ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน เซียมซีทายรัก บทที่ 3
ช่วงเช้าตรู่ อาเหม่าไปเก็บสมุนไพรบริเวณทุ่งหญ้าที่อยู่ละแวกใกล้เคียง นำมาทำความสะอาดแล้วผึ่งแดดที่หน้าประตู พอกลับมาตอนเที่ยงนางก็พลิกสมุนไพรกลับด้าน กระทั่งถึงช่วงย่ำค่ำ สมุนไพรพวกนี้ก็ถูกตากจนแห้งกรอบ ขยำด้วยมือเบาๆ ก็ละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว
นางบดสมุนไพรพวกนี้ให้เป็นผง ใส่ลงในถุงหอมที่สะอาด เตรียมนำไปให้เซี่ยฟั่ง
นางยังเป็นห่วงแผลที่มือของเขา เมื่อคืนได้ยินว่าเจ้าบ้านสกุลหานเรียกเขาไปพบ นางยังห่วงว่าเขาจะถูกตำหนิหรือถูกลงโทษ แต่หลังจากสอบถามจากสาวใช้ในเรือนเดียวกันแล้วก็ได้ความว่าเขาไม่ได้ถูกลงโทษแต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รับความห่วงใยจากนายท่าน ที่แท้เขาก็บอกว่าช่วงบ่ายตนเองไปทำความสะอาดแผลที่ร้านขายยา แล้วหลังจากนั้นตัวเขาก็เผลอหลับไป
เหตุนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก เพราะนางก็เห็นเขาวิ่งตามรถม้าของคุณชายรองไปกับตา
แต่เพราะเหตุใดเขาถึงต้องโกหก
แม้อาเหม่าจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเขาแต่ก็ไม่อยากคิดมาก นางยังคงหยิบถุงหอมใส่อกเสื้อ จากนั้นก็เดินตามหาเซี่ยฟั่ง
พ่อบ้านทำงานโดยไม่มีกำหนดเวลาและสถานที่ อีกทั้งอาเหม่าก็ไม่สะดวกสอบถามที่อยู่ของเขา ฉะนั้นพอถึงช่วงกินข้าวจึงเห็นเขาพูดคุยกับคนอื่นอยู่บนทางเดินสวนดอกไม้ เมื่อมองจนแน่ชัดแล้วจึงพบว่าคนผู้นั้นคือคุณชายรอง
อาเหม่ามองพวกเขาอยู่ไกลๆ ก็พบว่าหานกวงกับเซี่ยฟั่งเหมือนสนทนากันถูกคอมาก นางเห็นหานกวงหัวเราะชอบใจอยู่หลายครั้งโดยปราศจากท่าทีกลั่นแกล้งเขาอีก
เดิมนึกว่าพวกเขาจะสนทนากันอีกนาน อาเหม่าจึงมิได้ซ่อนตัว ทันใดนั้นหานกวงก็หันร่างกลับมาแล้วมองเห็นอาเหม่าในทันที
อาเหม่ากลัวเล็กน้อย นึกอยากเบี่ยงร่างหลบไปอยู่ด้านข้าง ทว่าหานกวงกลับย่างสามขุมตามมา แล้วมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายรอบ จู่ๆ เขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “มิน่า…มิน่าล่ะ…”
กล่าวจบหานกวงก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มกำกวมจนอาเหม่าทำอะไรไม่ถูก
ครู่หนึ่งเซี่ยฟั่งก็เดินเข้ามา กล่าวกับอาเหม่าว่า “ต่อไปเจ้าไม่ต้องคอยหลบคุณชายรองแล้ว จากนี้เขาจะไม่ทำเรื่องเสียมารยาทกับเจ้าอีก”
อาเหม่าเงยหน้าขึ้นถาม “ท่านพูดอะไรกับเขาหรือ”
เซี่ยฟั่งตอบ “แค่พูดคำเกลี้ยกล่อมห้ามปรามไปเล็กน้อยเท่านั้น”
ถึงอาเหม่าจะอ่อนประสบการณ์ แต่ก็เข้าใจเรื่องราวความรู้สึกเหล่านี้อยู่บ้าง เพราะเหล่าสาวใช้ในเรือนเดียวกันมักจะกล่าวถึงกันมาก อีกทั้งนางก็เป็นบ่าวรับใช้มานานจึงเข้าใจอยู่ไม่น้อย แต่ดูเซี่ยฟั่งเหมือนจะไม่รู้สึกตัวในความหมายวาจาของตนเอง ทว่าในสายตาของอาเหม่านั้น ความรู้สึกของนางที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
พวงแก้มของนางขึ้นสีระเรื่อ อยากเอ่ยปาก แต่ท้ายที่สุดก็กระดากอายเกินกว่าจะกล่าว นางถอนใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ขอบคุณพ่อบ้านเซี่ยที่คลายปัญหาให้อาเหม่า”
เซี่ยฟั่งมิได้รับความดีความชอบ เมื่อเห็นนางจะไปก็ร้องเรียกไว้ “รอก่อน”
