จริงๆ แล้วตอนที่ตกน้ำเมื่อครู่นี้หมิงถานก็รู้สึกไม่ต่างอะไรกับเหลียงจื่อเซวียน นางรับรู้ได้แค่น้ำในแม่น้ำช่างเย็นเฉียบเสียดแทงกระดูกยากจะทานทนไหว นางสำลักน้ำไปสองอึก ตะเกียกตะกายไอค่อกแค่กอยู่ครู่หนึ่งถึงได้รู้ตัวว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
นางถูกคนกระแทกตกน้ำ!
ในเรือนกว้างจวนหลังใหญ่ ‘อุบัติเหตุ’ ที่เกิดจากการหมายบีบคั้นให้แต่งงานมีมากมายนับไม่ถ้วน เช่นทำเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนแล้วอยู่ร่วมห้องเดียวกันในยามเปลี่ยนอาภรณ์ ตกน้ำแล้วถูกช่วยชีวิตเอาไว้จนมีการแนบชิดผิวกายกัน สองอย่างนี้พบเจอได้บ่อยมากที่สุด
เผยซื่อได้อบรมสั่งสอนนางตั้งแต่ยังเล็กว่าควรจะป้องกันเหตุไม่คาดฝันเหล่านี้อย่างไร ยามไปหลบร้อนที่เรือนพักตากอากาศก็ยังเชิญอาจารย์หญิงมาสอนนางว่ายน้ำโดยเฉพาะ
เนื่องจากยามปกติไม่เคยต้องใช้ประโยชน์ มิหนำซ้ำแต่ไหนแต่ไรมานางยังมีนิสัยรักสบาย หากนั่งเกี้ยวได้นางจะไม่ยอมให้เท้าแตะพื้นเป็นอันขาด คนที่อยู่บนฝั่งจึงไม่มีใครรู้ว่านางว่ายน้ำเป็น
แต่น่าเสียดายที่สถานการณ์ไม่เป็นใจ หมิงถานยังไม่ทันได้บอกพวกเขา เหลียงจื่อเซวียนก็ถอดชุดตัวนอกกระโดดลงมาเสียก่อน
ด้วยอารามร้อนใจ นางจึงจำต้องดำลงใต้น้ำ อยากจะหนีให้ห่างจากเหลียงจื่อเซวียน แล้วขึ้นฝั่งอีกด้านของท่าน้ำแทน
การตอบสนองอย่างรวดเร็วฉับไวเช่นนี้ถือว่ามีไหวพริบมากแล้ว แต่จนใจที่น้ำในแม่น้ำเย็นเกินไป ปกตินางก็มิใช่คนที่ชอบขยับตัวอันใดอยู่แล้ว หลังจากว่ายอยู่ในน้ำได้เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว ความปวดเมื่อยก็แผ่ลามมาจากบริเวณขาและเท้านางอย่างปุบปับฉับพลัน
ความปวดล้านั้นค่อยๆ กัดกินเป็นระลอกๆ ยิ่งผนวกกับความเย็นเฉียบเสียดกระดูกของน้ำในแม่น้ำ นางราวกับถูกเข็มทิ่มแทง ทำให้ตรงหน้านางเหลือเพียงแสงสว่างสีขาว ไม่อาจว่ายน้ำไปข้างหน้าได้อีกต่อไป
ในชั่วพริบตานั้น สมองของหมิงถานพลันปรากฏความคิดต่างๆ ขึ้นมามากมาย
ประเดี๋ยวคิดว่า ให้เหลียงจื่อเซวียนช่วยมิสู้ตายอยู่ที่นี่ยังจะดีเสียกว่า ถือว่าได้รักษาชื่อเสียงความบริสุทธิ์ผุดผ่องเอาไว้ด้วยเช่นกัน ประเดี๋ยวก็คิดว่า ช่างเถิด ขอความช่วยเหลือดีกว่า ตายที่นี่ศพคงจะแช่น้ำบวมอืด เสียดายรูปโฉมอันสะสวยงดงามของข้าที่ยังมิทันได้สะท้านสะเทือนเมืองหลวงแย่ ในขณะที่หมิงถานตัดสินใจจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำขอความช่วยเหลืออย่างไม่ลังเลนั้น จู่ๆ ก็มีสายรัดสีดำเส้นหนึ่งพุ่งตรงลงมาในน้ำอย่างไม่บอกไม่กล่าวแล้วพันรอบเอวของนางอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รวบแน่น ดึงตัวนางขึ้นมาที่ริมฝั่ง ก่อนจะโยนนางไปบนพงต้นหญ้าภูเขาเปล่าเปลี่ยวซึ่งอยู่ห่างออกจากท่าน้ำไปเป็นระยะทางช่วงหนึ่ง
