อารามที่คุณหนูสี่สกุลหมิงผู้ไม่รู้อันใดบ้างเสียเลยจะไปในคราวนี้คืออารามหลิงเหมี่ยว ซึ่งตั้งอยู่บนเขาอวิ๋นซิ่ว อยู่ห่างออกไปสามลี้จากทางเหนือของเมืองหลวง
อารามหลิงเหมี่ยวแห่งนี้มิได้มีคนมาสักการบูชาล้นหลามเหมือนอย่างอารามหลวงต้าเซี่ยงกั๋วและก็ไม่ได้มีชื่อเสียงว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านการขอคู่ครองขอบุตรสืบสกุล ทว่าทัศนียภาพกลับงามตา บรรยากาศสงบร่มเย็นเป็นพิเศษ มีชื่อเสียงในหมู่ชาวบ้านว่ามี ‘อาหารเจรสเลิศสดใหม่’
หมิงถานถูกใจอารามแห่งนี้ตรงที่อยู่ห่างไกลและสงบเงียบ นางหนีมาขอพรหลบเรื่องวุ่นวายที่นี่จะได้ไม่ต้องเจอสตรีสูงศักดิ์จากเมืองหลวงที่แวะมาจุดธูปไหว้พระบ่อยๆ
ตอนนี้เรื่องสกปรกของจวนลิ่งกั๋วกงแพร่กระจายไปทั่วแล้ว ไม่มีเหตุผลอันใดที่หมิงฉู่กับเสิ่นฮว่าจะไม่รู้ ซ้ำหลิ่วอี๋เหนียงยังเป็นคนข้างหมอนของบิดานาง ไม่แน่หมิงฉู่อาจจะรู้แม้กระทั่งเรื่องที่นางถูกวางแผนให้ตกน้ำด้วยก็เป็นได้
เดิมทีเผยซื่อตั้งใจว่าจะเตรียมส่งนางเดินทางในเช้าวันถัดไป แต่หมิงถานคิดว่าตอนที่ทุกคนส่งนางออกจากจวน หมิงฉู่คงไม่ยอมปล่อยโอกาสดีๆ ที่จะได้เสียดสีฉีกหน้านางไปง่ายๆ แน่นอน
ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะให้หมิงฉู่ได้มีโอกาสทำเช่นนั้น…พอตกดึกนางก็แจ้งเผยซื่อว่านางจะพาซู่ซินกับลวี่เอ้อออกเดินทางก่อนกำหนดตั้งแต่ยามห้าโดยที่ฟ้ายังไม่ทันสาง
เมื่อมาถึงอารามหลิงเหมี่ยว ภิกษุในวัดก็เพิ่งจะเสร็จจากทำวัตรเช้า อย่างไรที่นี่ก็เป็นดินแดนพิสุทธิ์แห่งพุทธะ กลองฆ้องตีบอกเวลาเช้าเย็น เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังลอยแว่วมา เมื่ออยู่บนภูเขาแห่งนี้ก็พาให้ในใจรู้สึกสงบนิ่งลงไม่น้อยอย่างมิอาจห้าม
เนื่องจากเผยซื่อได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า จึงมีภิกษุผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกยืนรอพวกหมิงถานอยู่นอกประตูอารามก่อนแล้ว
เมื่อเห็นหมิงถาน ภิกษุรูปนั้นก็พนมมือทั้งสองข้างพลางเอ่ย “อมิตาภพุทธ สีกาโปรดตามอาตมามา”
“รบกวนพระอาจารย์ด้วยเจ้าค่ะ” หมิงถานทำความเคารพกลับอย่างมีมารยาท
ภายในอารามเงียบสงบร่มรื่น ตลอดทางที่เดินตามหลังภิกษุผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกมานางก็เห็นว่าระหว่างทางมีต้นไม้โบราณขึ้นทับซ้อนกันมากมาย ปลาจิ่นหลี* ในบ่ออภัยทานแหวกว่ายไปมา มีความสงบเรียบง่ายแตกต่างไปอีกแบบ
เมื่อมาถึงห้องพำนักของแขกสตรี แม้จะไม่ได้ประณีตหรูหราเหมือนอย่างเรือนจ้าวสุ่ย แต่ก็ถือว่ากว้างขวางสะอาดสะอ้าน หมิงถานยังพอยอมรับได้ ทว่านางยังไม่ทันได้สำรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็มีเณรน้อยรูปหนึ่งนำชุดผ้าเนื้อหยาบสีครามมามอบให้
หมิงถานชะงักนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยถามอย่างแฝงความสงสัยนิดๆ “พระอาจารย์ นี่คือ…”
ภิกษุผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกเอ่ยตอบอย่างนุ่มนวล “แขกที่มาพำนักระยะสั้นที่อารามจะต้องใส่ชุดนี้กันทุกคน สีกาไม่ต้องเป็นห่วง ชุดสะอาดใหม่เอี่ยมทุกตัว”
หมิงถาน “…”
นี่ใช่ปัญหาว่าสะอาดไม่สะอาด ใหม่ไม่ใหม่ที่ใดกัน
ก่อนหน้านี้ซู่ซินกล่าวเตือนนาง นางก็ยอมสละทิ้งหลายสิ่งไปอย่างยากลำบาก ลดเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ไปไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครบอกนางเลยว่ามาพำนักระยะสั้นที่อารามแห่งนี้จะมีเสื้อผ้าแจกด้วย นางไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัวปานประหนึ่งถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จริงๆ!
