก่อน ใบหน้าอ่อนใสอย่างเด็กมัธยมซีดลงอย่างที่ไม่แน่ใจว่ากลัวถูกดำเนินคดีหรือกลัวไม่ได้ของคืนมากกว่ากัน
“คุณ ฉันไม่ได้คิดทำอะไรไม่ดีจริงๆ นะคะ ฉันขอสมุดโน้ตคืนเถอะ แล้วฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”
“ถ้าเธอบอกว่าเธอชอบฉัน ทำไมเธอต้องสนใจสมุดบ้านี่ด้วย ในเมื่อฉันก็อยู่ตรงหน้าเธอ”
นิดานุชเผลอขบฟันกับริมฝีปากแดงเรื่อของตัวเองอย่างประหม่า
ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ชอบเขาจริงๆ เลยสักนิด แต่เพราะเหตุใดคำพูดของเขากลับมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธออย่างไม่น่าเป็นไปได้
“คือว่า…”
“เธอต้องการอะไรกันแน่ เธอไม่ได้ชอบฉันหรือปลื้มฉันอย่างที่เธอพูดใช่ไหม” ภาติวัติจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวซึ่งจริงๆ แล้วยังอยู่ในสถานะคนแปลกหน้า แววตาของเธอแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกทว่าขณะเดียวกันก็ผสมปนเปไปด้วยความเด็ดเดี่ยว สัญชาตญาณทำให้เขาสัมผัสได้ว่าเธอประสงค์ผลประโยชน์บางอย่างจากข้อมูลมากมายของเขามากกว่าการเก็บเอาไว้ดูเล่นแน่ๆ
ขนาดว่าเขายังเปิดอ่านไม่หมด เขายังรู้สึกถึงความน่ากลัว…
“คุณ…กำลังเมานะคะ” นิดานุชพูดราวกับว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อสักครู่กว่าเธอจะลากเขามาถึงห้องได้ก็ทำเอาไหล่แทบทรุด แล้วเหตุใดตอนนี้เขาจึงได้ดูเหมือนคนที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
“ฉันแค่แกล้งเมา”
“แกล้งเมา! คุณแกล้งเมาเพื่อหลอกล่อผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอคะ” นิดานุชเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
พระเอกในนิยายของเธอไม่มีทางทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นแน่
“เป็นโรคประสาทหรือเปล่า นี่ฉันกำลังสอบสวนเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาตำหนิเรื่องส่วนตัวของฉัน ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ เธอก็มีความผิดถึงสองกระทง ข้อแรก…เธอกำลังเข้ามาขโมยของในห้องของฉัน ข้อสอง…เธอทำให้ฉันอดมีค่ำคืนดีๆ กับสาวเซ็กซี่ หรือว่า…” ภาติวัติคว้าหมับเข้าที่คางมนได้รูป มองสัดส่วนภายใต้เสื้อผ้ามิดชิดอย่างจาบจ้วง “ฉันจะให้เธอรับผิดชอบข้อหลังก่อนดี”
กรี๊ด…