เรี่ยวแรงจากอีกฝั่งของสายรัดนั้นรวดเร็วและฉับไว ไม่มีความทะนุถนอมสาวงามเลยแม้แต่กระผีกริ้น หมิงถานถูกโยนตัวขึ้นฝั่งจนตาลายมึนเบลอ เหลือบเห็นส่วนปลายของสายรัดสีดำที่ถูกดึงออกจากเอวนางได้เพียงครึ่งเดียวอย่างเลือนราง
เมื่อตัดสินจากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบายมาสิบกว่าปีของนาง เนื้อผ้าของสายรัดเส้นนั้นหาใช่ของธรรมดาสามัญไม่ ลวดลายบนนั้นก็ประณีตบรรจงสลับซับซ้อน ดูเหมือนจะปักด้วยด้ายไหมทอง เส้นไหมเล็กบางยิ่ง แต่ก็ยังคงเปล่งประกายจางๆ ภายใต้ผืนราตรีมืดสนิท
นางยังไม่ทันหันมองไปตามสายรัดเพื่อจะดูคนที่อยู่ตรงนั้นให้ชัดๆ ก็มีชุดคลุมตัวนอกตัวหนึ่งร่วงหล่นลงมาคลุมทับร่างกายของนาง และบดบังสายตาของนางเอาไว้เสียก่อน
“หลังจากนั้นเล่า” ไป๋หมินหมิ่นรีบเร่งเอ่ยถาม
“หลังจากนั้นก็มีคนแบกข้ากลับมา” หมิงถานนอนพิงข้างเตียง ดันน้ำแกงขิงขับไล่ความหนาวออกไป แล้วรับเตาอุ่นมือที่สาวใช้ยื่นมาให้เอาไว้ ย้อนนึกพลางเอ่ยว่า “ระหว่างทางข้าตัวสั่นถามอยู่หลายครั้ง ถามว่าพวกเขาเป็นใคร คิดจะพาข้าไปที่ใด แต่คนผู้นั้นก็ไม่เอ่ยตอบ หลังจากวางข้าไว้ที่ประตูหลังของจวนโหวแล้วก็หายไปพร้อมกับชุดคลุมตัวนอก”
“พวกเขา? ไม่ได้มีแค่คนเดียว?”
“คนที่ยื่นมือช่วยข้ากับคนที่ส่งข้ากลับมามิใช่คนเดียวกันแน่ๆ เนื้อของเสื้อผ้าแตกต่างกันมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ส่งข้ากลับจวนดูเหมือนจะกำลังทำตามคำสั่งมากกว่า เหมือนว่าเป็น…องครักษ์ผู้ติดตาม”
ไป๋หมินหมิ่นทำความเข้าใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังมีคำถามอีกมากมาย “เดี๋ยวก่อนนะ แสดงว่าตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นคนของจวนจิ้งอันโหวสักคำ แต่ผู้อื่นกลับพาเจ้ามาส่งกลับจวนได้ถูกต้อง?”
“อืม นี่ก็คือจุดที่ข้ารู้สึกแปลกๆ เช่นกัน” หมิงถานลุกนั่งพิงหมอนอิง “หากจะบอกว่าเขามีจุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์ แต่หลังกลับถึงจวนข้าก็ตรวจสอบดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีของติดตัวชิ้นใดหายไปเสียหน่อย”
คนที่มีจุดประสงค์แอบแฝงจะต้องนำของมีค่าติดตัวไปด้วย แต่นี่กลับไม่…