“หากข้าให้เขาสองส่วน เขาจะตอบรับทันทีหรือไม่” เมื่อกลับมาคิดทบทวนลู่ไป่จวิ้นรู้สึกว่าหนึ่งส่วนออกจะดูตระหนี่เกินไป ขึ้นเป็นสองส่วนจึงจะยิ่งดึงดูดใจมากขึ้น
เซียวอวี้อดมุ่นคิ้วไม่ได้ “เขาเพียงคิดสูตรอาหาร หนึ่งปีก็รวมกันได้หลายร้อยตำลึง บางทีอาจถึงพันตำลึง แค่นี้เขาก็ได้เปรียบมากแล้ว เจ้าอย่าไปทำให้กระเพาะเขาใหญ่ขึ้นเลย”
“เขาไม่ใช่คนละโมบไม่รู้จักพอ”
เซียวอวี้เลิกคิ้วขึ้น คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เจ้าช่างมองเขาสูงส่งเสียจริง”
“หากเจ้าได้รู้จักเขา เจ้าจะคิดเช่นเดียวกับข้า” ลู่ไป่จวิ้นไม่กล้าอวดอ้างว่าตนเองมีเสน่ห์เหลือล้น แต่ก็มีลักษณะดึงดูดผึ้งล่อตาภมรเป็นแน่แท้ หญิงสาวยามได้เห็นเขาสองตาเป็นต้องวนเวียนอยู่รอบตัวเขาไม่ห่าง อาจเพราะมีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือหักห้ามใจตนเองไม่ได้ โดยสรุปก็คือมีหญิงสาวน้อยคนนักที่จะต้านทานเสน่ห์ของเขาได้ ขณะที่แม่นางฉู่กลับแตกต่างออกไป นอกจากขายสูตรอาหารให้เขาแล้ว นางก็ไม่คิดสานสัมพันธ์กับเขาแม้แต่นิดเดียว ทำให้เขากังวลใจว่าตนเองใช่เปลี่ยนไปอัปลักษณ์แล้วหรือไม่
“ข้ารู้จักพ่อครัวไม่น้อย ให้ข้าหาให้เจ้าสักคนดีหรือไม่” เซียวอวี้ยื่นข้อเสนอที่ทำจริงได้มากกว่า
“เจ้าเดินทางไปที่ใดก็ล้วนไปกินเสมอ ไม่แปลกที่เจ้าจะรู้จักพ่อครัวไม่น้อย พ่อครัวจวนอู่หยางโหวเองก็ยิ่งยอดเยี่ยมระดับต้นๆ แต่ว่า…พวกเขาไม่มีสูตรอาหารที่ชวนให้คนตื่นตาตื่นใจนี่”
“ร้านอาหารหรือพวกหอสุราก็ไม่ได้มีอาหารจานใหม่ทุกปีเสียหน่อย”
ลู่ไป่จวิ้นพยักหน้าเห็นด้วย “นี่ก็เป็นความจริง แต่เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงมีชื่อเสียงโด่งดังได้ไม่กี่ปีก็ตกต่ำแล้ว”
“อย่างน้อยข้าก็รับรองได้ว่าเจ้าจะรุ่งเรืองไปสิบปี”
ความคาดหวังที่ลู่ไป่จวิ้นมีต่อ ‘หออีผิ่น’ ที่ตนเองอยากเปิดนั้นไม่ใช่รุ่งเรืองเพียงสิบปี แต่คือการได้เปิดไปทั่วต้าโจวตั้งแต่เหนือจรดใต้ เขาจึงพูดว่า “ไม่รีบร้อน ข้าจะต้องเกลี้ยกล่อมเขาได้แน่”
“ยังไม่ต้องรีบร้อนจริงๆ เพราะฝ่าบาทยังไม่มีราชโองการเรียกตัวเจ้ากลับเมืองหลวง” เซียวอวี้หยิบหมากสีดำจากโถเก็บหมากวางลงเม็ดหนึ่ง “ข้าจะเดินหมากเป็นเพื่อนเจ้าสักกระดาน”
ลู่ไป่จวิ้นหยิบหมากสีขาวขึ้นวางลงไป “ข้าอยู่ที่เซียงโจวสองปีไม่ได้อยู่เปล่าๆ หรอกนะ สายข่าวของข้าครอบคลุมทั่วทั้งเซียงโจวแล้ว ทันทีที่องครักษ์ประตูมังกรปรากฏตัว พวกเขาไม่มีทางหนีออกจากเซียงโจวได้เป็นอันขาด ส่วนข้าจะกลับเมืองหลวงเมื่อใดนั้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเหตุผลที่สง่าผ่าเผย”
เซียวอวี้ขบคิดดูก็เข้าใจ จากนั้นจึงหยิบหมากสีดำวางลงบนกระดาน “หอจ้วนเซียนที่เซียงโจวทั้งทำเงินและยังสร้างหน้าตาให้แก่เจ้า เจ้าอยากกลับไปเปิดหอสุราที่เมืองหลวงนับเป็นเรื่องปกติ”
“ถูกต้อง ดังนั้น ‘หออีผิ่น’ ของข้าจะต้องเปิดตัวแล้วมีชื่อเสียงในเมืองหลวงทันที” ไม่ว่าเป้าหมายที่เขามาเซียงโจวคืออะไร ทว่าตอนที่เขากลับเมืองหลวงไปนั้นจะต้องยิ่งใหญ่มีหน้ามีตา
เซียวอวี้เหลือบมองกระดานหมากพลางแสดงท่าทางให้ลู่ไป่จวิ้นวางหมาก ก่อนถามเสียงค่อย “หออีผิ่น?”
“ชื่อหออีผิ่นเป็นอย่างไร สง่างามเปี่ยมพลังมากใช่หรือไม่” ลู่ไป่จวิ้นดวงตาเปล่งประกายแวววาว
“ชื่อดีก็จริง แต่เจ้าก็ต้องจัดการพ่อครัวคนนั้นให้ได้ก่อน”
ร่างกายลู่ไป่จวิ้นชะงักกึก เขาถลึงตาใส่เซียวอวี้อย่างคับแค้นใจยิ่ง “เจ้าต้องราดน้ำเย็นใส่ข้าให้ได้เชียวหรือ”
เซียวอวี้เลิกคิ้วท้าทาย “หรือว่าไม่จริง?”
ลู่ไป่จวิ้นคร้านจะต่อความกับเขา จึงประกาศศึกกับเขาบนกระดานหมากเสียเลย แต่ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงเสมอกัน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 พ.ย. 62