นิดานุชกรีดร้องในใจอีกแล้ว เพราะเธอร้องไม่ออก ในขณะที่ใบหน้าหวานชาดิกจนขยับไม่ได้ ข้างในนั้นแทบเสียสติ แค่คิดว่าเขาจะลากเธอขึ้นเตียงไปทำอะไรต่อมิอะไรอย่างป่าเถื่อนเหมือนฉากในนิยายสิบแปดบวกที่พระเอกกระทำย่ำยีนางเอกสมใจแล้วสุดท้ายกลับมาลงเอยอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง
เธอไม่มีวันมีความรักแบบนั้นแน่ เธอไม่มีวันรู้สึกดีที่ถูกผู้ชายทำร้ายข่มเหง ถ้าจะต้องเจออะไรแบบนั้นเธอขอตายเสียดีกว่า
“ไม่ตอบ แสดงว่ายอม ใช่สิ! ก็เธอบอกว่าชอบฉันนี่นะ ทำไมเธอจะไม่ยอมมีอะไรกับฉันง่ายๆ เล่า”
“ไม่นะ!” นิดานุชขืนตัวสุดกำลังเมื่อเขาละมือจากใบหน้ามาคว้าแขน พยายามดึงเธอ “ฉันขอล่ะ ฉันยอมแล้ว ฉันยอมบอกทุกอย่างแล้ว แต่อย่าทำอะไรฉันเลย”
สีหน้าและน้ำเสียงตื่นกลัวของนิดานุชทำให้ภาติวัติอึ้งไป รู้สึกละอายใจเหมือนกันที่ใช้เรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นมาข่มขู่สตรีเพศ พอได้สติจึงปล่อยแขนบอบบางให้เป็นอิสระง่ายๆ
นิดานุชเองก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันว่าเธอกลัวจนเสียจริต หญิงสาวถอยหลังจนชิดขอบโต๊ะ ขณะเดียวกันก็คอยมองคนตรงหน้าตลอดเวลา
“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” ภาติวัติบอกพลางหันหลังให้
นิดานุชรีบก้าวไปขวาง
เธอกลัว…แต่เธอก็ไม่อยากเริ่มนับหนึ่งใหม่ ในสมุดบันทึกมีข้อมูลที่ต้องใช้ในการเขียนตั้งมากมาย เธอใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะรวบรวมมาได้ ไหนจะพล็อตเรื่อง ประโยคสนทนา ฉากสำคัญๆ ที่เธอบังเอิญนึกได้แล้วจดมันไว้อย่างละเอียด ถ้าจะให้เธอเสียทุกอย่างไปตอนนี้ เธอขอตายเสียดีกว่า
“คุณภาติวัติ ฉันขอร้องล่ะ”
“ไม่!”
“ถ้าคุณคืนสมุดให้ฉัน ฉันจะยอมบอกความจริงทุกอย่าง นะคะ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนพูดด้วยแววตาเฉยชาก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้คนฟังถึงกับอ้าปากค้าง “ฉัน-ไม่-อยาก-รู้”
นักเขียนสาวแทบกลั้นใจตาย ทำไมพระเอกในจินตนาการของเธอถึงได้แล้งน้ำใจ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ใจร้ายไม่ต่างจากฆาตกรอำมหิต เขาทำแบบนี้เหมือนต้องการฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น
ด้านภาติวัติ เขาเริ่มหงุดหงิดด้วยสาเหตุหลายประการ ข้อสำคัญเลยคือเขาไม่สามารถทำอะไรหญิงสาวตรงหน้าได้แม้ว่าเธอจะก่อความรำคาญให้มากขนาดนี้ และนั่นกลายเป็นว่ามันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเรื่องไร้สาระเหลือเกินที่เอาเวลามาเถียงกับผู้หญิงเพี้ยนๆ คนหนึ่งอยู่แบบนี้
“ไปได้แล้ว”
