ฉู่เหยียนอยากพยักหน้ายิ่งนัก แต่เขายังคงอดทนไว้ ดวงตาน่าสงสารคู่นั้นจ้องมองฉู่อวิ๋นจิ้งไม่วางตา
ฉู่อวิ๋นจิ้งถอนหายใจด้วยความจนใจ “วาจาที่พูดออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว ไม่อาจแก้ไข ต่อไปนี้ขอเพียงทุกวันเจ้าฝึกเขียนอักษรตัวเล็กสามแผ่น ตัวใหญ่สามแผ่นอย่างว่าง่าย ข้าก็จะให้เรื่องประหลาดใจกับเจ้านานๆ สักหน เจ้าว่าอย่างไร”
ฉู่เหยียนรีบยื่นมือออกไป ฉู่อวิ๋นจิ้งเกี่ยวก้อยสัญญากับเขาอย่างรู้ใจยิ่ง
ฟังพี่น้องต่อความกันไปมา เซียวอวี้ก็อดยกมุมปากแย้มยิ้มไม่ได้ เขาชักประหลาดใจแล้วจริงๆ รสมือของแม่นางท่านนี้ยอดเยี่ยมเพียงนั้นเชียวหรือ แต่จะว่าไปหัวปลาหม้อดินหม้อนี้ก็อร่อยมากจริงๆ
พ้นยามเว่ย* ไปแล้วฉู่อวิ๋นจิ้งถึงได้พาฉู่เหยียนออกจากร้านอาหารสกุลจางกลับมาบ้าน คิดไม่ถึงว่าลู่ไป่จวิ้นจะมาหาที่บ้านและรออยู่กว่าครึ่งชั่วยาม** แล้ว ยังดีที่วันนี้สำนักศึกษาปิด ฉู่เย่าอยู่บ้าน ลู่ไป่จวิ้นได้เขาออกหน้ารับรองจึงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายนัก นอกจากนี้ในลานบ้านสกุลฉู่ยังมีร้านที่ทำจากไม้ตั้งยาวเหยียดอยู่แถวหนึ่งข้างบ่อน้ำพร้อมกับปลูกต้นจื่อเถิง ไว้ด้วย พอตั้งโต๊ะและม้าหินไว้ระหว่างกลาง ยามที่นั่งอยู่ตรงนี้อากาศร้อนที่จู่โจมมาไม่ขาดสายก็พลันหายไปสิ้น
เดิมทีเรือนหน้าก็มีห้องรับแขกอยู่ แต่อากาศร้อนเช่นนี้พวกเขาเห็นว่าพบปะแขกในลานบ้านดูจะเหมาะสมกว่า ฉู่อวิ๋นจิ้งอุ้มฉู่เหยียนที่ผล็อยหลับไประหว่างทางพาไปส่งต่อให้มารดา จากนั้นจึงไปพบลู่ไป่จวิ้นที่ลาน
“พี่สาวกลับมาแล้ว” ฉู่เย่ารีบเข้ามาต้อนรับ
“พวกหนังสือทั้งหมดที่ขนมาจากบ้านเก่า ลุงหลี่น่าจะเก็บเข้าห้องหนังสือเสร็จแล้ว เจ้าไปดูสักหน่อยเถิด” ฉู่เย่าพยักหน้า เขาคำนับลู่ไป่จวิ้นแล้วรีบไปที่ห้องหนังสือ
“วันนี้คุณชายลู่มาเยือนด้วยสาเหตุใดกัน” แม้ลู่ไป่จวิ้นเป็นผู้ซื้อสูตรอาหาร ทว่าฉู่อวิ๋นจิ้งก็ไม่คิดข้องเกี่ยวกับเขามากเกินไป หนึ่งด้วยหญิงชายแตกต่างไม่ควรชิดใกล้จนเกินงาม สองเพราะอายุแตกต่างกันไม่มาก หากสนิทกันเกินไปย่อมง่ายต่อการเก็บไปคิดเกินเลย ด้วยเหตุนี้ยามอยู่ต่อหน้าเขานางจึงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องครอบครัวมาก่อน แต่เนื่องจากต้องซื้อบ้านผ่านมือเขา คาดว่าตอนนี้เขาคงรับรู้เรื่องราวในบ้านนางไม่มากก็น้อยแล้ว อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็รู้ว่านางอยู่ที่ใด หากเขาตั้งใจตามหานางจริงๆ นางก็ไม่มีทางหนีพ้น
“ตั้งแต่แม่นางฉู่ย้ายมาที่นี่ ข้ายังไม่เคยมาเยี่ยมเยียนแสดงความยินดี วันนี้เผอิญผ่านมา ในใจคิดว่าเลือกวันดีไม่สู้ปล่อยตามฟ้าลิขิต แม่นางฉู่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยคงไม่ติดใจหากข้าไม่ส่งเทียบเชิญมาล่วงหน้า” รู้จักกันมาหนึ่งปีลู่ไป่จวิ้นย่อมมองออกว่านางจงใจรักษาระยะห่าง เขากังวลว่าหากส่งเทียบเชิญมาก่อน อีกฝ่ายคงปฏิเสธไม่ยอมพบหน้า เขาจึงถือโอกาสเสียมารยาทสักครั้งหนึ่ง
ฉู่อวิ๋นจิ้งมุมปากกระตุกเล็กน้อย เขารู้หรือไม่ว่าที่นี่กับหอจ้วนเซียนอยู่คนละทางกันเลย
“หากคุณชายลู่มีเรื่องใดจะว่ากล่าว ขอเชิญกล่าวมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” ฉู่อวิ๋นจิ้งหาใช่คนที่พูดคุยเรื่องไร้ประโยชน์เก่งสักเท่าไร ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขาเป็นบุรุษด้วยแล้ว เช่นนั้นอย่าได้เปลืองสมองพูดจาวกไปวนมาเลย
ลู่ไป่จวิ้นหัวเราะแก้เก้อ แม้ภายนอกนางดูสงบนิ่งเย็นชา ทว่าพอกล่าวคำหรือทำงานกลับดูตรงไปตรงมาเฉกเช่นบุรุษเสมอ
“การที่หอจ้วนเซียนของข้าได้พบกับแม่นางฉู่นั้นถือเป็นความโชคดียิ่ง แม่นางฉู่มีฝีมือปรุงอาหารล้ำเลิศที่แม้แต่พ่อครัวหลวงยังเทียบไม่ติด หากให้แม่นางฉู่ได้อยู่ในสถานที่ที่ใหญ่โตขึ้น ความสำเร็จของแม่นางฉู่จะต้องมากกว่านี้แน่ หากได้ร่วมงานระยะยาวกับแม่นางฉู่ ข้ามิใช่จะสามารถอาศัยวาสนาของแม่นางฉู่บินทะยานถึงฟ้า ตามไปด้วยได้หรอกหรือ”