อาเหม่าหยุดฝีเท้ามองเขา เห็นเขาล้วงกล่องใบหนึ่งออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้นาง นางเปิดออกดูจึงพบว่าด้านในเป็นผ้าสี่เหลี่ยมหลายผืนที่ถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบ หัวใจดวงน้อยพลันสะท้านไหว ไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
เซี่ยฟั่งกล่าว “วันนั้นที่ม้าพยศ มือข้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลให้ข้า แม้ข้าจะลองซักทำความสะอาดแล้ว แต่เพราะมันเปื้อนเลือดจึงใช้ไม่ได้แล้ว เมื่อวานเจ้าก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ข้าอีก ข้าเองก็ลืมคืน คิดไปคิดมา จึงซื้อกล่องใหม่มาให้เจ้าเสียเลย”
ผ้าเช็ดหน้าเหล่านี้มิใช่เนื้อผ้าที่พบได้ทั่วไป แต่กลับเป็นผ้าไหม ทั้งยังปักลายดอกเหมยสีแดงและสีเหลือง ประณีตละเมียดละไมยิ่ง ซึ่งมิใช่ของที่บ่าวอย่างนางสามารถใช้อย่างเปิดเผยได้
แต่อาเหม่าไม่ได้บอกกล่าว บุรุษเช่นเขาก็คงไม่เข้าใจ ซ้ำยังซื้อผ้าเช็ดหน้ากล่องนี้มา เขาอาศัยผ้าเช็ดหน้ากล่องนี้เป็น ‘ของตอบแทน’ และถือเป็นการสะสาง ‘หนี้’ ที่พวกเขาทั้งสองติดค้างกันในหลายวันนี้ให้เรียบร้อย วันหน้าจึงจะไม่กระอักกระอ่วนใจเช่นนั้นอีก
อาเหม่ารับกล่องไว้แล้วกล่าวว่า “พ่อบ้านมีน้ำใจแล้ว”
เซี่ยฟั่งคืนผ้าเช็ดหน้าแล้วก็คล้ายไม่มีอะไรบางอย่างสุมแน่นอยู่ในอกของตนเองอีก เขานึกว่าการสนทนาจะจบเพียงเท่านี้ ขณะกำลังจะไปทำงานก็ได้ยินนางกล่าวว่า “ต่อไปพ่อบ้านเซี่ย…ขอท่านอย่าได้พูดเรื่องของข้ากับคุณชายรองอีกเลยจะดีกว่า”
เซี่ยฟั่งไม่เข้าใจ “เพราะอะไร”
ดวงหน้าของอาเหม่าแดงปลั่งอีกครั้ง นางก้มหน้ากล่าว “ไม่มีอะไร ข้าขอตัวไปทำงานก่อน”
กล่าวจบนางก็เร่งฝีเท้าจากไป ทิ้งเซี่ยฟั่งให้อยู่ที่เดิม เซี่ยฟั่งเดานัยในคำพูดของนางไม่ได้ไปชั่วขณะ ทว่าเมื่อมองแผ่นหลังที่รีบร้อนเดินจากไปของเด็กสาวแล้วเขาจึงเพิ่งเข้าใจกระจ่าง ที่แท้เรื่องที่เขาพูดกับหานกวง ตั้งใจบอกว่าอย่าคิดอกุศลกับอาเหม่าอีกนั้นก็ถูกอีกฝ่ายเข้าใจไปว่าเขามีใจให้อาเหม่าเสียแล้ว
มิน่าเมื่อครู่หานกวงฟังแล้วจึงหัวเราะชอบใจอย่างมีเลศนัยเช่นนั้น
เซี่ยฟั่งที่ถูกเข้าใจผิดก็รู้สึกว่าหากปล่อยไว้จะไม่ได้การ เดิมทีเรื่องผ้าเช็ดหน้าไหมนี้เขาก็เพียงอยากฟื้นความสัมพันธ์ของพ่อบ้านกับสาวใช้ มิใช่เพื่ออยากใกล้ชิดขึ้นไปอีกขั้น ใครจะคิดว่าเรื่องราวกลับตาลปัตรเช่นนี้
เซี่ยฟั่งขมวดคิ้ว พลางทอดสายตามองไปยังระเบียงทางเดินที่ไร้เงาร่างของเด็กสาวแล้ว ทว่าทุกสีหน้าและอิริยาบถของอาเหม่านั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขา
เมื่ออาเหม่าเดินออกมาจากสวนดอกไม้แล้ว จึงหยิบถุงหอมสมุนไพรที่นางใช้เวลาทำทั้งวันออกมา ชั่งใจครู่หนึ่งก่อนย่อกายนั่งยองๆ อยู่ริมสระแล้วเทผงสมุนไพรลงในน้ำ
เซี่ยฟั่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าทั้งสองไม่ควรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว หากนางยังมอบถุงหอมให้เขาอีก เซี่ยฟั่งก็ต้องปวดหัวว่าจะ ‘ตอบแทน’ นางอย่างไร แม้ยาตัวนี้จะดีกับแผลของเขา แต่อย่างไรเขาก็ต้องไปขอยากับหมออยู่ดี ดังนั้นต่อให้ไม่มีสมุนไพรตัวนี้ก็คงไม่เป็นไร
…ใต้หล้านี้น้ำใจยากจะคืน อย่าให้มีเหตุให้เข้าใจผิดกันจะดีกว่า
ผงหญ้าที่ลอยอยู่กลางสระน้ำค่อยๆ ดิ่งจมลงทีละน้อย แสงแดดอาบไล้อยู่บนผิวน้ำ สะท้อนประกายคลื่นน้ำเข้าไปในดวงตาของอาเหม่าจนระยิบระยับ ไหวกระเพื่อมเลื่อนลอย
* น้ำหนัก 1 ตำลึงของจีนเท่ากับ 31.25 กรัม