“ไม่ค่ะ”
นิดานุชบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาคงไม่รู้ว่าเธอเป็นพวกดื้อรั้นดึงดัน หากตั้งใจจะทำอะไรก็ไม่เคยยอมแพ้ถอยหลังกลับง่ายๆ ทว่าเธอเองก็คงไม่รู้…ว่าภาติวัติก็เป็นพวก ‘แพ้ใครไม่เป็น’ เหมือนกัน
“อยากได้นักใช่ไหม ไปเก็บเอาสิ”
ภาติวัติสาวเท้าไปที่ระเบียงโรงแรม เปิดประตูแล้วจัดการโยนสมุดบันทึกในมือลงไปยังด้านล่าง นิดานุชตกใจจนแทบสิ้นสติ เพราะหากมันเป็นแค่พื้นหินดินทราย เธอคงจะวิ่งลงไปเก็บโดยไม่ต้องคิดแถมจะยกมือไหว้ขอบคุณเขาอีกด้วยซ้ำ แต่เพราะด้านล่างมันคือแม่น้ำสิงคโปร์ที่ระดับความลึกมากพอทำให้คนคนหนึ่งตายได้ง่ายๆ เธอจึงทำได้แค่วิ่งไปที่ระเบียงและทันได้เห็นว่าสมุดที่อยู่กับเธอมาหลายเดือนกำลังจมสู่ห้วงกระแสธาราอันดำมืด
กรี๊ด…
เธอกรีดร้องในใจเป็นรอบที่สาม อยู่ๆ น้ำตาแห่งความคั่งแค้นก็ไหลทะลักออกมา เธอค่อยๆ หันกลับมามองคนใจร้ายด้วยแววตากรุ่นโกรธ น้ำตาไหลพราก ทำเอาภาติวัติหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่านิดานุชจะรักสมุดบันทึกเล่มนั้นมากถึงเพียงนี้
“ไอ้คนบ้า! คุณทำแบบนี้ทำไม! คุณรู้ไหมว่าฉันต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนถึงจะรวบรวมข้อมูลได้มากขนาดนี้ คุณคงไม่รู้ ไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตายกับเรื่องอะไรเพราะคุณมันพวกคนใจดำ! คุณสะใจที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ ทำลายความฝันของคนอื่นแล้วตัวเองก็ชนะ คนนิสัยไม่ดี!”
เอาจริงๆ คำต่อว่าของหญิงสาวตรงหน้าห่างไกลจากคำว่า ‘หยาบ’ หรือ ‘รุนแรง’ มาก ทว่ากลับกระทบหัวใจของภาติวัติได้อย่างที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน เขายอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนหายใจไม่สะดวก ลำคอตีบตัน ยิ่งเห็นว่าหญิงสาวใช้หลังมือเช็ดน้ำตาท่าทางเหมือนคนหัวใจสลายแบบนั้น เขายิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กไม่มีทางสู้
“นี่! ไอ้สมุดเล่มนั้นมันสำคัญกับเธอมากนักหรือไง”
“ก็บอกแล้วไงว่าสำคัญๆ! ทำไมคุณไม่สนใจฟังฉันบ้าง” พูดไปก็ร้องไห้ไป เธอห้ามน้ำตาไม่อยู่จริงๆ และลืมไปเลยว่าชายตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถแสดงความรู้สึกแบบนี้ออกมาด้วยได้
“งั้นฉันให้เธอถ่ายรูปคู่กับฉันก็ได้ เอาไหม เลี้ยงข้าวสักมื้อ ไปเดตกันก็ได้”
“จะบ้าเหรอ! ฉันไม่ได้ชอบคุณ แต่ที่ฉันตามคุณก็เพราะว่าฉันเป็นนักเขียน!”
