จึงกวักมือเรียกมู่หวาฮุย “ศิษย์พี่ ท่านรีบมา”
รอมู่หวาฮุยมาถึงข้างกายนางก็ให้เขาทำเช่นนาง ถอดถุงเท้ารองเท้า เลิกชายเสื้อคลุมยาวขึ้น แล้วยืนอยู่เช่นนั้น
คลื่นลูกใหม่ซัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงซัดสาดซ่าๆ คลื่นซัดเข้ามาแล้วซัดกลับไป
เมิ่งถังหันหน้าไปมองมู่หวาฮุย ถามเขาด้วยสีหน้าคึกคักสนุกสนาน “ศิษย์พี่ สนุกหรือไม่”
ชั่วขณะนั้นแสงจันทราคล้ายมารวมอยู่ในดวงตาของนางทั้งหมดทำให้มู่หวาฮุยไม่อาจละสายตาไปได้
ในใจก็รู้สึกอบอุ่นละมุนละไมดุจแสงจันทร์สาดส่อง มู่หวาฮุยพยักหน้า เอ่ยออกมาเบาๆ “สนุก”
เขาไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะภาพงดงามทั้งหมดนี้เป็นเสมือนความฝัน เขากลัวถ้าเสียงของเขาดังเกินไปก็จะตื่นจากความฝันนี้
แต่เมิ่งถังไม่มีความกังวลเหล่านี้
ยามมีชีวิตอยู่ก็ต้องมีความสุข ดังนั้นนางจึงหัวเราะอย่างไร้ทุกข์ไร้กังวล
บางครั้งยังกางแขนทั้งสองข้าง วิ่งเข้าหาคลื่นที่ซัดสาดเข้ามา
บางครั้งคลื่นลูกเล็กหน่อย เพียงท่วมถึงน่องของนาง บางครั้งคลื่นลูกใหญ่หน่อยก็จะสาดกระเซ็นถึงเสื้อผ้าของนาง แต่นางไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ยังคงเล่นอย่างสนุกสนาน
ตอนหลังเห็นมู่หวาฮุยเพียงยืนอยู่ด้านข้างมองนาง นางจึงดึงมู่หวาฮุยมาเล่นเช่นนี้ด้วยกัน
สองคนวิ่งไล่กวดคลื่นเหมือนเด็กๆ เล่นมาถึงช่วงท้ายเสื้อผ้าบนตัวเมิ่งถังพูดไม่ได้ว่าเปียกชุ่ม แต่ก็ไม่มีจุดที่ยังแห้งอยู่
แม้แต่เส้นผมบนศีรษะของนางบางครั้งก็ยังมีน้ำหยดลงมา
แต่เมิ่งถังยังคงตื่นเต้นคึกคัก ความสนุกสนานไม่ลดลงแม้แต่น้อย
นางยังถามมู่หวาฮุย “ศิษย์พี่ เล่นเช่นนี้สนุกมากใช่หรือไม่ ตอนแรกท่านเอาแต่ยืนอยู่ที่นั่นไม่ขยับน่าเบื่อเกินไปแล้ว ไม่สนุกเอาเสียเลย”
เมิ่งถังรู้มู่หวาฮุยไม่สามารถเปิดใจเล่นสนุกอย่างเต็มที่ได้
นายน้อยแห่งเมืองเชียนเฮ่อ ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมิงหวา ตั้งแต่เล็กจนโตมีแต่คนบอกให้เขาต้องสำรวม ต้องสง่าภูมิฐาน ไม่เคยมีใครบอกเขาว่ายามเล่นก็ต้องเล่นสนุกให้เต็มที่กระมัง
ครั้นแล้วนานวันเข้ามู่หวาฮุยก็ได้รับการปลูกฝังให้เป็นเช่นนี้ แม้ภายนอกจะสุภาพอ่อนโยน แต่ความจริงแล้วภายในกลับมีนิสัยเงียบขรึมน่าเบื่อ กระทั่งเล่นสนุกก็ยังทำไม่เป็น
ทว่าไม่เป็นไร ตอนนี้เมิ่งถังมาแล้ว จะให้มู่หวาฮุยได้ลองใช้ชีวิตที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
จึงยิ้มพลางบอก “ศิษย์พี่ ต่อไปท่านอยู่กับข้า ข้าจะพาท่านไปเล่นสนุกทั่วทุกหนแห่ง”
ท่าทางองอาจห้าวหาญยิ่ง ขาดก็แต่ยังไม่ได้ยกมือตบอกออกหนังสือลงนามยืนยันเท่านั้น
มู่หวาฮุยมองนาง อดมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาในดวงตาไม่ได้
เขาถือผ้าสะอาดผืนหนึ่งในมือช่วยเช็ดหยดน้ำบนเส้นผมให้นางไม่หยุด มุมปากแฝงรอยยิ้มพลางส่งเสียงอืมเบาๆ
ไม่ว่าจะสุดหล้าฟ้าเขียว ต่อไปเขาก็จะติดตามนางตลอดไป ไม่ทอดทิ้งไม่จากไปไหน
บนร่างของคนทั้งสองล้วนมีคราบน้ำและดินทราย ต่างร่ายอาคมทำความสะอาดให้ตนเอง จากนั้นจึงหมุนตัวเดินกลับที่พัก
ดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า ชาวบ้านในหมู่บ้านหลับสนิทกันไปนานแล้ว มีเสียงสุนัขเห่าเป็นบางครั้งบางคราวกลับยิ่งขับเน้นถึงความเงียบสงัดในค่ำคืนนี้
เดินเคียงข้างกันไปเช่นนี้อยู่ครู่หนึ่ง ตอนแกว่งแขนเมิ่งถังไม่ทันระวังกระทบถูกมือของมู่หวาฮุย
มือกำลังจะเฉียดผ่านไป มือข้างนั้นกลับถูกมู่หวาฮุยกุมไว้ทันที
เมิ่งถังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
แม้แต่ก่อนมู่หวาฮุยก็เคยกุมมือนาง กระทั่งยังเคยโอบกอดนาง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่คับขันอันตราย แต่อยู่ดีๆ ก็มาจับมือนางเช่นนี้นับว่าเป็นครั้งแรก
จึงอดหันไปมองมู่หวาฮุยไม่ได้
* เปลวไฟลุกโชนสู่ท้องฟ้า เป็นการอุปมาถึงบรรยากาศที่คึกคัก เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
* ถูกป้อนอาหารสุนัขเต็มปาก เป็นภาษาออนไลน์ หมายถึงเห็นคนอื่นรักใคร่กัน ส่วนตนเองยังเป็นโสดอยู่ ชาวจีนเปรียบคนโสดเป็นสุนัขโดดเดี่ยว จึงเยาะหยันตนเองเวลาเห็นคู่รักหวานชื่นกัน ตนเองก็ได้แต่กินอาหารสุนัข
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนกุมภาพันธ์ 66)