บทที่ 58
เมิ่งถังมองมู่หวาฮุยด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นนางก็เรียกชิงหลวนออกมา เดินนำหน้าไปที่ปากถ้ำ
ศิษย์พี่เพิ่งจะเอาโลหิตจากหัวใจหยดหนึ่งให้นาง ถึงพลังวัตรของเขาจะสูงส่งล้ำลึก แต่ย่อมต้องมีความรู้สึกอ่อนเพลีย
ยามนี้คือช่วงเวลาที่นางต้องปกป้องเขาแล้ว!
อีกทั้งนางเพิ่งเข้าสู่ขั้นหยวนอิง เพียงรู้สึกปราณวิเศษในร่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าข้างนอกจะเป็นสัตว์ร้ายประเภทใด นางก็รู้สึกว่าล้วนสามารถนำมาเซ่นสังเวยกระบี่
สาวเท้าเร็วๆ เดินไปถึงปากถ้ำก็เห็นสัตว์รูปร่างใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่งยืนอยู่ที่ด้านนอก
คล้ายสุกรแต่ไม่ใช่สุกร คล้ายช้างแต่ไม่ใช่ช้าง มีหางยาวมาก มีเขี้ยวใหญ่โตสองเขี้ยว ยามอ้าปากคำรามเผยให้เห็นฟันที่แหลมคมเต็มปาก
นอกจากนี้เมิ่งถังมองประเมินอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าตัวนี้ยังหนังหยาบเนื้อหนายิ่ง อาวุธทั่วไปอยู่ต่อหน้ามันเกรงว่าคงใช้การไม่ได้ กระทั่งคิดจะกรีดลงบนร่างมันสักแผลก็คงยาก
แต่เมิ่งถังมีชิงหลวน
นางถ่ายทอดปราณวิเศษให้ชิงหลวนระลอกหนึ่ง ชูมือขึ้นชิงหลวนก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวมรกตสายหนึ่งพุ่งไปที่สัตว์รูปร่างใหญ่โตตัวนั้น
พลังวัตรเลื่อนสูงขึ้นแล้วก็ต่างไปจากเดิมจริงๆ อย่างเช่นเวลานี้นางไม่ต้องเข้าสนามต่อสู้เพื่อสังหารศัตรูด้วยตนเอง เพียงยืนอยู่กับที่ควบคุมชิงหลวนก็พอ
มู่หวาฮุยก็ยืนอยู่ข้างกายนาง
เมื่อครู่เขาเห็นแล้ว สัตว์ร้ายตัวนี้แม้ร่างกายใหญ่โต แต่พลังเข่นฆ่าสังหารมีจำกัด เมิ่งถังมีความสามารถมากพอที่จะรับมือได้
จึงยืนอยู่ด้านข้างด้วยความวางใจ ไม่ได้ลงมือ
ไม่ผิดจากที่คาด เพียงชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวเมิ่งถังก็จัดการสัตว์ร้ายตัวนั้นได้แล้ว
เมิ่งถังกุมชิงหลวนที่พุ่งกลับมา แล้วหมุนตัวหันมาส่งยิ้มเห็นฟันให้กับมู่หวาฮุย
“ศิษย์พี่ ไป เราไปจากที่นี่กันเถิด”
ตอนฟ่านตูแบกนางเข้ามาเห็นอยู่ว่าที่นี่คลื่นลมสงบนิ่งเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ยามนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ตลอดทางเมิ่งถังเห็นสัตว์ร้าย ทั้งสัตว์สี่เท้าและสัตว์ปีกรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดจำนวนมาก
อีกทั้งยังคล้ายมีคนคอยไล่พวกมันอยู่ข้างหลังให้พวกมันก้มหน้าก้มตามุ่งหน้าไปทางเดียวกัน