“นักเขียน!” จริงอยู่ที่เขาตกใจกับคำประกาศอย่างไร้เยื่อใยของหญิงสาว ทว่าเขาก็ยังงงกับคำบอกเล่าของเธอ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจอะไรขึ้นมาเลย “แล้วยังไง”
“ฉันแค่ต้องการข้อมูลไปใช้ในงานเขียนของฉัน ฮึก! ฉันคิดผิดจริงๆ เลยที่เลือกคุณเป็นพระเอก ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ฉันเสียเวลาไปอยู่ในสนามแข่งตั้งหลายวันทั้งที่แสบแก้วหูแทบแย่ ร้อนก็ร้อน ไหนจะต้องเสียเงินเสียทองตามคุณมาถึงที่นี่ ฉันคิดว่าอีกนิดเดียวข้อมูลก็จะสมบูรณ์แล้วแต่คุณกลับเอามันโยนทิ้งไปต่อหน้าต่อตาฉัน”
ภาติวัติเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหญิงสาวผู้นี้จึงมีข้อมูลของเขามากมาย เขาไม่เคยอ่านนวนิยาย หรือพูดง่ายๆ งานเขียนแนววรรณกรรมแทบไม่เคยผ่านสายตา เขาไม่อ่านอะไรนอกจากเรื่องที่เป็นความรู้ในตำราเรียนหรือความรู้เกี่ยวกับงานที่ต้องทำ สำหรับเขา…หนังสือนวนิยายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
“แล้วเธอมาเลือกฉันทำไมล่ะ” น้ำเสียงที่เคยเข้มงวดอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
กลายเป็นนิดานุชเองที่เสียงแข็งกลับไป “ก็เพราะฉันเสิร์ชคำว่า ‘นักแข่งรถ’ ในกูเกิล แล้วมันมีแต่ข้อมูลของคุณขึ้นมาเต็มไปหมดน่ะสิ ฮึก…ฮึก”
พูดมาถึงตรงนี้นิดานุชก็ร้องไห้หนักขึ้นอีก โมโหจนทำอะไรไม่ถูก ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเธอ ข้อมูลสำคัญแบบนี้เธอกลับจดไว้ในสมุดแทนที่จะบันทึกไว้ในอีเมล เธอสะเพร่าและดวงซวยมากๆ ในคราเดียวกัน
ภาติวัติพ่นลมหายใจออกมา นึกไม่ถึงเลยว่าชีวิตจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยิ่งเห็นว่านักเขียนสาวเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ใจเขายิ่งอ่อนไหว ถ้าจะให้ยอมรับตรงๆ เลยก็คือ…เขาเป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่ ‘แพ้น้ำตาผู้หญิง’ อย่างมาก ยิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ า
“งั้น…ฉันจ่ายเงินค่าเสียหายให้ก็ได้”
“ใครจะสนเล่า” เธอยังร้องไห้
“เอาล่ะๆ ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ หยุดร้องไห้ซะ ฉันจะจ่ายเงินชดเชยที่เธอต้องเสียไประหว่างเดินทางมาที่นี่ แล้วก็จะให้บัตรวีไอพีเธอทุกสนามที่ฉันไปแข่งทั้งปี เธอจะได้ดูฉันแข่งอย่างใกล้ชิด ในห้องแอร์เย็นๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แล้วก็จะยอมให้เธอสัมภาษณ์จนกว่าเธอจะพอใจ ให้เข้าไปดูโรงซ่อมบำรุงรถเลยก็ได้เอ้า”
ได้ผล…
ร่างบางที่สะอื้นไห้หยุดร้อง เธอปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนผสานสายตากับดวงตาสีนิลอย่างเอาจริงเอาจัง
“สาบาน”
“อะไรนะ”
“สาบานว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด คุณจะรักษาสัญญาทุกอย่างที่คุณพูดมา”
“ไร้สาระ ฉันไม่เชื่อในคำสาบาน แต่ฉันเชื่อในสัจจะของตัวเอง”
“ได้! ฉันจะเชื่อในสัจจะของคุณ”
นิดานุชบอกก่อนหันกลับไปมองผืนน้ำอันดำมืดอีกครั้ง ตอนนี้สมุดบันทึกของเธอคงเปื่อยยุ่ยไปกับกระแสน้ำแล้ว เธอเสียดายแต่จะมัวมานั่งเสียใจนานไม่ได้ คนอย่างนิดานุชไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ คิดในอีกแง่ นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอที่จะได้รับข้อมูลจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ที่สำคัญ…เธอไม่ต้องจ่ายเงินสักบาทเดียว
“ซวยฉิบ” ภาติวัติสบถออกมา ค่อนข้างหัวเสีย จากนี้ไปเขาจะรับมือกับความวุ่นวายอย่างไรจึงจะไม่กลายเป็นโรคประสาทไปเสียก่อน
แต่นิดานุชไม่สนใจ เธอยังพูดต่อไปอีกว่า…
“ต่างประเทศด้วยนะ อย่าลืม”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.