หลายปีมานี้ฮ่องเต้เฉิงคังดีกับเจียงซวี่อย่างไม่อาจบรรยายได้จริงๆ แต่ในทางกลับกันเจียงซวี่ก็มิได้ทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันสักเท่าไร ยังเรียกได้ว่าเย็นชาด้วยซ้ำไป หลายครั้งหลายคราท่าทีของเจียงซวี่ทำให้คนสงสัยว่าเขายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับฮ่องเต้เฉิงคังหรือไม่
คำว่า ‘ไม่ใช่ความต้องการของข้า’ ประโยคนี้ก็ทำให้ซูจิ่งหรานสับสนเล็กน้อยเหมือนกัน สรุปแล้วหมายความว่า ‘ไม่ใช่ความต้องการของข้า แต่ก็จะยื่นมือเข้าช่วย’ หรือว่า ‘ไม่ใช่ความต้องการของข้า ข้าจึงจะขัดขวางท่าน’ กันแน่
ดูเหมือนเจียงซวี่จะรู้ว่าซูจิ่งหรานกำลังคิดอันใดอยู่ “ความสามารถในการจัดกำลังพลของหมิงถิงหย่วนนั้นหาได้ยากยิ่ง ต้องเก็บเขาเอาไว้ก่อน” ต่อมาก็วางหมากสีดำตัวสุดท้ายลงไป “เจ้าแพ้แล้ว”
ซูจิ่งหรานตื่นขึ้นจากภวังค์ ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ที่หมากสีขาวซึ่งเดิมมีแต้มต่อมากกว่ากลับถูกหมากดำรุกคืบเข้าใกล้ ถูกล้อมเอาไว้จนหาทางออกมิได้ ไม่มีโอกาสให้พลิกสถานการณ์ได้อีก
แต่ว่าคืนนี้เขาเองก็ไม่มีแก่ใจจะเดินหมากเช่นกัน เขาดันกล่องเก็บหมากออก เอ่ยซักไซ้ไล่ถามว่า “ถ้าหากท่านอยากเก็บหมิงถิงหย่วนไว้ ไฉนท่านถึงไปทำลายการแต่งงานของบุตรสาวเขา แล้วจะหาคู่ครองจากที่ใดให้บุตรสาวของเขาเล่า หมิงถิงหย่วนกุมอำนาจเขตหยางซีอยู่ จะดูแคลนเขาไม่ได้ นอกจากนั้นพอการแต่งงานถูกยกเลิกปุบปับ คงจะมีคนไม่น้อยที่ทนรับความเย้ายวนใจนี้ไม่ไหว”
เจียงซวี่ไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงแต่จ้องมองเขาเงียบๆ
“…”
ผ่านไปพักใหญ่ๆ กว่าซูจิ่งหรานจะรู้สึกสังหรณ์ใจพิกล
เขาเป็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลทั้งภายนอกและภายในมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าเจอเรื่องใดก็สุขุมเยือกเย็น รุกถอยได้อย่างเหมาะสม แต่คราวนี้คงเพราะรู้สึกแตกตื่นตกใจจริงๆ หลังจากเขานิ่งพูดไม่ออกไปพักใหญ่ ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “เจียงฉี่จือ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร จะให้ข้าแต่ง?”
“การแต่งงานของจางไหวอวี้ ฮองเฮาได้ทรงเตรียมการไว้ให้แล้ว ส่วนลู่ถิง เขายึดมั่นในคุณธรรมน้ำมิตรเกินไป”
“แล้วข้าเป็นคนไร้น้ำจิตน้ำใจอย่างนั้นหรือ” ซูจิ่งหรานยังคงรู้สึกว่าน่าขัน
เจียงซวี่จดจ้องแน่วนิ่ง “เจ้าไม่แต่ง แล้วจะให้ข้าติ้งเป่ยอ๋องแต่งรึ”
ซูจิ่งหราน “แล้วเหตุใดท่านจะแต่งไม่ได้เล่า”
เจียงซวี่ไม่อยากจะสนทนาให้มากความ เขาส่งแขกกลับออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตาขึ้น
ตลอดทั้งราตรีเงียบสงบไร้ลมไร้ฝน วันถัดมาอากาศแจ่มใส ยามหมิงถานตื่นขึ้นมากินอาหารเช้าก็ได้ยินว่าท่านโหวกับฮูหยินออกไปข้างนอกด้วยกันตั้งแต่เช้าตรู่ ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปทางจวนลิ่งกั๋วกง
นางยกริมฝีปากยิ้ม อารมณ์แช่มชื่นยิ่ง ถึงขนาดกินโจ๊กได้เยอะกว่าเดิมครึ่งถ้วย
เมื่อวานพวกจิ้งอันโหวสองสามีภรรยาไปหารือเรื่องการถอนหมั้นที่จวนชางกั๋วกง พอคนที่อารมณ์โมโหร้ายอย่างหมิงถิงหย่วนกับไป๋จิ้งหยวนมาเจอกัน ยิ่งคุยกันโทสะก็ยิ่งพลุ่งพล่านเข้าไปใหญ่
ปรึกษากันไปได้ครึ่งทาง ทั้งสองก็แทบจะพุ่งปรี่ไปที่จวนลิ่งกั๋วกงเพื่อต่อยเหลียงจื่อเซวียนให้ฟันร่วงแล้วค่อยบีบให้เขาตายชดใช้ความผิด
โชคดีที่ฮูหยินของทั้งสองตระกูลคอยเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวปากเปียกปากแฉะอยู่ข้างๆ สุดท้ายทั้งสองบ้านปรึกษาหารือกันจนได้ข้อสรุป ตัดสินใจใช้ไม้อ่อนไปเจรจาขอถอนหมั้นที่จวนลิ่งกั๋วกง อย่างไรเสียหมิงถานก็เป็นสตรี หากทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา คงทั้งเสียเปรียบทั้งดูไม่งาม เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการหาคู่หมั้นหมายในอนาคต
แน่นอนว่าหากจวนลิ่งกั๋วกงแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ตะครุบการแต่งงานนี้แน่นไม่ยอมปล่อย เช่นนั้นก็อย่าโทษที่พวกเขาจะเปิดโปงเรื่องสกปรกโสมมออกมาให้คนภายนอกรับรู้เรื่องแล้วเรื่องเล่าทีละเรื่องๆ คอยดูว่าพวกเขายังจะบิดพลิ้วอยู่อีกหรือไม่
แต่พอมาถึงจวนลิ่งกั๋วกงแล้วถึงได้รู้ว่าพวกเขายังจะกล้าบิดพลิ้วจริงๆ!