ในหมู่สัตว์ร้ายทั้งสัตว์สี่เท้าและสัตว์ปีกเหล่านี้มีที่ความสามารถในการต่อสู้ใช้ได้ แต่ก็มีจำนวนมากที่ยังไม่ได้เปิดจิตใจและสติปัญญา ทว่ากล่าวสำหรับเมิ่งถัง นางไม่นึกกลัว
คุ้มกันมู่หวาฮุยที่อยู่ข้างหลังอย่างแน่นหนา นางสองมือกุมชิงหลวนไว้มั่น ฟาดฟันไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง ไอกระบี่ใสเย็นดุจผ้าไหมสีขาวสาดกระจายออกไป ประหนึ่งคลื่นใหญ่พัดม้วนสัตว์ร้าย ทั้งสัตว์สี่เท้าและสัตว์ปีกที่สัมผัสหรือปะทะถูกไอกระบี่เข้า ไม่มีตัวใดอวัยวะครบถ้วน บุบสลายสิ้นใจลงใต้คมกระบี่ของนาง
กระทั่งภายใต้ไอกระบี่ที่รุนแรงของนาง พื้นถนนยังปรากฏร่องลึกขึ้นมาร่องหนึ่ง แผ่ขยายออกไปจนไกล
เมิ่งถังเองก็คิดไม่ถึง ยามนี้พลังทำลายล้างของตนจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มองชิงหลวนที่อยู่ในมือเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง
มู่หวาฮุยเดินขึ้นหน้ามาช้าๆ มองท่าทางอึ้งตะลึงของนางแล้วอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้
“ชิงหลวนเดิมก็เป็นอาวุธเทพย่อมไม่ใช่สิ่งที่อาวุธวิเศษอื่นจะเทียบได้ รอวันหน้าพลังวัตรของเจ้าเลื่อนขั้นขึ้นอีก พลังเข่นฆ่าสังหารยามเจ้าใช้เพลงกระบี่ออกไปก็จะยิ่งน่าตื่นตะลึง”
ดังนั้นเมื่อครู่ที่นางร้ายกาจเช่นนั้น ไม่เพียงเพราะมาจากตัวนางเอง สาเหตุส่วนใหญ่ยังเป็นเพราะมีพลังของชิงหลวนอยู่ด้วยกระมัง
“ร้ายกาจยิ่งนัก!”
เมิ่งถังได้สติกลับคืนมา อดชมเชยจากส่วนลึกของหัวใจไม่ได้
ชิงหลวนได้ยินแล้ว ภาคภูมิใจยิ่ง ไอกระบี่สีมรกตที่วนเวียนอยู่บนตัวกระบี่กะพริบระยิบระยับคล้ายกำลังตอบคำนาง
สัตว์ร้ายทั้งสัตว์สี่เท้าและสัตว์ปีกเท่าที่มองเห็นด้วยสายตาล้วนถูกกำจัดไปหมดแล้ว เมิ่งถังจึงเริ่มใช้การขี่กระบี่มาแทนการเดินเท้า
ทว่าแตกต่างจากเมื่อก่อนที่การขี่กระบี่ล้วนเป็นมู่หวาฮุยพานางไป แต่ครั้งนี้เป็นนางขี่กระบี่พามู่หวาฮุยไป
ไม่ต้องพูดถึงว่าในใจยังมีความรู้สึกภาคภูมิใจเล็กๆ เกิดขึ้นมาอีกด้วย
เมื่อมาถึงตีนเขา ในที่สุดเมิ่งถังก็รู้ว่าเมื่อครู่เพราะเหตุใดสัตว์ร้ายทั้งสัตว์สี่เท้าและสัตว์ปีกเหล่านั้นจึงมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียว
ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุจากม่านอาคมถูกทำลายแล้ว คิดว่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นคงสัมผัสได้ จึงคิดจะหนีออกไปนอกม่านอาคมกระมัง
เมิ่งถังหันหน้ามามองมู่หวาฮุย
มู่หวาฮุยสีหน้าเยือกเย็นยิ่ง