ระหว่างที่นางตะลึงอึ้งงันไป ภิกษุผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกก็อธิบายกฎระเบียบข้อห้ามที่แขกซึ่งมาพำนักระยะสั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตามให้ฟังมากมาย สุดท้ายก็ยังกล่าวด้วยความเข้าอกเข้าใจว่า “สีการีบเร่งเดินทางมาคงจะเหนื่อยล้ามากแล้ว จะพักผ่อนสักประเดี๋ยวก่อนก็ได้ อาตมาไม่รบกวนแล้ว อมิตาภพุทธ”
หมิงถานยังไม่ได้สติกลับคืนมา นางลูบเสื้อผ้าที่ได้รับมาอย่างไม่รู้สึกตัว พูดจาไม่ออกไปพักใหญ่
อื่นๆ ยังไม่เท่าไร แต่ว่าชุดตัวนี้ไหล่กว้างแขนเสื้อยาว ไม่มีทรวดทรงเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งสีสันทั้งเนื้อผ้าไม่มีตรงไหนใช้ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซู่ซินกับลวี่เอ้อ แม้แต่ชุดของสาวใช้ขั้นสามของจวนโหวยังพิถีพิถันกว่านี้เป็นร้อยเท่า แล้วนี่จะให้นางใส่ได้อย่างไร
หมิงถานนั่งจ้องมองตาถลึงอยู่ตรงที่เดิม แต่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม นางเองก็ไม่มีหนทางอื่นใดอีก จะเอาแต่อยู่ในห้องไม่ออกไปเดินเหินข้างนอกเลยก็คงไม่ได้
เอาแค่เรื่องการกินอาหาร ทุกคนจะต้องไปตักอาหารที่โรงอาหารเจ ไม่มีคนคอยปรนนิบัติ และไม่สามารถนำอาหารออกไปข้างนอกได้
พออดทนมาถึงเวลาอาหารกลางวัน สุดท้ายความเด็ดเดี่ยวของคุณหนูสี่ก็พ่ายแพ้ให้แก่กระเพาะที่ไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่แล้ว นางจึงยอมให้ลวี่เอ้อปรนนิบัตินางเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดตัวนี้อย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
ตั้งแต่เกิดมา หมิงถานยังไม่เคยแต่งตัวเรียบง่ายเช่นนี้มาก่อน ปกติแล้วแม้แต่ชุดนอนตัวกลางนางก็ยังเลือกเนื้อผ้าที่อ่อนนุ่ม ปักลวดลายสลับซับซ้อน แล้วก็ตัดสั่งชุดตามขนาดรูปร่าง พอมาใส่ชุดตัวนี้นั่งอยู่ในห้อง นางก็รู้สึกแปลกพิกลไปทั่วทั้งตัว
“แต่งตัวพื้นๆ เช่นนี้จะให้ออกไปพบเจอผู้คนได้อย่างไร” นางมองสำรวจตนเองที่อยู่ในคันฉ่องอย่างไม่พอใจนัก พร้อมขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ย
ลวี่เอ้อเอ่ย “คุณหนูวางใจเถิด คงจะไม่มีใครเห็นหรอกเจ้าค่ะ ตอนมาวันนี้บ่าวก็ได้สังเกตดูแล้ว ในอารามแห่งนี้วันหนึ่งมีแขกมาไหว้พระแค่ไม่กี่คนเท่านั้นเอง”
หมิงถาน “…”
ซู่ซินกระแอมเบาๆ ถลึงตาใส่ลวี่เอ้อปราดหนึ่ง